วัน ๓ ๑๔ฯ ๒ ค่ำ

วัน ๓ ๑๔ ๒ ค่ำ

๏ บ่ายสี่โมงข้ามมาท่าทำเนียบ หนทางเรียบปราบรื่นลื่นไถล
เลี้ยวข้างขวามรคาเมื่อขึ้นไป เดินไปในหว่างตลาดคนกลาดกลา
ไม่เปนโรงเปิดโถงเช่นที่อื่น รั้วไม้รวกกั้นยืนเปนขอบฝา
ประตูบ้านร้านตั้งติดกันมา ขายสินค้าหลายอย่างต่างต่างกัน
ที่เมืองนี้นั้นไม่มีอะไรมาก หาของฝากไม่ใคร่ได้ดังใจฉัน
มีแต่ยาฤๅก็ดูอยู่ข้างอัน แต่กระนั้นยังต้องตรุดสุดปัญญา
เขาขายกันนั้นแต่ชั่วยาลังใหญ่ ต้องสั่งให้ทำเล็กเล็กเที่ยวเลือกหา
คนอื่นซื้อเขาไม่ขายเพราะหมายมา สำหรับว่าเปนอย่างขายข้างใน
ลังสี่เหลี่ยมเอี่ยมตาซ้อนห้าชั้น แต่กระนั้นหาซื้อไม่ใคร่ได้
ลังรีหนึ่งขายสลึงกับสองไพ ห่อกระดาษเล็กใหญ่ก็ยังมี
เสื่อนอนหวายขายราคาห้าสลึง อิกแห่งหนึ่งบาทเฟื้องเื้องอย่างหนี
ไปอิกแห่งบาทหนึ่งลดถึงดี ไม่รู้ที่จะกำหนดแน่อย่างไร
แต่คิดไปก็อยู่ในเปนเรื่องตรุด จะเอายุตติลงคงไม่ได้
กระแจะตนาวที่นี่เขามีใช้ ฉันซื้อได้ยี่สิบอันต่อเฟื้อง
ของนอกนี้ไม่เห็นมีอะไรขาย ล้วนผ้าขาวผ้าลายของทองเหลือง
ซื้อบางกอกออกมาขายหัวเมือง ไม่ได้เรื่องรำคาญขี้คร้านดู
ของสดคาวผักหญ้าก็หายาก แสนวิบากเต็มเบื่อแต่เนื้อหมู
แต่ยังดิบดำอย่างไรก็ไม่รู้ เป็ดไก่เกือบไม่มีผู้จะกินเปน
แต่สัตว์ป่าพรานหามาได้บ้าง อีเก้งกวางนกไก่ฉันได้เห็น
มักได้มาในเวลาตอนเย็นเย็น คนเครื่องเล่นกันท่าไรไม่ได้ความ
เหลวกันไปไม่ได้ตั้งเครื่องถวาย เลยวุ่นวายจนกระทั่งครั้งที่สาม
เกือบต้องทิ้งชลธารพานจะงาม ออกเกิดคร้ามเลยตั้งจนคั่งกัน
ตามตลาดดาดประรำผ้าขาวเทศ ที่วิเศษเสื่อปูดูคมสัน
โต๊ะบูชาหน้าเรือนเหมือนเหมือนกัน มีลูกจันทน์นับหมื่นดื่นไนตา
บ้างถือมานั่งอยู่ชูพานถวาย คนเรี่ยรายอยู่ทุกบ้านขนานหน้า
เรือนที่นี่มีล้วนแต่แฝกคา ที่เปนฝากระดานน้อยไม่ค่อยมี
มีตึกตั้งหลังเดียวเจียวทั้งย่าน คือที่บ้านจีนแสสิ้วซิ้วเต็มที่
ทูลถามว่าถ้าจะเฝ้าท่านคราวนี้ ใช้วิธียืนฤๅนั่งเปนอย่างไร
รับสั่งว่าใช้ตำราอย่างโค้งโค้ง แกลุกขึ้นตะโพงพุ้ยเสียใหญ่
แล้วมีศาลเจ้าจีนต่อออกไป ชื่ออาเหนียเรี่ยไรทำไว้พลัน
