วัน ๔ ๘ฯ ๒ ค่ำ

วัน ๔ ๒ ค่ำ

๏ พอสิบทุ่มถูกกระชากจากไสยาสน์ จะคลาคลาศก่อนแจ้งประจุสมัย
มาล้างหน้าน้ำเย็นเยือกหัวใจ แต่งตัวไว้พร้อมเสร็จเสด็จพลัน
ตีสิบเอ็ดเศษสี่สิบนาที เสด็จทรงพาชีออกผายผัน
กระบวนในไปอย่างวันก่อนนั้น เปลี่ยนแต่รถจรจรัลไปก่อนวอ
ยังไม่สางสุริยาท้องฟ้าคลุ้ม ตะคุ่มตะคุ่มรถขับมาสอสอ
หนาวสท้านสทกในน้ำใจฅอ นั่งหง่อนหง่อมาตามทางข้างเจดีย์
เขาตัดทางเลียบข้างทิศทักษิณ มาจนสิ้นบริเวณเห็นวิถี
เลี้ยวประจิมมาอิกด้านฐานทางนี้ แล้วจึงได้จรลีโดยตรงไป
ทางตัดใหม่ก็ไม่ไกลกับทางเก่า ทั้งแห้งเข้าทางเก่าเสาไสว
คงเห็นสายโทรเลขไม่หลีกไกล ถึงปล่อยไว้ฉันก็คงไม่หลงเลือน
ทางตัดใหม่ห้ามไม่ให้เกวียนเดินชัก แต่ไม่ฟังมันยังลักเดินกันเปื้อน
จนเปนฝุ่นฟุ้งหนักหนาหูตาเฟือน เสื้อแสงเปื้อนขาวปลอดตลอดตัว
เมื่อแรกมายังไม่ไกลองค์พระ เห็นแต่ไผ่เรอะระไปทั่วทั่ว
ล้วนใบแดงแห้งหยองเหมือนหมองมัว ฟ้าสลัวแลชัดสนัดตา
ฤๅอยู่ใกล้ได้ข่าวพระแท่นสถาน ว่าพระเจ้าเข้านิพพานที่แผ่นผา
ทั่วทั้งโลกโศกเศร้าเปล่าวิญญา แต่ชั้นหญ้าก็ร้องไห้มิได้คลาย
จึงพลอยหงอยจ๋อยไปไม่สดชื่น ยังตายขุยดาดดื่นเพราะใจหาย
ควรต่อเรื่องหญ้าร้องไห้ได้สบาย ท่านซึมทราบสิ้นทั้งหลายคงสาธุการ
น่ารักแท้แต่ไร่เขาปลูกอ้อย มิใช่น้อยแลลิ่วตลอดย่าน
ดูริมทางสองข้างแสนสำราญ ต่อนานนานเว้นไปไร่ถั่วมี
เขาว่างาเปนสินค้าข้างนี้มาก ฉันอยากเห็นยังไม่พบเลยที่นี่
ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลทางจรลี แต่เห็นมีมพร้าวหมากมากกะไร
โรงหีบอ้อยสองหมู่อยู่ห่างห่าง เห็นท่าทางโรงโกงก็โตใหญ่
กำลังต้มควันขมงตรงปล่องไฟ ลมพัดได้กลิ่นฉ่ำน้ำตาลทราย
ฉันตามเสด็จมาทางนี้ปีฉลู ดูไม่สู้มีไร่ไปมากหลาย
สิบเอ็ดปีมีคนขึ้นมากมาย เปนไร่รายตลอดข้างหนทางมา
จนเกินที่กุดตะโหนดมิใช่น้อย เปนทางเดินสองร้อยเส้นกว่ากว่า
เปนแจกมากกว่าอื่นออกดื่นตา ไปภายหน้าหนองแขมคงมีคน
วัดอ้ายก้องของคุณหญิงหนูมาสร้าง ชื่อจากช้างเลี้ยงไว้ในไพรสณฑ์
ชื่อพลายก้องจึงร้องเรียกชื่อตำบล บ้านอ้ายก้องเลยจนถึงชื่อวัด
มีอุโบสถสถานวิหารตั้ง อยู่สองหลังใหม่ใหม่ใหญ่ถนัด
กำแพงแก้วกุฎีมีสารพัด รถเดินตัดเฉียดมาข้างขวาทาง
กุดตะโหนดนั้นเขาทำโรงน้ำร้อน เปนที่หยุดพักผ่อนไม่ขัดขวาง
