วัน ๖ ๘ฯ ๓ ค่ำ

วัน ๖ ๓ ค่ำ

๏ เช้าสามโมงถ้วนกระบวนเคลื่อน นาวาเลื่อนลอยบากออกจากที่
แจวขึ้นมาโดยด่วนทวนวารี สามสิบห้านาฑีถึงปากคลอง
เลี้ยวเข้าภาษีเจริญไม่เขินค้าง แลสล้างสวนจากฟากทั้งสอง
ว่าน้ำสามศอกคืบฉันสืบลอง ไม่ถึงต้องฉุดลากลำบากลำบน
มาถึงคลองคอนกระดีที่ทางลัด กระบือจัดมาคอยรับอยู่สับสน
ดูเบาบางห่างย่านบ่านผู้คน ข้างตอนต้นที่ร้างว่างเนืองเนือง
พ้นหลักห้าเข้ามาจึงมีวัด เขียนชื่อชัดหนองแขมอยู่ข้างเขื่อง
มีศาลาโบถรามงามรุ่งเรือง จัดตั้งเครื่องบูชาไว้ในปะรำ
มีพระสงฆ์ลงมานั่งอยู่ที่นั่น สวดชยันโตเรื่อยเสียงเฉื่อยฉ่า
มีโรงด่านภาษีฝิ่นถิ่นประจำ มีคนทำนาหนามาทุกที
ผ่านยุ้งเข้าโรงนามาไม่ขาด บางแห่งดาดโรงร้านชานชิดถี่
วางของขายสินค้าในธานี ตอนนอกมีสวนใหญ่ปลูกไผ่ราย
ว่าปลูกต้นส้มโอโตถนัด สำหรับจัดเปนสินค้ามาส่งขาย
ลงกำปั่นบันทุกไปได้สบาย ว่ามากมายขายดีมีกำไร
ยังมีใกล้กันอิกสวนล้วนแต่หมาก ก็มีมากมายแท้แลไสว
ที่นอกนั้นก็เปนนาดาดาดไป จนตอนในเปนกระบวนสวนปนนา
คลองบางแคที่ตรงแง่นั้นมีวัด อย่างจังหวัดแขวงบางกอกดูบอกท่า
โบถก่อช่อฟ้าใบรกา เก๋งศาลาหลายหลังทั้งกุฎี
สำเภายานนาวาท่าไม่เพี้ยน ตั้งใจเลียนวัดล่างอย่างเต็มที่
เหมือนเช่นเล่นตุ๊กตาน่าปรานี เห็นจะมีนายสำเภาเขาสร้างไว้
คลองยายเพียนริมเฉนียนมีไม้ดัด เขาแต่งตัดกลมชอุ่มเปนพุ่มใหญ่
มีพานรองชั้นหนึ่งกลึงด้วยไม้ เหมือนพุ่มใช้เข้าพรรษาดูน่าชม
คลองรางบัวมาอิกทีก็มีวัด เปนช่างจัดโต๊ะหมู่อยู่ในรม
ล้วนลายครามสารพัดคัดเครื่องกลม ช่างสะสมเทียบใช้ได้งามดี
ถัดเข้าไปในนั้มีสวนส้ม เห็นน่าชมเรียงแถวเปนแนวถี่
ต้นไม้สวนต่างต่างหลายอย่างมี บางแห่งที่ว่างบ้างยังห่างกัน
ตั้งแต่คลองบางหว้าล่วงมาแล้ว สวนเปนแนวสนุกดีไม่มีคั่น
ล้วนหมากพลูคู่เคียงปลูกเรียงรัน คิดแบ่งปันเปนระยะจังหวะวาง
ที่ริมร่องสองแถวแนวขนัด รายหมากตัดตามขอบรอบสล้าง
ที่อกร่องปลูกพลูอยู่ตรงกลาง เปนคู่ค้างแถวเคียงเรียงกันไป
คิดถึงเรื่องหมากพลดูก็ขัน ช่างกินกันปรากฎหมดสวนใหญ่
ดูแต่ปูนที่เตาเขาเผาไว้ ทำตึกได้ราวสักหมู่ดูลาดเลา
