วัน ๔ ฯ๗ ๒ ค่ำ

วัน ๔ ๒ ค่ำ

๏ จวนโมงหนึ่งจึงออกเรือที่นั่ง จากหาดวังใหญ่ในวิถี
เขาแดนขวางตามทางที่จรลี ส่วนคิรีช้างอ้วนทวนมาตาม
เรี่ยววังโพผาโตตั้งสกัด ลายน้ำพัดไหลเชี่ยวต้องเที่ยวข้าม
พอพ้นตื้นตกวังดังออกนาม เกาะเล็กงามพอใช้ใกล้ฝั่งชล
เลี้ยวหาดวงตรงขึ้นไปถึงแก่ง น้ำเชี่ยวแรงชื่อย้ำซ้ำกันป่น
ศิลารายฝ่ายประจิมประจวบจน เกาะตอนบนริมฝั่งไม่ตั้งไกล
ศิลาสุมอยู่ในน้ำแล้วซ้ำเกาะ ตั้งฉะเพาะช่องหว่างทางชลไหล
เรี่ยวปลัดทับตองต้องทวนไป เลี้ยวครรไลตวันตกทางวกเวียน
พอตกคุ้งคลองกุ้งอยู่ฝั่งเหนือ มีน้ำเรือไปได้ใกล้เฉนียน
แก่งปลัดทับตองชื่อพ้องเลียน เขาเขียวเวียนไปอยู่หน้านาวาตรง
พอพ้นแก่งแหล่งนี้ศิลาสุม ดูเปนกลุ่มเกาะเล็กเล็กละลานหลง
ที่หัวแหลมน้ำเชี่ยวเดินเลี้ยววง ถึงย่านพงวังกรวดมีศิลา
ก้อนใหญ่ใหญ่ในน้ำก็มีสุม แลชอุ่มตรงชวากข้างฟากขวา
เปนน้ำเก่าเข้าไปตันหมดมรรคา ทางไคลคลาหาดตะไคร้ต่อไปยาว
ไปคุ้งหนึ่งถึงที่ศิลาสุม เห็นตะคุ่มล้วนตะไคร้จับไม่ขาว
ห้วยทับตองคลองแห้งแจ้งเรื่องราว เขาแหลมเก้าสกัดมาอยู่หน้าเรือ
เขาช้างอ้วนทวนไปอยู่ข้างหลังเล่า เกาะลำเนาหินคันนาน่ารักเหลือ
แลเห็นเขาท่าตกั่วมาถัวเจือ ดูไม่เบื่อภูมิประเทศเขตรคิรี
ศิลาโตโผล่ชโงกลงในน้ำ เหมือนจะขว้ำทับทางหว่างวิถี
ล้วนไม้ใหญ่ในพนัสพนาลี เปลี่ยนท่วงทีมิใคร่เห็นเปนทุ่งพง
มยุราร่ำร้องเสียงก้องกึก ไม้ลึกลึกลอยล่องร้องโต๊งห่ง
เสียงก๊อกก๊อกขานกันสนั่นดง เห็นเรือตรงชะเง้อหน้าออกมาดู
เรือหน้าไปเขาได้เห็นอยู่ริมหาด ไม่ขามขลาดขัดสนด้วยคนผู้
แต่เชี่ยวชาญการหัดสันทัดครู สดับแตรแต้ตู๊ตู๋เดินกระบวน
ไม่รอรั้งฟังบังคับอันสิทธิขาด ขึ้นจากหาดโผผินบินโดยด่วน
ส่งแต่เสียงไว้อาไลยใจรัญจวน บ้างรีรวนไว้อาไลยจับไม้เมียง
พ้นหาดทรายชายตะไคร้ไปเต็มคุ้ง เห็นไขว่ยุ่งเรือแพออกแซ่เสียง
ถึงท้ายแก่งสารวัดจัดลำเลียง ต่างมุ่งเมียงคอยขยับจับเชือกพวน
การขึ้นแก่งคราวนี้จัดดีนัก จับเชือกชักขนไปไม่ก้าวสวน
พระชลยุทธหยุดลงส่งกระบวน ดูตามควรเข็นลากไม่ยากใจ
มาคราวก่อนอ่อนใจในเรื่องแก่ง แต่ละแห่งเรือจะแหลกแตกให้ได้
