- คำนำกรมศิลปากร
- คำนำ
- ประวัติพระราม
- รามายณฉบับสังสกฤต
- พาลกัณฑ์
- กุศิกวงศ์
- เรื่องพระคงคามหานทีและพระอุมา
- เรื่องท้าวสัครราชและกำเหนิดพระสาคร
- เรื่องกวนน้ำอมฤต
- กำเหนิดพระมารุต
- ตำนานนครวิศาลา (อุชชยินี) และพงษาวดารกษัตร์นครนั้น
- แสดงสาเหตุที่ท้าววิศวามิตรวิวาทกับพระวสิษฐพรหมฤๅษี
- ท้าววิศวามิตรจะเอาชนะพระวสิษฐ
- ท้าววิศวามิตรตั้งความพยายามจะเปนพราหมณ์
- เรื่องท้าวตรีศังกุ
- พระวิศวามิตรไปบุษกร
- เรื่องท้าวอัมพรีษและพราหมณ์ศุนหเศป
- พระวิศวามิตรได้เปนมุนี
- เรื่องพระวิศวามิตรกับนางเมนะกา
- เรื่องพระวิศวามิตรได้เปนมหาฤษี
- เรื่องพระวิศวามิตรกับนางรัมภา
- พระวิศวามิตรได้เปนพรหมฤษีสมปราถนา
- ตำนานรัตนธนูและกำเหนิดนางสีดา
- อโยธยากัณฑ์
- อรัณยกัณฑ์
- กีษกินธากัณฑ์
- สุนทรกัณฑ์
- ยุทธกัณฑ์
- อุตตรกัณฑ์
- ภาคที่ ๑ - แสดงด้วยอสุรพงษ์
- ภาคที่ ๒ - ทศกรรฐเยี่ยมพิภพ
- ภาคที่ ๓ - การสงครามและความประพฤติพาลของทศกรรฐ
- ภาคที่ ๔ - แสดงวานรพงษ์
- ภาคที่ ๕ - แสดงสาเหตุที่บรรดาลให้ทศกรรฐลักสีดา
- ภาคที่ ๖ - ว่าด้วยการส่งกษัตร์ที่มาช่วยงานกลับเมือง
- ภาคที่ ๗ - เนรเทศนางสีดา
- ภาคที่ ๘ - ตำนานเบ็ดเตล็ด
- ภาคที่ ๙ - แสดงพระคุณธรรมแห่งพระราม
- ภาคที่ ๑๐ - ศึกพระศัตรุฆน์ (และนางสีดาประสูตร์พระกุศพระลพ)
- ภาคที่ ๑๑ - พระรามลงโทษศุทร์ผู้กำเริบทำเทียมพราหมณ์ (และเรื่องอื่นๆ)
- ภาคที่ ๑๒ - พิธีอัศวเมธของพระราม และรับสีดาคืนนคร
- ภาคที่ ๑๓ - ศึกพระภรต และจัดตั้งเมืองให้หลานหลวง
- ภาคที่ ๑๔ - เนรเทศพระลักษมณ์ และพระลักษมณ์ไปสวรรค์
- ภาคที่ ๑๕ - พระรามและบริวารขึ้นสวรรค์
- รามายณฉบับฮินดี
- ปุราณะ
- หนังสือเบ็ดเตล็ดเรื่องพระราม
- เรื่องราวของหนุมาน
- เรื่องไมราพณ์
- สรูปความเห็นในเรื่องบ่อเกิด
- รามเกียรติ์ฉบับไทย
- ลครดึกดำบรรพ์
เรื่องท้าวตรีศังกุ
๕. เรื่องท้าวตรีศังกุ - ท้าวตรีศังกุสุริยวงศ์ ครองนครอโยธยา มีความปราถนาจะใคร่ได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเปน วานพระวสิษฐทำพิธีให้ พระวสิษฐไม่ยอม ท้าวตรีศังกุจึ่งไปหาลูกพระวสิษฐร้อยตนซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า