ตามหน้าสวนล้วนแต่มีพระรูปสี ทรงเครื่องทีท่าทางเปนอย่างเก่า
ไม่ลม้ายคล้ายพระองค์คงแต่เค้า มาตั้งเข้าอยู่ในหมู่เครื่องบูชา
ใกล้ปากคลองบ้านช่องยิ่งหนาแน่น เปนปึกแผ่นคนผ้านขนานหน้า
โรงสีเข้าเตาท่อติดต่อมา รับสั่งว่าตรงนี้เปนที่เดิม
ทรงซื้อไว้จะใช้เปนที่ประทับ ลงมือจับการใหม่พึ่งได้เริ่ม
พอได้ราชสมบัติจึงจัดเติม โรงสีเพิ่มพอให้เขาเช่าทำการ
พระองค์อิศรวงศ์เปนองค์ใหญ่ จึงโปรดให้เปนเจ้าของท้องสถาน
ตกอยู่กับจอมมารดามาช้านาน เลยประทานทิ้งไว้มิได้คืน
สองโมงจึงถึงตำบลคลองบางหลวง เปนร้านรวงโรงตลาดรายดาดดื่น
เห็นคนผู้คพิฦกเสียงครึกครื้น บ้างนั่งยืนยัดเยียดเบียดเสียดกัน
ตามโรงร้านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ล้วนแต่ตั้งโต๊ะบูชาผ้าม่านกั้น
บ้างมาหมอบรายเรียงเคียงเคียมคัล ต่างชวนกันเริงรื่นชมชื่นบาน
ที่อารามตามทางชลมารค พระสงฆ์หลากเหล่าหลามตามหย่อมย่าน
ลงมานั่งยังศาลาหน้าตพาน ทุกสถานเรียงรายถวายไชย
ตามน้ำกึ่งนาฬิกานาวาล่อง ออกจากคลองตกลำแม่น้ำใหญ่
เห็นเรือรบเรียงทอดจอดรายไป แต่งธงไว้วายุพัดสบัดพลิ้ว
เขายืนเพลาเสากระโดงดูลอยเด่น ฉันแลเห็นเสียวไส้ใจหวิวหวิว
ดูเหมือนรูปตุ๊กตาน่ากลัวปลิว เรียงเปนทิวหมวกถือในมือชู
ได้ยินขลุ่ยแตรกลองออกซ้องแซ่ ยังซ้ำแตรวงกลบตระหลบหู
ถึงท่าราชวรดิฐพินิจดู คนคอยอยู่มากจริงทั้งหญิงชาย
เรือที่นั่งเทียบจอดทอดประทับ สองโมงกับสี่สิบห้าเวลาบ่าย
ขุนนางหลามตามเหล่าทั้งเจ้านาย มาเรียงรายเฝ้าแหนอยู่แน่นนัน
เสด็จขึ้นฉนวนน้ำต่างคำนับ ประสานศัพท์เซงแซ่แตรสนั่น
ประทับบนตำหนักแพคนแจจรร แต่ตัวฉันครู่หนึ่งจึงขึ้นตาม
เข้าประตูฉนวนในได้พบพักตร์ คนรู้จักชอบพอล้อเลียนถาม
ทวงของฝากอยากรู้ทั้งเรื่องความ ต้องพูดพล่ามตอบต่อพอสมควร
ดูสับสนคนผู้มากหมู่ใหญ่ หลีกครรไลเรือนชานเปนการด่วน
ถึงที่ห่วงเห็นสบายหายรัญจวน เกษมสรวลเบิกบานสำราญใจ
สิ้นเรื่องราวข่าวนิราสประพาสป่า เรื่องนานาไม่ได้จดหาหมดไม่
จะขึ้นจากนาวาแสนอาไลย ขอว่าใหม่อิกสักนิดติดตอนปลาย
เรือที่นั่งครั้งขากลับมานี้ ผิดกับที่แรกครรไลไปมากหลาย
ม่านแพรแดงแสงประเทืองดอกเหลืองราย มากลับกลายผลัดเปลี่ยนเสมียนลว้า
