วัน ๕ ๗ฯ ๓ ค่ำ

วัน ๕ ๓ ค่ำ

๏ นาฬิกาไก่ขันสนั่นก้อง แสงเงินทองเกือบสว่างข้างเวหา
ทรงเครื่องเสร็จเสด็จทอดทัศนา หมู่พลับพลาน้อยใหญ่ฉันไปตาม
ค่ายหลวงนี้หาที่มีร่มไม้ มะม่วงใหญ่ปนอยู่หมู่มะขาม
ทั้งข้างหน้าข้างในกิ่งใบงาม เกือบได้สามสิบถ้วนล้วนร่มชิด
ถึงพันแสงแย้งส่องไม่ต้องกล้า ด้วยพฤกษาร่มใหญ่ใบสนิท
สีเขียวหย่อนผ่อนแรงแสงอาทิตย์ เปนเครื่องปิดร้อนกรองลมต้องกาย
อันขอบเขตกว้างขวางเปนอย่างใหญ่ ใช้ไม้ไผ่ปักทำเปนลำค่าย
กระแชงกรุบังตาประชากราย ตั้งอยู่ชายฝั่งชลพ้นหาดเรียง
ข้างหน้าค่ายบ่ายสู่อุดรทิศ มีเรือนชิดรั้วค่ายชายเฉลียง
ทั้งสองหลังตั้งอยู่เปนคู่เคียง ทางอ้อมเลี่ยงเสาธงอยู่ตรงกลาง
โรงละคอนปลูกใหม่ใช้ฝาโถง ท้องพระโรงรีตั้งเปนหลังขวาง
ยกพื้นห้าห้องเด่นไม่เว้นวาง เฉลียงล่างลดรอบขอบฝาบัง
ด้านหุ้มกลองสองข้างวางห้องเครื่อง กั้นฉากเนื่องแนวเพียงเฉลียงหลัง
เปนที่เถ้าแก่ได้ระไวระวัง หน้าที่นั่งเช้าค่ำประจำทวาร
ฝาฉากพับปรับชิดสนิทแนบ แต่งตามแบบแผนเก่าเสาผูกม่าน
ฉากกระจกแขวนกลาดดาดเพดาน แล้วคิดอ่านเรียงพัดจัดบรรจง
ล้วนด้ามจิ้วคลี่กระจายลายเลขา เปนดารางามวิจิตรพิศวง
ลับแลเลือกเล่มใช้ที่ใหญ่ยง คลี่กั้นตรงช่องทวารบานเบิกลับ
ฝาค่ายกั้นคั่นเพียงพระโรงหน้า ถัดเข้ามามุขกระสันเปนอันดับ
ยาวไปชนจนหลังที่ประทับ ต่อติดกับหลังหน้ามาเกี่ยวพัน
ยาวสี่ห้องท้องกระดานชานเฉลียง เสาลอยเรียงรายม่านมุลี่กั้น
พนักไม้ไผ่ขัดอัดเสากัน อัฒจันท์สองข้างทางขึ้นลง
ที่หว่างเสาในประทานม่านลูกปัด ผูกรวบรัดสองไขเพียงใหลหลง
ดูแวมวามยามอาทิตย์อัสดงค์ ต้องแก้วส่งแสงทอมาต่อตา
ที่หว่างม่านกล้วยไม้ใส่กระเช้า ไม้ไผ่เข้าเดือยขวางอย่างป่าป่า
แขวนไว้เปนคู่เคียงเรียบเรียงมา ล้วนทรงดอกดาษดาดื่นแดงไป
นกเขาคัดจัดที่คารมกล้า มีถุงผ้าแดงหุ้มคลุมกรงใส่
แขวนตรงกลางหว่างกระเช้าต้นกล้วยไม้ เพดานใช้ผ้าขึงตึงเครียดครัด
เพดานผูกดาวรายไว้หลายอย่าง ด้ามจิ้วกางกลีบลงบรรจงจัด
ล้วนหลายหลากมากสีมีเลือกคัด ขนาดพัดหลายอย่างต่างต่างกัน
ที่ผนังหลังท้องพระโรงหน้า ใช้ริมผ้าถักสับสลับคั่น
เปนสีเขียวแดงปนรคนพรรณ กรึงประดิษฐ์บิดผันเปนกอบอน
