วัน ๕ ฯ๑ ๒ ค่ำ

วัน ๕ ๒ ค่ำ

๏ สองโมงถ้วนเรือกระบวนออกจากท่า ยังหนาวกล้าหมอกมัวหาหมดไม่
ปรอทถึงหกสิบสี่ที่ตรวจไว้ พ้นหาดใหญ่ถึงช่องคลองบางลาน
ถัดลงมาท่าเกวียนดูเตียนลาด ทางผ่านทุ่งนาคราชไปไพรสาณฑ์
คือตอนในที่ได้ไปเมื่อวันวาน ที่ตัดใหม่ไปประสานพอสบรอย
ไปข้างหน้าเห็นภูผาประดงกั้น เขากระไดสามคั่นติดหลังต้อย
บ้านนางแอ้งร่องแร่งเรือนตองตอย เห็นกล้วยอ้อยมพร้าวบ้างอย่างเคยมี
บ้านแก่งหลวงเรือนเล็กเล็กริมตลิ่ง ดูเร็วจริงเรือจอดเข้าทอดที่
ตะพานน้ำดาดปะรำเรียบร้อยดี โดยเสด็จจรลีดำเนินไป
เดินขึ้นสูงทรายร่วนชวนให้ล้า จะก้าวขาเดินไปไม่ใครไหว
ถึงพลับพลาตรงแก่งที่แต่งไว้ ประทับในที่นั้นคอยทัศนา
ทั้งข้างในก็ขึ้นไปตามเสด็จ เรือส่งเสร็จแจวฉากตัดบากหน้า
เสียงอื้ออึงดึงพวนทวนขึ้นมา ขึ้นร่องเบื้องบุรพามาข้างซ้าย
หนทางย่อมอ้อมคดเปนข้อศอก แต่เข้าออกสดวกได้ไปมาง่าย
มีศิลาสามก้อนค่อนข้างร้าย เลียบฝั่งซ้ายไปทีเดียวเลี้ยวหักตัว
ส่วนริมฝั่งต้องระวังไว้ให้มั่น หินยังคันยื่นออกไปมิใช่ชั่ว
ยังศิลาปากช่องที่ต้องกลัว แม้นคิดถัวทางสองเส้นเปนกันดาร
ส่วนทางกว้างข้างทิศประจิมนั้น ครุคระครันดูลำบากมากสถาน
เรือเล็กไปแล้วไม่ใคร่มีเหตุการณ์ เรือม่วงพายผ่านขึ้นไปได้หลายลำ
เรือข้างในขึ้นไปเกือบจะเสร็จ เรือที่มาตามเสด็จก็คลาคล่ำ
จอดแทรกเสียดเบียดกันเต็มแม่น้ำ แจวสำสำกันขึ้นไปจะใคร่ชิง
ฉวยเชือกพวนน้ำปั่นป่วนเรือเปะปะ เสียงเอะอะอึงไปมิได้นิ่ง
เปนโบราณไปทั้งนั้นขันจริงจริง ทั้งผู้หญิงแลผู้ชายตะกายกราว
ดูยินดีที่เห็นเรือกระทบกระทั่ง เสียงปึงปังแล้วก็ฮากันฉ่าฉาว
ขึ้นแก่งไหนได้สนุกกันทุกคราว กระบวนยาวจึงได้คั่งต้องรั้งไว้
เสด็จจากพลับพลามาทางบก หนทางวกเวียนเห็นสิบเส้นได้
ถึงฉนวนหัวแก่งแต่งตั้งไว้ ตลิ่งไถลเลี้ยววงลงนาวา
แจวขึ้นไปหน่อยหนึ่งถึงแก่งน้อย มีเกาะลอยสองข้างทางซ้ายขวา
ที่ช่องกลางนั่นเปนทางเรือไปมา มีศิลาอยู่ตามทางหว่างร่องเรียน
ที่เหนือแก่งแห่งนี้มีท่าไม้ ถัดขึ้นไปท่ากระบือฦๅชื่อเสียง
น้ำเชี่ยวจัดพัดปร๋อเอาพอเพียง เรือเดินเคียงข้างฝั่งตั้งลำไป
อิกคุ้งหนึ่งถึงตำบลเรียกโป่งนก มีเย่าเรือนรกรกตั้งอยู่ใกล้