ขอให้พราหมณ์วาสิษฐีทั้งร้อยนั้นช่วยทำพิธี พราหมณ์ก็ไม่ยอมอีก ท้าวตรีศังกุโกรธใช้วาจาหยาบ พราหมณ์จึ่งสาบท้าวตรีศังกุให้เปนจัณฑาล บรรดาทำมาตย์มนตรีก็พากันหนีหมด ท้าวตรีศังกุจึ่งไปหาท้าววิศวามิตรราชฤษี พระวิศวามิตรก็ไปทำพิธีให้ สั่งบริษัทบริวารให้ประกาศเชิญพราหมณ์ทั้งหมดมา ถ้าใครกล่าววาจาเปนถ้อยคำติฉินท์อย่างใดให้นำความมาบอก พราหมณ์พากันกลัวพระวิศวามิตรราชฤษี จึ่งรีบมายังพิธี เว้นแต่พราหมณ์ชื่อมโหทัยและวาสิษฐีพราหมณ์ทั้งร้อย ซึ่งกล่าวว่าจะไปในงานของราชาผู้เปนจัณฑาล และมีกษัตร์เปนผู้ทำพิธีอย่างไรได้ พระวิศวามิตรจึ่งสาบว่า ให้ลูกพระวสิษฐทั้งร้อยนั้น ตายไปโดยฉับพลัน แล้วให้เกิดเปนชนชาติมุษฏิกอันลามกนุ่งผ้าบังสุกุลกินเนื้อหมา และให้เปนเช่นนั้นต่อไปอีก ๗๐๐ ชาติ ส่วนพราหมณ์มโหทัยนั้นสาบให้เปนนิษาท (เงาะป่า) มีใจดุร้าย กินเนื้อมนุษเปนภักษาหารต่อไปอีกช้านาน ฝ่ายมหาฤษีและพราหมณ์อื่นๆ เมื่อได้ฟังคำแช่งก็พากันเกรงกลัวอำนาจพระวิศวามิตร จึ่งจำใจยอมเข้าพิธีด้วย แต่ถึงแม้จะบำเพ็ญทำพลีกรรมไปเท่าใด เทวดาก็ไม่ยอมมาสู่มณฑลพิธี พระวิศวามิตรจะเอาชนะ จึ่งร่ายมนต์ยกตัวท้าวตรีศังกุขึ้นไปสู่สวรรค์ทั้งเปน แต่พระอินทรและเทวดาทั้งปวง เมื่อเห็นท้าวตรีศังกุลอยขึ้นมา จึ่งร้องว่า “ดูกรตรีศังกุ ท่านจงกลับไป ท่านหาควรจะขึ้นสวรรค์ไม่ ท่านได้ถูกปุโรหิตาจารย์ของท่านเองแช่งแล้ว เพราะฉนั้นจงตกลงไปยังพื้นดินเถิด” ท้าวตรีศังกุก็ตกลงมาจากฟากฟ้า ร้องให้พระวิศวามิตรช่วย พระวิศวามิตรก็ร้องสั่งว่า “จงอย่าตกลงมาอีกเลย” ท้าวตรีศังกุก็ลอยค้างอยู่กลางหาว แล้วพระวิศวามิตรจึ่งสร้างดาวสัปตฤกษ์ (คือดาว ๗ ดวง ซึ่งเราเรียกกันว่าดาวจรเข้) ที่ทิศทักษิณและสร้างดาวอื่นๆ ขึ้นอีกเปนอันมาก และมิหนำซ้ำประกาศว่าจะสร้างพระอินทรขึ้นใหม่อีกองค์ ๑ พอเริ่มสร้างเทวดาใหม่ขึ้นบ้าง บรรดาเทวดาสิทธา และอสูร จึ่งพากันร้องวิงวอนพระวิศวามิตรอย่าให้สร้างต่อไป แต่พระวิศวามิตรจะเอาสัญญาให้เทวดายอมรับท้าวตรีศังกุขึ้นสวรรค์และขอให้ดาวที่สร้างใหม่ทั้งหมดคงอยู่ต่อไป เทวดาก็ยอมตามคำพระวิศวามิตรในส่วนดาว แต่ส่วนท้าวตรีศังกุนั้นยอมให้คงอยู่กลางหาวในท่ามกลางดาวที่สร้างใหม่เท่านั้น เพราะเปนจัณฑาลจะรับขึ้นสวรรค์มิได้