คัมภีร์เตร็จซึ่งคัดมาจากคัมภีร์อภัยสันตา ว่าด้วยทรางต่างๆ

สิทธิการิย จะกล่าวคัมภีร์เตร็จอันนี้ ซึ่งพระอาจาริย์เจ้าท่านคัดออกมาแต่พระคัมภีร์อไภยสันตา เอามาตั้งไว้ในพระคัมภีร์ปฐมจินดา (ผูก ๔) นี้ต่อไปเปนอาทิ หวังจะให้แพทย์ซึ่งมีปัญญายังอ่อนอยู่ จะพิจารณาดูโรคในคัมภีร์อันพิศดารนั้นไม่ตลอดจึงกล่าวไว้แต่ย่อพอให้รู้โดยง่ายดังต่อไปนี้

อันว่าลักษณะกุมารกุมารีผู้ใด เกีดมาในวันอาทิตย์ วันอังคาร แลวันเสาร์ก็ดี ถ้าคลอดเวลาเที่ยงเวลาบ่ายแลเที่ยงคืนก็ดี เปนลักษณะแห่งทรางไฟ, ทรางแดง, ทรางโจรเจ้าเรือน ถ้าแพทย์จะรักษาให้ระวังภายใน อย่าให้แม่ทรางประจำวันเข้าจับเอาภายในได้ ถ้าแลจับเอาหัวตับหัวใจเมื่อใดแล้ว แพทย์ทจะเยียวยานั้นยากนัก ถ้าจับเอาไส้แก่ให้มีอาการลงท้อง ถ้าจับศีศะให้ศีศะเปนปุ่ม ถ้าจับตาให้ตาเสียแต่ตัวนั้นไม่ตาย ถ้าจับเอาหัวตับ, หัวใจ สำแดงโทษให้ลงเปนโลหิตสดๆ ออกมาก่อนแล้วจึงเหน้ากระทำให้ตัวแลหน้าเหลืองซีดปากแดง ถ้าลูกตานั้นเหลืองเข้าเมื่อใดแล้ว ก็ให้ตกมูกตกโลหิต แลตับนั้นก็หย่อนลงไป แล้วก็กระทำให้จับเปนเวลา แล้วจึงขึ้นจับที่ลำฅอ กระทำให้กินเข้ากินนมมิได้ แลให้ปากแห้งฅอแห้ง ถ้าขึ้นจับทรวงอกให้อยากน้ำเปนกำลัง ครั้นกินน้ำอิ่มแล้วก็ให้ตาแห้งหาน้ำตามิได้ ถ้าแพทย์ผู้ใดวางยามิถูก กุมารผู้นั้นก็จะถึงแก่กรรม

อันว่าลักษณะกุมารกุมารีผู้ใด เกิดมาในวันจันทร์, วันพุฒ คลอดเวลาเช้าเวลาเที่ยงก็ดี ครั้นมารดาออกจากเรือนไฟแล้วประมาณ ๓ เดือน จึงตั้งกำเนิดทรางน้ำทรางสกอเจ้าเรือน เมื่อจะบังเกิดนั้น คือตั้งแต่ลำฅอต่อลงมาถึงเพดาลปากจำพวกหนึ่ง จำพวกหนึ่งกินนอกไส้ขึ้นมาถึงต้นลิ้น แล้วให้เปนเกล็ดดังปลาตะเพียน แล้วให้เปื่อยออกไปถึงต้นไส้ จึงกระทำให้ลงแดงให้กระหายน้ำให้เชื่อม ถ้าแพทย์วางยาชอบกุมารผู้นั้นจึงจะได้ชีวิตรคืน

ถ้าจะแก้ท่านให้เอา เขากระบือเผือก ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ดอกบุนนาก ๑ เกสรบัวหลวง ๑ น้ำประสานทอง ๑ กะเทียม ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำจันทน์กินแก้ลงท้องเพื่อทรางน้ำ