กับแพหนึ่งจอดหน้าเปนท่าไว้ เปนหาดใหญ่ตลิ่งลาดดาดลงมา
เลี้ยวตวันตกสวนทวนน้ำอู้ เห็นเขาน้อยวังหมูอยู่ข้างหน้า
ไปหน่อยหนึ่งถึงท่าที่พลับพลา เรียกว่าวังหมูอยู่ที่นั้น
เรือข้างในยังไม่ทันจะถึงเสร็จ ก็เสด็จขึ้นฉนวนด่วนผายผัน
เปนเวลาร้อนกล้าด้วยกลางวัน เมื่อถึงนั้นบ่ายโมงเศษไม่มี
ชื่อถ้ำเก่าเขาเรียกต้นว่าหับ แสร้งเปลี่ยนสับเยื้องยักว่าดักหมี
หลังพลับพลาฝ่าร้อนจรลี จนถึงที่ศาลเจ้าเข้าร่มไม้
ต้นอะไรไม่รู้จักน่ารักแท้ ดอกเหมือนแพรสีชมภูอยู่ใกล้ใกล้
ทรงเก็บมาเปนหอบฉันชอบใจ ได้ดูใหม่เห็นชัดสนัดดี
กลีบเบื้องหน้าเหมือนอย่างผ้าชมภูแก่ ข้างหลังแปรเปนใบโสกเข้าสอดสี
คล้ายดอกรักนี่กระไรในท่วงที แต่ว่ามีกลีบงามสามเท่านั้น
ที่ตรงกลางหว่างกลีบก้านเกสร สีเหลืองอ่อนงามยิ่งทุกสิ่งสัน
เก็บมาแล้วทิ้งไว้ได้หลายวัน สีฉาดฉันลดหย่อนอ่อนลงไป
เข้าหมู่ไม้ไปหน่อยหนึ่งถึงต้นหมัน ที่ใช้กันมวนบุหรีมีต้นใหญ่
เขาถวายตัวอย่างมาข้างใน ใช้นาบไฟเสียก่อนให้อ่อนลง
ระยะทางเดินเท่าไรไม่ได้แน่ คงเปนแข่ของชาวนอกบอกฅอก่ง
ยี่สิบเส้นฤๅสิบห้าว่าไม่ตรง เดินในดงแดดไม่เผาให้เร่าร้อน
มีปะรำทำไว้ที่เชิงเขา จะได้เข้าหยุดสำนักพอพักผ่อน
ขึ้นคิรีมิสู้ชันตวันชอน จึงเหนื่อยอ่อนเหื่อโซมชโลมกาย
หนทางสามสิบวามาถึงถ้ำ ให้อยากน้ำเหนื่อยบอบหอบกระหาย
เข้าเพิงผาเผือดร้อนผ่อนสบาย มีพระพายพัดส่งตรงออกมา
ทางบนเขาจะเท่าไรก็ไม่แน่ ต้องปีนแง่ไต่ชง่อนตามก้อนผา
โปรแกรมนั้นท่านว่าสามสิบวา แต่เขาว่าตัดใหม่ใกล้กว่านั้น
สังเกตตาดูจะกว่าไปสักหน่อย เพราะวัดอย่างกร่อยกร่อยไม่แม่นมั่น
เหนื่อยขึ้นเขานี้เหมือนก้าวขึ้นอัฒจันท์ ที่มีคั่นห่างห่างอย่างโบราณ
ปากคูหาหน้าเวิ้งเปนเพิงว่าง ดูโดยกว้างสามวาหน้าสถาน
พื้นลาดลงไปข้างในได้ประมาณ ยาวแต่ชานเข้าไปเห็นสามเส้นตรง
ดูโดยกว้างบางทีสี่สิบศอก เพราะย้อนยอกกันออกไปชวนใหลหลง
แคบขนาดห้าวาอย่าพะวง บางแห่งทรงสูงทลึ่งถึงสิบวา
ที่อย่างต่ำกำหนดยี่สิบสี่ศอก มีปล่องซอกส่องแต่บนอยู่หนหน้า
แดดฉะเพาะเสาะทางสว่างมา เกือบถึงกลางหว่างคูหาเห็นเปนวง
มีช่องทางข้างซ้ายป่ายปีนได้ ตรงขึ้นไปถึงที่แจ้งทางแสงส่ง
วกออกร่วมทางใหญ่ที่ไปลง ถึงที่ตรงเสากลางข้างทางจร