ต่อนั้นไปก็ไม่เปนท้องตลาด บ้านเรือนลาดเรียงชิดติดเปนหลั่น
แลเห็นป้อมกำแพงเมืองดูเนื่องกัน ประตูใหญ่สร้างสรรค์อย่างหอรบ
กำแพงยาวสิบสองเส้นเปนคำว่า มีเศษสิบสองวาเพิ่มบรรจบ
กว้างห้าเส้นห้าวาวัดมาครบ ประตูใหญ่ได้พบแปดประตู
ยังช่องกุดใบสีมาว่ามีสอง ป้อมมีหกเห็นทำนองนั้นเปนคู่
เขาถางเตียนเลี่ยนตาเห็นน่าดู จึงได้สู้จดจำเปนตำรา
เข้าประตูดูเชิงเทินเปนเนินลาด ยุรยาตรไปตามทางเห็นข้างหน้า
ศาลากลางอยู่ข้างมรคา ไม่มีฝาห้าห้องท้องกระดาน
ดูทำอย่างเกลี้ยงเกลี้ยงเฉลียงรอบ มิได้ไปสวนสอบถึงสถาน
เดินค่อยค่อยหน่อยหนึ่งมิได้นาน ก็ถึงศาลเทพารักษ์พระหลักเมือง
ก่อนผนังหลังคากระเบื้องทราย มีเขื่อนรายเรียงจังหวะระยะเนื่อง
ชรอยจะศักดิสิทธิ์ฤทธิเรือง เห็นมีเครื่องตุ๊กตามาตั้งไว้
เจว็ดเห็นเปนจอมปลวกขึ้นบวกพอก ทีจะงอกมานานพานจะใหญ่
ศาลทรงเมืองเรืองฤทธาอยู่ขวาไป ศาลเสื้อเมืองปลูกไว้ข้างซ้ายมือ
ศาลเสาไม้แก่นมุงกระเบื้อง ได้รับเครื่องบวงบนคนนับถือ
เห็นยายกริมริมประตูดูจั๊บปรือ ถือหนังสือคอยถวายรายผัวแก
เปนกรมการพนักงานเก็บอาวุธ ขอยกบุตรทำไร่ใกล้กระแส
แกช่างพูดไม่หยุดปากมากแท้แท้ เสียงอ้อแอ้ออดไปไม่ขาดคำ
เข้าประตูต่อไปอยู่ใกล้ติด มีตึกปิดบานประตูดูเก่าคร่ำ
มีเรือนคนที่รักษามาประจำ อยู่ในกำแพงรอบเปนขอบคัน
มีตึกดินอยู่ข้างหลังตั้งตามขวาง ทำเปนตึกอย่างโบราณพานจะมั่น
ไว้อาวุธมีเฉลียงอยู่เคียงกัน ประตูปิดประแจลั่นประจำไว้
เก็บปืนคาบศิลาขานกยาง ปากนกกระสุนกลางเล็กแลใหญ่
เปนเมืองด่านเตรียมการเครื่องชิงไชย จะได้ใช้คุ้มครองป้องกันแดน
นึกว่าหมดกันเท่านี้ทีจะกลับ รองเท้าคับยิ่งยวดมันปวดแสน
เหยียบลงไปไม่สนัดพลัดคลอนแคลน ปวดปลาบแล่นถึงหัวใจไม่อยากจร
ออกจากนั้นครรไลไม่หยุดยั้ง ถึงหลักฝังอาถรรพ์กันแต่ก่อน
เมื่อสำเร็จเสร็จสร้างการนคร มีอักษรจาฤกหลักศิลาไลย
ปรากฎเปนสำเนาเค้าคดี ใจความตามที่มีอ่านได้
ว่าเดือนสี่ค่ำวันนั้นว่างไว้ มโรงใช้ศกสี่พิธีกาล
ได้สวดมนต์ทุกประตูแลหมู่ป้อม กลางเมืองพร้อมกันทั่วทุกสถาน
ยิงปืนใหญ่ได้สามทิวาวาร ตั้งศาลาท่อทานทิ้งกัลปพฤกษ์
