วัน ๖ ฯ๒ ๒ ค่ำ

วัน ๖ ๒ ค่ำ

๏ ปรอทเมื่อคืนนี้มีเบ็ดเสร็จ หกสิบเอ็จหนาวกระไรฉันได้จด
กลางวันเท่าวานนี้ไม่มีลด แต่รู้รสร้อนมากหลากทุกวัน
ด้วยอากาศมืดคลุ้มเหมือนกลุ้มฝน ได้ยินบ่นเรรวนกันป่วนปั่น
ตกตอนบ่ายกลายเปนพูดโจทย์กัน ว่าฝนนั้นตกไกลคงไม่มี
ฉันตื่นแต่ตีสิบเอ็จเสด็จประพาส ชมรุกขชาติปลาผักทั้งปักษี
พอย่ำรุ่งก็ลงมาท่านที ทรงเรือม่วงจรลีก่อนกระบวน
ส่วนข้างในไปน้อยคอยตามหลัง ลงที่นั่งคอนโดล่าพอมาถ้วน
ในแม่น้ำมืดตระหลบหมอกอบอวล เรือแจวทวนธาราตั้งตาชม
กระลาดำทำแก่ตัวกระตุกกระติก เที่ยวจับจิกตามหาดเกลื่อนกลาดถม
หัวปีกแหลมเหมือนอย่างแซมด้วยเข็มคม ไว้ขู่ข่มเพื่อนกันประจันบาน
เขาเรียกกันเซงแซ่แตแต้แวด ตามเสียงร้องแช็ดแช็ดเปนคำขาน
กระลาดำนี้คือชื่อประทาน เปนนกพ่านอยู่ในลำแม่น้ำน้อย
ยางเสวยยืนเฉยอยู่ริมหาด เรือแจวผาดก็ไม่ตื่นยืนหงอยก๋อย
นกตขาบจับตไคร้ตั้งใจคอย เห็นปลาลอยโฉบแวบแฉลบบิน
นกปักหลักบินถลาลงหาเหยื่อ แลเห็นเรือบินถลากจากกระสินธุ์
เข้าซ่อนซุ่มพฤกษาจิกปลากิน แล้วโผผินบินจ้องมองต่อไป
โคนไผ่ป่านกกระทาเที่ยวคุ้ยเขี่ย อยู่สองตัวผัวเมียไม่ไปไหน
นกกระเต็นเต้นต่ายอยู่ปลายไม้ แล้วหยุดไซ้ปีกหางป้อนนางนก
เห็นไก่ป่าขาดำทำพองสร้อย ขนเสียงลอยเอ้กอีเอ๊กวิเวกอก
เรียกนางไก่ที่เข้าไปอยู่ในรก มาเดินกกเก็บกิมิชาติกิน
นางนกกวักลักมองช่องใบไม้ เห็นเรือใกล้วิ่งถลากเกือบปากบิ่น
ร้องกวักกวักประจักษ์นามตามรบิล นกขมิ่นโผมาผ่านหน้าเรือ
กระลุมพูจับอยู่ปลายกิ่งไผ่ เห็นไกลไกลเจียวยังว่าน่ารักเหลือ
นกตะกรุมเกาะซุ่มพุ่มมเกลือ ดูน่าเบื่อโกนฤๅถอนจึงล่อนโล้ง
นกยูงหางยาวเฟื้อยร้องเจื้อยแจ้ว ก๊อกก๊อกก๊อกแล้วกระโต้งโห่ง
กระสาแดงแฝงตอทำฅอโค้ง พอปลาผุดฮุบโผงกลืนพองฅอ
สาลิกาเกาะกิ่งต้นไม้โกร๋น เต้นกระโจนแจจรรพูดกันจ้อ
ยังพวกฝูงเจ้าขุนทองจับกองออ เสียงแจ้จ้อเจรจาภาษากัน
นกกามกวมหลวมละเลิงดูเปิงเปิด บินเตลิดมาจนใกล้มิได้พรั่น
เหมือนแน่ใจไม่มีใครจะยิงมัน ดูรูปขันเปนตลกนกขี้ริ้ว
เจ้านกเงือกหน้างอกปากออกยื่น น่ากลัวยืนไม่ใคร่อยู่บินลู่ลิ่ว
ฝูงกาน้ำลอยล่องฟ่องลมปลิว กำลังหิวโฉบฉาบลงคาบปลา
ต้นตะไคร้ริมตลิ่งกระลิงอยู่ แต่ละหมู่นับร้อยไม่น้อยกว่า
บินต่ำต่ำคล่ำไปใกล้นาวา แฉลบไปแฉลบมาน่าเอ็นดู
