อิลลิสชาดก ในเอกนิบาต

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
จักกล่าวนิยายสาร จิรกาลภิปรายมา
ชาดกนิทานวา ทประโยชน์อเนกนอง
ยังมีตระกูลหนึ่ง บริโภคทรัพย์ครอง
คับคั่งสะพรั่งของ อุปโภคพหุภัณฑ์
นามอ้างยุบลอิล ลิสเศรษฐีปางบรรพ์
พาราณสีอัน ธ สถิตสถานคาร
เป็นง่อยกระจอกเทศ นยเนตรก็เหล่ลาน
ทั้งกายวิการพาล และตระหนี่ก็เหลือหา
กาลหนึ่งและเศรษฐี มนะมีกระหายอา
หารเสพย์สุราปา น ฉะนั้นก็สุดแสน
แต่มีหทัยมัจ ฉลิย์โลภะเป็นแดน
เกิดความตระหนี่แหน บ มิอยากจะกลั่นใน
คามตนุเพราะกลัวเพื่อน ฆรอื่นจะมีใจ
ใคร่เสพย์ไฉนใคร จะมิเผื่อและเจือจาน
จัดวัตถุเครื่องกลั่น จรดั้นวนาสานฑ์
พลางกลั่นสุราบาน บริโภคะผู้เดียว
ฝ่ายข้างสถานกา ล มิช้าประเดี๋ยวเดียว
ผู้คนอเนกเหลียว ก็ประสบประดุจกาย
เศรษฐี บ เพี้ยนผิด มนคิดประหลาดหลาย
เอื้อนอรรถภิเปรยปราย ภริยาก็สั่งการ
ให้ขนธนานัน ตะจะปันจะแจกทาน
ป่าวร้องสนองสาร และก็แจกก็จ่ายไป
ต่างคิดคะนึงหมาย มนะอัธยาศัย
ว่าเมาสุราใจ ก็แปลกก็เปลี่ยนแปลง
ต่างคนก็รับทาน อลหม่านมิมีแคลง
สงสัยและหน่ายแหนง ธนมากอนันต์พรรค์ ฯ
ภุชงคประยาตรฉันท์ ๑๒
บุรุษหนึ่งก็ได้โค และเกวียนโมทนาพลัน
ก็ขึ้นสู่สกัดผัน คระไลล่วงพนัสพลาง
ประสิทธิ์พาทประสาทพร ตลอดดอนวนากลาง
สถลมรรคลุล่วงทาง สถิตวุฒิเศรษฐี
ณ บัดนั้นและท่านมา พินิจกายะคาวี
และเกวียนจำถนัดดี มโนแน่และของเรา
วิวาทกับบุรุษหา คดีว่าขะโมยเขา
กระทำโบยประหารเอา บุรุษนั้นก็สู้เถียง
จะสู้ชายก็ไม่ได้ ก็ปล่อยไป ฤ กายเพียง
สลายภินทนาเอียง กระเด็นจากอุราตน
จรีดุ่มจรัลด่วน คระไลหวนจะกลับยล
นิกรชาวบุรีชน หิรัญวัตถุเนืองนอง
วิวาทมาตลอดทาง ระหว่างกลางถนนปอง
ลุถึงที่สถิตของ ธ จึงนายทวารพลัน
แถลงห้ามมิให้เข้า สถานเนาว์ก็เกียจกัน
สนองอรรถเสนออัน ยุบลห้ามเพราะเศรษฐี ฯ
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘  
  ฝ่ายเศรษฐีเดิม
โมหะหุ้มเหิม โทสะมากมี
เข้าราชนิเวศน์ ทูลเหตุคดี
โจรปลอมกายี เป็นข้าพระองค์
  ขนทรัพย์ศฤงคาร
จำแนกแจกทาน ตามความประสงค์
ข้าขออำนาจ แห่งบาทบงสุ์
ขอพระองค์ทรง โปรดเรียกจำเลย
  ฝ่ายปิ่นธานี
พาราณสี ดำรรัสอรรถเฉลย
ดูก่อนเศรษฐี หาดีไม่เลย
เมื่อกี้ใครเหวย มาบอกกับตู
  ว่าจักแจกจัด
พัสดุสารพัด ก็คือตัวสู
แลจักถวายหลวง นานล่วงหรือดู
เดี๋ยวเดียวตาครู เหลาะแหละโลเล
  เรานี้ไม่รับ
ให้เจ้าขนกลับ เป็นทานทอดเท
ซ้ำพลอยบันเทิง รื่นเริงด้วยเอ
ออเฒ่าเสเพล จักเดินแต้มไหน
  ฝ่ายเศรษฐีเดิม
ทูลตอบพจน์เสริม แต่ตามตรงใจ
ถ้าว่าพระองค์ ยังทรงสงสัย
รับสั่งหาใคร มาเป็นพยาน
อุปชาติฉันท์ ๑๑  
พระจอมนรินทร์ตรับ สุรศัพท์เฉลยสาร
ดำรัสประภาษการ จะประสงค์คดีความ
พระสั่งอมาตย์ให้ จรไปและจงตาม
ตัวคู่คดีถาม ยุติธรรมไฉนหนอ