มีละคอนโขนหนังทั้งจีนไทย เพลงปรบไก่ตามลบองเสียงก้องกึก
ดอกไม้เพลิงจุดกลางคืนเสียงครื้นครึก ดูพันฦกไทยทานการทั้งปวง
แผ่กุศลจนข้างปลายมีรายงาน ที่ทำการซ้ำอิกทีที่แล้วล่วง
เครื่องอาถรรพ์พรรณาว่าถึงทวง แผ่นทองแดงโดยกระทรวงส่งออกมา
ราชสีห์คชสารแลรูปเต่า กลับมาเข้าพิธีตามที่ว่า
ฝังลงไว้ในพื้นพสุธา ที่ตรงหลักศิลาจาฤกนี้
ลงปลายกลายเปนอธิฐาน ขอนิพพานดับทุกข์เปนสุขี
ข้างหลังซ้ำลงวันแลเดือนปี อันดิถีที่สมโภชนครนั้น
ในวันจันทร์เดือนสี่ปีที่อ้าง ในข้างแรมสิบสามคำจำได้มั่น
ศักราชพันร้อยสร้อยสำคัญ เก้าสิบสี่ปีวันที่กอบการ
ในจดหมายข้างท้ายนั้นบอกว่า มิใช่ปฤศนาอย่าล้างผลาญ
กระเทาะยับไปเสียบ้างคนจัณฑาล จนถึงอ่านต่อไปไม่ได้ความ
ถึงจดหมายไว้เช่นนี้มีจะแจ้ง ยังคิดแคลงโดยหวังไม่ฟังห้าม
ขุดกันเสียออกเปรอะเลอะลามปาม ตรวจดูตามหลักนี้ไม่มีอะไร
ออกจากนี้จรลีต่อไปอีก ถ้ามีปีกแลจะบินไปจงได้
ให้เท้าลอยห้อยอยู่รู้แล้วไป เดินไม่ไหวล้าหลังเหื่อพรั่งมา
มีรั้วบ้านในปราการนั้นน้อยแห่ง ด้วยหน้าแล้งดอนจัดขัดน้ำท่า
ออกประตูช่องกุฏิย้อนกลับมา เดินผ่านหน้าป้อมใหญ่ย่านกลางเมือง
เปนป้อมซ้อนสองชั้นปันจังหวะ วางระยะปืนใหญ่ไว้แนวเนื่อง
โรงจากปลูกครอบใหม่ไว้นองเนือง โรงกระเบื้องของโบราณพานจะน้อย
เสด็จสู่วัดเหนือเมื่อขากลับ พระสงฆ์รับอยู่ที่หน้าพากันถอย
ไปรับเสด็จที่ศาลาพร้อมหน้าคอย ไปรับสั่งด้วยสักหน่อยแล้วครรไลย
ทอดพระเนตรเขตรอุโบสถสถาน ท่านสมภารร้อปลงลงทำใหม่
ที่ชานวัดจัดปรุงเครื่องบนไว้ เรี่ยรายได้ยี่สิบชั่งยังไม่พอ
พระราชทานเงินจำนวนถ้วนสิบชั่ง สมภารยังอ้อยอิ่งวิงวอนขอ
ให้ทรงช่วยอุปถัมภ์ร่ำงอนง้อ ในการต่อไปยังมากยากจะทำ
อ้างถึงเมื่อเสด็จมาคราวหลัง ได้รับสั่งให้เจ้าเมืองอุปถัมภ์
ถูกจำเพาะเหมาะคราวถึงแก่กรรม จึงเลยค้างร้างร่ำมาช้านาน
ทรงรับไว้ว่าจะให้เขาช่วยบ้าง แม้ขัดขวางอย่างไรให้ไขขาน
พระทั้งวัดปัจจัยมูลประทาน แต่สมภารได้สองครั้งทั้งเมื่อเช้า
พระที่ตามเสด็จมาห้าสิบสาม ทั้งพระเมืองนี้ตามเข้าไปเฝ้า
พระราชทานจีวรแพรแลเปนเงา วัตถุเท่าราคาห้าตำลึง