น้ำร้อนเย็นโซดามารายวาง เรียกอะไรได้ทุกอย่างไม่ยากใจ
ทางต่อมามีพฤกษาพึ่งกานตัด เปนจังหวัดที่จะทำไร่ไปใหม่
บางแห่งปลูกอ้อยบ้างอย่างข้างใน ทางต่อไปเปนป่าพฤกษาราย
มีศาลาสองห้องสองสามแห่ง พอรู้แจ้งด้วยว่ามีเปนที่หมาย
คือหลังคาเปนปั้นหย่าอยู่กลายกลาย ท่านกรมท่าที่ตายท่านชอบนัก
อิกศาลาท่าทางอยู่ข้างขัน ปั้นหย่ามีหน้าบันเหมือนพังหัก
เปนหลังใหญ่ไว้เปนที่สำนัก ใกล้ที่พักหนองแขมแรมค้างคืน
เข้าปะรำทำยาวราวสักเส้น ใบไม้เปนเฟื่องย้อยห้อยสดื้น
ผูกธงสีต่างต่างอย่างครึกครื้น ทางเดินราบปราบรื่นดังหน้ากลอง
เจ้าเมืองกรมการกับลูกค้า มาพร้อมหน้าคอยเฝ้าไม่เศร้าหมอง
ถวายเข้าห่อตั้งไว้ทั้งกอง เสด็จถึงหนองแขมค่อนข้างเช้า
โมงหนึ่งกับห้าสิบสามมินิต สองชั่วโมงเศษอิกหนิดเขาบอกเล่า
กระบวนรถก็ไปถึงเร็วไม่เบา เสวยเข้าต้มเสร็จเสด็จจร
กระบวนวอต่อเสด็จแล้วจึงถึง พักหน่อยหนึ่งฉันจะว่าพลับพลาก่อน
หลังข้างหน้าห้าห้องเปนสองตอน กันฝาผ่อนให้กว้างส่วนข้างใน
มีอิกหลังตั้งขวางชนหลังเก่า ชักฝาเข้าบรรจบกับหลังใหญ่
เฉลียงแล่นรอบสนิทติดกันไป เฟี้ยมไม้ไผ่เกลี้ยงเกลาเข้าฝากัน
ดูกว้างใหญ่ไปกว่าที่ประทับร้อน น่านั่งนอนเปนสุขเกษมสันต์
ยังอิกหลังตั้งห่างหลังใหญ่นั้น รั้วแฝกกั้นคันขอบรอบพลับพลา
ระยะทางตั้งแต่หนองแขมไป เปนบ่าไม้แล้งดอนแดดร้อนกล้า
ที่หนทางกลางย่านมีศาลา อย่างเจ้าคุณกรมท่าที่กล่าวไว้
แต่ศาลาห้วยกะบอกที่สำนัก เหมือนหนองแขมบันไม่หักหาผิดไม่
เข้าแขวงเมืองราชบุรีแต่นี้ไป พลับพลาเปนอย่างไทยนั่งไม่พอ
เฉลียงรอบครอบลำต้นพฤกษา ปะรำแฝกดาดมายกพื้นต่อ
รถมาถึงไม่สู้ช้ากว่าพระวอ เพราะม้าท้อกำลังไปไม่แขงแรง
เสด็จมาระยะนี้สองโมงหย่อน ด้วยแดดร้อนต้นไม้ก็ใบแห้ง
น้ำเลี้ยงรากไม่มีที่แห้งแล้ง ถ้าจะแคลงว่าร้องไห้ได้อิกทาง
ประทับช้าเกือบห้าชั่วโมงถ้วน จัดกระบวนเปลี่ยนใหม่ไปอิกอย่าง
ทางสามร้อยฝีเท้าม้าว่าอย่างกลาง สบัดย่างสองโมงครึ่งถึงพลับพลา
กระบวนวอพอสามชั่วโมงถึง จึงรับสั่งให้ครรไลล่วงไปหนา
ครึ่งชั่วโมงหมายมาดคาดเวลา ส่วนรถทูลกระหม่อมฟ้าเมื่อมานั้น
มาอ่อนล้ามาไม่ไหวต้องไปฉุด เพราะได้หยุดที่พลับพลาเวลาสั้น
ให้ไปหน้าม้าที่นั่งพลาดพลั้งพลัน ช่วยผ่อนผันแก้ไขได้ทันที
รถข้างในม้าได้พักอยู่น้อย กำลังถอยคงไม่ไปได้เร็วรี่