มิใช่เลวเลยกระบวนแต่ล้วนปัก ดูงามนักลูกเดือยเด่นเหมือนเช่นว่า
แต่งเพิ่มเติมม่านข้างนอกต่อออกมา จนชั้นผ้าลาดข้างในใช้ซิ่นเพลาะ
มิใช่เช่นอย่างลาวกาวาวกว่า ดูหน้าตานั้นเปนพรมช่างสมเหมาะ
ผ้าคลุมกรงนกเขาเอาเสื้อเลาะ ปักฉะเพาะเพริศเพราให้เข้าชุด
เอาแขวนมาที่ตรงหน้าปะรำขึง เรียกได้ถึงสามสี่ดีที่สุด
นางนุ่งหยี่อยู่ที่เสาเฝ้ายื้อยุด อุตลุดไปยังค่ำทำเหมือนคน
บนหลังคามยุราทั้งกรงใหญ่ ถึงสิบนกแต่ล้วนได้ในไพรสณฑ์
นางเสือน้อยอยู่ในเก๋งเที่ยวเก่งซน วิงวิ่งวนแล้วก็แอบมาแนบนอน
น่าเอนดูรู้ภาษาว่ากันได้ ฉันเกณฑ์ให้นอนฟูกเหมือนลูกอ่อน
แล้วเอาผ้าปิดท้องลองคลึงคลอน ก็ซบซอนหลับไหลไม่ดื้อดึง
ไม้ตเข้ขบฟันอันยาวใหญ่ ติดแพนใช้ผูกเสาเข้าคู่ขึง
ข้างหลังใช้ผูกไม้ด้ามหอกกรึง อิกอันหนึ่งเปนมีดหลาวยาวกระไร
ผูกหัวเรือเงื้อง่าท่าก่งแต้ หางยูงแผ่ที่เพดานตรงม่านไข
ข้างทวารสองหางกางผูกไว้ เขามอใช้ก่อตั้งในถังรอง
ถังหนึ่งใช้ไข่หินในหุบเขา อิกข้างเค้าจะให้เห็นเปนเปลวปล่อง
ช่างประดิษฐดูงามตามทำนอง ตั้งไว้สองข้างทวารตรงบานบัง
จะขึ้นมาอาไลยมิใคร่หาย ยังเสียดายงามเหลือเรือที่นั่ง
ถึงจะยกขึ้นไปไว้ที่ในวัง ไม่เหมือนดังอยู่ในเรือเมื่อกันดาร
เรือที่ไปแล้วไม่มีลำใดเว้น ล้วนของเล่นบันทุกพากลับมาบ้าน
ส่วนเครื่องยาหาได้หลายประการ ที่ทหารรับสั่งให้ไปถามมา
ล้วนแต่มีที่หลังน้ำโจนสิ้น ตัดที่ถิ่นเนินไศลแลในป่า
กระดังอ้ายอบเชยไทยในวนา ทั้งพระยามือเหล็กแส้ม้าทลาย
ต้นกรันเกราเถาอุ้มลูกดูหนัง ต้นกำลังวัวเถลิงเปลือกขี้อ้าย
ตานขะโมยเหมือดคนฝนทากาย แก้ร้อนหายเหือดฉมังได้ดังใจ
เถากำแพงเจ็ดชั้นเถาวัลิกรด รางแดงขดเคียงลำเนาต้นเปล้าใหญ่
ชเอมเครือเจือพันเถาวัลิไป ต้นหางไหลเถายาวทั้งขาวแดง
ต้นมวกแดงเถาคันแดงแฝงสค้าน พวกทหารเสาะหามาทุกแห่ง
ทั้งเปลือกคูนเปลือกเลือดเชือดพอแรง มาตากแห้งกองไว้ใกล้ที่พัก
ที่ว่านี้ล้วนแต่ที่ยาชินใช้ ถึงมิใช่แพทย์หมอพอรู้จัก
ที่เข้าใจหาได้หลายอย่างนัก เสียงกุกกักเหลือร่ำในตำรา
ยังไม้ไผ่ต่างต่างอิกอย่างหนึ่ง เปนที่พึงใจฉะเพาะเสาะสืบหา
เล่นหลายอย่างต่างต่างทั้งปล้องตา เล่นทั่วหน้ากันไปจนไพร่พล
