๏ คุณท้าวอินเหลวใหญ่มิใช่หยอก |
เที่ยวบอกเลิกทรงบาตรเพราะท่านฝัน |
ว่าจะมีเข้ากระทงเปลี่ยนตรงกัน |
ข้างในส่งคืนขันเสียหลายราย |
จนสี่ทุ่มจึงเที่ยวบอกจะทรงบาตร |
ยังซ้ำคาดว่าคงจะทรงสาย |
ไปเตรียมบนลานพระกะยักย้าย |
ต้องวุ่นวายแต่งที่ตะลีตะลาน |
กว่าโมงหนึ่งจึงได้ทรงกลางชลา |
ที่ตรงหน้าพระที่นั่งดังไขขาน |
พระร้อยยี่สิบเศษสังเกตการ |
พระราชทานธูปเทียนทั้งหีบดำ |
ท่านสมภารวัดโพธิ์เปนผู้เถ้า |
อายุเก้าสิบแปดดูหงอมหงำ |
ยังเดินได้ใจฅอก็แม่นยำ |
ไม่งมงำตาหูดูยังดี |
เมื่อเดินเทียนเวียนได้ถึงสองรอบ |
จนเต็มบอบไปไม่ไหวจึงได้หนี |
มารับบาตรที่ข้างในด้วยวันนี้ |
ชื่อท่านดีได้เปนอธิการ |
ประทานเงินชั่งหนึ่งถึงขนาด |
เปนพระราชกุศลผลพิศาล |
ท่วงทีจะอยู่ไปได้อิกนาน |
ไม่ซมซานปั๋งปั๋งยังแขงแรง |
รับสั่งถามคุณท้าวอินเรื่องไฟไหม้ |
เมื่อไปเพ็ชรบุรีให้แถลง |
ว่าติดขึ้นเพราะอะไรให้ชี้แจง |
ท่านทูลแจ้งว่าโคมลอยย้อยลงมา |
รับสั่งว่าเล็กใหญ่เท่าไหนแน่ |
ท่านกางไม่เต็มแล้จนถึงอ้า |
คุณท้าวภู่อยู่ที่นั้นผันหน้ามา |
ช่วยทำท่าอ้าเขื่องขลังเต็มที |
ทรงบาตรเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร |
ข้างในตามประพาสสถานที่ |
ภูเขาขอบรอบองค์พระเจดีย์ |
จนสายแสงสุริยศรีสามโมงปลาย |
เสด็จกลับมาประทับในนิเวศน์ |
ห้าโมงเศษรับสั่งให้ไปถวาย |
เข้ากระทงพระสงฆ์สิ้นทุกราย |
ฉันแล้วหมายให้มารับสดัปกรณ์ |
บรมทนต์ทั้งพระทนต์ที่เชิญมา |
บนพลับพลาท้องพระโรงดังครั้งก่อน |
พระสองร้อยหกสิบสองท้องนคร |
ทั้งที่จรจากภารามามัสการ |
พระประถมเจดีย์เปนที่เก่า |
มีเรื่องเล่ามากมายหลายสถาน |
นัยหนึ่งนั้นว่าพระยาพาน |
เมื่อสังหารพระยากงส์องค์บิดร |
พอสิ้นชีพรีบไปถามยายหอม |
ที่ถนอมเลี้ยงรักษามาแต่ก่อน |
บอกว่าเปนบิตุรงค์ทรงเดือดร้อน |
ซ้ำฟันฟอนยายหอมม้วยด้วยขัดเคือง |
ว่าไม่ทูลให้พระองค์เธอทรงทราบ |
แล้วกลัวบาปเปนกำลังทั้งสองเรื่อง |
ประชุมพระอรหันต์อนันต์เนือง |
ถามทางเปลื้องปลดกรรมที่ทำไว้ |
พระอรหันต์นั้นทูลให้ฐาปนา |
พระมหาเจดีย์ที่สูงใหญ่ |
กำหนดนกเขาเหินเดินขึ้นไป |
จะปลดเปลื้องกรรมให้ได้เบาบาง |
ยังจดหมายของเก่าเล่าหลายฉบับ |
กำหนดมีสร้างนับเปนหลายอย่าง |
ไม่ต้องกันฉันคิดคเนทาง |
คงสร้างบ้างซ่อมบ้างต่างจดไว้ |
เรื่องหนึ่งเล่าว่าพระเจ้ามาไสยาสน์ |
เห็นจะคาดตามที่เรียกหาจริงไม่ |
เขาเรียกว่าพระประทมมีถมไป |
มอญมักใช้อักษรต่ำคำจึงกลาย |
หนึ่งกล่าวมาว่าบรรจุพระเขี้ยวแก้ว |
ภายหลังแล้วได้พระธาตุสมมาดหมาย |
ทนานหนึ่งจึงบรรจุไว้มากมาย |
