ลิลิตสุภาพ จุลธนุคหะบัณฑิต

(จากชาดกในปัญจกนิบาต)

ร่าย

ศรีสิทธิชัยไอสวรรย์ สรรพส่ำโภคเสริมพูน สมบูรณ์เพียบสมบัติพิพัฒนากร สถาพรเพ็ญทุกข์เปรียบ เทียบทิพโลกแหล่งสถาน สำราญราษฎร์สำเริง บันเทิงทุกข์บรรเทา ทั่วทวยเนาในเขต สยามประเทศเทิดหล้า เกศเกษมสุดอ้า โอษฐ์อ้างอธิบาย ฯ

โคลง ๔
ทั้งหลายเล่านี้เพราะ พระอา นุภาพนา
สมเด็จพระปรเมนทรา ธิราชเจ้า
ดิลกฉัตรขัตติยะมหา ราชหาก ผดุงแฮ
ทรงพระคุณปกเกล้า ปิ่นเกล้าชาวสยาม
พระนามปรากฏหล้า โลกสรร เสริญนา
พระยศยิ่งชนอนันต์ นิตย์ซร้อง
พระเกียรติเกริกไกรวรร ณ นาสุด สิ้นฤๅ
พระฤทธิ์ ผลิตร่ำพร้อง พร่ำล้วนควรนิยม
เสร็จชมบารเมศ จอมฉัฏ-ฐรัชแฮ
จะกล่าวชาดกอรรถ- ออกอ้าง
จุลธนุคคหะจัด พจน์แจก แจงนา
กลอนลิลิตสฤษดิ์สร้าง สืบเชื้อเชิงกวี ฯ
ร่าย

เบื้องบรรพ์มีราชา นครพาราณสี มีพระนามนิยม พรหมทัตขัตติยะนาถ เสวยราชย์สมบัติ กาสีรัฐเจริญสุข ทุกนิคมคามสถาน กาลนั้นพระโพธิสัตว์ อุบัติเป็นโกสีย์ ยังมีหนึ่งมาณพ ปรารภเรียนวิทยา ลาบิดามารดร จรเท้าทางพนาเวศ ลุบุเรศตักกะศิลา สู่ทิศาปาโมกข์ กอปรประโยคพยายาม ตามอุปนิสัยสามารถ สืบศิลปศาสตร์ร่ำเรียน เพียรชอบรอบรู้จริง วิชายิงธนูแม่น แกว่นแกล้วกล้าปรากฏ นามกำหนดโดยคุณ จุลธนุคคหะบัณฑิต วันหนึ่งคิดคำนึง ถึงบิตุมาตา ผู้ชราภาพแล้ว ควรเพื่อจักเมื้อแคล้ว คลาดคล้อยคืนสถาน เดิมนา ฯ

โคลง ๒
ลาอาจารย์บอกแจ้ง ท่านย่อมสุดกล่าวแย้ง
เหตุห้ามตามใจ เขานา
โคลง ๓
ทันใดท่านดำริ ตริว่ามาณพนี้
อันศิษย์เราแต่กี้ ก่อนไซร้ ไป่เทียม เขาเลย
รู้ยิ่งเยี่ยมศิลปศาสตร์ สามารถ ทราบหมดได้
ควรตอบความชอบให้ บุตรน้อยรางวัล เขานอ
พลันปลงเปรมปรารภ แก่มาณพ หนุ่มนั้น
สัมฤทธิ์สมรสหมั้น หมดข้อกังขา ฯ
โคลง ๔
ปราโมทย์ใครไป่แม้น มาณพ นั้นแล
ขอบจิตอาจารย์จบ หัตถ์ไหว้
รับมอบชอบเคารพ รีบจัด การแฮ
เพื่อจะเดินทางให้ เสร็จพร้อมพลันนา
ลาอาจารย์ทั้งคู่ เขาสอง
ธ ประสิทธิ์พรผอง ผ่องแผ้ว
สามีภริยาครอง รักใคร่ กันเทอญ
เสร็จต่างอำลาแล้ว ลับลี้ลีลา
ร่าย