บ้างติดเปนประทุมมาลย์ดอกบานแบ่ง ใบอ่อนแฝงใบแก่แลสลอน
กระจกภาพพสุธาแลสาคร ติดพัดซ้อนแซกสลับทับกรอบเรียง
ระย้าแก้วแกมทองแขวนห้องใหญ่ โคมกระดาษกลาดใช้ชั้นเฉลียง
ที่ประทมขวางหลังตั้งติดเคียง คิดบ่ายเบี่ยงย้ายทำนองเปนสองชั้น
ยาวสี่ห้องช่องทวารบานแกลยัก เปนลิ้นชักเสือกมาจากฝากั้น
เฉลียงโถงโปร่งรอบเปนขอบคัน อัฒจันท์สองทางขึ้นข้างบน
ที่ด้านหลังตั้งขึ้นไปในเฉลียง สำหรับเลี่ยงหลีกอาทิตย์มิดสายฝน
ที่ด้านหน้านั้นประกอบให้ชอบกล จรดลโดยแจ้งแกล้งไว้วาง
น่านั่งเล่นเย็นสบายยามบ่ายคล้อย ดูลิ่วลอยลาดตรงลงมาล่าง
มีเกยย่อต่อเฉลียงเพียงเปนทาง มาหลังกลางขึ้นลงไม่วงเวียน
ช้นบนนั้นปันห้องเปนสองส่วน ประดับล้วนแต่ด้วยพัดจัดลายเขียน
ซุ้มทวารวางแบบดูแนบเนียน แต่พัดเพี้ยนตอนล่างล้วนอย่างดี
คือพัดงานพัดจันทน์คั่นจังหวะ พัดเล็กคละปนประกอบขอบเคียงถี่
ทั้งอย่างกลมอย่างกลางต่างต่างมี ทั้งอย่างที่เล่มยาวดาวเพดาน
ที่ห้องที่มีพระแท่นทองเหลืองใหญ่ พระแท่นไม้พรมลาดสอาดสอ้าน
มีทั้งตู้ยี่ปุ่นข้างวางเครื่องอาน น่าสำราญทั่วทุกแท่งแต่งตามควร
ที่ลานรอบขอบราชมาฬก มีกรงนกใหญ่วางไว้กลางสวน
ท่าทำนองสองข้างต่างกระบวน เปนที่ชวนชูชื่นรื่นอารมณ์
ที่แถบขวาหน้าบันไดมีไม้ดัด ต้นโมกฉัตรสองข้างวางพอสม
ตโกฉากหลากตาดูน่าชม เปนวงกลมรอบกรงสกุณา
นกกระลางกางปีกกระพือเต้น หัวออกเปนปุยฝ้ายไม่อายหน้า
ไปไล่รุกบุกจิกนกกระทา วิ่งเร่อร่าร้อนตัวเพราะกลัวภัย
เจ้านกกวักหนักมือดื้อไม่แพ้ ออกวิ่งแต้ต้อนตัดสกัดไล่
เจ้ากระลางเจ๊งโลดโดดขึ้นไป จับต้นไม้ตามหมู่อยู่แจจรร
ที่สวนซ้ายรายรั้วไม้รวกปัก ทางเยื้องยักเคี้ยวคดเปนหลดหลั่น
ปลูกต้นไผ่ย่อมย่อมเปนหย่อมปัน ระยะคั่นไม้ดัดจัดเปนดง
กระถางตั้งเรียงรายชายถนน ปลูกโกรต๋นเรียบเรียงเพียงแลหลง
ในหมู่ไม้ไว้ระหว่างกลางตั้งกรง ขังบุหทรงล้วนแต่เหล่าพวกเขาไฟ
เจ้าลิงลมหน้าหลิมริมพระที่นั่ง นั่งผินหลังหง่อนหง่อริมกอไผ่
แล้วยกกรงมยุรามาตั้งไว้ เบียดกันในกรงวนจนฝาพัง
ในสวนนี้ที่เสด็จที่บนประทับ ตรงกันกับบันไดกลางหว่างพระที่นั่ง
มะม่วงคู่หนึ่งใหญ่ใบร่มบัง กรงลิ่มตั้งอยู่ใต้นั้นฉันเคยดู
เปนสองตัวแม่ลูกถูกกักขัง เมื่อแม่ยังลูกแอบแนบข้างอยู่
