- คำนำ
- พระราชนิพนธ์ไดอรีซึมทราบ
- เรื่องตามเสด็จไทรโยค
- คำนำ
- ๏
- วันที่ ๑ วัน ๑ ๕ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๒ ๖ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๓ ๗ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๔ ๘ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๕ ๙ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๖ ๑๐ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๗ ๑๑ฯ ๒ ค่ำ
- วันที่ ๑ ๑๒ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๒ ๑๓ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๓ ๑๔ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๔ ๑๕ฯ ๒ ค่ำ
- วัน ๕ ฯ๑ ๒ ค่ำ
- วัน ๖ ฯ๒ ๒ ค่ำ
- วัน ๗ ฯ๓ ๒ ค่ำ
- วัน ๑ ฯ๔ ๒ ค่ำ
- วัน ๒ ฯ๕ ๒ ค่ำ
- วัน ๓ ฯ๖ ๒ ค่ำ
- วัน ๔ ฯ๗ ๒ ค่ำ
- วัน ๕ ฯ๘ ๒ ค่ำ
- วัน ๖ ฯ๙ ๒ ค่ำ
- วัน ๗ ฯ๑๐ ๒ ค่ำ
- วัน ๑ ฯ๑๑ ๒ ค่ำ
- วัน ๒ ฯ๑๒ ๒ ค่ำ
- วัน ๓ ฯ๑๓ ๒ ค่ำ
- วัน ๔ ฯ๑๔ ๒ ค่ำ
- วัน ๕ ฯ๑๕ ๒ ค่ำ
- วัน ๖ ๑ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๗ ๒ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๑ ๓ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๒ ๔ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๓ ๕ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๔ ๖ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๕ ๗ฯ ๓ ค่ำ
- วัน ๖ ๘ฯ ๓ ค่ำ
คำนำ
ตามเสด็จไทรโยค
หนังสือนี้เปนของมารดาแต่งให้แก่ลูก
อันเปนที่รักที่ปลื้มใจเปนนิตย
----------------------------
คำนำ
๏ ขอแสดงความคิดประดิษฐสาร | |
ซึ่งเปลี่ยนแปลงแยกอย่างต่างอาการ | ที่เคยอ่านเคยเห็นเปนแบบมา |
ก็เพราะความขัดข้องจึงต้องเยื้อง | แต่งเปนเรื่องเยอนับผันพลิกท่า |
ด้วยนิราสเบื้องโบราณท่านรจนา | สอดส่องหาศัพท์เสนาะล้วนเพราะพริ้ง |
ทั้งโอดครวญหวนไห้พิไรร่ำ | เลือกถ้อยคำคมสันขยันยิ่ง |
ทั้งชดช้อยทางชอ้อนเชิงวอนวิง | ไม่ละทิ้งทอดไว้ให้ล้อเลียน |
ครั้นจะทำเทียบบ้างเหมือนอย่างนั้น | ตัวของฉันพึ่งจะริตริแต่งเขียน |
คำลึกล้ำเหลือลำบากสุดพากเพียร | ว่าให้เพี้ยนผิดความตามที่มี |