จะต้องสวนกระบวนกลางทางจรลี ให้อยู่ที่ตอนหลังดังก่อนกาล
ไปร้อยเส้นเห็นรถทูลหม่อมหยุด ด้วยม้าใหม่แรงรุดกำลังพล่าน
ไปเร็วทันกระบวนวอต้องรอนาน ก็เดือดดาลลำพองคนองนัก
ต้องกลับให้ไปอยู่ภายหลังม้า เสด็จมาโดยด่วนจวนถึงหลัก
ร้อยห้าสิบสบวอต้องรอพัก ม้าขึ้นหน้ามาถึงหลักที่สองร้อย
มีปะรำน้ำกรอกกระบอกแขวน ใครขาดแคลนจะได้ไปใช้สอย
สมเด็จกรมพระพระองค์น้อย ทรงม้าคอยรับเสด็จอยู่ที่นั้น
พระยาศรีสรราชภักดี มากำกับการที่นี่ทุกสิ่งสรรพ์
นำนายส่วยถวายของกองใหญ่ครัน บ้านสำคัญตำบลนี้มีนิทาน
ว่าเมื่อพระมาประทับพระแท่นนี้ ต่างตกใจเต็มทีทั่วทุกบ้าน
บรรดาใครเปนหมอไม่นิ่งนาน วิ่งตะลีตะลานทยานมา
จึงสำเหนียกเรียกชื่อบ้านหมอสอ อยู่ติดต่อบ้านโป่งไปข้างหน้า
ในท้องที่เหล่านี้มีคันนา พวกพระแท่นทำมาตลอดไป
ไปหน่อยหนึ่งถึงที่พื้นทรายขาว ล้อรถจมราวสามนิ้วได้
ดูกระหนืดตืดตึงเปนเหลือใจ กำลังม้าลากไปไม่ใคร่คลา
ต้องเอาคนช่วยรุนจึงหมุนเลื่อน เปนฝุ่นขาวฟุ้งเกลื่อนตระหลบหน้า
มาหน่อยหนึ่งถึงฉลากมรคา บอกว่าที่นี่ลำพระยาพาย
ตำบลนี้มีเรื่องเหมือนเบื้องหลัง ว่าพระยาได้ฟังก็ใจหาย
ไม่ทันเรียกบ่าวไพร่ใจวุ่นวาย ลงเรือพายจ้ำมาไม่รารอ
พอสิ้นทางทรายขาวเข้าเขตวัด คนเยียดยัดวิ่งถลามาดูสอ
มีศาลาใหญ่ใหญ่ปลูกไว้พอ โรงครัวมอเข้าของกองรุงรัง
ที่ตรงหน้านั้นศาลาหลังคาจาก มีอยู่มากปลูกติดกันหลายหลัง
คนอาศรัยเนื่องหน้าดาประดัง ข้างซ้ายตั้งที่อยู่หมู่กุฎี
พระธรรมวโรดมกับพระสงฆ์ ลงมานั่งรับเสด็จอยู่ที่นี่
พระพิศาลมาแต่เพ็ชรบุรี ยังเมืองอื่นมาก็มีอิกหลายองค์
เข้าดงรังตั้งแต่บ้านโป่งมา แลดูหมู่พฤกษาน่าพิศวง
ไม่มีใบโหรงหมดเหมือนปลดปลง โกนฤๅถอนไปทั้งดงด้วยทุกข์ร้อน
กระบวนมายังไม่ห้าโมงก็ถึง กระบวนวอช้าอิกครึ่งโมงถึงก่อน
กระบวนรถถึงเย็นเห็นรอนรอน ช่างเหนื่อยอ่อนนี่กระไรไม่มีแรง
เกวียนเสื้อผ้ายังไม่มาจนปานนี้ หิวเต็มที่นั่งกร่องจนท้องแห้ง
ที่พลับพลาฝาเลื่อนเหลือสำแดง จะไว้แจ้งต่อพรุ่งนี้มีเวลา
เวลาค่ำเสด็จขึ้นนมัสการ ที่สถานพระแท่นทางข้างหน้า
ให้นิมนต์พระสงฆ์บันดามา สวดมนต์ห้าสิบแปดเปนจำนวน
ทรงถวายสบงแลจีวร ผ้าห่มนอนที่ผู้ใหญ่ก็ได้ถ้วน
จุดเทียนรายรอบกำแพงแต่งตามควร เสด็จด่วนกลับแลพักสักยามปลาย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