เฝ้าซอนหน้ารอาอุดนอนคุดคู้ หายไปไหนก็ไม่รู้เมื่อแม่ตาย
ยังเสือปลาหน้าสั้นมันดุแท้ ขู่แร่แช่เล่นเท่าไรก็ไม่หาย
ไม่เหมือนเช่นตัวเก่าเขาเพริศพราย ไม่ดุร้ายน่ารักพักตร์หักงอ
กรงกระต่ายตัวหายแต่วันแรก เห็นจะแหวกหนีไปได้แล้วหนอ
กระรอกวิ่งขึ้นต้นไม้ไปเปรียวปรอ เขาปลูกกอหญ้ากั้นคั่นขอบทาง
เดินเลี้ยวลดคดค้อมตามหย่อมไม้ ล้วนต้นไผ่เรียงลำดับสลับสล้าง
ตำหนักสมเด็จไว้ทิศใต้วาง ตำหนักกลางท่านองค์เล็กแลวิไลย
ด้วยเจ้านายหลายพระองค์ทรงประทับ ต้องขยับขยายบ้างให้กว้างใหญ่
อยู่ตรงกับพระที่นั่งข้างหลังไป มีต้นไม้ดอกบ้างที่ข้างเคียง
ตำหนักสามหมู่นี้มีหลังขวาง หลังชนข้างหน้าอิกที่มีเฉลียง
เปิดโถงทั้งสามด้านชานระเบียง ห้องน้ำเคียงอยู่ข้างนอกถัดออกมา
ที่ชั้นในใช้ฉากยี่ปุ่นกั้น ผนังนั้นแผงบุกรุกรึงผ้า
ล้วนตกแต่งเพดานดาดสอาตตา ที่ตรงหน้าโคมเหลียนเขียนแขวนไว้
บอกนามพระตำหนักตามปักษี ซึ่งหมายมีชื่อประจำทำกรงใส่
เปนกลอนจองพ้องสำผัสถัดกันไป ฉันจำได้ตามรเบียบจะเรียบเรียง
ที่สมเด็จเพรียกพร้องขุนทองแจ้ว ของเสด็จเนื่องแนวแก้วส่งเสียง
ท่านองค์เล็กที่สามตามกรงเคียง ชื่อว่าเอี้ยงร่ำร้องต้องติดใจ
ตำหนักก้องเขาเขียวเดียวเด่นตั้ง อยู่เบื้องหลังในระหว่างหาห่างไม่
เหมือนสามหมู่แต่ว่าดูเล็กลงไป เรือนข้างในหกหลังตั้งเรียงราย
ล้วนสามห้องมีรเบียงเฉลียงหน้า แล้วกั้นฝาครึ่งหลังสิ้นทั้งหลาย
ล้วนน่าอยู่ดูเปนสุขสนุกสบาย จะบรรยายชื่อไว้ให้ทราบชัด
อันเรือนต้นแถวทีเดียวเดี่ยวเขาขัน ต่อนั้นพรรค์กวักกู่อยู่เคียงถัด
หมู่คุ่มพลอดทอดแถวแนวบันทัด เรือนที่ตัดท้ายลำเนาปลอดเปล้าพร้อง
เรือนซ้องแซ่กระลางชื่ออ้างเรียก กางเขนเพรียกเลี้ยวไปใต้ทั้งสอง
เรือนเถ้าแก่สองข้างวางทำนอง เปนเจ็ดห้องเฉลียงหน้าหันหากัน
หลังหนึ่งนั้นนามสำเหนียกเรียกแขกเต้า หนึ่งนั้นเขาไฟจ้อต่อค่ายกั้น
ล้วนเปนอย่างข้างยี่ปุ่นไปทั้งนั้น ต่างเชิงชั้นกับสถานกาญจน์บุรี
ที่โน่นใช้ไม้ลำทำเปนฝา ดูเข้าท่ายี่ปุ่นมากหลากกว่านี่
ทั้งหลังเรือนที่อาศรัยบ่าวไพร่มี เสียแต่ที่ร้อนจัดขัดสิ่งเดียว
พลับพลานี้รื่นร่มลมพัดอู้ พื้นที่สู้กันไม่ได้ไม่น่าเที่ยว
ถึงตัดทางวางวิถีที่คดเคี้ยว ก็รกเรี้ยวอย่างป่าไม่น่าดู