ยาแก้ลงทรางสกอขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทน์ ๑ ครั่ง ๑ สีเสียดเทศ ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรบัวขม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ เอาน้ำมะนาวเปนกระสายบดทำแท่ง ละลายสุรากินแก้ลงเปนยางบอนก็ดี ตกมูกตกโลหิตก็ดี หายสิ้นทุกประการ

ยาแก้ลงเพื่อทรางน้ำ, ทรางสกอ ขนานนี้เอาหนามหวายขม ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายผลมะพลับจีน กินแก้ลงเพื่อทรางน้ำทรางสกอ ซึ่งลงเปนดังน้ำล้างเนื้อแลให้สลบไปก็ดี

ขนานหนึ่งเอา กะเทียม ๑ ผลมะตูม ๑ จันทน์แดง ๑ เปลือกโมกมัน ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ ผลทับทิมอ่อน ๑ น้ำตาลทราย ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำร้อนกินแก้ลง เพื่อทรางน้ำ, ทรางสกอ ซึ่งลงดังน้ำมูก, ดังยวงฝ้าย แลไข่เหน้าก็ดี หายสิ้นทุกประการ

อันว่าทรางฝ้ายนั้นขึ้นลิ้นดาดดังยวงฝ้าย ขาวดังสำลีดีดแล้ว มักให้ลงท้องเหม็นดังไข่เหน้า ถ้าจะแก้เอา หางนกยูงเผา ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ดอกบุนนาก ๑ ดีงูเหลือม ๑ น้ำตาลทราย ๑ น้ำผึ้ง ๑ บดด้วยน้ำมะนาวกิน

ทรางสกอจำพวกหนึ่ง กระทำให้ปากแดงให้ลงเปนกำลัง ให้เท้าเย็นมือเย็น ถ้าจะแก้เอาครั่ง ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ว่านน้ำ ๑ ชะเอม ๑ กะทือ ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ จันทน์ขาว ๑ งาช้าง ๑ น้ำมะนาว ๑ น้ำตาลทราย ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณบดทำแท่งละลายน้ำกะทือน้ำกะเทียมก็ได้กิน

อันว่าลักษณะกุมารกุมารีเกิดมา ในวันพฤหัศบดี, วันศุกร์, นั้นเปนกำเนิดแห่งทรางโค, ทรางช้างเจ้าเรือน ทรางเข้าเปลือกเปนทรางแซก ถ้าคลอดเวลารุ่งหรือเวลาค่ำก็ดี เมื่อมารดาออกจากเรือนเพลิงแล้วได้เดือน ๑ กับ ๑๕ วัน แม่ทรางจึงขึ้นฅอขึ้นลิ้น เมื่อแรกนั้นขาวดังดีบุก ครั้นต่อมาได้ ๒ วัน ๓ วัน ก็ให้เหลืองดังสีเข้าโภชน์ ครั้นกวาดยาก็ด้านลงไปวันหนึ่งสองวัน แล้วขึ้นขอบตาทั้ง ๒ ข้าง แลขาอ่อนทั้งสองข้าง ให้พรึงเปนแผ่นสีเขียวสีแดงก็มี ให้ลงเปนกำลัง ครั้นแก้ลงหยุดก็พรึงขึ้นทั้งตัว ให้ตัวแดงดังผลตำลึงสุก คนสมมุติว่าออกหัด แต่มิใช่หัดเปนเพราะเภททรางจำพวกนี้เอง บางทีผุดขึ้นมาเปนแผ่นเท่าเมล็ดสบ้าเท่าใบพุดทราก็มี รายขึ้นเสมอเนื้อให้เขียว, แดง, ดำก็ดี ดังเอาหวายฟาดหรือตังตีด้วยมือ ทรางจำพวกนี้ร้ายนักมีพิศม์ดุจไข้ลากสาตร ถ้าแพทย์ผู้ใดไม่ชำนาญแล้วไปรับรักษา ก็เหมือนหนึ่งไปแกล้งฆ่ากุมารฉนั้น