ยังตอนปลายเติมใหม่ได้ร้อยองค์ |
เมื่อคิดความตามที่มีเค้าเงื่อน |
ก็ดูเหมือนจะได้ความตามประสงค์ |
พระเจดีย์นี้เก่าเปนมั่นคง |
ไม่ต่ำลงมากว่าสองพันปี |
จักรศิลาทั้งคาถาพิมพ์กระเบื้อง |
พอเปนเครื่องเทียบถนัดชัดถั่วนถี่ |
เมืองอินเดียเขาก็ได้ในเจดีย์ |
ชื่ออิสีปัตนะพระโบราณ |
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช |
สร้างสถูปแจกพระธาตทุกถิ่นฐาน |
นครนี้คงจะมีไมตรีนาน |
จึงทำการให้ลม้ายคล้ายคลึงกัน |
ทรงสัณฐานเจดีย์นี้แต่ก่อน |
เปนสามตอนชัดเจนเห็นได้มั่น |
เดิมเปนเจดีย์กลมคมคายครัน |
แล้วพังเสียสิ้นทั้งนั้นอิฐกองนูน |
แล้วมีผู้ศรัทธามาสร้างใหม่ |
จะโตใหญ่เหลือกำลังจึงตั้งสูนย์ |
เกลี่ยดินรอบประกอบเปนเค้ามูล |
ก่อเจดีย์ที่สมบูรณ์ขึ้นบนนั้น |
ครั้นภายหลังพังอิกคราวที่สอง |
ชรอยเพียงปล้องไฉนไม่รู้มั่น |
ถ้าไม่มียอดอย่างอินเดียนั้น |
คนสำคัญว่าทำลายจึงย้ายแปลง |
เปนพระปรางค์อย่างใหม่ใช้แทนยอด |
ก่อกระไดขึ้นตลอดเปนอย่างแผลง |
หลังเจดีย์ยอดพระปรางค์วางกำแพง |
กันพลาดแพลงเดินรอบประกอบไว้ |
ของเก่าเขาสูงสี่สิบวา |
ทรงสถาปนาเปลี่ยนรูปใหม่ |
สูงสามเส้นหกนิ้วแน่แก่ใจ |
สร้างวิหารลงใหม่ทั้งสี่ทิศ |
รเบียงกลมสมควรเปนเครื่องล้อม |
ชักชนวิหารห้อมให้ต่อติด |
ซุ้มระฆังยี่สิบสี่ไม่ถี่ชิด |
เติมกระเปาะก่อติดยื่นออกมา |
มีโรงธรรมอุโบสถอยูู่สองหลัง |
พลับพลาโปรยทานตั้งอยู่ตรงหน้า |
ทิศใต้มีเจดีย์แลศาลา |
ตวันตกต่อมามีต้นไม้ |
ถ้วนเจ็ดต้นชั้นบนโพธิ์ลังกา |
ทิศเหนือคลังแลศาลาที่อาศรัย |
คนที่มามัสการสำราญใจ |
เที่ยวเดินไปเหนื่อยอ่อนได้ผ่อนพัก |
หว่างกระเปาะทั้งสี่มีภูเขา |
แล้วข้างหนึ่งแต่ว่าเก่าซุดโซมหัก |
หน้าเขาปลูกโพธิ์ใหม่ใหญ่โตนัก |
ถัดไปกำแพงชักเปนปีกกา |
ถ้าดูทั้งกำแพงนี้เปนสี่เหลี่ยม |
ระเบียงเทียมอย่างเขมรเห็นสง่า |
กั้นรอบนอกไปอิกชั้นถัดกันมา |
แต่บันดาที่ได้เห็นเปนเช่นนี้ |
ต้นไม้ใหญ่ในสถานลานภายนอก |
เปนไม้ดอกร่มรื่นตามพื้นที่ |
รวยรื่นกลิ่นเกสรสารภี |
ดลรดูดอกมีเหลืองกลาดไป |
ขนุนต้นหนึ่งใกล้บันไดนาค |
มีลูกมากห้อยย้อยยังไม่ใหญ่ |
เบ็ดเสร็จมีสักสิบสี่สิบห้าใบ |
ฉันอยากได้มาเล่นน่าเอนดู |
มตูมเตี้ยต้นหนึ่งก็ลูกติด |
ยังนิดนิดงามดีไม่มีคู่ |
แสนสนุกละที่เขาเข้าถ้ำคู |
ถ้าตุ๊กตายังอยู่จะน่ารัก |
ยังอยู่แต่ปราสาทราชฐาน |
คชสารคนร่วงงวงงาหัก |
ต้นพฤกษาโซมตายเสียดายนัก |
ขอหยุดพักพล่ามใหญ่ไว้สักครั้ง |
เย็นวันนี้มีที่เสด็จประพาส |
ชมตลาดฉันตามไปข้างหลัง |
ออกประตูเลี้ยวทางไปข้างวัง |