เสียงนกแก้วแว่วผวาว่าทารก ไหนเล่านกจับไม้ใหญ่เปนหมู่
ฟังพูดกันดูเหมือนฉันจะเกือบรู้ ได้สักคู่เข้ากรงคงพูดเพราะ
นกเขาเคล้านางจับยางหนู เสียงกุ๊กกูกุ๊กกูคูเสนาะ
นกหัวขวานเจาะไผ่เหมือนใครเคาะ เสียงเปาะเปาะปากแขงแรงสุดใจ
กระจาบฝนมนมอบินซ้อแซ้ พาฝูงแผ่ปีกราตัดมาใกล้
นกออกอกดดังสำลีจับที่ไม้ ถึงเรือใกล้ก็ไม่หนีมีมานะ
ที่ลำไผ่ชายทางฝูงค่างโหน บ้างจู่โจนผลอยผลอยห้อยเกะกะ
ลางต้นลิงเต็มไปไม่ปนคละ กิ่งไม้ระลงมาใกล้ก็ไขว่คว้า
พอฉวยได้ไต่ตามกันยั้วเยี้ย ดูนัวเนียดุบดิบกว่าสิบห้า
บางหมู่เล่นข้างกระโจนโผนลงมา กิ่งพฤกษาที่ต่ำต่ำทำท่าทาง
ขึ้นห่มกิ่งชิงเก็บใบไม้เคี้ยว เห็นเรือเหลียวเลิกหน้าท่าต่างต่าง
บ้างห่มกิ่งย่อนย่อนหลอนหลอกพลาง บ้างหนีวางเข้าในป่าซ่อนหน้าลับ
ชมปักษาที่ฉันว่ามาแล้วนี้ ล้วนแต่ที่เห็นได้ไม่สับปลับ
ได้จดนามตามที่เห็นเปนแน่นับ ชั่วแต่สับหน้าหลังตั้งเปนกลอน
กับที่จับที่กินแลบินร้อง ก็จำต้องเปลี่ยนความตามอักษร
มิได้เลือกตามอย่างทางสุนทร อย่าขอดค่อนว่าฉันตื้นเพราะฝืนใจ
ถึงปากลำน้ำพาชีมีเฝือกกั้น เขาเปิดพอผายผันเข้าไปได้
เรือที่นั่งเข้าไปก่อนถึงตอนใน เรือฉันไปภายหลังรับสั่งพลัน
ให้หยุดอยู่ดูอวนญวนเขาลง แจวเรือวงทอดเวียนดูเหียนหัน
ช่วยกันฉุดชุลมุนวนพัลวัน บางคนดั้นดำน้ำตามเชิงอวน
จวนขึ้นหมดบ่นว่ามีปลาน้อย ดูเสียงกร่อยกันไปไม่แย้มสรวล
แต่เต่ามากระทบเข่าเจ้าพวกญวน จึงชวนกันฮาลั่นสนั่นไป
พอได้มาถามเขาว่าเรียกเต่าหวาย ดูเหลืองจ้อยจับหงายไว้ตัวใหญ่
แต่เรื่องปลาเขาว่าที่น้อยไป เพราะคนแกล้งเอาหางไหลใส่ลำธาร
ปลาในนั้นครั้นว่าถูกยาเบื่อ ตายเปนเบือลอยลงมาน่าสงสาร
ทั้งเล็กใหญ่นับพันดูกันดาร ปลาจึงพานขัดขวางเพราะบางเบา
ปลาที่ได้มาวันนี้มีชื่อน้อย คือปลาสร้อยล่อนกระมางทั้งเข้าเม่า
อิกเนื้ออ่อนคางเบือนทั้งปลาเค้า ท้องพลุเขาบอกให้จึงได้รู้
ปลาหนามหลังทั้งปลาตะเพียนขาว หมดเรื่องราวกันวันนี้ที่มีอยู่
ปลาเล็กน้อยอิกเท่าใดไม่ได้ดู แล้วแจวทวนน้ำอู้ตามเข้าไป
ลำพาชีที่ชวากตรงปากช่อง มีน้ำเหมือนลำคลองเขื่องเขื่องได้
ไม่ก็เลี้ยวเรียวเล็กแคบเข้าไป จนข้างในมีน้ำเหมือนลำธาร
มีหาดกรวดหาดทรายรายระยะ บ้างครุคระกรวดใหญ่ในลหาน