หลายราตรีทิวา สองภรรดาทาระ ดำเนิน ณ ดงดอน โดยสีขรเขตทุ่ง มุ่งลัดเลาะละเมาะไม้ ได้ลำบากลำบน ทนทุกข์ยากกรากกรำ ข้ามลำธารห้วยโตรก หินชะโงกเงื้อมง้ำ น้ำเนื่องพรรณผลไม้ ในป่าได้เป็นภักษ์ พำนักนอนกลางดิน ยินแต่เสียงส่ำสัตว์ เป็นเพื่อนพนัสยามยาก ตรากลมตรำน้ำค้าง เท้าสองข้างพุพอง ระบมหนองโลหิต ไต่เต้าติดตามกัน บรรลุถึงป่าเปลี่ยว คชหนึ่งเที่ยวดุ่มเดิน บังเอิญมาพานพบ มาณพกับภรรยา แล่นไล่ถลาแปร๋แปร๋น ทะลึ่งโลดโดยโกรธแค้น เคียดร้องคำรณ อยู่นา ฯ

โคลง ๒
มาณพยลเหตุนั้น บ ห่อนนึกหนีขยั้น
หยุดสู้ธนูศร แผลงนา
ถูกกุญชรชีพม้วย ล้มอยู่ที่นั้นด้วย
พิษร้อนศรผลาญ  
เสร็จสังหารคชร้าย เข้าคู่ผัวเมียผ้าย
มรรคพ้นผายผัน  
ร่าย

หลายวันลุดงซึ่ง โจรพวกหนึ่งสำนัก พรรคพวกห้าสิบคน แต่ละตนใจฉกรรจ์ ฟันฆ่าคนเดินทาง วางวิ่งชิงสมบัติ มากสมรรถมือผจญ ชนพากันแสยงสยอน บางหมู่จรมาพบ ประสบสองเมียผัว เขากลัวขานกล่าวห้าม มาณพไป่ครั่นคร้าม ด่วนด้นดลสถาน โจรแล ฯ

โคลง ๓
ยลบริวารวนะโจร ทมิฬโมนกาจแกล้ว
รายแทบริมทางแคล้ว ฆ่าเนื้อเถือกิน กันนา
ผินพักตร์พอบรรสพ นายมาณพหนุ่มน้อย
สองกับภริยาคล้อย สู่เงื้อมมือเขา
อาภรณ์เพราพราวกาย ราคาหลายเลิศล้น
โลภจิตคิดใคร่ปล้น แกล่กลุ้มรุมโผน ชิงนา
โคลง ๔
นายโจรตระหนักแจ้ง ใจพินิจ
ประจักษ์ลักษณะพิศ เพ่งรู้
ห้ามพวกอย่าพึงคิด พิฆาต เขาเลย
เชื่อแน่บุรุษผู้ เผ่าฉะนี้ดีครัน
ปรารมภ์มั่นรู้แม่น มาณพ คะนึงนา
โจรไป่รอนราญรบ รุกเร้า
คงเกรงเครื่องมือครบ ครันครั่น คร้ามแฮ
ควรจักขอเนื้อเจ้า พวกนี้ลองดู
สูเอยให้เนื้อย่าง แก่เรา หน่อยรา
ไม้หนึ่งพอบรรเทา ที่ข้า
หิวโหยประทังเอา บุญเถิด สูเอย
แน่ะแม้อย่านิ่งช้า รับเนื้อมาเทอญ
เชิญเถิดท่านอยากด้วย เดินทาง ไกลนา
หัวหน้าโจรตอบพลาง ส่งซั้น
ให้เนื้อย่างแก่นาง ไม้หนึ่ง
ฝ่ายพวกบริวารนั้น นึกแค้นใจเคือง
เปลืองเปล่าประโยชน์ได้ เยียใด
เนื้อสุกให้ทำไม หมดสิ้น
เนื้อดิบจุ่งเอาไป เป็นภักษ์ ภุญชน์เทอญ
นี่แน่ะ นางหนึ่งชิ้น เชือดให้เอาบุญ ฯ
ร่าย  

