- คำนำ
- ๒๔. ประกาศพระสงฆ์ที่จะสึกมารับราชการ
- ๒๕. ประกาศเรื่องฟ้องความผิดกระทรวง
- ๒๖. ประกาศสรรพนามสำหรับช้างม้า
- ๒๗. ประกาศเรื่องกราบทูลความที่ไม่เปนจริง
- ๒๘. ประกาศห้ามไม่ให้ผู้มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้องในการพิจารณาคดี
- ๒๙. ประกาศว่าด้วยเวลากราบทูลข้อราชการแลกิจธุระ
- ๓๐. ประกาศห้ามไม่ให้หม่อมห้ามเจ้าต่างกรมมาคบนางใน
- ๓๑ ประกาศห้ามไม่ให้ทำฎีกาถวายด้วยกระดาษม้วน แลให้ใช้อักษรตามแบบอย่าง
- ๓๒. หมายประกาศเขตรางวัดผู้ร้ายขุดวัด
- ๓๓ ประกาศว่าด้วยลักษณที่จะใช้ถ้อยคำในฎีกาทูลเกล้า ฯ ถวาย
- ๓๔ ประกาศเรื่องเร่งเงินทาษลูกหนี้
- ๓๕. ประกาศห้ามไม่ให้ทำศพน่าวัดหลวงฤๅริมทางเสด็จ
- ๓๖ ประกาศพระราชทานนามวัดเงินว่าวัดรัชฎาธิฐาน วัดทองว่าวัดกาญจนสิงหาศน์
- ๓๗ ประกาศพระราชทานส่วนพระราชกุศลในการที่ทรงบริจาคเพ็ชรใหญ่ประดับพระอุณาโลมพระพุทธรัตนปฏิมากร
- ๓๘ ประกาศห้ามไม่ให้คนสูบฝิ่นเปนขุนหมื่นรับเบี้ยหวัด
- ๓๙ ประกาศให้ระวังเพลิงไหม้
- ๔๐ ประกาศทรงอนุญาตข้าราชการฝ่ายในทูลลาออก
- ๔๑ ประกาศไม่ทรงติเตียนคน ๔ จำพวก
- ๔๒ ประกาศห้ามไม่ให้ทำช้างเล่นละครเปนช้างเผือก
- ๔๓ ประกาศพระราชลัญจกรองค์ใหม่
- ๔๔ ประกาศพิมพ์โฆษนาพิกัดภาษีอากร
- ๔๕ ประกาศคนเล่นว่าวให้ระวังสายป่าน
- ๔๖ ประกาศให้สมเด็จเจ้าพระยาทั้ง ๒ องค์ เปนแม่กองสักเลข
- ๔๗ ประกาศให้เรียกปีเถาะสัปตศก
- ๔๘ ประกาศเรื่องหม่อมเจ้ากราบถวายบังคมลาไปหัวเมือง
- ๔๙ ประกาศห้ามมิให้เรือที่โดยเสด็จตัดกระบวน
- ๕๐ ประกาศให้ใช้เลขปีรัชกาลทับหลังศก
- ๕๑ ประกาศเรื่องคนกองนอก
- ๕๒ ประกาศกำหนดสักเลข
- ๕๓ ประกาศว่าด้วยบ่าวไพร่ของผู้มีอำนาจออกไปอยู่หัวเมือง
- ๕๔ ประกาศพระบรมราโชวาทข้าหลวงออกไปสักเลขหัวเมือง
- ๕๕ ประกาศขนานนามเมืองประจวบคิรีขันธ์ เมืองปัจจันตคิรีเขตร
- ๕๖. ประกาศห้ามมิให้เชื่อการหลอกด้วยอ้างอำนาจผี
- ๕๗ ประกาศให้เขียนตัวเลขปีรัชกาลประจำหลังศก
- ๕๘ ประกาศว่าด้วยลครผู้หญิง แลเรื่องหมอเรื่องช่าง
- ๕๙ ประกาศว่าด้วยออกพระนามแลคำกราบทูลฯ
- ๖๐ ประกาศเรื่องรับเบี้ยหวัดแทนกัน
- ๖๑ ประกาศว่าด้วยคนทำเงินแดง
- ๖๒ ประกาศว่าด้วยเขียนเลขประจำปีรัชกาลทับหลังศก
- ๖๓ ประกาศเรื่องพระยาโบราณบุรานุรักษ์ กับกรมการ กราบทูลฟ้องเจ้าพระยามหาศิริธรรมฯ ข้ามเสนาบดี
- ๖๔ ประกาศเปลี่ยนตราภูมิคุ้มห้าม
- ๖๕ ประกาศว่าด้วยดวงตราต่างๆ ที่ใช้ประทับตราภูมิ
- ๖๖ ประกาศว่าด้วยราษฎรชาวกรุงเก่าถวายข้าวเปลือก
- ๖๗ ประกาศว่าด้วยคนพาลเสพสุราในเวลาตรุษสงกรานต์
- ๖๘ ประกาศว่าด้วยท้องสนามหลวงแลท้องสนามไชย
- ๖๙ ประกาศเรื่องถวายฎีกา