สบายดีแต่บนที่ประทับนั้น เย็นทั้งวันยาวกว่าดูน่าอยู่
ตวันตกหลังตำหนักปักประตู เปนที่อยู่ไก่กระชั้นขันโมงยาม
กระบอกเข้ากระบอกน้ำทำไว้ให้ แต่ยังไม่เคยที่มีป่านล่าม
เมื่อแรกอยู่ดูเหมือนท่าจะเกิดความ คืนที่สามหลุดได้ก็ไม่ไป
เที่ยวหากินตามเวลาแล้วมาจับ ควรจะนับว่าเปนอันสำเร็จได้
แต่ทุ่มยามขันเรื่อยเปื่อยกระไร ตกอยู่ในรู้ว่าเวลาเช้า
หลังเรือนแถวแนวทิศประจิมนั้น เขาวงก์กั้นผ้าวางเปนทางเข้า
เดินเลี้ยวลดหลายทำนองต้องลองเดา แม้นงมเงาเงอะงะปะช่องตัน
ต้องถอยมาหาทางที่ถูกใหม่ บ้างไถลเลยรอบขอบม่านกัน
ประตูสามชั้นชิดติดติดกัน ลงยืนอั้นอยู่จะไปข้างไหนดื
ถึงชั้นในใจเต้นเห็นสว่าง รีบก้าวย่างที่บางคนจนวิ่งจี๋
บางครั้งเลยช่องไปได้ก็มี กลับอิกทีหนึ่งจึงถึงข้างใน
อันพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัศ ถนนตัดตรงกลางตามหว่างไร่
ยกร่องปลูกผักหญ้าหามาไว้ สำหรับใช้ต้มแกงแต่งเครื่องอาน
ร่องมะเขือมิได้เจือด้วยผักอื่น ที่หมู่ขื่นก็เปนขื่นไปทั้งย่าน
หมู่ไข่เต่าเข้าปนมะเขือจาน พวกนมยานรายเจือมะเขือลโว้
พริกชี้ฟ้าพริกเทศทั้งพริกนก ล้วนดาดดกร่องในใกล้ตั้งโอ๋
ตามหัวร่องขิงตะไคร้กอใหญ่โต ต้นหอมโหระพาร่องไม่พ้องพัว
ต้นกระเพราผักชีทั้งยี่หร่า ถัดนั้นมาแมงลักผักกาดหัว
มีทั้งผักกาดน้ำเครื่องทำครัว เข้าฟ่างทั่วไปทั้งขอบที่รอบใน
หมากมะพร้าวปลูกไว้ใกล้หัวร่อง เปนแถวท่องรายข้างทางไสว
พลับพลาสองห้องรอบขอบพาไล ล้วนไม้ไผ่เกลาผ่องลอองนวน
ไม้ลำผ่ามุงหลังคาครอบประกับ ซ้อนสลับเหมือนลูกฟูกดูถูกถ้วน
พื้นเรือนเกลี้ยงเกลาเข้ากระบวน ยกแต่ส่วนในประธานชานรอบลด
กรงกระทาแขวนกลางที่หว่างขื่อ โคมเหลียนชื่อที่สำนักประจักษ์จด
กรอกระทากรุ่มตามนามสมมต เครื่องของสดสารพัดจะจัดไว้
ทั้งหม้อเข้าเตาเหล็กตั้งเฉลียง ครกสากเขียงเชื้ออัคคีมีจนใต้
กระบวยพาดตุ่มตั้งขังน้ำใช้ หมูเป็ดไก่กินจนเบื่อเหลือก็มี
แต่เนื้อเม่นเปนของประหลาดอยู่ เค้าคล้ายหมูมันไม่จัดผัดปิ้งจี่
แกงเผ็ดอย่างเนื้อสมันขยันดี ฉันได้ลองครั้งนี้พึ่งรู้รส
เวลาค่ำทำเครื่องแล้วจึงเลี้ยง กินพร้อมเพรียงกันที่ในนี้หมด
ตั้งแต่วันแรกไปมิได้งด จนกำหนดกลับวังยังเสียดาย