จุลธนุคคหะบัณฑิต จิตโกรธกล่าวท้าทาย พวกเจ้าหมายอย่างไร ไยจึ่งดูแคลนเรา เห็นว่าเขลาหรือขลาด บังอาจลบหลู่ได้ ไว้วางตัวเกินเหตุ หมดความเมตตาจิต ไป่คิดตอบอารี ขอโดยดีควรเอื้อ นี่กลับแกล้งให้เนื้อ ดิบฉะนี้ดีไฉน ฯ

เหล่าโครไพรใจเดือด ไป่หายเหือดโทสะ กล่าวประกาศแก่กัน บรรดาเราทั้งหลาย ชื่อว่าชายใช่หญิง จริงในการประจัญ ชายเหมือนกันกลัวไฉน ใครอื่นยัง บ่ เคย กล่าวเกินเลยลบคม หลู่คารมข่มเรา ยอมฤๅเขาบังอาจ ชวนวิวาทด่าว่า พวกเราอย่าลดมือ ฮือเข้าช่วงชิงทรัพย์ เฮเข้าจับฟันฆ่า พล่าชีวิตผัวเสีย แล้วพาเมียมันไป นิ่งไยนั่งอยู่ช้า จงช่วยกันเถิดฮา ฮะเฮ้ยพวกเรา ฯ

โคลง ๒
เหล่าโจรพรูพรั่งพร้อม ฉุกละหุกลุกล้อม
ไล่เลี้ยวพัลวัน  
รายกันเรียงรอบกั้น อาวุธครบมือมั่น
มุ่งจ้องหมายประจญ  
โรมรญรุกรบเร้า ขับหมวดคุมหมู่เข้า
เข่นเขี้ยวแข็งขัน  
โคลง ๓
โจนโจมฟันฉาดฉับ มาณพรับ ต่อแย้ง
ป้องปัดวัดเหวี่ยงแว้ง ไป่ต้องกายตน
ยลแกล้วกล้าสามารถ โจรมิอาจชิดใกล้
ส่งดาบที่มือให้ นิ่มเนื้อนวลนาง
โคลง ๔
พลางหยิบธนูพาดแหล้ง เล็งหมาย
มือแม่นยิงโจรตาย แตกม้วย
รวมสี่สิบเก้านาย วินาศ ชีพนา
ยังแต่นายโจรด้วย สุดสิ้นลูกธนู
นับดูได้ห้าสิบ สอดประจุ แหล้งนา
แต่หากยิชคชดุ หนึ่งแล้ว
ยิงโจรลูกสมุนมุ- ทะลุมอด มรณ์นอ
หมายหมดลูกธนูแกล้ว จิตกล้าราวี
ตีโจรตัวโจกล้ม ลงกับ ดินแล
เหยียบอกขู่สำทับ สั่งถ้อย
แม่เอยแม่งามสรรพ ดาบส่ง พี่เทอญ
จักฆ่าโจรให้คล้อย ชีพแคล้วบรรลัย ฯ
ร่าย  

หญิงจัญไรใจร้าย แลนา คิดยักย้ายวิปริต แลนา ผิดนอกใจสามี แลนา ยินดีรักนายโจร แลนา จิตเอนโอนหมดอาย แลนา หมายให้โจรฟันฆ่า แลนา พล่าชีพผัวตัวม้วย แลนา แล้วไปด้วยกับชู้ แลนา ผู้เป็นนายโจรไพร แลนา ทันใดจึ่งส่งดาบ แลนา โดยจิตบาปหยาบนัก แลนา