ครั้นจะลงคงตำราไม่ว่าย้าย | ก็นึกอายออกอุทัจแสนบัดสี |
โดยทำไปไหนจะถึงเทียบกวี | อย่างสัตรีนี้สำนวนควรตรงตรง |
อนึ่งฉันไม่ชำนาญการกลอนกาพย์ | ทั้งเลวหยาบยุ่งใหญ่มักใหลหลง |
กลัวศัพท์ผิดติดกลอนในว่าไม่ลง | ด้วยพะวงอยู่ไม่วายเสียดายความ |
รักทั้งเรื่องรักทั้งกลอนไม่รอนตัด | จนสำผัสขาดเขินต้องเกินข้าม |
เพราะฉนี้จึงอุส่าห์พยายาม | ทำใหม่ตามที่จะกละให้สะใจ |
อนึ่งเห็นเปนประโยชน์อยู่อย่างหนึ่ง | เมื่อไปถึงแห่งหนตำบลไหน |
ไม่มีผู้รู้ตำแหน่งแคลงฤไทย | เผื่อจะได้เค้าบ้างตามทางจร |
ก็น่าเถียงว่าถ้าเรียงเปนร้อยแก้ว | จะมิแล้วเร็วกะจัดชัดอักษร |
คงจะดีกว่าทำเปนคำกลอน | ให้ค้นอ่อนกล้ำอัดขัดถ้อยคำ |
ก็จริงอยู่แต่ผู้หญิงอย่างเช่นฉัน | ร้อยแก้วนั้นให้ขี้คร้านจะอ่านร่ำ |
ผูกเปนกลอนขึ้นไว้ใช้ท่องจำ | ดูค่อยสำเหนียกง่ายสบายดี |
จึงจำเปนเขนไปไม่หยุดยั้ง | จนกระทั่งจบบทหมดวิถี |
ขาดที่เพราะเหมาะหมดทางไม่มี | ด้วยวิธีเรื่องสำหรับจะจับใจ |
คือถ้อยคำวิงวอนกลอนสังวาส | ยวนสวาทหวั่นมนัสประวัติไหว |
ทั้งพลัดพรากจากจรนอนพงไพร | ฟังพิไรบ่นร่ำครางคร่ำครวญ |
ถูกข่มเหงคเนงร้ายหมายสังหาร | ได้สงสารโศกสร้อยพลอยกำสรวญ |
ช่วยคิดแค้นขุ่นในใจรัญจวน | จนปั่นป่วนเคืองขัดอัดอุรา |
แล้วยุทธยิงชิงไชยใช้คำแขง | ได้ผาดแผลงฤทธิเดชเวทคาถา |
สังหารหักศัตรูหมู่พาลา | ให้ปราไชยชนะสะอารมณ์ |
ได้เข้าด้วยช่วยชังทั้งรักแค้น | ทำทดแทนทันจิตต์คิดเสร็จสม |
เลือกเรื่องใช้ให้เสนาะเพราะเกลียวกลม | ไม่ต้องข่มขืนทำด้วยจำใจ |
เรื่องเช่นนี้จึงจะมีที่ไพเราะ | มาฉะเพาะตันติดคิดไม่ได้ |
ด้วยเริ่มเค้าคนละทางขวางกันไป | คงอยู่ในพรรณาว่าด้วยเมือง |
ถึงแต่งดีสักเท่าใดเขาไม่อ่าน | ชวนพลิกผ่านข้ามไปใคร่รู้เรื่อง |
ทั้งชมดงแดนเขาลำเนาเนือง | ก็มักเปลืองสมุดเปล่าเขาข้ามกัน |
เหลือฉะเพาะเหมาะช่องสองอย่างนี้ | ไหนจะมีใครว่าเพราะเคราะห์ของฉัน |
ทำเหมือนอย่างตำรายาว่าพัวพัน | พอจำมั่นนึกคล่องได้ท่องเจน |
ทั้งทำนองท้องความตามที่ว่า | เหมือนกับบ้าหอบฟางอย่างเถนเถน |
ไม่เลือกว่าอะไรหมดจดประเคน | จนชั้นเดนท่านแต่ก่อนเก็บผ่อนปรน |
ทั้งความเห็นถ้อยคำที่ร่ำว่า | คงจะพาผู้อ่านพานฉงน |