เหนือเขาวงก์ตรงฟากถนนข้าม เปนสนามหญ้าใหญ่ยาวไปหลาย
เล่นโครเกวงใหญ่ได้สบาย ไม้รวกรายเรียงลำทำเปนรั้ว
ฉันยังลืมหลงไว้เปนหลายอย่าง เรื่องต่างต่างพรรณาว่าไม่ทั่ว
กรงกวางวางด้านใต้ไว้อิกตัว กับที่หัวค่ายข้างนี้นั้นมีนก
กระทุงใหญ่เหนียงยื่นยืนส่อมซ่อ แคบจ่อนจ่อจนอย่างไรฅอไม่ตก
ต้นไม้ใหญ่กล้วยไม้ขึ้นเกาะรก ดูดื่นดกไปทุกแห่งเหมือนแต่งไว้
ทั้งชายผ้านางสีดาค่าคบห้อย ใบยาวย้อยยานลงมากว่าศอกได้
ปลูกเรือนมักจักคร่อมกรอมต้นไม้ หวังจะให้บังแบ่งแสงสุริยน
คุณเถ้าแก่พากันสั่นสท้าน กลัวผิดพานนางไม้เจ้าไพรสณฑ์
ไม่มีใครไปอยู่เลยสักคน พากันร่นไปยั้งหลังเดียวกัน
พระที่นั่งหลังกลางข้างเฉลียง ต้นไม้เคียงคาบอยู่ดูคมสัน
ยังต้นน้อยหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้น เขาเรียกกันนมสุนัขประจักษ์นาม
เขียวชอุ่มพุ่มกลมน่าชมดอก กำลังออกกลีบเห็นแตกเปนสาม
คล้ายจำปูนเปนแต่ย่อมกลิ่นหอมทราม เหลืองอร่ามตามต้นกล่นเกลื่อนไป
ยังแต่งเพิ่มเติมดอกไม้จีนประดับ สีสลับหลายประการบานไสว
ในประธานไปอิกทีมีต้นไม้ ติดเทียนไว้จุดสว่างเมื่อกลางคืน
มีเชือกผูกตุ๊กตาที่หาได้ ฉะเพาะในเมืองนี้มีดาดดื่น
เม็ดมะกล่ำมะขามป้อมนั้นเปนพื้น ของเมืองอื่นร้านแขกแปลกทำนอง
คือรูปคนม้าฬาปักษาสิงห์ ทั้งค่างลิงผลไม้หาบใส่ของ
ว่าวเล็กเล็กชักเล่นเห็นเปนกอง กระเช้าสองสามใบใส่ลูกไม้
ทรงปลิดแจกเจ้านายหลายตระหลบ จนหมดครบองค์ละอย่างว่างไม่ได้
เปนที่ทรงสำราญบานฤทัย ทรงหอบไปนังนุงพะรุงพะรัง
ประตูด้านตวันออกนอกรั้วค่าย ข้ามหาดทรายติดต่อเตาม่อตั้ง
พื้นปูเรือกถึงน้ำปะรำบัง มีฝาจากติดตั้งกำบังตา
เปนสองทางข้างใต้ใช้เปิดเปล่า ด้วยว่าเข้าอยู่ข้างในไม่มีฝา
ถึงปะรำเรียงทอดจอดนาวา ก็วางท่าเหมือนที่อื่นมีดื่นทาง
เวลาเช้าสองโมงสี่สิบห้า ออกนาวาเคลื่อนคล้อยลอยสล้าง
เดินตามริ้วเรียงกะระยะวาง คูสองข้างนทีมีบ้านเรือน
รายสลับซับซ้อนเปนตอนใหญ่ วัดเก่าใหม่ข้างวิถีมีกลาดเกลื่อน
ครั้นจะร่ำรำพันก็ฟั่นเฟือน ด้วยเหมือนเหมือนกันไปมากยากจะจำ
ยกแต่เมืองแล้วก็ที่บ้านสี่หมื่น เรือนดาดดื่นคนผู้ดูคลาคล่ำ
ทั้งพ่วงแพแลหลามตามลำน้ำ ชื่อบ้านกำหนดมีสี่ตำบล