ต่อเข้าไปต้องใช้ประทีปจุด ด้วยมืดสุดแสงสว่างห่างช่องก่อน
ชวากขวามีท่าที่ซอกซอน เดินยอกย้อนเข้าก็สบเสาลอยใน
คือภู่พรายสายวารีที่หยัดเหยาะ ค่อยกรังเกาะกันจนยื่นถึงพื้นได้
เลยจับขอบเข้าเปนอ่างกว้างออกไป ครั้นน้ำใหญ่เซาะพื้นไม่ยืนยง
พอดินร่วงรวงร่างห่างท้องถ้ำ ดูขันขำควรคิดพิศวง
เหมือนดอกเห็ดงอกหงายกลับปลายลง ดูใหญ่ยงทำยากลำบากครัน
มีทางแซกแยกไปได้หลายแห่ง เหมือนคนแกล้งจัดทำนองเปนห้องกั้น
เปนหน้าต่างอย่างยี่ปุ่นฝาประจัน เดินถึงกันได้ทุกห้องไม่ต้องคลาน
ดูแห่งหนึ่งเหมือนอย่างขึงด้วยฉากเขียน ดูแนบเนียนน่าลงสรงสนาน
เปนน้ำหยัดหยาดตรงลงอ่างธาร ทรงสันฐานสูงใหญ่มิใช่น้อย
แต่วารีนั้นไม่มีรดูแล้ง เปนหินแห้งกรังอยู่เหมือนภู่ห้อย
ที่ยังเหลืออยู่อิกทางหยดพร่างพร้อย ขังแอ่งน้อยใสสอาดปราศมลทิน
ที่แห่งอื่นดื่นดูเปนภู่ห้อย บ้างหยดย้อยพรอยพรายสายกระสินธุ์
บางแห่งภู่อยู่กับอ่างวางติดดิน ที่แหว่งวิ่นหักพังก็ยังมี
พื้นดินทรายรายศิลาท่าเกะกะ ว่าขุดพระธาตุขนจนป่นปี้
ต้องเกลี่ยกลับรับเสด็จในคราวนี้ หลุมยังมีเรี่ยรายหลายตำบล
แต่ความเห็นฉันนี้เปนไปอิกอย่าง ว่าพื้นล่างเปนศิลาน่าฉงน
ดินที่คละปะเปนพื้นอยู่เบื้องบน เปนด้วยฝนหลากซัดปัดลงมา
เหมือนถ้ำหมีที่แควป่าสักนั้น เห็นพร้อมกันว่ามีดินโดยน้ำท่า
ด้วยคราบน้ำเห็นถนัดได้ทัศนา ส่วนถ้ำนี้ดอนกว่าจึงพาแคลง
แต่คราบน้ำก็เห็นดำอยู่ศอกกว่า สายธาราก็ยังหยดไม่หมดแห้ง
พื้นถ้ำคงชำรุดด้วยน้ำแรง ใช่คนแกล้งขุดไว้ไปอย่างเดียว
ถึงขากลับนับว่าง่ายสบายยาตร ไม่ใคร่พลาดเดินสบายคลายหวาดเสียว
คุณเถ้าแก่แลเต็มทนจนหน้าเซียว ที่นั่งเหี่ยวอยู่ตามทางบ้างก็มี
เสด็จขึ้นไปเปนนานพานจะช้า ด้วยคอยท่าข้างในไม่ไปจากที่
เสด็จกลับแล้วจึงได้ไปอิกที ออกนาวาตอนนี้จึงบ่ายไป
ถึงสามโมงยี่สิบสี่มีกำหนด เดินเลี้ยวลดตวันตกวกลงใต้
เปนหลายคุ้งเขาขวางทางครรไล ฉันจำได้เปนเงาเงาเขาประดง
ฝั่งประจิมริมนทีนั้นมีท่า ชื่อเสลาตัดไว้เข็นไม้สง
เปนที่มีเรือนคนเรือวนวง ครั้นจะลงให้เลอียดขี้เกียจทำ
ส่วนผู้อ่านก็จะคร้านเรื่องซ้ำซาก เพราะไม่หลากไปกว่ากันวันยังค่ำ
จะว่าย่อพอให้ผู้ที่อยากจำ จะได้กำหนดบ้างทางเดินเรือ