ถ้าจะแก้เอาเปลือกโมกมัน ๑ เปลือกปะโลง ๑ แห้วหมู ๑ รากก้างปลาแดง ๑ หนามหวายขม ๑ ฝางเสน ๑ เมล็ดในสะแก ๑ น้ำตาลโตนด ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้พิศม์ภายในให้ลงเสียก่อนแล้วจึงแก้ต่อไป ให้แก้ด้วยยาอันชื่อว่าเบ็ญจตาล แลประสะแสงทองนั้นเถิด

ยาชะโลมขนานนี้ เอาใบขนุนละมุด ๑ ใบสรรพรส ๑ ใบหญ้านาง ๑ ดินประสิวขาว ๑ ดินสอพอง ๑ ตำเอาน้ำพ่นเนืองๆ

ขนานหนึ่งเอา ใบผักปลังขาว ๑ ปลายเข้าสาร ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ตำชะโลมดุจดังกัน

อันว่าลักษณะทรางเข้าเปลือกตัวเมียนั้น เมื่อจะบังเกิดให้พรึงขึ้นดุจเมล็ดเข้าฟ่างทั่วทั้งตัว ยอดนั้นแดง ครั้นสุกแล้วก็แตกออกดังโรคกลากแลพรรไน ทำพิศม์ให้เจ็บในฅอกินเข้ากินนมมิได้ ให้ตาแข็งแลท้องขึ้น ทรางจำพวกนี้เกิดออกมาแต่ไส้ใหญ่ก่อน แล้วจึงมาขึ้นต้นลิ้น ภายหลังจึงออกทั้งตัว ถ้าจะแก้เอาจันทน์แดง ๑ เนระภูสี ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลสาระพัดพิศม์ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ ทำแท่งละลายน้ำจันทน์กิน

อันว่าลักษณะทรางเพลิงตัวผู้แลอาการนอกนั้น คือให้ปากแดงแลฝ่ามือฝ่าเท้าแดง ให้ลงท้องตกมูกตกโลหิต ตัวร้อนเปนเวลาให้จับเชื่อมมึนไป ถ้าแพทย์จะแก้ให้ดูทวารหนัก ถ้าเห็นแดงดังดอกสัตบุษย์อบทวารหนักแล้วเมื่อใด อาการแลลักษณะเภทดังนี้เปนอาการแลเภทตัด ถ้ารักษาไปปลายมือจะกระทำต่างๆ จนกุมารผู้นั้นตาย

ถ้าจะแก้ให้เอา หญ้าใต้ใบ ๑ จันทน์แดง ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายสุราหรือน้ำผึ้งก็ได้รำหัดพิมเสนกินเสียก่อน แล้วจึงแต่งยาให้กินต่อไป

ยาแก้ทรางเพลิงขานนี้ เอาโกฐทั้ง ๕ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ชลูด ๑ ขอนดอก ๑ พิมเสน ๑ น้ำประสานทอง ๑ รากไคร้เครือ ๑ เอาสิ่งละ ๑ ส่วน เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลราชดัด ๑ ผลสาระพัดพิศม์ ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน รวมยา ๒๕ สิ่งนี้ทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำจันทน์กิน แก้พิศม์ทรางเพลิงทรางแห้ง

ยาต้มแก้เชื่อมมัวทรางเพลิงขนานนี้ เอาดอกบุนนาก ๑ อบเชยเทศ ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ รากแฝกหอม ๑ หัวหอม ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ ผลกระวาน ๑ ใบพิมเสน ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้เชื่อมแก้มึน

ยาทาทวารหนักขนานนี้ เอาใบสองสลึง ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ เนระภูสี ๑ บดด้วยน้ำมันงาทาทวารแดงทวารเปื่อย

ยาขับพิศม์ทรางเพลิง ในอกในลิ้นขนานนี้ เอาทะลายหมากดิบ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ใบมะยมตัวผู้ ๑ ข่าแก่ ๑ ดีงูเหลือม ๑ บดละลายสุรากินล้อมตับดับพิศม์ทรางเพลิง

