ขุนเจืองออกลูก
ขุนเจือง คือใคร ? เป็นคนชาติใด ? ท่านผู้รู้รวมทั้งท่านผู้ชำระหนังสือนี้ได้วิจารณ์ไว้แล้ว ข้าพเจ้าเป็นคนนอกสังเวียนแห่งการวิจารณ์ในข้อนั้น ในที่นี้ขอพิจารณาข้อที่ท่านผู้อื่นไม่เถียงกัน คือความเก่งเยี่ยงขุนเจือง
แม้ขุนเจืองเก่งสักเท่าไร ถ้าไม่มีผู้แต่งหนังสือไว้แล้ว ขุนเจืองก็กลายเป็นคนไม่มีตัวแน่แท้ แต่นอกจากขุนเจืองจะเก่งดังท้องเรื่องแล้ว หนังสือเจืองเป็นวรรณคดีชิ้นเอกอีกด้วย จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะนับว่าผู้แต่งหนังสือขุนเจืองเป็นคนสำคัญยิ่งกว่าขุนเจืองเสียอีก และควรที่นักค้นคว้าจะตามตัวให้พบจงได้
หนังสือทำนองหนังสือขุนเจืองก็ดี หนังสือประเภทอื่นที่เป็นแบบแผนภาษาโบราณแถบบ้านขุนเจืองก็ดียังมีอีกมาก แต่จะได้ไปเสียไหนน่าติดตามให้ได้จะได้พบสิ่งอื่นนอกจากคนเก่ง และหนังสือไพเราะเช่นหนังสือเจืองนี้อีก เช่น ขุนเจืองที่ว่าเก่งกาจนักนั้น ก็ตายด้วยฝีมือคนเก่งด้วยกัน หนังสือศิลปชัยที่นิยมกันมานานว่าเป็นหนังสือไพเราะนักหนาก็มามีหนังสือเจืองเป็นคู่ปรับอีกณบัดนี้ “เก่งกว่าเก่งย่อมมีอยู่เสมอและในทุกสมัย” ฉะนี้ถ้าช่วยกันเสาะหาให้ดีจะได้พบ “เก่งยิ่งกว่าเก่ง” ของแถบถิ่นบ้านขุนเจืองอีกเป็นแน่นอนและความเก่งใช่จะมีแต่ในทางการรบอย่างขุนเจืองหาไม่ ความเก่งในทางอื่นยังมีเช่นผู้แต่งหนังสือเจืองเก่งทางประพันธ์เป็นต้น การค้นทางหนังสือจึงพบสิ่งอื่นไปด้วยและพาให้เป็นโซ่สาวมาถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เคยมีคำถามเสมอว่าทำไมคนอีสานจึงรักสงบ? มีอาชญากรรมน้อยกว่าภาคอื่นในจำนวนพลเมืองเท่ากัน ? ทำไมการอุสาหกรรมในครอบครัว (Home Industry) จึงมีมาไม่ขาดสายในราษฎรภาคอีสาน ทำไมคนภาคอีสานจึงรู้จักมักคุ้นกัน แม้อยู่ห่างไกล คนบ้านใกล้เรือนเคียงรู้จักกันง่าย สนิทกันเร็ว ประเพณีต่าง ๆ เช่น บุญบั้งไฟ ลงข่วง งันเรือนดี การค้ำแขกเวลามีงานทำบุญ ฯลฯ มีมาแต่ครั้งไหนอย่างไร ? มีส่วนดีหรือมีแต่ทางเสีย สิ่งที่ดีนั้นๆ ควรเสาะทวนหลังว่าใครเป็นคนสร้าง ใครเป็นคนเก่งทางรัฐศาสตร์ให้คนรักสงบเป็นนิสัยมรดกมา ใครเป็นคนเก่งทางเศรษฐกิจหรือไม่มี ใครเป็นคนเก่งทางสังคมให้คนรักความเอื้อเฟื้อเจือจุนกัน ค้นให้ดีจะได้พบเรื่อยไป โดยนัยนี้ท้าวเจืองคนเดียวพาให้ค้นหาคนเก่งในหลายๆ ทาง จึงขอตั้งชื่อว่าท้าวเจืองออกลูก
วิธีการค้นนี้คนสมัยใหม่บางคนตั้งลัทธิติทำลาย กล่าวคือขอให้พบของเก่าเข้าเท่านั้น เป็นต้องตั้งหน้าทำลาย เพราะมองไม่รอบเป็นวงกลม เห็นเป็นพ้นสมัยไปหมด หนังสือสังฮอมธาตุว่าเหลวไหล บุญบั้งไฟเป็นงานของคนป่า ระบอบคงปู่ตาเป็นเรื่องถือผี ฯลฯ ถ้ามีคนจำพวกนี้มากเข้าก็เป็นอันเชื่อได้แน่นอนว่า คนจำพวกขุนเจือง หนังสือจำพวกหนังสือศิลปชัย, สมที่คึด, สุดที่อ่าว จะต้องสูญชื่อไปจากโลกหมด น่ายินดีที่คนอย่างคุณสิลา วีระวงส์ ยังมีตัว และไม่อยู่ในจำพวกที่กล่าวแล้ว
ความเป็นเอกราชของชาติเป็นแม่ของเก่งทั้งมวล ขุนเจืองเก่งและเป็นเหตุให้เกิดหนังสือเจืองออกลูกไปหลายอย่างดังกล่าวนี้ก็ดี แต่ขุนเจืองไม่เก่งในการรักษาความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้ ฉะนั้นโดยหลักที่กล่าวเมื่อกี้นี้ พาให้ความเก่งอืนๆทั้งหมด คนเก่งทั้งหลายต่อมาหรือที่พึ่งจะมีต่อมาจากขุนเจืองจึงต่างก็หายไปสิ้น โดยนัยนี้ขุนเจืองจึงควรได้ชื่อว่าเป็นหมัน ถ้าขุนเจืองเก่งในการรู้โลกในทางนี้อีกก็คงไม่หมันแน่
บรรพบุรุษของไทยจนถึงเราคนไทยปัจจุบัน รักษาเอกราชของชาติมาได้โดยสวัสดี ขุนเจืองเป็นไทยหรือเทศก็ตาม เอกราชของไทยยืนยงคงรอดมาได้จนบัดนี้ มิใช่เพราะขุนเจืองโดยตรง จึงกล่าวได้ว่าท่านผู้นำเอกราชมาได้นั้น เก่งกว่าขุนเจือง
“รู้โลกดีกว่ารู้วิชา รู้รักษาชาติรอดเป็นยอดคน”
ขอยุติลงด้วยความปรารถนาว่ากุศลผลบุญได้ที่เกิดจากการบำเพ็ญณคราวนี้ จงบันดาลให้กุลบุตรธิดาทั้งปัจจุบันและอนาคตจงเป็นคนเก่งกว่าขุนเจือง และกว่าพวกเก่งในทุกทาง เทอญฯ
ฟอง สิทธิธรรม