ระยะนี้สี่หาดทั้งเล็กใหญ่ แล้วจึงไปถึงเรี่ยวน้ำเชี่ยวเหลือ
ต้องแจวจ้ำร่ำใหญ่ใช้ถ่อเจือ เขามีเผื่อไปทุกลำทำสำรอง
อิกคุ้งหนึ่งถึงตำบลบ้านยางเกาะ ทำไรเพาะปลูกตั้งฝั่งทั้งสอง
ล้วนเรือนชานบ้านนอกบอกทำนอง เปนหาดสองชั้นซ้อนตอนบนทราย
ที่ตอนล่างกว้างโล่งล้วนกรวดกลาด ดูเลี่ยนลาดกว้างใหญ่ยาวใจหาย
หมดหัวหาดตรงนี้มีเกาะทราย เรือเดินฝ่ายตวันตกต่อขึ้นไป
อิกคุ้งหนึ่งถึงสถานเรียกย่านเจ้า มีศาลเขาทำไว้ไม่สู้ใหญ่
แต่เปนศาลมุงกระเบื้องใช้เครื่องไม้ ตเคียนใหญ่ทั้งคู่อยู่เรียงรัน
ล่วงหาดหนึ่งถึงตำบลบ้านนักการ แต่เรือนชานไม่เห็นมีอยู่ที่นั่น
มีทั้งท่าหาดเรียวชื่อเดียวกัน ในหมู่นั้นเห็นเขาช่องช้างคับ
ทั้งหมู่เขาช่องด่านมขามเตี้ย เห็นเกาะทรายน้ำเรี่ยเปนอันดับ
แล้วหาดสองเกาะหนึ่งให้พึงนับ พอเลี้ยวลับก็ถึงดอนบ้านกลอนโด
มีแพอยู่ห้าหลังตั้งทำปลา ก็เสาะหาได้ที่นี่ดีอักโข
มีคนมากกว่าทุกย่านพานจะโต แต่รโหฐานแท้ไม่แซ่เซง
พลับพลาตั้งฝั่งตวันตกเฉียงใต้ เลือกที่ได้เหมาะถนัดจัดว่าเก่ง
เปนหาดใหญ่ยาวไปสุดตาเล็ง ดูเหมาะเหม็งเต็มทีดีพอใช้
ทินกรอ่อนแสงแฝงพฤกษา เสด็จลงคอนโดล่าลำมาใหม่
เจ้าเยนอเธอจำนงจงฤไทย ถวายไว้ไม่สู้ช้าสี่ห้าปี
ทำน้ำเงินลายสุวรรณเปนก้านขด ดูสุกสดงามประเสริฐเฉิดชูศรี
เปิดเพดานเสียให้โล่งดูโปร่งดี ชมปักษีพฤกษชาติตามหาดทราย
แจวล่วงหน้ามาก่อนกระบวนใหญ่ กระบวนหน้านำไปไกลเหลือหลาย
วังเวงว่างกลางกระแสแลสบาย ไม่วุ่นวายอื้ออึงเสียงตึงตัง
แต่พอย่ำสนธยาก็มาถึง ปะรำซึ่งจะจอดเรือที่นั่ง
เสด็จขึ้นที่ประทับแรมยับยั้ง ตั้งบนฝั่งแสนสนุกเปนสุขชัด
ทอดพระเนตรทุกตำแหน่งแล้วแบ่งสัน ฉลากปันปิดนามตามที่จัด
เรื่องพลับพลายังไม่ว่าโดยรีบรัด ขอผัดไว้ขากลับประทับแรม
ถึงจะมีที่ประพาสคงขาดน้อย เรื่องจะกร่อยแงมงอมกระหรอมกระแหรม
แม้มีมากฉันก็อยากจะซ่อมแซม คงจะแถมลงให้หมดไม่ลดลา
เรือกระบวนมาช้ากว่าชั่วทุ่ม ด้วยมืดคลุ้มกว่าจะจอดเข้าทอดท่า
จนเกือบยามตามข่าวได้เข้าปลา เสร็จการกาหฬทั้งหลายสบายดี
ปรอทร้อนตอนกลางวันไม่มันแผก แปดสิบแปดมิได้แปลกกันกับที่
อยู่พลับพลาหน้าเมืองกาญจน์บุรี ไดอรีหมดความตามสมมต ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