อันว่าลักษณะทรางโจรทรางเพลิงนั้นย่อมมีเภทดุจกัน ให้แพทย์พึงรู้ดังนี้ ทรางโจรทรางเพลิงนั้นย่อมบังเกิดแก่กุมาร คือถ้าเกิดวันอาทิตย์วันเสาร์นั้น บางทีกุมารเกิดวันอาทิตย์ทรางเพลิงเปนเจ้าเรือนทรางโจรแซก บางทีกุมารเกิดวันเสาร์ทรางโจรเปนเจ้าเรือน ทรางเพลิงแซก เข้ากันเปนสองชื่ออยู่ดังนี้จึงเรียกว่า ทรางโจรทรางเพลิง มีลักษณะดังนี้ต่างกันออกทับทรางเพลิง คือแม่ทรางโจรนั้นตั้งขึ้นกลางลิ้นไก่ เข้าไปหาแม่ดังเมล็ดเข้าเม่า จึงกระทำให้ฅอแห้งกินเข้ากินนมมิได้ ให้ตาฟางก่อน สีตาเหลืองเหมือนดังควันเทียน แล้วให้เชื่อมมึนให้ตัวร้อน ครั้นวางยาชอบถอยลงไปให้แต่ ๔ เดือน ๕ เดือนแล้วค่อยกลับขึ้นมาใหม่ ให้อยากพริกแลของคาวซึ่งชอบกับโรค เมื่อจะกำเริบขึ้นนั้นกระทำให้ลงท้องจะนับเวลามิได้ เปนโลหิตเสมเหน้าออกมา แล้วให้แปรเปนไปต่างๆ แลให้ซูบผอมสันแข้งเปนหนามดังหนังกระเบน ตาก็ตั้งเปนเกล็ดกะดี่ขึ้นก่อนแล้วจึงแดงลามออกไป ก็กลายเปนต้อก้นหอยอยู่ประมาณ ๔ วัน ๕ วันก็แตกออก กุมารผู้นั้นก็ถึงแก่ความตาย

ถ้าจะแก้ เอารากส้มเสี้ยว ๑ สีเสียดเทศ ๑ น้ำตาลทราย ๑ บดด้วยน้ำนมทาลิ้นเสียก่อน ๔ หรือ ๕ เวลา แล้วจึงแก้ต่อไป

ยาแก้ฅอ, แก้ไอ, แก้ราก, แก้สอึกขนานนี้เอา ตรีผลา ๓ กะพังโหม ๑ ผักหวาน ๑ ใบกะเพรา ๑ ใบมะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดละลายน้ำผึ้งทาลิ้น

ยาแก้ลงแก้ตกมูกตกเลือดแลปวดมวน ขนานนี้เอา ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ จันทน์ทั้ง ๒ เนระภูสี ๑ ผลประคำดีควาย ๑ สีเสียดเทศ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณบดทำแท่งละลายสุรากิน แก้ทรางโจรทรางเพลิง

ถ้ามิฟังเอา ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ จันทน์แดง ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ รากกะทกรก ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ หัวหอม ๑ ผลประคำดีควายเผา ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้ทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายสุราแซกดีงูเหลือมกิน

ขนานหนึ่งเอา งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ เทียนทั้ง ๕ บดให้กินแก้อับจน

ยากวาดแก้ทรางโจรทรางเพลิง ขนานนี้เอาพริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ หัวกะเทียม ๑ กานพลู ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ รงทอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ทาปาก

ขนานหนึ่งเอา มูลแมล็งสาบ ๑ เขากวาง ๑ หางนกยูงเผา ๑ หวายตะค้า ๑ พริกไทย ๑ หัวกะเทียม ๑ เข้าไหม้ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำผงก็ได้ทำแท่งก็ได้ แก้ลิ้นกุมาร

ยาแก้ร้อนภายใน เอารากพุงดอ ๑ รากงวนหมู ๑ รากเสนียด ๑ รากคูน ๑ รากมะเดื่อ ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำซาวเข้ากิน แก้ร้อนแก้ระหายน้ำทรางโจรทรางเพลิง