ทางฝักให้สามี แลนา โจรได้ทีจับด้าม แลนา บ่ ครั่นคร้ามชักปราด แลนา ฟันฟาดลงตรงคอ แลนา เต็มพอแรงแห่งหัตถ์ แลนา ตาวคมตัดคอชาย แลนา นายมาณพน้อยบุญ แลนา ศีรษะผลุนผลันพราก แลนา จากคีวะกระเด็น แลนา เลือดกระเซ็นซ่านล้า อนิจอาตม์อนาถอ้า อนัตโอ้อาสัญ ฯ

โคลง ๒
เหิมหรรษ์ปีติตื้น หัวหน้าโจรชื่นชื้น
แช่มช้อยชูใจ ยิ่งนา
รอดบรรลัยเพราะน้อง บุญประสบพบพ้อง
พี่นี้ขอถาม หน่อยเทอญ
ตระกูลนามแน่งน้อย วานแม่ จุ่งตอบถ้อย
ถิ่นบ้านสถานใด แม่เอย
ไยจึงมากับเจ้า มาณพหนุ่มน้อยเข้า
เขตแคว้นแดนไพร นี้นอ ฯ
โคลง ๔
ไปแห่งไรร้องชั่ง เชิญแถลง
วานอย่าอางขนางแหนง นะน้อง
บอกเถิดไป่ควรแคลง คลางกริ่ง เกรงเลย
เรียมรอดปลอดชีพต้อง ตอบบ้างบุญคุณ
การุญเช่นนั้นก็ ควรนัก แล้วพี่
บ่ คิดฆ่าข้าจัก บอกแจ้ง
ขอเป็นที่พิงพัก ภายภาค หน้าเทอญ
พี่อย่ารังเกียจแกล้ง เกลียดไร้อารี
น้องบุตรีท่านผู้ ทิศาปา-โมกข์นา
สำนักตักกะศิลามา- ณพนี้
เนาเรียนวิชาสา มารถทราบ เสร็จแฮ
เสมอท่านบิดาชี้ ช่วยซั้นสรรสอน
บิดรจึ่งยกน้อง เป็นราง-วัลนา
ข้อยสุดขืนขัดขวาง ท่านแท้
วันนี้ที่เดินทาง โดยถิ่น ท่านแล
เพื่อกลับบ้านเขาแล้ เล่านี้ตามจริง
น้องหญิงอย่ากริ่งข้อง คิดสง สัยเลย
พี่ทราบความจำนง จิตน้อง
ส่งด้ามดาบโดยจง ใจฆ่า เขาฤๅ
คงถูกดั่งพี่พร้อง เพราะฉะนั้นพรั่นไฉน
ไปกับพี่เถิดน้อง นวลพธู
พี่รักจักเลี้ยงดู ไป่ทิ้ง
เป็นสุขสบายชู ชมนิ-รันดร์นา
ใช่พูดกลับกลอกกลิ้ง กล่าวด้วย ใจตรง ฯ
ร่าย  

ต่างตกลงปรองดอง ทั้งสองพากันไป นายโจรไพรดำริ ตริว่าผู้หญิงผู้นี้ ใช่กี้ใช่การเรา เอาไปไป่เป็นผล สามีตนยังฆ่า หากว่าเป็นชายอื่น จิตเหิมหื่นรักเขา คงฆ่าเราแม่นแท้ คิดเกี่ยงแก้เกียจกัน ทอดทิ้งมันเสียเถิด ประเสริฐกว่าพาไป หญิงจัญไรเช่นนี้ ใครพบควรหลบลี้ หลีกให้ไกลตา ฯ

