วัน ๗ ๑๑ฯ ๒ ค่ำ

วัน ๗ ๑๑ ๒ ค่ำ

๏ เมื่อเช้ามืดนี้นอนค่อนข้างหนาว ปรอทราวหกสิบเก้าลดเต็มที่
แต่เรื่องข้างร้อนนั้นพันทวี ดูอัดอ้าวเต็มทีชวนตึงตัว
ปรอทเพียงแปดสิบแปดแต่แดดร้าย ตกตอนบ่ายยิ่งยวดเกือบปวดหัว
ดูยกหัวไม่ใคร่ขึ้นให้มึนมัว นึกน่ากลัวเปนไข้ได้ระวัง
ในวันนี้นั้นไม่มีที่ประพาส ที่มุ่งมาดไว้สมอารมณ์หวัง
กลัวเวลาจะไม่ว่างค้างรุงรัง ด้วยว่ายังติดรามาแต่วาน
อันที่ในค่ายหลวงทำคราวนี้ แสนสนุกพ้นที่จะเล่าขาน
หน้าค่ายผันตวันออกอย่างโบราณ ไม่เต็มด้านค่อนเยื้องเบื้องอุดร
ที่รั้วค่ายไม้ไผ่เสี้ยมปลายปัก ประตูยักอย่างใหม่ไม่เหมือนก่อน
ทำนองข้างอย่างยี่ปุ่นใช้เปนคอน ไก่จับนอนมีหนังสือชื่อพลับพลา
ว่า “ค่ายหลวงเมืองกาญจนบุรี” เขียนเช่นนี้ตัวเรียงเฉียงไปขวา
ผูกเปนลายคล้ายจีนอักขรา ตรงเข้ามาเสาธงอยู่ตรงกลาง
เชิงเสาปักชักกระโจมที่แตรเป่า ตัดทางอ้อมค้อมเข้าทั้งสองข้าง
รั้วไม้รวกเปนพนักปักริมทาง คล้ายกับอย่างสวนหญ้าท่าทำนอง
ริมรั้วค่ายซ้ายขวาข้างหน้านั้น เรือนยี่ปุ่นตรงกันปลูกไว้สอง
สำหรับหมู่มหาดเล็กประจำซอง พระเจ้าน้องเธอที่แอดดิกง
ข้างซ้ายมีที่เล่นละคอนฝรั่ง มีม่านหลังเหี่ยวเหี่ยวเปนป่ารหง
ปะรำรอบรั้วค่ายวางรายวง ที่ทหารรักษาองค์ได้อยู่พัก
ตำรวจแสงหอกดาบนาฬิกา ปะรำใบพฤกษาวางรายปัก
ห้องเครื่องตั้งหลังออกไปไม่ไกลนัก หนทางชักรั้วล้อมเดินอ้อมวง
ท้องพระโรงฝ่ายหน้ามีห้าห้อง กั้นฉากทองยี่ปุ่นปักเปนรูปหงส์
เชิงเสาลายผ้ากั้นช่างบรรจง ห้องเล็กคงสองข้างตามตำรา
ที่หลังฉากเฉลียงในเถ้าแก่นั่ง ข้างเบื้องหลังไม้ลำทำเปนฝา
ต่อเข้าไปตรงนี้มีหลังคา เปนประทุนเข้ามาชนมุขใน
หลังใหญ่นี้สี่ห้องเปนสองชั้น มุขกระสันด้านหน้าหลังคาใหญ่
เปนชั้นเดียวพื้นแล่นถึงหลังใน มีเฉลียงรอบไปทั้งสี่ทิศ
ด้านหุ้มกลองสองข้างนั้นกั้นฝา เฉลียงหลังมุขหน้าไม่ป้องปิด
เปนเสาโถงโปร่งชักมุ่ลี่ชิด ผูกม่านติดไว้กับเสาเข้าท่วงที
ฝาข้างนอกนั้นใช้ไม้ลำตั้ง แทนผนังเวียงชิดสนิทถี่
ประจันห้องฉากทองล้วนของดี ห้อยมุ่ลี่ลูกปัดถัดเพดาน
ห้องล่างปันกันเปนที่เสวยเช้า แดดไม่เข้าไปได้ดูไพศาล
เฉลียงใต้ไปอิกทีมีทวาร ไม่มีบานอัฒจันท์ชั้นชไมย
ที่ชั้นนั้นกั้นห้องเสมอเฉลียง ห้องเล็กเคียงริมผนังข้างด้านใต้
อิกสองห้องตรงกลางทิ้งว่างไว้ ห้องเหนือใช้ทั้งเฉลียงเตียงประทม