ยาแก้ทรางแห้ง คือทรางโจรทรางเพลิง ถ้าขึ้นตาเปนเกล็ดกระดี่ แล้วให้เปนยอดขึ้นพรึงไปทั้งตัวดังผด เอาหอมแดง ๑ รากนมแมว ๑ รากเข็มเหลือง ๑ พรมมิ ๑ กะทือ ๑ ไพล ๑ กะเทียม ๑ ว่านเปราะ ๑ รากถั่วภู ๑ เขากวาง ๑ นอแรด ๑ เขากุย ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เขี้ยวหมี ๑ เขี้ยวหมู ๑ เขี้ยวแรด ๑ โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ การบูร ๑ นำประสานทอง ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ เอาน้ำดอกไม้เปนกระสายบดทำแท่งละลายน้ำแตงกวากิน แก้ในตาต้อทั้ง ๔ แลต้อสำหรับทรางกุมารทั้งปวง

ยาแก้ต้อเกล็ดกะดี่ ขนานนี้เอาเบ็ญจผักบุ้ง หัวหญ้าชันกาด ๑ ดอกแตงกวา ๑ ดอกตำลึง ๑ บันลังก์สิลา ๑ สังข์ ๑ ดินถนำ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำแตงกวาใส่ต้อ

ยาแก้ตาฟางกุมาร ขนานนี้เอา เกสรบัวหลวง ๑ ดอกกระดังงา ๑ ดอกสลิด ๑ ดอกสาระภี ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เอาน้ำค้างเปนกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำนมคนแซกน้ำใจใคร่เปนกระสาย

ยาแก้ต้อก้นหอย ขนานนี้เอา ดอกสัตบุษย์ ๑ สมอเทศ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ดีปลี ๑ ดินถนำ ๑ ตุกต่ำน้ำทอง ๑ รากพุดซ้อน ๑ รากอัญชันทั้ง ๒ รากทองหลางใบมน ๑ รากมะไฟ ๑ รวมยา ๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ เอาน้ำมะนาวเปนกระสาย บดทำแท่งละลายน้ำใบตำลึงเปนยากัดฝ้า เว้น ๓ วันใส่ครั้งหนึ่ง

ถ้าจะให้กัดมากขึ้นไป เอาเกลือแซก ๑ น้ำประสานทอง ๑ การะบูร ๑ เอาสิ่งละ ๑ ส่วน กระวาน ๑ ชะมดเชียง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ดีจรเข้ ๑ ดีหมูป่า ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน ตุกต่ำน้ำทอง ๑ ดีปลี ๑ กานพลู ๑ จุณสี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ผลเบ็ญจกานี ๑ จันทน์ทั้ง ๒ โกฐสอ ๑ โกฐหัวบัว ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ ขอนดอก ๑ ผลจันทน์ ๑ เปลือกมะรุม ๑ หัวอุตพิด ๑ กะชาย ๑ กะเทียม ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน สังข์ ๑ ดินถนำ ๑ เอาสิ่งละ ๓๒ ส่วน รวมยา ๓๒ สิ่งนี้ทำเปนจุณ เอาน้ำมะนาวเปนกระสาย บดทำแท่งละลายน้ำเถาตำลึงใส่ตา ถ้าจะให้กัดแรงขึ้นอีก เอาเมล็ดในละมุดสีดาแซกใส่ กัดสาระพัดต้อทั้งปวง

ยากัดต้อก้นหอย, ต้อลิ้นหมา ขนานนี้เอาผลมะกล่ำขาว ๑ ผลมะกล่ำดำ ๑ ผลจิก ๑ ผลยาง ๑ เมล็ดสบ้าลิง ๑ ตำลึงลาย ๑ เมล็ดในแคแดง ๑ หัวบุก ๑ หัวกลอย ๑ หัวอุตพิด ๑ หัวเถาคัน ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ เบี้ยผู้ ๑ สังข์ ๑ หัวตะโหนด ๑ (บางฉบับว่าหัวโขมด) ดินถนำ ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๗ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเปนจุณ เอาน้ำเถาตำลึงเปนกระสายบดทำแท่งละลายน้ำใส่ตา เปนยากัดต้อทั้งปวง แล้วจึงแต่งยาสมานใส่ต่อไป