แต่ปากคลองลองนับถึงแปดแห่ง ไม่จะแจ้งนามถนัดเรียงขัดสน
ถึงวัดวาอารามนามเวียนวน เพราะถี่จนเหลือจะทำเปนคำกลอน
คลองดำเนินสดวกพวกจีนมาก ตรงข้ามฟากยืนเปนหมู่อยู่สลอน
เสียงกึกก้องกาหฬบนดินดอน จนเรือจรผ่านไปยังไม่ซา
มีศาลเจ้าทำใหม่ดูใหญ่กว้าง ของพวกข้างที่ไม่ถือสาสนา
พวกเข้ารีดอยู่ข้างใต้ไกลลงมา มีวัดวาอย่างฝรั่งตั้งอยู่ใน
แลเห็นแต่เสาธงตรงหน้าโบถ ดูสูงโสดธงทิวปลิวไสว
กลองระฆังดังลั่นสนั่นไป ฝรั่งใช้เปนคำนับรับเจ้านาย
มีแตรวงลงมาเป่าตพานน้ำ เป่าเพลงสำหรับกรุงมุ่งถวาย
ไม่สู้ชัดชักเชือนเฟือนตอนปลาย กระบวนบ่ายหน้าบากเข้าปากคลอง
น้ำขึ้นเต็มขอบฝั่งหลากหลั่งไหล แง้มข้างใต้โรงร้านทั้งบ้านช่อง
จีนเข้ารีดเรียงนั่งอยู่ทั้งกอง บาดหลวงสองคนพากันมายืน
พระยาวิเศษสงครามตามกำกับ มาคอยรับเสด็จอยูดูชมชื่น
บ้านเรือนเรียงเข้าไปลึกเห็นครึกครื้น กอรวกรื่นเรียงข้างหนทางจร
ต่อเข้าไปไร่เต็มตลอดลิ่ว กล้วยเปนทิวทั้งหมู่ดูสลอน
บ้างตกเครือเจือปลีมีซับซ้อน ทั้งแก่อ่อนดิบห่ามทรามบ่มใช้
ต่อตอนนี้มีต้นพริกเปนพื้น ดูดาดดื่นสุดตาหาสิ้นไม่
ร่องละสองแถวเรียงเคียงกันไป หญ้าสักใบหนึ่งไม่ติดลิดถอนเตียน
ยังร่องไร่หอมกระเทียมดูเรี่ยมแท้ เมื่อเล็งแลเหมือนกระดาษลายวาดเขียน
ล้วนแต่ร่องตรงตรงไม่วงเวียน บางแห่งเปลี่ยนปลูกมันพรรณนานา
ในท้องร่องบางเจ้าของลงเข้าไว้ เห็นแต่ใบเบียดกันดูหนั่นหนา
เปนแบบอยางบางช้างใช้กันมา ดูมีหนาแต่ตำบลข้างต้นคลอง
ตามริมฝั่งตั้งเรือนดูเกลื่อนกลาด มีตลาดเรียงรายขายเข้าของ
จะปราถนาสิ่งใดได้สมปอง เรือขึ้นล่องไปมาค้าเปนนิจ
ในตอนนี้มีวัดจัดสร้างใหม่ ดูก็ใหญ่โตพอล้วนก่ออิฐ
ชื่อวัดโชติการามนามผู้คิด เริ่มประดิษฐฤๅอย่างไรไม่ทราบชัด
มีศาลาห้าห้องของใครสร้าง ชำรุดร้างโรเรเซถนัด
ดูรักษายากกว่าศาลาวัด ด้วยว่าขัดสนผู้ดูระวัง
หมู่หลักเจ็ดเหล่านี้ยังมีไร่ ลึกเข้าไปจากคลองทั้งสองฝั่ง
แลตลอดโล่งไปไร้ไม้บัง มีเรือนตั้งอยู่ข้างในไกลพอดู
ต้องขุดคลองคั่นที่มีทุกแห่ง จะได้แบ่งน้ำให้เข้าไปสู่
ที่ทำสวนตอนหลังขังร่องคู เปนทางผู้ที่รักษาได้มาไป
ระยะนี้มีปลูกครามแห่งหนึ่ง เขาว่าพึ่งจะมาลองปองทำใหม่