คับคั่งเกวียนจ่ายเรียงรายไป |
บ้างก็ขนสิ่งของกองบันทุก |
น่าสนุกคนผู้ดูไสว |
ถึงท้ายวังยังตึกที่ทำไว้ |
เปนที่ได้เสด็จพักตำหนักนาน |
ไปจากนั้นนิดหนึ่งถึงตลาด |
เปนโรงจากมิได้ขาดระยะย่าน |
ติดกันกว่าห้าสิบห้องประมาณ |
สองข้างร้านของขายรายเต็มไป |
เครื่องใช้สอยสารพัดไม่ขัดข้อง |
แม้จะต้องการอันใดก็หาได้ |
ทั้งของกินเล่าก็มากไม่ยากใจ |
วางขายไว้จนเหล่าพวกเข้าแกง |
ต่อออกไปไม่มีโรงที่กลาง |
มีแต่โรงสองข้างขายของแห้ง |
ราวหกสิบโรงได้ไม่คลางแคลง |
จนกะรองกะแร่งอยู่ตอนปลาย |
พอสุดโรงแถวเสร็จเสด็จกลับ |
มาทางเดิมโดยลำดับค่อยผันผาย |
ทรงซื้อโถจะประทานให้เจ้านาย |
เจ้าของเขาบอกถวายไม่ทรงรับ |
อิกหน่อยหนึ่งถึงเด็กแฝดทั้งคู่ |
ไม่น่าเอนดูผอมผ่อยหงอยหงุบหงับ |
นมแม่ไม่พอกินไร้สินทรัพย์ |
เสด็จกลับเลยขึ้นพระเจดีย์ |
มัสการตามวิหารทั้งสี่ทิศ |
แล้วพระสนิทสมภารที่อยู่นี่ |
ถวายเทศน์ทรงธรรมแล้ววันนี้ |
ตั้งบายศรีมีแว่นเวียนเทียนพระ |
จนราตรีไม่มีคนพอรายนั่ง |
จึงรับสั่งว่าอย่าเลยจะเอะอะ |
ทรงเดินเทียนตามเคยไม่เลยละ |
แต่ว่าจะใช้แว่นแทนเทียนราย |
พราหมณ์โหรามาพร้อมน้อมคำนับ |
จุดเทียนสรรพจับแว่นส่งถวาย |
ทูลกระหม่อมสามพระองค์อิกเจ้านาย |
เสด็จผายผันพระพักตร์ทักษิณพลัน |
อันทางรอบพระเจดีย์นั้นสี่เส้น |
ประมวญเปนสิบสองถ้วนไม่ผวนผัน |
ครบสามรอบพราหมณ์รับดับโบกควัน |
เจิมจุณจันทน์ตามวิธีที่เคยใช้ |
แล้วจึงพระฝ่ายคณะธรรมยุติ |
มาเดินเทียนเปนที่สุดสามรอบใหม่ |
แล้วทำวัตสวดมนต์อิกต่อไป |
เสด็จครรไลจดดอกไม้เหมือนเมื่อวาน |
เสด็จกลับสองทุ่มถึงพระที่นั่ง |
ดำรัสสั่งครอกผอบรับบรรหาร |
จัดเงินสี่สิบบาทพระราชทาน |
ด้วยสงสารเด็กแฝดทั้งสองนั้น |
ส่วนข้างในได้มาตามเสด็จนี้ |
ต่างยินดีเลื่อมใสเฝ้าใฝ่ฝัน |
จะทำบุญรายตัวให้ทั่วกัน |
ออกเงินบาทรวมพันหกร้อยปลาย |
อุทิศไว้ในองค์พระประถม |
ต่างมีจิตต์ชื่นชมด้วยสมหมาย |
มาครั้งนี้เปนที่สนุกสบาย |
ที่เมามายเรือรถหมดตำรา |
มีคนเดียวที่ไปอิกไม่ได้ |
เมายิ่งใหญ่กว่าทเลไม่แกล้งว่า |
ไม่มีใครได้เคยเห็นแต่เกิดมา |
ต้องกลับกรุงในเพลาพรุ่งนี้เช้า |
รับสั่งล้อทูลกระหม่อมจะให้กลับ |
ไม่ทรงยอมเถียงยับไปจนเก่า |
ทูลหม่อมใหญ่แว่นก่อนส้อนเบาเบา |
ทูลหม่อมเล็กไม่ทุเลาเล่นถึงแจ |
ทูลหม่อมโตโฮใหญ่ขึ้นภายหลัง |
ไปทรงชังสมเด็จเสียเต็มแก่ |
ทูลหม่อมเล็กเลยไม่ให้ใครตอแย |
ทรงเก่าอึ้งบึ้งแต้จนตกเย็น |
สิ้นเท่านั้นวันนี้ฉันขอจบ |
ด้วยหาวนอนเกือบสลบเปนเหลือเข็น |
เขียนยังค่ำทำจนดึกมิได้เว้น |
จะต้องนอนไว้ไปเห็นอื่นต่อไป ฯ |