เปนไม้เท้าเปนกล่องต้องการใช้ ไม้ลำใหญ่ไทรโยคแลตีต้น
ต้องใช้กุญชรลากลำบากลำบน ไปตัดจนลำธารชานเขาแดน
บ้างต้องการปล้องงามทำต้ามหอก เที่ยวซอนซอกเสาะลำบากยากเหลือแสน
บ้างชอบไม้คุดงอข้อลำแบน ทั้งไม้แกนกรันพลิกบิดหงิกงอ
ไม้ตพดหมดทั้งสิ้นสักเกือบหมื่น มีดาดดื่นนาวานักหนาหนอ
คนละอันนั้นเปนไม่ใคร่จะพอ คงเติมต่อสองสามตามต้องการ
ไม้ตเข้ขบฟันขยันยอด เปนข้อขอดคาบทับสับประสาน
จะไปตัดบัตรพลีมีพิสดาร ต่อนานนานจึงได้พบประสบลำ
พวกนักเลงขะโมยควายทั้งหลายถือ สำหรับมือว่ากันวันยังค่ำ
ทั้งจรเข้ครั่นคร้ามเมื่อข้ามน้ำ บ้างก็ทำยิ่งยงถึงลงยันต์
พวกนักเลงไม้ดัดก็จัดหา ตโกป่าท่วงทีดีขยัน
ที่ใจเร็วหาใหม่งามไม่ทัน ต้องพาดพันค้นคัดเที่ยวจัดซื้อ
ต้นกล้วยไม้เล่นใหญ่กันคราวนี้ อย่างที่มีน้อยจริงยิ่งนับถือ
ที่ดอกใหญ่สีชมภูดูถึงฦๅ เขาอึงอื้อกันว่าได้อย่างใหม่มา
รองลงไปดอกห่างอย่างสีขาว ที่พวงยาวนั้นเปนพื้นมีดื่นป่า
เปนติดแขวนประจำลำนาวา ทั้งข้างหน้าข้างในไม่มีเว้น
พวกสันทัดถนัดปลูกเฟินต่างต่าง ก็เสาะสางสืบหาแซะมาเล่น
มีหลายหลากมากอยู่แต่ดูเปน เหมือนอย่างเช่นในบุรีมีอยู่แล้ว
บ้างซื้อหาปักษาที่เสียงก้อง เขาขุนทองนกกระทากาเหว่าแก้ว
กระต่ายตุ่นเสือปลาหน้าเหมือนแมว ชมดแถวแถบนี้มีอนันต์
ยังลูกลิงลูกค่างต่างขนาด มีเกลื่อนกลาดหาได้ในไพรสัณฑ์
แต่ชนีนี้เปนของต้องการกัน แต่ว่าฉันไม่เห็นใครจะใคร่มี
ยังอิกอย่างข้างผู้ชายชอบหนังสัตว์ เที่ยวสืบจัดซื้อทั้งหนังเสือหมี
เรื่องเขาโคเปนของผู้รู้วิธี ชั่วแลดีเลือกทำตามตำรา
ที่อย่างใหม่ใช้เขากระทิงบ้าง ทั้งเขากวางมาประดิษฐ์แต่งติดฝา
นักเลงเขามอมองปองศิลา เที่ยวมองหาเก็บที่มีร่องน้ำ
ที่สนัดทุบต่อยก็คอยผลาญ เที่ยวประหารภู่ห้อยย้อยตามถ้ำ
แบกเอาไปไว้ตามบุญตามกรรม จะไปทำอะไรได้ก็ไม่รู้
ที่สันทัดในทางข้างขายของ ก็ตริตรองสืบสางหาทางลู่
คิดต้นทุนแลกำไรเสียให้รู้ ไปเที่ยวจู้จี้ต่อทางขอปัน
คือยาตั้งยาลังแลเสื่อหวาย พอมาขายขึ้นขยับเคี่ยวขับขัน
พุดทราแผ่นอย่างยิ่งสิ่งสำคัญ ซื้อหลายพันพอจำหน่ายหมายกำไร