โคลง ๒
พามาถึงแม่น้ำ ตื้นแต่ดูลึกล้ำ
กล่าวเลี้ยวหลอกลวง  
ดวงใจผู้คู่สร้าง มองแม่น้ำใหญ่กว้าง
ลึกทั้งกุมภีร์ ดุนา
ไม่มีแพพ่วงข้าม พี่นึกรู้สึกคร้าม
แม่น้องทำไฉน เล่านอ ฯ
โคลง ๓
นางขานไขตอบคำ ไยจึ่งทำจิตท้อ
ความคิดน้องหนึ่งข้อ บ่ ข้องขัดเลย
พี่เอยเอาอาวรณ์ ข้ามสาคร ฟากโน้น
วางพักยังฝั่งโพ้น ผ่อนข้ามคืนมา
พาน้องว่ายข้ามฟาก โดยเร็วจากที่นี้
อย่าปลีกหลีกเลี่ยงลี้ ละทิ้งกลางทาง เล่านา
โคลง ๔
ว่าพลางนางเปลื้องเครื่อง ประดับ
ทุกสิ่งทั้งสิ้นสรรพ ส่งให้
นายโจรรีบเร็วรับ รวบห่อ รวมแฮ
โดยจิตยินดีได้ ทรัพย์พร้อมโดยประสงค์
ลงสู่สาคระแสร้ง เสกล ลวงนอ
ทำเช่นกับว่ายชล เชี่ยวล้ำ
ตะเกียกตะกายทุรน ทุรายเล่ห์ ลึกแล
ลุล่วงยังฝั่งน้ำ ฟากโน้นดังหวัง
เหลียวหลังมาเยาะยิ้ม ไยไพ
แสดงท่าจะคลาไคล คลาดคล้อย
นางเพรียกเรียกร้องใย รออยู่ เล่าพี่
รีบกลับมารับน้องน้อย อย่าช้าเชือนเฉย
พี่เอยเครื่องประดับทั้ง ปวงใน ห่อนอ
พี่ก็นำข้ามไป หมดแล้ว
มามาเถิดไวไว หน่อยพี่ นาพี่
กู่ก้องอยู่แจ้วแจ้ว จะไจ้ใจความ
โจรตอบตามตัดพ้อ พูดหลัก แหลมนา
อ้า แม่ผู้เจริญพักตร์ ฝ่ายข้า
ใช่ผู้ที่เจ้าจัก ควรนับ ถือนอ
โดยพึ่งได้พบหน้า ก่อนนั้นฤๅเคย
ชมเชยชิดชื่นแม้ เพียงขณะ หนึ่งนา
เพราะเหตุไรเจ้าจะ นอบน้อม
นับถือเทียบเช่นกะ ผัวก่อน เจ้าฤๅ
อย่าพูดหวานหว่านล้อม ไป่ต้องการฟัง
ผัวเจ้ายังฆ่าได้ โดยใจ ชั่วนา
ผิว่าเราพาไป ปะพ้อง
พบชายหนึ่งหนุ่มใด คงดั่ง นี้นอ
อาจพิฆาตเราบ่ข้อง ขัดแท้ทีเดียว
คอยเหลียวหาผู้หึ่ง พักอีก เทอญแม่
แต่ว่าเราขอปลีก ปละเปลื้อง
นายโจรกล่าวพลางหลีก พลันล่วง
ลัดเลาะเหยาะย่างเยื้อง ยาตร์เข้าไพรสาณฑ์
ร่าย  

หญิงพาลอยู่ผู้เดียว เหลียวหาใครไป่เห็น จักมาเป็นที่พึ่ง ถึงซึ่งความพินาศ ปราศจากผัวจากชู้ เพราะเป็นผู้เลวทราม ความปรารถนาเกินส่วน น้ำจิตควรรวนเร โลภโลเลเหลือล้น พ้นพากย์พรรณาได้ นั่งร้องไห้โหยหา น้ำตานองเนตรชุ่ม อยู่ยังพุ่มตะไคร่น้ำ อกระบมบ่มช้ำ ชอกน้อยใจทวี ฯ