ถัดเข้าไปห้องไว้พระภูษา เครื่องยี่ปุ่นนานาหาสะสม
ชั้วกระจกฉากมู่ลี่มีอุดม โคมขวดตั้งโต๊ะพรมประดับประดา
ต้นไม้ดัดอัฒจันท์ทุกคั่นตั้ง ไม้ฝรั่งเรียงรันพรรณพฤกษา
ทั้งกล้วยไม้ใส่กระเช้าแขวนชายคา บ้างติดค่าคบไม้ให้เกี่ยวพัน
เรือนข้างในไว้ระยะจังหวะปลูก กะให้ถูกตามตำหรับไม่สับคั่น
ที่ตรงหลังพระที่นั่งออกไปนั้น สนามหญ้าใหญ่ครันเขียวขจี
พระตำหนักตโกนาดูน่ารัก ช่างเล็กนักน่าเอ็นดูกระจู๋กระจี๋
แต่โดยยาวเก้าศอกข้างด้านรี ด้านกว้างนี้ห้าศอกคืบสืบได้ชัด
เลือกไม้ลำทำฝาหาย่อมย่อม ให้เล็กพร้อมไปทุกอย่างไม่ขวางขัด
ส่วนสูงต่ำทำรูปกระทัดรัด เช็ดหน้าตัดส่วนลงวงน้อยน้อย
เปนสองชั้นกั้นฝามาแต่ครึ่ง อิกด้านหนึ่งเปนเฉลียงรเบียงห้อย
ฉากยี่ปุ่นฝาประจันกั้นเรียบร้อย ที่เฉลียงเสาลอยมีพนัก
ที่ด้านหน้าย่อออกมาเปนชาน แขวนเหลี่ยมบานหนึ่งตรงขื่อชื่อตำหนัก
บันไดขึ้นสองชั้นมีคั่นพัก ชั้นล่างเตี้ยตึกตักเจียนต้องมุด
กั้นฝารอบขอบมิดไม่เปิดโถง ห้องสรงโอ่งน่าเอ็นดูเปนที่สุด
ข้าหลวงโตเกินขนาดชาติมนุษย์ เหมือนหนุมานนอนคุดเต็มศาสา
ที่เขตรขอบรอบนั้นขยันยิ่ง มีลูกลิงอยู่บนหลักเล็กนักหนา
เต่าบนหลังตั้งกูบเช่นคชา รับสั่งว่าเข้าแบบประเพณี
เสด็จมาเมื่อยังทรงพระเยาว์ ก็มาทรงเล่นเต่ากูบที่นี่
ตัวหนึ่งไข่ออกมาได้ขยันดี รูปรีรีเหมือนไข่ไก่ไม่สู้โต
เป็ดไก่ขังไว้ตรงใต้ถุน ยังเจ้าห่านพานจะวุ่นกวนโทโส
ได้ยินเสียงกันไม่ได้ให้พาโล ชวนกันโห่หนวกหูไม่รู้วาย
ตุ่นอ้นปนอยู่กรงเดียวกัน มีฝาคั่นฟันเหียนหุบไม่หาย
ทูลหม่อมใหญ่ทรงหยอดอย่างมากมาย ทั้งสบายแลสนุกทุกเวลา
ที่ติดกันนั้นตำหนักป่าเวฬุ ชื่อฉลุฉลากเห็นเส้นเลขา
กอเวฬุหลายหมู่เรียงกันมา เปนพลับพลาสมเด็จเสด็จเนา
พระตำหนักอุทุมพรตอนข้างใต้ มเดื่อใหญ่หลายกำลำเท่าเสา
ตั้งนามตามนามไม้เพราะไม่เบา ได้เปนเค้าข้อกำหนดจดตำบล
ตำหนักนี้ที่เสด็จที่บนประทับ คู่กันกับตำหนักเหนือนั้นมีต้น
ฆ้องกลองใหญ่อยู่บนเนินดูน่ายล จึงเปนกลกะนามตามต้นไม้
ชื่อว่าดอนฆ้องกลองสนองเสนาะ จัดจำเพาะสองหมู่ให้อยู่ใกล้
ท่านองค์เล็กยับยั้งดังจัดไว้ เปนหลังใหญ่ทั้งสามงามพึงตา
ยังแถวห่างหว่างจังหวะระยะนี้ ตำหนักมีหลายหมู่ชื่ออยู่หน้า
ช่องชงโคเคียงกันเปนหลั่นมา ชื่อว่าโตแต่ก้อมล้อมด้วยรั้ว
อ้อมซ้องแมวแถวนี้เปนที่สาม แล้วเลี้ยวตามที่ไปชื่อไม่ชั่ว
ตำหนักแถวไผ่รายใกล้ท้ายครัว