บางแห่งพื้นตื้นเปนเรียวต้องเหนี่ยวกราน เสียงฉ่าฉานคนรอกอตะไคร้
ปะที่ตื้นยืนได้เสมอข้อ ที่ฦกซึ้งถึงฅอยืนพอได้
ปลาน้อยน้อยลอยเปนเหล่าเคล้ากันไป ด้วยน้ำใสเห็นถนัดชัดทุกตัว
ทั้งสองฟากหลากตาพฤกษาสูง ล้วนยางยูงใหญ่ใหญ่มิใช่ชั่ว
ดูรกชัฏเช่นกับป่าจนน่ากลัว ไผ่เปนรั้วทึบตามทางสองข้างคลอง
แซ่ซ้องปักษาทิชาชาติ จับเกลื่อนกลาดโผผินบินลอยล่อง
บ้างอยู่ไกลได้ยินแต่เสียงร้อง ออกแซ่ซ้องมิได้ซาสักนาที
ทั้งรอยสัตวจตุบาทก็กลาดกลุ้ม เข้าสุมทุมซอกซอนส้อนกายหนี
แว่วแต่เสียงแกรกกรากนั้นมากมี เพราะเปนที่สงัดไร้คนไปมา
เสด็จไปถึงข้างในเพียงไม้ขวาง ต้องตัดทางไปลำบากยากนักหนา
จึงให้พายเรือที่นั่งถอยหลังมา เพราะจะกลับมาข้างหน้าก็แคบนัก
ถึงที่กว้างขวางสนัดตัดหน้ากลับ พายฉับฉับชลมากกระชากหนัก
ดูหวิววู่ครู่หนึ่งไม่ถึงพัก ก็มาถึงที่สำนักบ้านปากคลอง
เรือที่นั่งตั้งลำขึ้นฝ่ายเหนือ กระบวนเรือน้อยน้อยตามลอยล่อง
ไปหน่อยหนึ่งถึงที่มีนามพ้อง เขาเรียกร้องต่อมาว่าพาชี
อยู่ฝั่งขวาท่าชันฟันตลิ่ง เอาดินทิ้งตัดทางวางวิถี
ขึ้นบกไปสามเส้นเห็นเหมาะดี ทำเกยที่ร่มไม้มีใบบัง
สูงสิบศอกส่วนกว้างวางไว้หก ใบไม่ปกเปนพนักเสด็จนั่ง
ส่วนข้างในอยากไคร่ดูเปนกำลัง ก็รับสั่งให้ขึ้นไปได้บนนั้น
กับสมเด็จกรมพระกะประสงค์ กรมหมื่นดำรงอยู่ที่นั่น
ข้างล่างเกยเจ้านายก็รายกัน มีใบไม้สคั่นกันสัตวกลัว
พระยาสีหราชเดโชไชย เปนผู้ได้จัดการทุกสิ่งทั่ว
หมู่ทวยหาญคชสารอิกแปดตัว รายเปนรั้วโห่ร้องก้องกันมา
ระยะทางห่างเกยสี่สิบเส้น เดินแผ่เปนปีกไปถึงในป่า
กว้างสิบห้าเส้นกระทั่งฝั่งคงคา เดินเข้าหาเกยตั้งใกล้ฝั่งชล
การโห่เหล่าเข้าตำราว่าจะบอก สัตวเลี่ยงออกไปได้เข้าไพรสนณฑ์
นับเปนการลองไว้พอได้ยล นั่งอยู่จนคนมาถึงหน้าเกย
จึงได้เห็นเปนอันว่าบอกได้ เสียใจนักหนานิจจาเอ๋ย
อยากให้เสือมาสักตัวไม่กลัวเลย ยังไม่เคยเห็นเช่นนี้สักทีเดียว
เมื่อแรกแรกขึ้นไปฉันใจเต้น คอยเขม้นหมู่ไม้มิได้เหลียว
ชเง้อชแง้ทุกคราวที่กราวเกรียว จนเหี่ยวเหี่ยวเข้าทีหลังลงนั่งเนือย
เรือขาล่องคล่องคล้อยเหมือนลอยเหาะ แจวจ้วงเฉาะเฉาะมาฉ่ำเฉื่อย
ไม่ทันดูหมู่ไม้ตามชายเฟือย เรือมาเรื่อยพักหนึ่งถึงพลับพลา
เสด็จลงสรงสนานในกรงกั้น เปนชั้นชั้นที่ตื้นยืนเพียงขา