โคลง ๔
สุชัมบดีเทเวศร์ไท้ โพธิสัตว์
เล็งทิพเนตรทราบชัด จึ่งท้าว
ทรงดำริกิจวัตร หวังเสด็จ
ไปเพื่อบริภาษน้าว หน่วงพ้อพอละอาย
บรรยายเทวราชเจ้า จัดทรง
สั่งเทพบุตรธำรง ฤทธิ์กล้า
ปัญจสีขรองค์ มาตะ ลีแล
ตามเสด็จหยุดณหล้า แหล่งใกล้ชลธี ฯ
โคลง ๒
มีโองการโปรดให้ ปัญจสีขรเทพไท้
เพศเพี้ยนจำแลง  
เป็นนกแรงเรี่ยวแท้ ฝ่ายเทพมาตลีแล้
กลับแกล้งเป็นปลา  
สัตว์สิงคาละไซร้ สมเด็จอมเรนทร์ไท้
ธแสร้งแปลงสรรพ์ ฯ  
ร่าย  

เสร็จเบือนผันเบี่ยงเพศ อมเรศร์สิงคาลแปลง สำแดงกายสภาพ คาบก้อนเนื้อดำเนิน เดินสู่นางโดยด่วน ส่วนมัสยามาตลี แสดงอินทรีย์แล่นโลด โดดขึ้นจากนที โกสียสิงคาลเห็น ทำเป็นคายเนื้อพลัน หันเข้าคาบมัจฉา ปลาโดดน้ำดำหนี ทันทีจึ่งปักษิณ บินลงจากอากาศ ผาดผันคาบก้อนเนื้อ พาบินเมื้อลับไป ท้าวสหัสนัยน์จิ้งจอก ย้อนยอกยอบหมอบกาย เสียดายเนื้อแลปลา ทำกิริยาหงอยเหงา หน้าซบเซาเศร้าจิต เพ่งพิศกอตะไคร่น้ำ โศกยิ่งโศกเหลือล้ำ ล่อให้แลเห็น ฯ

โคลง ๒
เป็นน่าขันยิ่งแล้ จิ้งจอกโง่เง่าแท้
ดั่งนี้นางคะนึง  
ปรารถนารึงเร้า โลภมากลาภหายเศร้า
โศกน้อยใจตัว  
ชวนหัวเราะเยาะเย้า ขันยิ่งขันจริงเจ้า
อดเนื้อแลปลา เสพย์นอ
สิงคาละสดับถ้อย กล่าวตอบนางแน่งน้อย
เสนาะน้ำคำเสนอ  
โคลง ๔
โอหนอ เออที่นี้ นึกขำ ขันนา
มิใช่สถานนครรำ ขับร้อง
ใครหนานี่มาทำ เพลงสนุก สนานนา
เสนาะศัพท์จับใจพร้อง เพราะพริ้งจริงหนอ
อ่อ อ้อ แม่ผู้ เพ็ญพักตร์
รูปร่างสำอางนัก แน่งน้อย
เราสนเท่ห์ขอทัก ถามหน่อย เถิดนา
เหตุที่หัวเราะข้อย ประโยชน์ข้อใดมี
ไฉนนี่สุนัขจิ้ง จอกพาล
มิใช่กิจใช่การ เกี่ยวเจ้า
เอ็งสิสัตว์ซมซาน เซอะโง่ งมเฮย
ไยไม่นิ่งซบเซ้า เสือกหน้ามาถาม
ปัญญาความคิดน้อย นักหนา
จึงอดเสพย์เนื้อปลา เปล่าสิ้น
สันดานโลภเจตนา นึกน่า อายนอ
ลาภขาดปราศคุณชิ้น ชาติเจ้าเขลาจริง
คิดยิ่งขันนักแฮ้ เหตุคน เรานอ
โทษท่านผู้อื่นยล หยิบอ้าง
ได้โดยง่ายดายจน จบเรื่อง ราวแฮ
พูดไป่มีติดค้าง ขุดคุ้ยคุยขยาย
ฝ่ายโทษตนนั้นสิ แสนสา หัสเฮย
เห็นยากหากผลปรา- กฏได้
ปกปิดมิดชิดหา เหตุห่อน แสดงแฮ
เหมือนเช่นกับหล่อนไซร้ เสื่อมทั้งสองสถาน
ตรองการณ์ลึกแล้วหล่อน แลเรา
เหตุที่ต้องซบเซา โศกฉะนี้
โทษสองฝ่ายคิดเขา เปรียบชั่ง ดูเทอญ
น้ำหนักหน้าเขาชี้ ชัดให้แลเห็น
หล่อนเป็นผู้เสื่อมสิ้น จากสา มีแล
ยังมิหนำซ้ำมา ม่ายชู้
นั่งเศร้าเจ่าจุกหา หนแห่ง พึ่งแฮ
คิดว่าเขาไม่รู้ เรื่องร้ายตนฤๅ
คือหล่อนทำให้หล่อน ลำเค็ญ เองแล
ยากยิ่งสิ่งที่เย็น ว่าร้อน
กงจักรไฉนเห็น เป็นดอก บัวแม่
หล่อนอย่าเหมาเราข้อน ทุกข้อความจริง
ร่าย  