คนหัวเมืองเงอะงะเซอะซะไป ทั้งน้ำในนทีก็มีน้อย
ที่นั่งเหลืองเขื่องหนักประดักประเดิด เลยเตลิดลอยไหลไปบ่อยบ่อย
ต้องมีคนลงน้ำประจำคอย เข็นทอยทอยไปตามเรี่ยวที่เชี่ยวโชน
คราวสระบุรีค่อยดีหน่อย แต่น้ำน้อยขึ้นแก่งแรงผาดโผน
เรือลำใดไม่มีพ้นที่โดน ลากกระโจนบนศิลานาวายับ
มาคราวนี้ดีเหมือนไม่มีแก่ง ทั่วทุกแห่งเชือกปอพอเสร็จสรรพ
ไม่เซงแซ่แม่การคอยบังคับ จนนอนหลับไม่รู้สึกจะนึกกลัว
ที่แก่งนี้นับเปนที่ซึ่งคับขัน เคยกลัวกันมาแต่เก่าเขาสั่นหัว
เปนสองช่องร่องใต้ไปหักตัว ศิลาทั่วที่ตามหว่างทางเรือเดิน
เกาะน้อยน้อยลอยเด่นศิลาดาด จับเปนหาดตื้นถนัดคอยขัดเขิน
สายธารามาเปนเกลียวเชี่ยวเหลือเกิน แม้เผินเผินแล้วก็พะปะศิลา
เปนดานขวางทางฝั่งเห็นฟองขาว จับเชือกสาวมาริมหาดคอยวาดหน้า
ถูกสายน้ำจำเพาะประทะมา ต้องคนคร่าหัวไว้ให้หน้าตรง
พอพ้นแก่งคุ้งหนึ่งไปถึงห้วย ชื่อเดียวด้วยกันตามความประสงค์
เปนสถานบ้านพวกกะเหรี่ยงดง เห็นเขาทรงสูงสง่าข้างหน้าไป
ชื่อภูแซงแจ้งนามที่ถามเขา มีหาดเก่าแลชวากหามากไม่
ที่ริมน้ำซ้ำมีศิลาไลย คลองแสงใหญ่ฝั่งเหนือเรือผ่านมา
บ้านกะเหรี่ยงเรียงไปในไพรกว้าง ศิลาข้างฝั่งรำไรไม่ใคร่หนา
ถึงภาราท่าตะกั่วเศกสมญา แต่บ้านป่าเรือนไพรก็ไม่มี
ต้นงิ้วใหญ่ได้เปนที่เจ้าท่า ฝูงเสนานั้นมะขามสามต้นถี่
ต้นมะพร้าวกับขนุนขุนมนตรี มะม่วงที่ท่านเจ้าเมืองต้นเขื่องครัน
ระยะนี้ที่ประพาสเกิดขึ้นใหม่ พึ่งทราบในราตรีดีขยัน
เขากระแตตวันออกนอกไปนั้น ทางผายผันไม่สู้ไกลไปสบาย
เดิมอยู่ดีมีธารธาราพุ เขาประทุแตกล้มถล่มถลาย
ศิลาย่อยลอยกระเด็นมามากมาย เปนมอคล้ายนาคราชประหลาดตา
จำนวนกะระยะทางวางไว้สั้น พอผ่อนผันเพิ่มใหม่ไม่หนักหนา
กรมพระกะเสร็จเสด็จคลา ไปจัดท่าทางครรไลไปเขาพัง
เรือที่นั่งถึงเวลาห้าโมงถ้วน คอยกระบวนนาวามาข้างหลัง
ตพานน้ำยังทำกันตึงตัง จอดฉะเพาะเรือที่นั่งได้ลำเดียว
สมเด็จกรมพระเสด็จมา ทูลระยะมรคาในป่าเปลี่ยว
ทั้งเชิงชั้นบรรพตที่ลดเลี้ยว ตามที่เสด็จเที่ยวไปตรวจการ
ทั้งดอกดวงมาลีสีต่างต่าง ตัวอย่างหญ้าผลไม้ในไพรสาณฑ์
ทั้งศิลาที่ทลายแจ้งรายงาน เปนสถานควรทอดทัศนา