อมาตย์ก็ด่วนเดิน บ มิเนิ่นมินานพอ
พบแล้วมิรั้งรอ กรยึดก็พาไป
ลุถึงนิเวศน์เห็น เอะ ละเป็นประการใด
โจทก์อีกจำเลยใคร ฤ จะทราบเพราะเหมือนกัน
บ เพี้ยน บ ผิดแปลก บ มิแผกมิผวนผัน
สันฐานฉวีวรร ณ ประดุจจะพิมพ์เดียว
และต่างก็ต่างอ้าง อภิปรายเสนอเทียว
ว่าตนละแน่เจียว บ มิปิด มิอำพราง
จะถามก็ไป่รู้ และ บ แน่ บ ไว้วาง
โจทก์อ้างพยานทาง ฆรเพื่อพินิจเคย
พยานก็ชี้พลัน นรนั่นสิจำเลย
จริงดังภิปรายเปรย และก็ต่างก็เถียงขรม
และโจทก์ก็อ้างบน ศิรตนละมีปม
นายช่างประดิษฐ์ผม และจะทราบฤทัยเธอ
ธิราช ธ ตรัสสั่ง กลบกพินิจเออ
จักแปลกกระมังเหนอ ฤ จะเท็จจะจริงใด
สดับอรรถสาธก กลบกก็ยลใน
สองศีรษะสองใคร ดุจเดียวและมีปม
ธ จึงแสดงวา กยสารวัจน์สม
คาถาเฉลยลม สุภดั่งนิพนธ์ยล
“อุโภ ขัญ์ชา อุโภ กุณี อุโภ วิสมจัก์ขุกา
อุภิน์นํ ปิฬกา สีเส นาหํ ชานามิ อิล์ลิสํ”
สองคนสองกระจอกทั้ง สองคน ง่อยแฮ
สองจักษุสองวิกล ส่องแล้
สองมีต่อมผุดบน ศิระเช่น เดียวนา
สองชื่ออิลลิสแท้ ไป่รู้คนไหน ฯ
วสันดิลกฉันท์ ๑๔  
ฝ่ายโจทก์สดับพจนอัน กลบกแสดงใน
คาถาก็วาบกมลไหว สติหวิวเพราะเสียดาย
เสียยศและเสียมนหิรัญ ธนสรรพ์ก็เสียหาย
พลางเกลือกและกลิ้งสริรกาย ก็สยบสลบลง
ส่ำชนสโมสรประชุม คณะกลุ่มก็ต่างสง
สารเกรงจะม้วยมรณะปลง อึกทึกกุลาหล
พลางช่วยพิทักษชุลมุน และก็แก้ก็ไขจน
เศรษฐีธสร่างจิตวิกล สติสมฤดีมา
จำเลยก็กลายมนุษย์เพศ พลเดชมหิทธา
เป็นอินทรโกสิยมหา สุรศักดิ์ก็เหิรหาว
ท่ามกลางระหว่างนภสถิต สุภพิศประไพราว
กับแท่งสุวรรณวชิรพราว ณ นภาวราภรณ์
พลางเปล่งประกาศพระสุรสุน ทรเสียงพระอินทร
เรานี้แหละเทพยอมร บิตุเรศเสด็จมา
เหตุเจ้าตระหนี่พัสดุนับ คณทรัพย์ก็เหลือตรา
ไป่ใคร่จะจ่าย ธนะและหา บริจาคกระทำทาน
เรื่องเมื่อเสวยอุดมสม บัติในมนุษย์นาน
ศรัทธามิหน่ายกุศลการ สละมิโภคะบำเพ็ญ
ใกล้จักมลายชิวก็ยก มรดกอเนกเห็น
ว่าเจ้าจะกู้กุศลเป็น ดุจดั่งบิดาทำ
ครั้นเจ้ามิได้ประพฤติการ บริหารกุศลกรรม
เป็นเหตุฉะนี้จะอุปถัม ภ มิให้มลายสูญ
จึ่งได้นิราศวรสถาน ทรมานตระกูลพูน
เพิ่ให้ประพฤติดุจประยูร คณญาติสืบไป
เศรษฐีก็รับวจนสาร ปฏิญาณประดุขไข
ของพระองค์พระอินทร์บิดรใน ขณะนั้นมิผันแปร
เอกองค์อมรอิศวเรศร์ ก็เสด็จระเห็จแล
ลิ่วลิ่วเสมอสุริยแข จรสู่พิมานชัย
จบ สุนทรพากย์พร้อง เพรงกาล
จบ เรื่องอิลลิสนิทาน เท่านี้
จบสิ้นระบิลสาร สรรใส่ ฤทัยพ่อ
จบ พจน์บทฉันท์ชี้ เชิญช้อยเชิญยล
“เอกชน” ใช่ปราชญ์ณู้ หลักแหลม เลยพ่อ
เปรมจิตสนุกแกม จึงได้
ประพันธ์พจน์จรดแซม เสริมโสต กวีนา
อีกจักปลุกกมลให้ ช่มชื่นเชาวน์กระแส
ครุแลลหุทั้ง ทำนอง ระบอบฤๅ
ฉันทพากย์ร้อยกรอง ยากแท้
สัมผัสฟาดฟัดตรอง ตรึกห่อน ง่ายเฮย
ผิวปราชญ์ช่วยโปรดแก้ ถูกไว้ตามเดิม เทอญรา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