โดยคำสิงคาลกล่าว ผะผ่าวจิตหญิงพาล สิ้นโวหารจักแก้ แพ้สุนัขจิ้งจอก ชอกช้ำจิตคิดอาย แสนเสียดายกายตน เป็นมลทินโทษร้าย สุดยักย้ายบ่ายเบี่ยง เกี่ยงแก้แปรคืนดี มีคำปราชญ์เบาราณ ท่านกล่าวขานตักเตือน เหมือนเพชรงามครามครัน สดสีสรรน้ำนวล ควรราคาค่ายิ่ง เป็นสิ่งของเขานิยม ชมกันทั่วทุกผู้ หากเขารู้รอยสลาย ร่อยร้าวรายร่องสลัว มัวพร่างพร่าราคี มีราคาหย่อนเยา ผู้ซื้อเขารังเกียจ เกลียด บ่ อยากต้องกา เห็นปานฉะนี้ฉันใด ในหมู่สตรีมวล ควรยลอย่างนางนี้ ชี้ให้เห็นฉันนั้น ครั้นรู้สึกตนสิ เหลือดำริตริแก้ ก็ดุจเพชรร้าวแล้ จักให้คืนดี ได้ฤๅ ฯ

โคลง ๒
แสนบัดสียิ่งล้ำ อกระบมบ่มช้ำ
ชอกน้อยใจนาง  
พลางร้องไห้เกลือกกลิ้ง กล่าวตอบสุนัขจิ้ง-
จอกท้าวโกสีย์  
โคลง ๓
ข้ามีความรู้สึก นึกเห็นโทษที่อ้าง
ทุกสิ่งทั้งสิ้นข้าง ท่านได้แสดงมา
สารภาพรับผิดใน คำใดท่านกล่าวแล้ว
คำเหล่านั้นไม่แคล้ว คลาดล้วนเป็นจริง
ประวิงหวังพะวง จำนงใจแน่นแฟ้น
ไป่จะทำข้อแค้น ขุ่นข้องราศี
ได้สามีอื่นอีก มิขอปลีกปลดเปลื้อง
ความรักบ่ ยักเยื้อง อย่างนี้สืบไป
จักอยู่ในถ้อยคำ อำนาจผัวแน่แท้
จึงดั่งข้าว่าแล้ ประพฤติล้วนควรการณ์
โคลง ๔
ฟังสารสุนัขจิ้ง- จอกหัว เราะฮา
ใครจักเชื่อใจรัว แต่นี้
จิตหญิงที่เมามัว มักมาก
เหมือนเช่นภาษิตชี้ ชัดแท้แปลไข
ผู้ใดสามารถน้อม นำไป
ซึ่งภาชนะดินใจ ชอบแล้ว
ผู้นั้นก็เร็วไว หวังจัก-
พาภาชน์สำริดแคล้ว คลาดได้โดยพลัน
ฉันใดความชั่วล้วน ลามก
ที่หล่อนทำแล้วยก อย่างนี้
ต่อไปก็คงตก ลงดุจ เดิมแล
จะประพฤติดั่งกี้ ก่อนแท้เราทาย ฯ
ร่าย  