ยาสมานตาต้อ ขนานนี้เอาสมอเทศ ๑ ฝิ่น ๑ ม่าเหมี่ยว ๑ สมอฝ้ายเทศอ่อน ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งละลายน้ำนมคนน้ำดอกไม้ก็ได้ เปนยาสมานตาแลแก้ปวดเคือง

ยาแก้ต้อลำไย ขนานนี้เอา ฝาหอยโข่ง ๑ สังข์ ๑ เบี้ยผู้ ๑ ดินถนำ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท สุมด้วยไม้สะแก เอาลิ้นทะเล ๑ บาท เข้าสารดำ ๙ เมล็ด พิมเสน ๖ กล่ำ แล้วจึงเอาใบมะเฟือง ๑ บาท ใบกะเพรา ๒ บาท ยา ๒ สิ่งนี้ตำคั้นเอาน้ำเปนกระสาย บดทำแท่งตากลมละลายด้วยน้ำนมคนก็ได้ น้ำดอกไม้ก็ได้เปนกระสายใส่ตาเด็ก

ยาแก้ทรางโจรทรางแห้ง ขนานนี้เอา ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ ใบสวาด ๑ ใบพิมเสน ๑ ใบกะเพราทั้ง ๒ พริกไทย ๑ หัวหอม ๑ กะชาย ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เกล็ดปลาช่อนเผา ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ รวมยา ๑๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่งละลายน้ำสุรากินแก้ทรางโจร, ทรางแห้งซึ่งกระทำให้อยากเกลืออยากพริก ให้ผอมเหลืองให้ไอให้หอบแลเปนต่างๆ

ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณะทราง ๗ วัน เปนคัมภีร์เตร็จพระอาจาริย์เจ้าท่านยกเข้ามาสมทบแซกในที่นี้ หวังจะให้แพทย์ทั้งหลายรู้จักซึ่งกำเนีดไข้ แลเม็ดทรางนั้นต่อไปโดยสังเขปดังนี้

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ล้มไข้ลง ท่านว่าเปนไข้เพื่อกำเดา กำเนิดทรางคือทรางเพลิงเจ้าเรือน แรกขึ้นนั้นขึ้นในสดือแล้วก็กระจายออกไป ภายหลังกลับเข้าประชุมกันพร้อมในสดืออีก

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันจันทร์ล้มไข้ลง ท่านว่าเปนไข้เพื่ออาโปธาตุ กำเนิดทรางคือทรางน้ำเปนเจ้าเรือน ถ้าขึ้นที่ลิ้นกินเข้ากินนมมิได้ มักให้ลงให้รากดังน้ำซาวเข้าดังไข่ร่วน

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันอังคารล้มไข้ลง ท่านว่าเปนไข้เพื่อโลหิต รักษายากนัก กำเนิดทรางคือทรางแดงเจ้าเรือน แรกตั้งขึ้นนั้นขึ้นรอบสดือให้ลงท้อง มือแลเท้าเย็นให้เชื่อมให้หลังแข็งไป

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันพุฒล้มไข้ลง ท่านว่ากินของผิดสำแลง ไข้เพื่ออาโปธาตุ กำเนิดทรางคือทรางสกอเปนเจ้าเรือน

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันพฤหัศบดี ล้มไข้ลงท่านว่าเปนเพื่อกำเดา ให้ปวดศีศะตัวร้อน ให้มือแลเท้าเย็น กำเนิดทรางคือทรางโคเปนเจ้าเรือน ถ้าขึ้นลิ้นให้ลิ้นกระด้างคางแข็งดูดนมมิได้ ท่านให้ระวังใน ๓ วัน พ้นนั้นมิเปนไร