เลี้ยวขึ้นมามีตัวหนังสือชัด

ชื่อว่าตำหนักหลายไผ่เรียง อยู่ใกล้เคียงต้นตะคายรายถัดถัด
ยังเรือนแถวแนวนอกบอกบันทัด ปลายเขตรข่อยเลือกคัดเปนท้าวนาง
ไปอยู่นั่นชวนกันปลื้มลืมเก่าแก่ ยอมรับแพ้เมื่อกระนั้นนึกห่างห่าง
ยังครางร่นบ่นแซ่แต่หลงทาง ด้วยรั้วขวางเดินไปไหนไม่คล่องใจ
ตำหนักที่มีนามตามว่านั้น จะเหมือนกันแต่สักหลังก็หาไม่
ยักโน่นหน่อยนี่นิดผิดกันไป จะว่าให้ชัดเจนเห็นจะยาว
หนึ่งแผนที่มิได้เห็นเส้นเลขา ถึงพรรณาไปยังค่ำคำบอกกล่าว
ก็คงไม่เข้าใจได้เรื่องราว ว่าคร่าวคร่าวไปเล่นเห็นป่วยการ
ขอรวมความตามตำหนักทั้งหลายนี้ ล้วนแต่ยี่ปุ่นสิ้นถิ่นสถาน
ฝาไม้รวกเสื่อลาดดาดเพดาน มุ่ลี่ม่านฉากพับสลับบัง
มีห้องน้ำทำไว้ให้ทุกแห่ง เครื่องตกแต่งจนตุ่มใส่น้ำตั้ง
กลัวจะร้อนผ่อนหาพุ่มไม้บัง เหมือนเรือนตั้งอยู่ในสวนชวนสบาย
ริมหนทางวางรั้วไม้รวกกั้น เปนทางเลี้ยวลดหลั่นไปทั้งค่าย
ถนนราบปราบรื่นแล้วโรยทราย เดินสบายเปื้อนเปรอะเปนไม่มี
ที่ข้างเหนือพระที่นั่งตั้งพลับพลา ไม่มีฝาตั้งนามไว้ตามที่
โดยสำเหนืยกเรียกว่าดอยหมูพี ใช้เปนที่เสวยค่ำทำเครื่องอาน
หน้าตำหนักท่านองค์เล็กเตาเหล็กตั้ง มีแคร่นั่งปัดกวาดสอาดสอ้าน
ทั้งฟืนตองกองพอหม้อเชิงกราน ของสดซึ่งจะทำการก็แขวนไว้
ไร่ผักกาดดาษดาหน้าตำหนัก ปลูกใหม่นักเหี่ยวไปใช้ไม่ได้
กระหล่ำปลีสดดีได้ลองใช้ ตั้งเครื่องในวันนี้ดูมีรส
สวนไม้ดอกต่อออกไปอิกหน่อย ยี่สุ่นยี่ส้อยต่างสีก็มีหมด
โกรต๋นลายหลายชนิดดูบิดคด ต้นโมกดัดกิ่งชดช่อดอกพัว
เปนสวนที่มีอะไรแล้วไม่ว่า สุดจะร่ำพรรณาไปให้ทั่ว
รอบจังหวัดกรงสัตว์มีหลายตัว อยู่กลางรั้วร่มไม้ใบปกบัง
กรงนกแก้วนกเขาเข้าเปนคู่ ตั้งอยู่ที่ชลาหน้าพระที่นั่ง
กรงเนื้อทรายกับกระต่ายแต่ลำพัง นกยูงขังกรงใหญ่ไว้ชมเชย
ยังเป็ดไก่ในใต้ถุนทุกตำหนัก เอามากักไว้นักหนาเจ้าข้าเอ๋ย
เสียงแก๊กก๊ากก้องไปไม่หยุดเลย พลัดออกมาเดินเฉยอยู่ก็มี
เวลาค่ำโคมลานแลไสว โคมหิ้วใช้ด้วยบ้างที่ต่างสี
โคมกระดาษกลาดดื่นดวงอัคคี ยามราตรีก็สว่างคล้ายกลางวัน
มีแคร่นั่งทั้งชิงช้าตามหน้าตำหนัก ทำเยื้องยักหลายอย่างต่างต่างคั่น
ปูเสื่อหวายรายเก้าอี้มีต่างกัน ทั้งยาวสั้นเล็กใหญ่ใช้ตามควร
บางทีมีร่มยี่ปุ่นกั้ง ปักบังแดดไว้ที่ในสวน
ประตูค่ายฝ่ายเหนือนิยมยวน กั้นฉนวนข้างในลงสรงคงคา
ฉายดินฟั่นคั่นบันไดไม้ไผ่สกัด ตีเรือกตัดทางตรงลงถึงท่า

ที่ในลำนทีมีพลับพลา

ปะรำรอบขอบฝาใบตาลราย
ที่ในน้ำซ้ำขึงลวดข่ายกั้น สำหรับกันฝูงสัตว์สิ้นทั้งหลาย
ในวารีมิให้มีมาใกล้กลาย เปนน้ำทรายเพียงสเอวอาบเย็นจริง
พระยาเพ็ชรบุรีที่นายด้าน ได้ทำการดูทั่วไปทุกสิ่ง
ยี่สิบวันมีเวลาน่าประวิง เร็วอย่างยิ่งทำเสร็จสำเร็จการ
วันนี้แสงทินกรนั้นร้อนกล้า ตกเวลาบ่ายลงสรงสนาน
ตกค่ำมียิเกกลายคลายรำคาญ ล้วนตลกเสียงสท้านสเทื้อนไป
ทรงเมื่อยเหนื่อยมาแต่วานนี้ โปรดให้มีหาได้ทอดพระเนตรไม่
ทูลหม่อมกับเจ้านายข้างฝ่ายใน เสด็จไปทอดพระเนตรจนยามนาน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