วัน ๒ ฯ๕ ๒ ค่ำ

วัน ๒ ๒ ค่ำ

๏ พอย่ำรุ่งเรื่อสางสว่างฟ้า ลงเรือคอนโดลาหน้าขนาน
ทรงเรือม่วงล่วงลิลาไปช้านาน ถึงสถานหนองปากช่องลองแก้มือ
ที่เกยห้างห่างคงคาไปห้าเส้น ยิงปืนเปนสัญญาโยธาอื้อ
เดินรายเปนหน้ากระดานขานโห่ฮือ ไล่กระพือสัตวสิงห์ให้วิ่งมา
เลิกแตรวงคงไว้แต่แตรเดี่ยว ให้ขับเขี้ยวบันบุกรุกราวป่า
พบมฤครีบกระชั้นพันกันมา เสียงเฮฮาให้สำเหนียกออกเพรียกไพร
ฉันตั้งตาคอยท่าแทบไม่พริบ ใบไม้กริบคอยมองมาช่องไหน
บัดเดี๋ยวร้องเวอวาว่าออกไป ทางข้างในเหนือเกยเลยเข้าดง
ได้แน่นอนในวันนี้มีสองเนื้อ แต่เต็มเบื่อมิได้เห็นเช่นประสงค์
ดีกว่าวันก่อนหน่อยค่อยมั่นคง พอแน่ลงว่าที่นี่มีเปนแท้
เสด็จทรงเรือม่วงไม่ทันสาย รีบพายโดยด่วนทวนกระแส
ข้างในลงเรือใหญ่ไปเปนแพ พลางเลงแลฉลากข้างหนทางจร
จะกล่าวกลับจับระยะชลมารค ตั้งแต่จากพลับพลามาเสียก่อน
จะได้เต็มชื่อตำบลไม่ย่นทอน ได้อนุสรสมประสงค์ผู้จงใจ
เทือกศิลามาแต่สองพี่น้อง รายระดะไปเปนกองก้อนน้อยใหญ่
ข้างฝั่งหนึ่งนั้นเปนกอตะไคร้ เลี้ยวขึ้นไปเห็นห้วยด้วยรางราง
ต้องทวนเรี่ยวเทียวเขม้นเห็นแต่หาด พื้นกรวดกลาดศิลาก้อนสลอนสล้าง
แล้วหาดสูงฝูงกระบือเดินเปนทาง ศิลาข้างฝั่งชลามาตามวัง
อิกคุ้งหนึ่งถึงตำบลเรี่ยวหลวงยศ ต้องเลี้ยวคดขวาขาดมีหาดตั้ง
ศิลาก้อนโตโตโผล่ประดัง จนกระทั่งหาดในกลางร่องน้ำ
วังตระลึงนึกคนึงนามนี้เพราะ ช่างเหมาะเจาะเปนนิราสนักปราชญ์ร่ำ
ทราบที่แท้ว่าท่านเพิ่มเติมถ้อยคำ ช่างริร่ำกลับร้ายกลายเปนดี
เห็นยาวโล่งตรงตลอดไม่คอดขัด ดูรกชัฏไผ่เหยียดต้นเสียดสี
ที่กลางย่านฝั่งขวานั้นท่ามี เห็นคิรียางโทนเทิ่งแต่ไกล
ถัดคุ้งนี้มีหาดลาดปลายแหลม ศิลาแซมสลับตั้งข้างฝั่งใต้
มีหาดกรวดอิกทั้งย่านหมู่บ้านไพร หัวหาดมีเกาะในร่องธารา
แก่งยางโทนโชนเชี่ยวเปนเกลียวปราด ริมวังดาดดาดื่นพื้นก้อนผา
แล้วจึงถึงหาดทรายรายต่อมา ห้วยชลาเล่ห์แก่งแสดงนาม
แลเห็นเขาประตูอยู่ฝ่ายข้าง วังหีบห่างอยู่ข้างหน้าศิลาหลาม