เปนสำนวนพูดใช้ในมณฑล | ของพวกคนชั้นใหม่ในเดี๋ยวนี้ |
ไม่เข้าใจก็จะไปกวนโทโส | ว่าใช้โวหารแผลงแสร้งใส่สี |
เผยอหยิ่งยิ่งยวดอยากอวดดี | เพราะเช่นนี้จึงต้องง้อขออไภย |
เรียงเรื่องไว้ให้เปนที่สำราญจิตต์ | หาได้คิดจะประชันขันต่อไม่ |
จึงเลี่ยงทางไม่ทำอย่างท่านผู้ใด | ดั้นด้นไปตามวิญญาประสาตน |
อนึ่งนักปราชญ์แต่ก่อนแต่งกลอนกาพย์ | ย่อมสุภาพบรรยายท้ายฤาต้น |
ว่าตัวมีปัญญาน้อยถ่อยทรพล | แม้นใครยลขวางขัดเชิญตัดรอน |
ไม่ไพเราะแห่งไรให้ตกแต้ม | ช่วยแซกแซมต่อทั่วตัวอักษร |
ยอมให้ติตัดแก้ไม่แง่งอน | เปนสุนทรภาษิตติดทุกราย |
ท่านจะเห็นเปนไฉนในดวงจิตต์ | ฉันนี้คิดสงไสยยังไม่หาย |
จะไม่ว่าก็เปนท่าเคืองระคาย | จะขยายออกไปบ้างยังคลางแคลง |
ด้วยบางท่านว่าวานไว้เช่นนี้ | ถูกคนที่น้ำใจไม่ย่อแหยง |
เขาติเตียนก็พิโรธโกรธรุนแรง | เห็นเปนแกล้งกล่าวความตามโบราณ |
มิใช่ยิ่งใช่ยากลำบากจิตต์ | ที่จะคิดเรียนตำราอย่างว่าขาน |
แต่จะใช้ก็หาใช่สมัยกาล | หนังสืออ่านแต่ก่อนนี้นั้นมีน้อย |
ใครทักท้วงถูกแท้แก้ไขง่าย | เอาน้ำลายลบเปลี่ยนเขียนคำถ้อย |
เดี๋ยวนี้ตีพิมพ์ฉบับมีนับร้อย | จะลบรอยแก้ไขไม่ทั่วกัน |
จึงงดไว้มิได้ว่าเหมือนอย่างเขา | กลัวเข้าเค้าข้างแสดงแกล้งกล่าวกลั่น |
ที่จะทิ้งหนังสือด่าอย่าสำคัญ | ไม่ว่านั้นใช่จะคร้ามความติเตียน |
ท่านผู้ใดไม่ประกอบฟังชอบโสต | จงได้โปรดถือว่าเปนพาเหียร |
ใช่ตำราสำหรับดูได้รู้เรียน | เปนแต่เขียนอ่านเล่นเช่นเพลงยาว |
เสร็จแสดงแจ้งความตามเหตุผล | ที่เปนต้นความดำริห์ตริเรื่องกล่าว |
ขอแจ้งต่อข้อความตามเรื่องราว | อันข่าวคราวข้อคดีที่ได้มา |
เปนสถานที่ได้ไปเห็นบ้าง | ก็จดอย่างนั้นไปไม่มุสา |
เขาถวายรายระยะพนาวา | เปนตำราที่ฉันได้มาใช้เลียน |
รับสั่งบ้างบางทีคนอื่นเล่า | พอเปนเค้าข้ออ้างเริ่มร่างเขียน |
ค้นหนังสือก่อนเก่าที่เล่าเรียน | คิดพากเพียรประกอบเรื่องให้เนื่องกัน |
ได้พึ่งพระบารมีเปนที่หนึ่ง | หนังสือจึ่งสำเร็จได้สมใจฉัน |
ทั้งขอบจิตต์มิตรผู้รู้สำคัญ | ที่คอยหมั่นบอกกล่าวข่าวทั้งนี้ |
อิกขอบใจพวกพ้องที่ตรองตริ | ช่วยตัดติเติมกลอนอักษรศรี |
ถึงเนิ่นไปก็คงไม่ลืมไมตรี | ที่ได้มีพระคุณการุญเอย ๚ |
ผู้แต่ง