ที่แหล่งลึกไม่ถึงไหล่ไหลเชี่ยวมา เยือกเย็นกายาสำราญใจ
ฉันหิวเข้าเต็มทีตลีตลาน ไปรับประทานเสียก่อนค่อนข้างได้
ตอนกลางวันอยู่ข้างร้อนดูอ่อนใจ นั่งเขียนไดรีนี้จนเย็น
พอบ่ายสี่โมงเสร็จเสด็จม้า ข้างในไปวอผ้าแลรถเข็น
ไปตลาดชายหาดเขาจัดเปน ที่ขายของเห็นเหลือเล็กน้อย
เขามาซื้อไปเสียแต่กลางวัน มีขนมเผือกมันทั้งกล้วยอ้อย
ป่าวร้องชาวบ้านนั่งร้านคอย คนนับร้อยบันดามาไปหาซื้อ
แต่เนื้อโคแลปลาหามาจ่าย ไม่ได้ขายคนรับอยู่่อึงอื้อ
เปนสเบียงไปไว้ใช้ปลายมือ ตลาดคือจ่ายสเบียงเลี้ยงพลไกร
เดินตามหาดทรายที่ชายเขิบ ดูโตเติบตัดทางไปกว้างใหญ่
ข้างซ้ายมือมีบึงยาวซึ้งไป ขอผัดไว้ว่าทีหลังยังจะมา
ขึ้นเขิบสูงสามวาฤๅกว่านั้น อยู่ข้างชันมากมายจนหงายหน้า
มีบ้านคนสองฟากปากมรคา เรือนสักห้าหกหลังสังเกตดู
เข้าป่าไผ่ไม่ช้าถึงนาเข้า เปนฝุ่นเป่าปลิวว่อนจนอ่อนหู
พอพ้นนาป่าโปร่งโล่งแผ่นภู มีหญ้าปูแต่ว่าแห้งใบแดงไป
เดินครู่หนึ่งถึงนามาอิกทอด ฝุ่นตลอดเกือบจะไม่หายใจได้
ต่อนี้มาไคลคลาในหมู่ไม้ เนินซากไปตั้งแต่นี้ที่เรียกกัน
เดินสบายหายฝุ่นที่มุ่นหมก ไม่เรี้ยวรกอย่างป่าพนาสัณฑ์
ดูราบเตียนเหมือนอย่างเวียนกวาดทุกวัน แลไม่ตันตลอดโล่งโปร่งลูกตา
หมู่ต้นไม้รายระยะเหมือนกะให้ ไม่โตใหญ่โคร่งคร่างกว้างสาขา
น่ารักแท้แต่ต้นตะโกนา มักเข้าท่าไม้ดัดชัดท่วงที
ทางที่มาไม่ได้วัดเพราะตัดใหม่ ซ้ำทำไปไม่ถึงถิ่นสิ้นวิถี
แต่ไม่ข้องขัดขวางป่าข้างนี้ ทางจะมีฤๅไม่มีไม่ร้อนรน
เพราะไม่ต้องตัดพฤกษาถางหญ้าแฝก นึกจะแยกไปไหนได้ไม่ขัดสน
แต่น่ากลัวเดินหลงเที่ยววงวน ดูเปนกลเดียวกันทั้งนั้นไป
ต้องกรุยทางฤๅว่าวางใบพฤกษา สังเกตตาเดินตามกรุยไปได้
ประมาณทางจรลีวันนี้ไว้ เห็นจะได้ร้อยสามสิบพอดิบดี
ตามทางไปได้ปะมขามป้อม เขาหามห้อมไต่ทางหว่างวิถี
ลูกช่างใหญ่พึ่งได้เห็นในคราวนี้ ตขบที่ขนาดใหญ่ไม่เท่าทัน
ถามเขาว่าของหลวงทรงหวงห้าม ยาวสักสามแขนเศษสังเกตมั่น
ลูกเต็มกิ่งเกาะชิดสนิทกัน น่ารักครันราวจะโลดโดดเดินไป
พวกบ่าวบ่าวมันเข้าสั่นที่ข้างทาง ต้องวานจ้างเขาขึ้นห่มกิ่งให้
เสียงเกรียวเกรียวเที่ยวเก็บกันไกลไกล แล้ววิ่งไล่หลังกระบวนสวนขึ้นมา
กระบวนในไปเกือบจะถึงที่ พบเสด็จจรลีเก็บดอกหญ้า