หาน้ำตาลกระบอกไปได้กวนเคี่ยว แต่สิ่งเดียวเท่านั้นเห็นเปนรวยได้
ทั้งของแจกเข้าจ่ายจำหน่ายใช้ สงวนไว้คงจะเหลือเมื่อถึงกรุง
ผลไม้ดิบสุกบันทุกเพียบ ของเงียบเงียบบ่มไว้มิใช่นุ่ง
ทั้งพริกแห้งกระเทียมหอมตอมซื้อนุง คงเฟื่องฟุ้งเปนเศรษฐีครั้งนี้เอง
เสบียงเก่าที่เอาไปจากบางกอก จำหน่ายออกราคาแรงแพงเครียดเคร่ง
คนถามซื้อฤๅออกซ้องก้องครื้นเครง ช่องเหมาะเหมงเช่นนี้มีนานนาน
ถึงไม่สู้ลาภจัดไม่ขัดสน ได้แจกจนของถวายจ่ายเข้าสาร
ส่วนสมเด็จกรมพระผู้กะการ คอยเจือจานแจกบ่ายรายทุกลำ
ถึงที่ไหนได้ปลามาจำหน่าย ตั้งร้านจ่ายเนื้อสดหมดทุกส่ำ
ไม่อดอยากอย่างแต่หลังดังถ้อยคำ ที่ฦๅร่ำกันมาว่าเหลือทน
เว้นแต่ที่มุ่งหน้ามาค้าขาย จึงวุ่นวายอึดอัดว่าขัดสน
เฉลี่ยไปไม่แต่ฉะเพาะตน จึงต้องบ่นพึมพำกรรมของแก
ที่จริงไปไหนทุกทีไม่มีสู้ เสียงแต่ผู้สรรเสริญออกเซงแซ่
ระวังระไวไปทุกหมู่คอยดดูแล ติคงแพ้ชมหนามากกว่ากัน
มาฟังเขาเล่าถึงฦๅในบางกอก ช่างนอกคอกซุกซนฦๅจนขัน
ดูมากมายฟั่นเฝือเหลือรำพัน ที่หนึ่งนั้นพระยานรรัตนตาย
เปนอย่างดีที่ยังมีไปเจ็บไข้ พอช่วยใส่ร้ายแหลให้แพร่หลาย
นอกจากนี้นั้นยังมีอิกมากมาย เลยลามกลายเลอะเทอะออกเปรอะปรึง
พวกฝีพายเรือที่นั่งตายทั้งห้า จะเสด็จกลับมาก็ไม่ถึง
ท่านในขวาถูกผู้ร้ายป่ายปืนตรึง หกล้มผึงแผ่ดิ้นสิ้นชีวา
ส่วนพระนายสรรเพธผู้ร้ายล้อม ต้องแอบอ้อมหลีกลี้หลบหนีหน้า
ใช่บรรไลยแต่ที่ไปในวนา อยู่ภาราก็ให้ตายเสียหลายคน
ที่ในวังตั้งบาญชีเจ้าถึงห้า ยังขี้ข้าวันละสี่ตายปี้ป่น
คุณหญิงเปลี่ยนวายวับดับชีพชนม์ ยังดั้นด้นรู้ล่วงถึงหลวงพระบาง
ท่านแม่ทัพก็ให้ดับไปเสียด้วย ทั้งเขาห้วยเกิดวิบัติข้องขัดขวาง
น้ำเพียงแข้งแห้งขอดตลอดทาง เขาสูงขวางแดนแยกแตกทำลาย
แม้จะจดหมดสมุดสักสองเล่ม จึงจะเต็มคำระบือฦๅทั้งหลาย
น่าเกลียดคนต้นคิดจิตต์มุ่งร้าย มันมุ่งหมายลวงให้วุ่นขุ่นขุ่นกัน
คนได้ยินสิ้นดีมีแต่เชื่อ ไม่รู้เบื่อกลับเห็นเอาเปนมั่น
ครั้นไม่จริงนิ่งเฉยเลยลืมพลัน ที่ปดนั้นลืมไปเสียไม่ฤๅ
เหมือนนักเลงเล่นหวยเมื่อรวยป๋อ ก็อือออว่าขรัวครูดูแน่อื๋อ
ถึงยามกินกอดเข่าเข้าจับปรือ ไม่อึงอื้อว่าขรัวครูดูผิดเลย