- ๗๐ ประกาศว่าด้วยหมู่ข้าหลวงเดิม
๕๑ ประกาศเรื่องคนกองนอก
ลงวันศุกร์ เดือน ๗ แรมค่ำ ๑ ปีเถาะสัปตศก
มีพระบรมราชโองการให้ประกาศ ให้ท่านทั้งปวงผู้มีนามมีชื่อถานันดรยศบันดาศักดิ์ใหญ่น้อยสูงต่ำต่างๆ ให้ทราบทั่วกันว่า พวกคนกองนอกที่เรียกว่า กองช้าง กองโค กองกระบือ กองไร่ กองนา เฝ้าหนองบัวและอื่นๆ ต่างๆ ที่อ้างชื่อว่าเปนข้าเปนบ่าวเจ้านายขุนนางนั้นๆ ถ้าฮึกห้าวทำการชิงฉกฉวยลักช้างม้าโคกระบือของราษฎรไว้ใช้แลเอาค่าไถ่ของถอน ฤๅสมคบเกียดกันเอาลูกหนี้ทาษชายทาษหญิงของราษฎรไปไว้ และขัดขวางค่านาค่าน้ำ ลักต้มสุราค้าขายสูบกินยาฝิ่น คิดทำกำลังทุบตีฟันแทงข่มขี่เจ้าของโคกระบือช้างม้า แลต่อสู้เจ้าภาษีนายอากร ขัดขืนแขงต่อเจ้าเมืองกรมการอย่างนี้ก็ดี อย่างอื่นก็ดี ถ้ามีปากโจทย์ร้องฟ้องกล่าวโทษเช่นนี้ ชื่อขึ้นหลายรายหลายเรื่องได้แล้ว กองนั้นเห็นจะไม่ดีแน่แล้ว ด้วยตัวคนเช่นนี้ไม่เปนที่คว่างทิ้งยิงแทงของคนเปนอันมาก ดังเจ้าเมืองกรมการขุนศาล ขุนโรงและลูกขุนณศาลาที่เปนชิงชังของคู่ความผู้แพ้และผู้ชะนะที่ต้องเสียของกำนันและเสียสินบลนั้นเลย เมื่อมิให้ชื่ออึงให้ราษฎรทั้งหลายรายหลายพวกแล้วก็ไม่ดีแท้ คนเช่นนี้เห็นว่าไม่เปนประโยชน์แก่แผ่นดิน เปนเสี้ยนหนามต่อแผ่นดินทำให้ราษฎรร้อนรน เหมือนหนามไม่เปนประโยชน์เปนคุณแก่ต้นไม้ แลคนที่จะอาศรัยต้นไม้ด้วยขึ้นเก็บใบเก็บดอกเก็บผลหรือนั่งนอนที่ริมต้นใต้ต้นนั้นเลย มีแต่รกต้นไม้และยอกเสียดแทงคนและสัตว์ที่ไปกระทบเข้า คนเช่นนี้ถึงเจ้านายของมันจะมีบุญโตใหญ่ไปข้างน่าดังมันนึกมั่นหมาย เจ้านั้นจะเลี้ยงมันอย่างไรได้ ถึงจะให้มันเปนใหญ่บังคับบัญชาราชการในกรุงนอกกรุงอย่างไร มันเปนนักเลงมันก็อดเพลงไม่ได้ คงจะคิดฉ้อฉลคดโกงเจ้านายของมันเอง ทำข่มเหงราษฎรวุ่นวายไป ถึงมันว่าจะกลับใจเปนดีด้วยเปนของเจ้ามันสิ้นแล้ว ก็จะเปนที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงแก่ราษฎรเพราะเขาเห็นมือมันมามาก ยากที่จะไว้ใจให้เปนที่พึ่งแก่ราษฎรได้ ถ้าเจ้านายมันถึงตัวมีบุญโตใหญ่ขึ้นจะไม่เลี้ยงไม่ให้โตใหญ่จะคงไว้อย่างนั้นเล่า มันก็คงจะหากินอย่างนั้นอยู่นั่นเอง แลใครเปนเจ้าขุนมูลนายมันมีชื่อให้มันอ้างไปทำดังว่าก่อนนั้นได้เล่า ถ้าเปนคนมีบุญแท้ ก็คงจะช่วยแผ่นดินที่เปนประจุบันกดขี่กำหราบคนเช่นนี้เสียให้ราบคาบ อย่าให้เปนเช่นนั้นสืบไปได้จึงจะชอบ ถ้ายังเกียจกันหวงแหนไม่ยินดียอมให้ชำระถือท้ายคนเช่นนี้แล้ว ไม่ใช่ผู้มีบุญไม่มีสติปัญญาคิดหน้าคิดหลังเลย เพราะเมื่อตัวอาไศรยแผ่นดินไปยินดีแก่เสี้ยนหนามแผ่นดินแล้ว ก็จะไม่เปนที่นับถือของคนดีๆ เปนอันมากเสียแต่บัดนี้ ถึงหากว่าจะมีบุญขึ้นได้ก็จะให้เปนทางให้คนเปนอันมากเอาเยี่ยงอย่างตัว ทำให้กาลเวลาของตัวไม่เปนศุขเปนคุณแก่ราษฎร ราษฎรก็จะร้อนหนักไป เพราะฉนั้นใครจะถือหวงแหนช่วยอ้ายผู้ร้ายเหล่านี้อยู่แล้ว มิใช่ผู้มีบุญวาศนาแท้ ขอให้ท่านทั้งปวงช่วยกันคิดอ่านปราบปรามคนเช่นนี้เสียให้ได้ อย่าคิดจะให้คนเกรงชื่อเกรงนามตัวในบัดนี้ให้คิดการข้างน่าให้มาก เปนเช่นนั้นแล้วจะทำให้เปนเหตุนานไป จะให้เขาไม่รักไม่เกรงตัวและลูกหลานของตัว เพราะเขาเห็นใจเสียว่ารักคนพาลมากกว่าคนดี เมื่อไม่รักแผ่นดินของเจ้าแผ่นดินก็เหมือนไม่รักตัวของตัว ว่ามาทั้งนี้เปนความจริงๆ จะแขยะเสียดสีท่านผู้ใดหามิได้ ว่าไปตามปัญญาเห็นว่าสัพเพสังขาราอนิจาดอก อย่าให้ท่านผู้ใดที่ได้ฟังได้อ่านน้อยใจเลย
เมื่อท่านผู้มีบันดาศักดิ์ผู้ใดมีข้าคนบ่าวไพร่ ไปตั้งทำไร่ทำนารักษาช้างม้าโคกระบืออยู่ในแขวงหัวเมืองใดๆ ถ้ามีหนังสือไปฝากเจ้าเมืองกรมการฤๅว่าด้วยโวหารวาจาตัวเอง ให้เจ้าเมืองกรมการกลัวเกรงจนจะว่ากล่าวอะไรไม่ได้ จะบอกเข้ามายังเวรลูกขุนณศาลาก็ไม่กล้าบอกแล้วท่านผู้เปนเจ้าเปนนายของคนเช่นนั้นซึ่งเปนผู้ฝากก็ดี ผู้รักษาเมืองกรมการผู้รับฝากด้วยกลัวเกรงจะประจบประแจงฝากตัวก็ดี เปนอันไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ถ้าแผ่นดินมีเทวดารักษาทำนุบำรุงอยู่ เทวดาจะไม่รักษาทำนุบำรุงผู้นั้น เพราะฉนั้นถ้าจะฝากบ่าวไพร่ไว้ในหัวเมืองให้มาขอหนังสือตามเสนาบดีเจ้าพนักงานมหาดไทย กลาโหม กรมท่าไปตามเมืองขึ้น ฝ่ายผู้รักษาเมืองกรมการผู้รับฝากนั้นเล่า ถ้าคดีเกี่ยวข้องกับคนกองที่ฝากไว้ ก็ให้หามาว่ากล่าวตามธรรมเนียม อย่าไปนั่งกลัวอยู่ให้ราษฎรร้อนรน ถ้าพวกคนกองขัดขวาง ก็ให้รีบบอกเข้ามายังเวรกรมที่เมืองขึ้นอยู่.
ฝ่ายเจ้าขุนมุลนายของคนกอง อย่าได้เข้าถือท้ายถือหางให้บ่าวไพร่ของตัวดื้อดึงขัดแขงผู้รักษาเมืองกรมการจนมีความขึ้นได้ทางใดทางหนึ่งว่าเปนดังนั้น คือผู้รักษาเมืองกรมการเขาจะบอกกล่าวโทษคนกองเข้ามาก็ดี ราษฎรผู้ต้องข่มเหงแต่คนกองจะมาร้องทุกข์กล่าวโทษผู้รักษาเมืองกรมการว่า กลัวเกรงคนกองเสียไม่อาจไปเกาะครองผู้นั้นชำระความให้ก็ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเห็นว่าผู้รักษาเมืองกรมการกดขี่บ่าวไพร่ของตัว ให้พาบ่าวไพร่มาร้องทุกข์อุทธรณ์ในกรุงฯ จะให้ตัวมาชำระให้ตามคดีที่กล่าว อย่าทำให้บ่าวไพร่ฮึกห้าวข่มเหงผู้รักษาเมืองกรมการราษฎรซึ่งเปนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่โดยตรงๆ ไม่คิดอ้างอิงพิงพะข้างโน้นข้างนี้นั้น อย่างใดอย่างหนึ่งเปนอันขาดทีเดียว.
ประกาศมาณวันศุกร์ เดือน ๗ แรมค่ำ ๑ ปีเถาะ สัปตศก