มีหลายอย่างต่างพรรค์กันนานา เห็นจะกว่าสิบสองลองตรวจดู
ที่พวกขาวคราวผ้าขาวลาด เหล่ายาวสั้นปันขาดกันเปนหมู่
ที่แดงดาดเหมือนหนึ่งพาดผ้าชมภู ท่เปนภู่ตามพวกไม่แผกกัน
บ้างเขียวคร่ำดำมัวสลัวเหลือง บ้างกลีบเขื่องบ้างเล็กยาวแลสั้น
บ้างหยอดขาวคล้ายน้ำค้างพร่างพรายพรรณ เปนเช่นนั้นไปทั้งป่าน่าสำราญ
ไปถึงที่มขามป้อมล้อมเปนหมู่ มีแคร่ปูเสื่อสาดสอาดสอ้าน
ลงจากวอจากรถไม่งดนาน ตลีตลานเข้าไปใต้ต้นพลัน
เขาเอาหวายรายผูกทุกกิ่งก้าน จะต้องการเก็บเมื่อไรได้ชั่กสัน
เข้าช่วยกันยื้อยุดฉุดพัลวัน ลูกหล่นชิงกันเก็บออกลาน
ที่ยืนตรงหล่นลงถูกศีรษะ ดังปุปะแซ่ซ้องร้องเสียงขาน
ที่ถูกหลายเปาะหน่อยม่อยไปนาน ไม่ได้การต้องคอยเลี่ยงเบี่ยงเบนตัว
ที่จะเก็บให้ได้มากยากอย่างเอก ถูกหลายเปกก็ต้องออกจนกลอกหัว
อีบ่าวบ่อยพลอยตะกลามตามพันพัว เที่ยวตะครุมไปจนทั่วถึงไล่กัน
ที่กิ่งใหญ่เหนี่ยวไม่ไหวกลายเปนโหน ต้องให้โขลนนายจ่ามาช่วยสั่น
สักหกต้นได้อยู่ที่มีตรงนั้น แต่ลูกไม่เท่ากันกับกลางทาง
ที่ได้เห็นดูเหมือนเปนสามขนาด จนรสชาดเล่าก็ไกลกันคนละอย่าง
ลูกใหญ่เปรี้ยวเคี้ยวอร่อยฝาดถอยจาง แต่เบาบางไม่ใคร่มีที่หมู่นี้
รับสั่งว่าต้นที่มาแวะทรงหัก ดกยิ่งนักต้นต่ำกว่าที่นี่
ต้นก็โตไม่ฝาดรสชาดดี คือกิ่งที่เขาห้ามตามทางมา
อิกต้นหนึ่งถึงกับยืนเก็บได้ แต่ว่าไม่สู้ดกดังที่ว่า
ลูกเปนเหลี่ยมเล็กน้อยถอยลงมา เปนส่วนเก็บกันข้างหน้ามาล่าไป
เก็บอะไรไม่สนุกไปกว่าแน่ เว้นไว้แต่เล่นทุ่งพอเทียบได้
เสียดายครันด้วยตวันลงไรไร เก็บหญ้าไม่ได้เท่าไรก็ค่ำพลบ
เพราะอย่างนี้สิสมเด็จเจ้าพระยา เจ็บมากแล้วยังมาจนสลบ
แลที่่ไหนงามที่นั่นดูครันครบ สนุกลบล้ำที่อื่นฉันตื่นจริง
สมเปนที่สัตรีมาประพาส เพราะเกลื่อนกลาดด้วยของเล่นเช่นผู้หญิง
ฉันเก็บหญ้ามาเปนอย่างพออ้างอิง ไม่ได้ครบทุกสิ่งสิ้นเวลา
ฝรั่งว่าป่านี้งามดีมาก เหมือนอย่างป๊ากเมืองอังกฤษไม่ผิดท่า
สักทุ่มหนึ่งกลับถึงที่พลับพลา ตามสองข้างมรคาเขากองไฟ
ดูสว่างไสวไปในป่า ใช้เช่นนี้ดีกว่ากระบอกไต้
วันนี้มีหมูป่าเขาหาไว้ ถวายในตอนค่ำทำเครื่องอาน
ตลกเล่นละคอนกันในวันนี้ มีดีดสีซอรับร้องขับขาน
ยามหนึ่งก็เลิกไปไม่เล่นนาน ยุติการแดรีวันนี้ไว้ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