เรือล่วงเลยสองหาดสอาดงาม แจวมาตามชายฝั่งวังตะเคียน
ดลตำบลบ้านร้างอยู่ห่างห้วย ทั้งเขาด้วยดูเหมือนอย่างเขาช่างเขียน
ริมฝั่งมอดังจะล่อให้ก่อเลียน ไม่ผิดเพี้ยนอ่างปลาทองต้องอารมณ์
เปนเพิงมอต่อถึงถ้ำตาหยก ไม่เรี้ยวรกขึ้นอาศรัยได้เปนร่ม
โดยยาวถึงหกวาดูน่าชม ส่วนกว้างสมกันดีได้สี่วา
ส่วนเดี่ยวได้เก้าศอกออกมาเด่น มองมาเห็นหาดทรายข้างฝ่ายหน้า
อิกคุ้งหนึ่งจึงถึงหาดศิลา ต่อข้างหน้าไปอิกที่มีหาดทราย
แล้วหาดกรวดแลละเมาะเกาะตะไคร้ เรือเดินไปข้ามเรี่ยวเชี่ยวใจหาย
ถัดถึงวังรำมะแนแง่ข้างซ้าย พบเรือพายพระที่นั่งยังประทับ
เปนหาดทรายรายกรวดอยู่กึ่งหนึ่ง พอเรือถึงพร้อมเสร็จเสด็จกลับ
ลงเรือคอนโดล่ามาเที่ยวรับ เสด็จกับท่านให้ไปดูปลา
เขาลงอวนได้ที่นี่มีปลาใหญ่ แต่โดยยาววัดได้สามศอกกว่า
กว้างยี่สิบองคุลีมีอัตรา ดูหน้าตารูปกายคล้ายปลาวาฬ
ฟันมันแขงขบไม้ใหญ่ใหญ่ขาด ผิวดำคาดท้องขาวดูห้าวหาญ
ปลาอื่นได้หลายหลากมากประมาณ ทรงสัณฐานเหมือนเช่นเห็นก่อนมา
ถัดนั้นเปนหาดศิลามาจนเกาะ เรือเดินเลาะตวันออกบอกทิศา
ตวันตกตามตลิ่งล้วนศิลา สายธาราฉานเชี่ยวเปนเรี่ยวแรง
ไปเลี้ยวหนึ่งถึงวังทั้งลำห้วย เรียกชื่อรำมะแนด้วยมิได้แผลง
วังหีบน้อยทั้งห้วยด้วยอิกแปลง ไปต่อแขวงวังหีบใหญ่ในมรรคา
ถึงเกาะกลางวารีมีเรี่ยวกว้าง ศิลาข้างฝั่งเห็นเปนเหลี่ยมหนา
เห็นคล้ายหีบเรียกนามตามนั้นมา ยังศิลากลางน้ำก็ซ้ำมี
แก่งวังหีบเห็นละเมาะเปนเกาะตั้ง เดินข้างฝั่งตวันตกวกเวียนหนี
ประเดี๋ยวหาดประเดี๋ยวเกาะเคราะห์สิ้นดี สุดย่านนี้ถึงอิกหาดลาดออกไป
เรื่องวังหีบแลเห็นเปนเทือกแถว ศิลาแนวริมฝั่งตั้งไสว
น้ำเปนเรี่ยวเชี่ยวคว้างทางครรไล ข้างฝั่งใต้ริมวารีมีศิลา
เปนชง่อนซ้อนซับสลับสล้าง บ้างตกค้างติดซ้อนชะง่อนผา
บ้างเปนโพรงโปร่งย้อยลอยธารา ที่เชี่ยวฉ่าเซาะเห็นอยู่เปนรอย
ข้างเบื้องบนต้นแว่ขึ้นแผ่ปก มีดอกดกแดงแก่แลเปนฝอย