เข้าสารจ่ายถวายไปให้พอฉัน กับลูกศิษย์ด้วยทั้งนั้นจ่ายจนถึง
อยู่อาศรัยในกุฎีวัดนี้จึง มาเฝ้าอิกครั้งหนึ่งพร้อมหน้ากัน
แล้วเสด็จครรไลไปเต็นหนึ่ง ซึ่งพระยานรรัตนป่วยอยู่นั่น
ด้วยว่าเปนลำบากมากมายครัน จึงโปรดให้ผายผันกลับกรุงไกร
เสด็จกลับค่ายหลวงล่วงเวลา เห็นจะกว่าทุ่มหนึ่งถึงไปได้
ประทับอยู่ท้องพระโรงช้ากระไร ทรงหนังสือเข้าไปที่ในวัง
อันเมืองกาญจน์บุรีนี้สร้างใหม่ เมืองเก่าเขาชนไก่เปนที่ตั้ง
พม่าลาดกวาดคนไปหลายครั้ง อิกทั้งยากแค้นแสนกันดาร
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าพิภพ ทรงปรารภสร้างใหม่ให้ไพศาล
จึงย้ายมาปากแพรกแปลกโบราณ ประสงค์การค้าขายฝ่ายราชบุรี
อันเมืองนี้นับเปนที่สำคัญได้ จอมไผทได้เสด็จมาถึงนี้
ไม่ว่างเว้นราชการงานธานี ทั้งเปนที่ประพาสบ้างในบางครา
เมื่อรัชกาลพระประถมบรมราช เสด็จยาตราทัพรับพม่า
แต่แรกปราบดาภิเษกมา ที่ลาดหญ้าหยุดประทับรับดัสกร
ครั้งที่สองต้องเสด็จยกพหล บรรลุดลไทรโยคย่านศิขร
ทรงนิพนธ์บทบาทนิราสกลอน ยังปรากฎเกียรติขจรจนบัดนี้
ครั้งที่สามข้ามแดนแคว้นสถาน ไปรุกราญเมืองทวายกระจายหนี
แล้วหนุนทัพออกมารับพระองค์ชี นับเปนคราวที่สี่มีนิยม
ส่วนสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เสด็จมาแต่ในแผ่นดินประถม
โดยเสด็จชนกนาถราชบรม ด้วยชิดชมมิได้ขาดคลาศพระองค์
รัชกาลที่สามตามที่นับ เสด็จมาขัดทัพแลรับส่ง
ศิลาก่อเขาในวังดังจำนง เปนปีหนึ่งจึงได้คงคืนนคร
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่แต่ก่อน
เสด็จโดยกระบวนทัพรับครัวมอญ ที่หนีร้อนเข้ามาพึ่งบารมี
ครั้นต่อไปได้เถลิงถวัลยราช ก็เสด็จมาประพาสถึงที่นี่
ฉันนับไว้ในปัจจุบันนี้ ได้เสด็จกาญจน์บุรีเปนสามครั้ง
บุรีใดในพระราชอาณาเขตร ยกแต่ที่มีนิเวศน์ประจำตั้ง
นับว่าเปนเสด็จถี่มีเรื่องดัง ที่กล่าวแล้วมาแต่หลังว่าดังนี้
ขอเติมกลอนท่อนปลายเรื่องค่ายหลวง กวางทลวงออกมาได้แต่ไม่หนี
เป็ดไก่ห่านพล่านเดินเพลิดเพลินดี ขอจบทีเหลือจดหมดเวลา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