พอเช้าห้าโมงครึ่งเรือถึงเสร็จ ตามเสด็จห้อมล้อมไปพร้อมหน้า
พวกทหารแลตำรวจกองตรวจตรา นำมรคาเบื้องหลังจึงข้างใน
ขึ้นมาทางข้างตลิ่งที่ตัดลาด ยุรยาตรมรคาเปนป่าใหญ่
ทางย่อมย่อมอ้อมวงไม่ตรงไป เปนแต่ถากถางไว้พอให้เตียน
ทางแรกมาสุริยาไม่แผดเผา แต่ร้อนเร่ายิ่งยวดชวนปวดเศียร
ลมไม่เป่ามาสักฉิวหวิววิงเวียน สู้พากเพียรเยื้องย่างตามทางจร
ทางต่อไปไม่เสงเครงเล็งแลโปร่ง ดูใบโหรงร้อนยิ่งขึ้นกว่าก่อน
เรียกป่าแสเดินสุ่มขึ้นหลุมดอน ประสบก้อนศิลามารายราย
ไปหน่อยหนึ่งถึงทางข้างธารใหญ่ เลียบครรไลแล้วจึงลัดตัดผันผาย
มรคาเปนศิลาปนกับทราย หินกระจายมาถึงกว่าครึ่งทาง
ดอกไม้ป่าต่างสีมีดื่นดาษ ล้วนประหลาดหลากตาสี่ห้าอย่าง
ที่ดอกม่วงพวงใหญ่อยู่ใกล้ทาง ดูเหมือนอย่างไม้ฝรั่งช่างน่ารัก
ที่ดอกเหลืองเรืองรองเหมือนทองทาบ คล้ายอังกาบกลีบก้านบานเปนจัก
ที่ดอกแดงแกล้งล่ออยู่ต่อพักตร์ ชิงกันหักใครไม่ได้ใจรอนรอน
ที่เปนเถาเค้าคล้ายผักทอดยอด มีตลอดตามทางกลีบบางอ่อน
สีต่างต่างอย่างมาแต่ลอนดอน เรียกคอนวอลวูลัศชัดจริงเจียว
ลูกขุยไผ่ใบชิดสนิทแน่น ทึบเปนแผ่นขึ้นอยู่ตามหมู่เขียว
เหมือนไผ่ใหญ่ไม่ผิดสักนิดเดียว เดินลดเลี้ยวตามละเมาะเช่นเกาะเกียน
ไปสักสามสิบเส้นเปนที่แจ้ง เหมือนคนแกล้งคิดคาดเดาวาดเขียน
พื้นเปนดินทรายราบดังปราบเตียน คล้ายล้อเลียนเขามอก่อกลางแปลง
เปนหย่อมย่านชานห่างบ้างก็ชิด ไม่พินิจแล้วเห็นเหมือนเซ่นแกล้ง
มาชลอลากดัดช่วยจัดแจง คิดเติมแต่งตั้งไว้จะให้ดู
ต่อเข้าใกล้จึงได้เห็นเปนรอยแยก คือเขาแตกตกพังมาทั้งหมู่
บ้างตะแคงคว่ำหงายกลายกลับพู บ้างเปนภู่น้ำหยัดซัดลอยมา
ยังอ่อนอ่อนรอนขาดเที่ยวกลาดกลิ้ง บ้างทอดอิงเอนขวางข้างก้อนผา
ที่ก้อนใหญ่สูงได้เกือบสามวา ย่อมลงมากว่านั้นอนันต์เนือง
ต้นไม้ใหญ่ที่ประไลยด้วยภูผา สูงเก้าวาสิบวาอเนกเนื่อง
ถึงลำต้นโตใหญ่ไม่ประเทือง รากกระเดื่องดังกระชากจากดินดอน
ต้นไม้ใหญ่จนไม่มีในที่นั้น เหลือแต่พรรค์เกิดใหม่ไม้อ่อนอ่อน
กำลังเที่ยงเปรี้ยงแสงทินกร เหมือนจะจรไปไม่ไหวหายใจรวน
ต้องขึ้นเทินเนินไศลในละหาน เหมือนลำธารเก่ารฦกนึกสอบสวน
ศิลาปูนคราบวารีสีแดงนวน รอยปั่นป่วนเห็นลม้ายสายธารา