เดือนสิบสองต้องเวลาว่าลูกย้อย ดกใช่น้อยเหมือนเช่นหว้าจะน่าชม
พ้นหาดไปได้ขึ้นมาถึงท่าช้าง มีเกาะขวางกว้างใหญ่ตะไคร้ร่ม
น้ำเปนเรี่ยวเชี่ยวจัดพัดระดม เห็นพนมริมน้ำถ้ำกระแซ
แล้วถึงเกาะเราะทางระหว่างเรี่ยว ต้องทนเชี่ยวชลฉวางหว่างกระแส
ผ่านหาดกรวดแแหลมตะไคร้มาในแคว เรี่ยววังสั้นถ้ำกระแซอยู่ท้ายเรือ
ถึงวังสั้นผันประสบพบต้นสั้น เปนสำคัญบอกตำบลให้คนเชื่อ
แต่เปลี่ยวใจไม้มะม่วงมาขึ้นเจือ เห็นเหมาะเหลือชื่อตำบลเหมือนคนทำ
หาดกรวดติ๋วลิ่วตาเห็นหน้าเขา กว่าจะเข้าถึงสถานตะพานถ้ำ
ต้องขึ้นแก่งเชี่ยวกรากกระชากซ้ำ ที่ในน้ำล้วนศิลาหนาเนื่องไป
ที่พลับพลาประทับร้อนย้อนไปตั้ง ข้างริมฝั่งชายเฟือยอยู่ฝ่ายใต้
บ่ายโมงครึ่งถึงปะรำที่ทำไว้ เข้าจอดในร่มเรียงเคียงเคียงกัน
เรือข้างในยังไม่ทันจะถึงเสร็จ ด่วนเสด็จขึ้นไปก่อนคิดผ่อนผัน
ตรงหน้าถ้ำเทือกศิลาเปนผาชัน ปากถ้ำนั้นบังหน่อยถอยเข้าไป
ขึ้นไศลไปประมาณสักเส้นหนึ่ง ขึ้นไปถึงไม่สู้ชันเหยียบยันได้
ปากถ้ำกว้างเจ็ดวาเขาว่าไว้ เปนเพิงใหญ่ยาวสี่สิบสามวา
แต่โดยกว้างกลางถ้ำแปดวาถ้วน ดูกระบวนที่ผนังเหมือนตั้งฝา
เดี่ยวสูงโสดสิบสองศอกบอกเปนตรา ท่วงทีท่าเหมือนวิหารโบราณทำ
ซึ่งซึมงึมครึ้มเย็นเปนตะไคร่ ค้างคาวไขว่ซ้อแซ้ร้องแซ่ถ้ำ
ไม่มีทางซอกซอนชง่อนง้ำ จนถึงท้ายจารนำจึงมีทาง
เปนชวากปากปล่องช่องคูหา พื้นต่ำกว่าถ้ำใหญ่ไม่กว้างขวาง
ดูยาวรีมีประตูอยู่ตรงกลาง เปนช่องว่างสามศอกซอกเข้าไป
จุดเทียนถือมือยื่นถึงในนั้น ก็ดับพลันเห็นกับตาหาช้าไม่
ควบหลายเล่มด้วยกันครั้นถึงใน ก็ดับวับทันใดดังเล่มเดียว
โคมแมงดาริมทางที่หว่างช่อง ให้เอาลองถือเข้าไปได้ประเดี๋ยว
กำลังสู้ฟู่เห็นเปลวเปนเกลียว กลับเหี่ยวเหี่ยวเหลวใหญ่ไปกว่านั้น
ถึงปากปล่องย่องเข้าไปก็พอปรื๊ด วับวูบมืดมัวมนท์จนไม่ขัน
คนเข้าไปหายใจก็ขัดครัน อากาศอันจะหายใจไม่พอเพียง
มีตำราเขามาลองกันขึ้นใหม่ หายใจขัดแล้วก็ให้เร่งบ่ายเบี่ยง