บรรยายเย้ยหยันเยาะ ข้อนขอดเคาะขานคำ ทำอิสตรีนั้นให้ ได้รับความอับอาย ปรายเปรยปริภาษเสร็จ สมเด็จไท้เทวินทร์ อมรินทราธิราช เหินเวหาส บ่ หึง สู่ดาวดึงส์พิภพ เลอแหล่งลพเทวะโลก โศกเศร้าจิตหญิงพาล ผู้เดียวดาลทุเรศ เหตุเมามัวชั่วชาติ ประวิงหวาดประหวั่นว้า ถวิลโอ้เทวษอ้า อกเพี้ยงพังลาน แลนา ฯ

โคลง ๔
นิทานชักนิทัสนชี้ ชาดก
นิบาตแจ้งณเบญจก แจกอ้าง
นิยมหยิบนิยายยก ยลเยี่ยง หญิงเทอญ
นิเทศส่ำนิโทษสร้าง สืบเชื้อกวีชาย

นายชิต บุรทัตผู้ผูกพจน์ เดาแต่งดูตามบทแบบอ้าง แปลเขียนเปลี่ยนคำมคธคิดคัด คงพลาดขาดพลั้งบ้างบอกให้อภัยทัณฑ์ สรรสฤษดิ์ลิขิตไว้หวังผล อ่านเล่นเห็นแยบยลเยี่ยงบ้าง พอเกลากล่อมกมลมาโนช เพ่งประโยชน์ บ่ ร้างบ่ ไร้คงมี เป็นศรีสวัสดิ์สร้อยศุภลักษณ์ แห่งคณะพธุชักเชิดชี้ รู้ไว้ใช่ว่าจักเทินบ่า แบกนา เก็บเลือกเปลือกกะพี้เพื่อทิ้งเทไป ใดเป็นประโยชน์เกื้อแก่นสาร หากคิดเห็นควรการเก็บไว้ เพื่อประดับดวงมาลย์สมรแม่ แลแม่ สิ่งชั่วเกรงแกล่ใกล้เกลือกกลั้วกลัวขาม เพชรจะงามที่แท้เรือนทอง รับนา จึ่งประเทืองเรืองรองอร่ามได้ สตรีรูปงามผองพอจัก พอฤๅ ประพฤติดี บ่ ไร้โลกรู้งามเจริญ เชิญอนงค์อนุชเอื้ออาทร ตามสาสน์บุราณสอนสืบไว้ ความดีจะพาขจรขจายชื่อ โฉมนา หอมยิ่งหอมดอกไม้ไม่แม้นเหมือนเสมอ ร่าย

สารเสนอสาส์นสนอง บทละบองแบบละเบง แลชเลงลักษณ์เฉลย พจน์พิเปรยพากย์ภิปราย อธิบายอรรถบท แจงจรดจดจรุง เพื่อพยุงผลภิโย ชเอมโอชะอรโอษฐ์ เห็นประโยชน์หากประหยัด นิพัธสุขนิพันธ์โสตถิ์ ประลาตโทษประลัยทุกข์ นิราศขุกนิรเข็ญ จรัสเพ็ญจรูญพูน ชูตระกูลเชิดตระการ ลิลิตสารลิสาสสร้อย ประมาณถ้วนประมวลถ้อย สฤษดิ์สิ้นสรุปเสริม โสตถิ์เทอญฯ

พ.ศ. ๒๔๗๑

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