อันที่จริงเจ้าตำราว่าจ้ำจี้ เขาก็ดีไปอย่างช่างเฉลย
ว่าไปได้ไม่เปนภาษาเลย แล้วลองเอ่ยใหม่บ้างค้างทุกคราว
ไปชวนเข้าภาษาคนทนไม่ไหว เอาให้ได้ก็ไปค้างอย่างซักส้าว
ไม่เหลวเลือนเปื้อนไปได้ยืดยาว ผู้คิดข่าวฦๅนี้ดีถึงกัน
มือจับโน่นซนนี่ไม่มีเสมอ เอามาเพ้อตกแต่งแกล้งกล่าวกลั่น
นุ่งตรองตายิบยิบกระซิบกัน ดูก็ขันควรเห็นเปนอนิจจัง
อันที่จริงเสด็จไปในคราวนี้ มิได้มีไข้เจ็บจนกลับหลัง
จะเปนบ้างอย่างประมาทที่พลาดพลั้ง ไม่เรื้อรังยืดช้ากว่าสามวัน
คือท้องเสียปั่นป่วนชวนเปนบิด เพราะอาหารวิปริตชวนผิดผัน
แลเปนหวัดไอจามตามสามัญ แล้วเลยครั่นตัวบ้างที่บางคน
แต่หยูกยาหนาที่มีสำหรับ ไปคอยจับจ่ายให้ไม่ขัดสน
ไม่มีเปนอันตรายตายสักคน คิดไพร่พลเกือบหมื่นพื้นที่ไป
ที่เจ็บไข้ไม่กว่าร้อยละสอง ว่าร้ายรองยิ่งใหญ่อย่างไรได้
ไม่เหมือนฦๅอื้อฉาวข่าวใส่ใคล้ ดีกว่าในนัคราเวลานั้น
คนทั้งหลายหมายว่าไปพนาเวศ ไม่แจ้งเหตุอันใดในเขตรขัณฑ์
ในกรุงไม่แจ้งใจข่าวไพรวัน จึงดื้อดันเพราะเดาข่าวเล่าฦๅ
เพราะหูป่าตาเถื่อนเหมือนนอนหลับ ต้องเงาทับพูดเพ้อละเมออื้อ
ร้ายในใจไขออกบอกกระพือ เหมือนกระสือชอบชมโสมมมัว
ที่แท้นั้นเสด็จไหนก็ได้ข่าว โทรเลขบอกกล่าวถึงกันทั่ว
ใช่แต่ในราชการงานพันพัว การของตัวบอกใช้ได้ทั้งนั้น
ที่บ้านไหนใครวิตกถึงพี่น้อง แลพวกพ้องที่ไปในไพรสัณฑ์
เขาก็มีไปมาพูดจากัน เว้นแต่ที่เคอะครันเชื่อคำลวง
เรือที่ไปก็ไม่มีถึงแตกยับ เปนแต่คับคั่งยิ่งชิงกันล่วง
อยากจะใคร่ไปดังบินสิ้นทั้งปวง แย่งทลวงขึ้นหน้าดาประดัง
น้ำเชี่ยวฉานพานพัดปัดเกะกะ ต้องเอะอะสวนซบกระทบกระทั่ง
จึงชำรุดเล็กน้อยไม่ค่อยฟัง ที่ระวังดีดีไม่มีไภย
ที่มีล่มสองลำทำอวดกล้า เปนนาวาน้อยไม่ใช่ลำใหญ่
ถึงเช่นนี้ดีกว่าก่อนครรไล ชิงกันไม่เปนท่าน่ารำคาญ
พรรณามาก็สิ้นรบิลข้อ ที่รู้พอจดจำร่ำเรียนสาร
อุส่าห์เพียรเขียนลิขิตพิสดาร พอรู้อ่านจบไดรีเท่านี้ เอย ๚
๏ “ตามเสด็จไทรโยค” ตั้ง สมญา ไว้ฤๅ
เปนเขตรปลายมรรคา คู่อ้าง
โดยเสียงซึ่งชนสา มัญเพรียก พร้องแฮ
เพื่อเรียกอย่างรู้ร้าง เริศขึ้นคานเขิน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