เอาจมูกสูบฝาหน้าแอบเมียง ให้ใกล้เคียงเข้าไปหน่อยค่อยสบาย
ฤๅเทียนไฟไปหรี่ที่หรุบรู่ ก็ให้ชูใกล้ฝาจะพาหาย
ท่วงทีว่ามาก็เห็นเปนแยบคาย ฉันมั่นหมายคอยจ้องจะลองดู
อันถ้ำนี้ทีท่าน่าเปนวัด ฤๅมาข้อพระไปไม่มีอยู่
องค์โตโตโผล่ขึ้นมาจะพาชู เห็นคงสู้วัดพุทไธได้ชนะ
เสด็จไปประเดี๋ยวใจก็คืนกลับ ให้เรือรับข้างในไปเอะอะ
พิรุณโรยโปรยลงกลางระยะ เสียงเปรียะปร๊ะลงมาบ้างเปนครั้งคราว
สองโมงครึ่งจึงออกเรือที่นั่ง ฝนยิ่งพรั่งพรายกระเซนเปนเม็ดขาว
ต้องเอะอะกันไปหมดปลดม่านราว ไม่ออกหนาวเลยกลับร้อนจนอ่อนใจ
ออกจากเขาเล่าตำบลพอพ้นหาด ศิลากลาดเกลื่อนทางข้างฝั่งใต้
หาดทรายสูงสุดละเมาะเกาะตะไคร้ ถึงหาดใหญ่กรวดกลาดดาษเดียร
แก่งกะเหรี่ยงเสียงชลล้นไหลหลั่ง ที่ริมฝั่งมีศิลาน่าเฉวียน
มีเกาะหาดล้วนตะไคร้ไม่โล่งเตียน เรือเดินเวียนตามหว่างเปนทางจร
สายน้ำจัดปัดเรือเมื่อจะเลี้ยว ช่างโชนเชี่ยวเวียนวนจนกระฉ่อน
ศิลาขวางอยู่ในกลางชโลธร นามกรแก่งเสลี่ยงไม่เพลี่ยงแพลง
เพราะมีต้นเสลี่ยงใหญ่อยู่ใกล้ชิด ชื่อจึงติดต่อตามเปนนามแก่ง
ศิลารายริมฝั่งตั้งแซกแซง เห็นเขาแฝงเมฆาหน้ากระบวน
ชื่อช้างผอมถ่อมถดด้วยอดหญ้า คู่ภูผาชื่ออ้างว่าช้างอ้วน
เพราะไปแทงยุ้งเข้าเขาเซซวน จึงอ้วนท้วนเพราะธัญญาได้มากิน
ที่ฝั่งใต้ผาใหญ่เพิงชวาก เปนช่องปากลำห้วยลุ่มสุ่มกระสินธุ์
ที่ฝั่งใต้หาดทรายชายวาริน ตามแถวถิ่นคุ้งใหญ่ไศลราย
เขาวังหีบหันหายกลายอยู่หลัง เขาลุ่มสุ่มขึ้นมาบังอยู่หน้าใหม่
ถัดถึงหาดหน้าเมืองมีตะไคร้ ดูกว้างใหญ่กว่าที่อื่นดื่นหนทาง
ยังเหลือร่องท้องธาราสามวาถ้วน กระแสป่วนปั่นปัดฉวัดฉวาง
พ้นช่องแคบเข้าท้องวังจังหวะวาง ท่าเสาสร้างตัดส่งลงพ่วงแพ
มีหลวงทิพกรมการตั้งบ้านอยู่ มะม่วงหมู่เปนสำคัญตรงนั้นแน่
ศิลารายฝั่งเหนือจนเหลือแล ปะรำแคร่พลับพลาตั้งฝั่งหาดทราย
เรือประทับในปะรำที่ทำไว้ นาฬิกาพอได้สามโมงบ่าย
พลับพลาทำก็ดูท่าน่าสบาย แต่ร้อนร้ายเหลือทนจนเหื่อพราว