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันศุกร์ล้มไข้ลง ท่านว่าเปนไข้เพื่อลมให้ท้องขึ้นในเวลาเย็น กำเนิดทรางคือทรางช้างเปนเจ้าเรือนตั้งขึ้นแล้วมักกลายเปนทรางแดง รักษายากนัก แต่ช้าตาย ขณะเมื่อค่อยคลายให้กลายเปนตานโจน ให้แพทย์รักษาจงดีอย่าไว้ใจเลย

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันเสาร์ล้มไข้ลง ท่านว่าไข้เพื่อลมให้รากให้ขัดหนักขัดเบา กำเนิดทรางคือทรางโจรเปนเจ้าเรือนตั้งขึ้น ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้เถิด

ทีนี้จะกล่าวด้วยทรางจรต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้จักลักษณะทราง อันบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายโดยสังเขปดังนี้ อันว่าลักษณะทรางกระดูกนั้น เมื่อตั้งยอดขึ้นได้สองวันแล้วก็หลบหายเข้าไปในท้อง จึงทำให้ลงท้องให้มือเย็นเท้าเย็น แม่ทรางนั้นจึ่งกลับมาขึ้นต้นลิ้นยอดหนึ่งแข็งดังตาปลา ถ้าแพทย์รู้แท้แล้วท่านให้แกะให้แทงออกเสียก่อน แล้วจึ่งเอายาบ้ายเถิดหายแล

อันว่าลักษณะทรางกระแหนะนั้น ตั้งขึ้นมีสัณฐานยอดเล็กกลางยอดดำริมยอดแดง ครั้นหลบลงไปเข้าท้องจึงทำให้ตกมูกเลือด ทรางจำพวกนี้ร้ายนัก

อันว่าลักษณะทรางนางริ้นนั้น ตั้งยอดขึ้นขาวดังน้ำแก้ว ครั้นหลบลงกลับเข้าท้องจึงทำให้ลงดังน้ำซาวเข้า

อันว่าลักษณะทรางประถมกัลป์นั้น บังเกิดเพื่อโลหิตให้ปากแดง ครั้นเมื่อหลบลงไปเข้าท้องจึงทำให้ลงดังน้ำชานหมาก

อันว่าลักษณะทรางแต่บรรดาที่กล่าวมาแล้ว ทั้งทรางเจ้าเรือนแลทรางจรในปฐมจินดาผูก ๔ นี้ ว่าแต่ลักษณะเม็ดยอดที่ตั้ง อันว่าประเภทแลอาการนั้น มีแจ้งอยู่ในปฐมจินดาผูก ๓ โน้นแล้ว ในที่นี้พระอาจาริย์เจ้าท่านว่าไว้แต่ที่เม็ดยอด โดยสังเขปดังนี้

ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษากุมารกุมารีสืบไปข้างหน้านั้น มิได้เรียนพระคัมภีร์ปฐมจินดา, แลคัมภีร์อภัยสันตา ละพระคัมภีร์อันนี้เสีย บุคคลผู้นั้นก็เปรียบเหมือนตาบอด ไต่สพานมิได้ยึดราวก็จะพลันตกลง ได้แต่ตำราที่ท่านเขียนไว้เอาไปเที่ยวรักษา ด้วยจิตรโลภเจตนาจะใคร่ได้อามิศบูชาแห่งท่าน ผิดชอบฉันใดมิได้รู้ดุจดังพระบาฬีที่ท่านกล่าวไว้ว่า วางยาผิดครั้งหนึ่งดุจดังประหารคนไข้ด้วยหอก วางยาผิดสองครั้งดุจดังประหารคนไข้ด้วยเพลิง วางยาผิดสามครั้งดุจดังประหารคนไข้ด้วยสายอสุนีบาต สัตว์จำพวกนั้นก็จะมรณะเปนอันเที่ยงอย่าพึงสงไสยเลย ถ้าแพทย์ผู้ใดได้เรียนคัมภีร์ปฐมจินดา, คัมภีร์อภัยสันตา ได้ชำนาญแล้วเมื่อใด อันว่ากุมารกุมารีทั้งปวงนั้นก็จะอยู่เย็นเปนศุข เพราะปราศจากไภยแห่งมรณะแล

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