ไม่เห็นชัดถนัดตาว่าอย่างไร รีบครรไลกลัวจะค้างกลางคลองตอน
สวนเหล่านี้มีผู้ดีเปนเจ้าของ มาจับจองที่ไว้ได้แต่ก่อน
จ้างยกร่องขุดคลองรองทุนรอน เรียกจีนจรมีหัวหน้ามารับรอง
เสียค่าเช่าเข้าอย่างทางถือสวน ไม่เกี่ยวกวนอันใดในเจ้าของ
เช่าสองปีคุ้มทุนวุ่นกันปอง ได้ใบจองดีใจเหมือนให้ทรัพย์
ต่อผู้ใดชอบพอจึงขอได้ นอกนั้นก็มิให้ใครจองจับ
เรียกค่าเช่าแรงเกินจนเยินยับ ผู้เช่ารับไม่ใคร่อยู่แต่สู้ทน
เมื่อภายหลังครั้งปีมีน้ำใหญ่ มาท่วมไร่ไม่ได้ทำซ้ำขัดสน
จ้าของเรียกค่าเช่าเจ้าเจ๊กจน ก็ซอกซนตื่นแตกแยกหนีฮือ
แต่นั้นมาเกิดตำราขึ้นอย่างใหม่ เถ้าแก๋ใดที่จะเข้ามาเช่าถือ
มักไม่ใคร่มีดีหนีปลายมือ บ่นกันอื่ออึงไปใจระกำ
ที่ทิ้งร้างว่างเปล่ามากเจ้าของ ถ้าเช่าต้องลคลาราคาต่ำ
ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใคร่ทำ ที่กลับซ้ำหนีหายหลายแห่งมา
จนไม่ได้อะไรเลยด้วยกันหมด ต้องเลี้ยวลดกลับกลายยักย้ายท่า
เห็นพอเหมาะกับระดูจู่ไคลคลา ไปเรียกหาอย่างทำนองของกำนัน
ได้แต่พริกกระเทียมหอมอ้อมค้อมขอ แต่เพียงพอใช้สอยค่อยลดหลั่น
ที่ขี้คร้านฤๅขี้ขลาดก็ขาดกัน ต่อใครหมั่นจึงจะไปเก็บได้มา
ส่วนลูกเธอที่ได้ทรงลงทุนไว้ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครดูรักษา
เห็นมีคนทำบ้างข้างมรรคา ข้างในหญ้ารกเห็นเปนป่าพง
พระยาโชฎึกพุกผู้กำกับ ได้เคยรับค่าเช่าเอามาส่ง
จนตลอดสิ้นชีวิตปลดปลิดปลง จึงตกลงเลยหายละลายเลือน
พ้นหลักหกตกที่วารีขอด ลึกตลอดสองศอกบอกลดเลื่อน
เปนพื้นนาสองข้างห่างบ้านเรือน ดูไม่เหมือนตอนแรกแปลกทำนอง
ถึงโคกไผ่เรือนใหญ่มีหลังหนึ่ง ดูขังขึงฝานอกชานบานปิดป้อง
มีศาลาท่าน้ำริมลำคลอง ยุ้งเข้าห้องใหญ่กว้างอยู่ข้างเคียง
เปนที่พักคุณหญิงพันพาบ่าวข้า ว่าทำนาอยู่ตรงนี้ที่ทุ่งเกลี้ยง
เครื่องบูชาหน้าเรือนเขาตั้งเรียง ได้ยินเสียงบอกว่านาหลวงทรง
ไปหน่อยหนึ่งถึงคลองวัดโคกไผ่ เห็นหมู่บ้านไรไรไม่ใหลหลง
พระอุส่าห์ลงมาห้าหกองค์ คอยรับส่งเสด็จมีที่ศาลา
ที่ฝั่งซ้ายรายเกลื่อนเรือนโรงบ้าง ดูเปนอย่างปึกแผ่นค่อยแน่นหนา
ในหมู่นี้มีโรงภาษียา ถึงหลักห้าหมดแขวงราชบุรี
มีกระบือคอยลากมากเปนหมู่ เจ้าเมืองอยู่คอยกำกับที่นี่