ถึงจะมีไม้ใหญ่อยู่ใกล้ชิด เหลือจะปิดป้องดาดหาดทรายขาว
ของดเรื่องพลับพลาพักไว้สักคราว จะได้กล่าวขากลับสลับกัน
อันหมู่ไม้ใกล้ทางนั้นบางแห่ง เปนที่แจ้งพงใหญ่กอไผ่กั้น
ไม้ทึบมักมีข้างในเข้าไปครัน ถึงกระนั้นก็ยังเห็นมีเปนตอน
ต่อถึงวังใหญ่ใหญ่ไม้จึงหนา มักเปนป่าไผ่เรียงเคียงสลอน
ตะไคร้น้ำนั้นประจำหนทางจร ต้นแว่หย่อนเปนประมาณนานนานมี
เมื่อประทับพลับพลาเวลาบ่าย ยังมียายกะเหรี่ยงผู้อยู่ที่นี่
ว่าเปนเมียหลวงทิพซึมเต็มที ดูหน้าตายู่ยี่ยิ้มไม่เปน
ชื่อบุบโพโสโครกจริงจริงหนอ ยังตื่นอ้อพอใช้ที่ได้เห็น
ต้องไปดูผ้าเสื้อเหลือจะเว้น ชวนพูดเล่นต่างต่างครางงึมงำ
ว่าเจ็บไข้ไม่เปนสุขให้จุกเสียด ดูขี้เกียจพื้นเก่าเอายังค่ำ
ของถวายสิ้นทั้งหมดได้จดจำ ขนมทำอย่างกะเหรี่ยงเรียกแตกงา
สีเหมือนอย่างขนมถ้วยที่คลึงเล่น แต่ขนมนี้เห็นจะหยาบกว่า
แผ่นโตสักเท่าจานประมาณตา ได้ไล่เลียงดูตำราที่แกทำ
แป้งเข้าเหนียวนึ่งไฟให้สุกเสร็จ ปนงาเม็ดลงคลุกแล้วโขลกจ้ำ
เหยาะเกลือลงทีละน้อยค่อยเติมซ้ำ เปนการสำเร็จได้ในเท่านี้
รสเค็มเค็มมันมันขยันมาก เปนทำยากกินอยู่อย่างจู้จี้
ต่อช้าช้านานนานเปนงานปี จึงจะมีทำสู่เลี้ยงดูกัน
เสื้อกะเหรี่ยงอย่างผู้หญิงที่ยิ่งยอด ผ้าขาวสอดแซมแดงแต่งสีสัน
ลูกเดือยยาวขาวปลอดเกลี้ยงเปนมัน เอาปักแซมสลับกันกับผ้าแดง
ดูห่างห่างก็เปนอย่างที่พอใช้ ครั้นเข้าใกล้เต็มครองดูร่องแร่ง
แต่ก่อนมาว่ากะเหรี่ยงนี้ถือแรง ไม่ตกแต่งเสื้อผ้ามาแต่ไกล
แต่เดี๋ยวนี้เห็นทีจะยักย้าย ดูผ้าพันผ้าลายก็นุ่งได้
ยังหัวเผือกอิกอย่างเขาวางไว้ รูปยาวใหญ่ไม่เบาเหมือนเขากระบือ
ประทานผ้าห่มหนาวขาวกับดำ รับไปทำหน้าจืดดูอืดอื้อ
แถมเงินปลีกให้อิกใหม่เปนฟายมือ ก็ซึบซื้ออยู่ยังเก่าไม่เข้าการ
ปรอทร้อนตอนกลางวันแปดสิบเก้า แต่ร้อนเร่านั้นดูกว่าที่ว่าขาน
พอหมดเรื่องรายกิจพิสดาร ขอจบสารเรื่องวันนี้ที่มีมา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