น้ำยังมากไม่ต้องลากจรลี ว่าวันนี้น้ำมากจนหลากใจ
แขวงนครไชยศรีมีนาน้อย เห็นเปนรอยเว้นว่างทุ่งกว้างใหญ่
เปนบ่อปลามาตลอดทางครรไล ว่าทำได้มีผลคนยินดี
ในหลักสี่หลักสามตามลำดับ น้ำขยับสามศอกบอกขึ้นถี่
ตั้งแต่ตอนนี้เข้าไปไรนามี ดูเต็มทีสองข้างไม่ร้างรา
พ้นหลักสองไปอิกทีถึงสี่ศอก ยิ่งถึงนอกลึกลงไปได้อิกกว่า
โรงนวดเข้าโรงอยู่ผู้เฝ้านา ดูแน่นหนามิได้ห่างว่างขาดตอน
ที่ฝั่งซ้ายปลายนากระสาจับ ต้นไม้กับหมู่ยางสล้างสลอน
สามต้นต่อกันเข้าไปในพงดอน ดูซับซ้อนขาวดาดสอาดตา
เหมือนต้นทองพันชั่งมาตั้งไว้ แต่ไขส่วนให้ใหญ่ขึ้นไปกว่า
กำลังเพลินเมินทอดทัศนา เสียงร้องว่าน้ำตกวกมาดู
ได้ยินซ่าตาลายหมายว่าเขา ดูก็เท่าพุริมฝั่งดังสู้สู้
แต่เปนโคลนเคละคล่ำตกพร่ำพรู จึงได้รู้ว่าเปนน้ำในลำราง
วัดสวนส้มกระฏิใหม่ไปทั้งหมู่ เลาเลาดูลานวัดจังหวัดกว้าง
ว่าสมเด็จเจ้าพระยาไปมาทาง นี้ช่วยสล้างจริงฤๅไรก็ไม่รู้
เขากลัวจะมืดค่ำต้องลำบาก จัดคนมากถือดอกไม้ไปรายอยู่
เจ้าคนหนึ่งนั้นคำนับจับจุดชู เสียงฟู่ฟู่อยู่บนฝั่งแต่ยังวัน
ตั้งแต่วัดคลองยางอยู่ข้างซ้าย มีคนรายเรือนเรียงเสียงสนั่น
ล้วนทำการค้าขายซื้อจ่ายกัน ดูแน่นนันกันไปมากจนปากคลอง
บ่ายห้าโมงครึ่งถึงที่ประทับ เข้าจอดกับแพใหญ่ที่ไต้ช่อง
ตอนนี้ตัดเปนตำแหน่งแขวงแม่กลอง ถ้าจะล่องเรือลงไปก็ไม่ช้า
แพนครไชยศรีที่ประทับ เกณฑ์มารับนี่อิกคราวยาวนักหนา
จึงลดทอนตอนปลายย้ายต้นมา เปนพลับพลาที่ประทับรับประทัง
แพไม้รวกผูกรายข้างท้ายน้ำ เอาผ้าทำฝากั้นกันเบื้องหลัง
แต่เปลี้ยน้ำเต็มท้นพ้นกำลัง ต้องตึงตังจัดจอดทอดนาวา
ที่ใครมีราชการงานเชิญเครื่อง ให้เปลี่ยนเรื่องขึ้นไปรายฝ่ายข้างหน้า
ที่แพต่ำย่ำเหยียบกันไปมา จนเข้าปลาหกกระเด็นเดินเหม็นคาว
ฉันไม่ได้ไปเห็นเปนแต่รู้ ตามคำที่มีผู้มาบอกข่าว
เวลาค่ำโคมรายคล้ายดวงดาว เหมือนที่กล่าวก่อนคล้ายลม้ายกัน
ยุงที่นี่มีมาเมื่อค่ำคล้อย พอดึกหน่อยก็สงัดไม่กัดฉัน
ตรวจดูปรอทร้อนตอนกลางวัน ขึ้นกระชั้นแปดสิบหกจนตกเย็น
ปรอทหนาวลงราวเจ็ดสิบห้า นอนสบายเต็มประดาไม่ว่าเล่น
ก็หมดข่าวกล่าวความตามที่เปน ขอยกเว้นจบบทหมดเท่านี้ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