แต่เปนทางกว้างใหญ่มิใช่เล่น ที่กัดเปนร่องขุมชุมนักหนา
แต่วารีที่ยังมีไหลลงมา ถึงวัสสากลัวจะไม่ใคร่มีพอ
ฤๅเดิมที่นี้เปนถ้ำรับน้ำกั้น แบ่งไหลลั่นลงธารเหมือนอย่างท่อ
อุทกมากปากถ้ำน้ำท้นออ ลมลั่นยอเขาประทุทลุทลาย
ทางวารีที่เดี๋ยวนี้มีอยู่นั้น ดูเล็กครันสั้นนิดเดินผิดสาย
กัดเปนร่องเหมือนลำรางไปข้างซ้าย ต้องก้มกายลงไปมองดูท้องธาร
ที่ที่สุดทางกลางเนินเทินบรรพต เห็นปรากฎที่ตรงแยกเขาแตกฉาน
สูงสักแปดวาถ้วนควรประมาณ ยาวสัณฐานคดค้อมอ้อมเปนวง
โดยยาวราวห้าเส้นเปนอย่างยิ่ง เหมือนตลิ่งพังพินิจพิศวง
ดูเปนดินเหลืองเหลืองเบื้องบนตรง ไม่ลาดลงไปเปนหย่อมจอมคิรี
รอยธารามาลงคงแปดสาย แต่แห้งหายไปเสียห้าหน้าแล้งนี่
นับแต่ทิศใต้มาตราบาญชี เปนพุที่ไม่มีน้ำสามตำบล
พุที่สี่มีตกกว้างหกศอก ดูย้อนยอกคราบผามาหลายหน
ตกสูงถึงแปดวาพอน่ายล ที่ห้าหกแห้งชลเช่นต้นมา
ที่เจ็ดมีวารีอยู่ริมซอก กว้างสักศอกพร่างพร้อยน้อยนักหนา
สูงจากพื้นขึ้นไปสักสี่วา ไม่เสาะหาเกือบไม่เห็นเปนท่อธาร
พุที่แปดต้องขึ้นไปบนไหล่เขา โดยลำเนาทิศเหนือเหลือวิถาร
พอไปได้ไม่สู้จะกันดาร เดินในลำห้วยละหานเห็นแต่ไกล
เปนน้ำพร่าบ่ารอบเหลี่ยมผา เปนชั้นชั้นกันลงมาน้อยแลใหญ่
อ่างย่อมย่อมล้อมเรียงกันขึ้นไป ดูข่างล่างกว้างได้สิบห้าวา
เรียงขึ้นไปในกระบวนข้างสูงนั้น จนถึงชั้นสูงสามสิบวากว่า
ผู้ที่ไปภายหลังเขาเจรจา ว่าบนยอดภูผาเปนลำราง
เดินพื้นราบเรื่อยไปได้ไกลมาก เดินไม่ยากแต่วิบัติเกิดขัดขวาง
เพราะไปกลัววัวป่ามาขวางทาง ว่าเหมือนธารเกาะช้างไม่ไกลกัน
เสด็จไปได้เกือบจะถึงพื้น แต่ทางลื่นใครอ่อนสุดผ่อนผัน
ทินกรร้อนกล้ากว่าทุกวัน ทางเพียงนั้นเปนจำกัดที่ตัดไป
ถึงประทับต้นธารที่หน้าพุ ดั้นดุฝอยกระเซนทั้งเย็นใส
พระพายพัดรวยรื่นชื่นฤไทย ร้อนภายในยังไม่วายกระหายน้ำ
ประทานโอครอบกาสุธารส มาตักซดเย็นเรื่อยชื่นเฉื่อยฉ่ำ
พอสิ้นร้อนผ่อนสบายวายระกำ ชมมัจฉาคลาคล่ำในลำธาร
ตัวน้อยน้อยลอยเล่นว่ายเปนหมู่ มีทั้งปูคลาคล่ำลำละหาน
กุ้งกระโดดดังเปาะบ้างเกาะคลาน ดูพัวพ่านว่ายวนปะปนกัน
ที่แถวธารก้านกิ่งใบพฤกษา ไคลน้ำเกาะเปนศิลาดูน่าขัน
สิ่งอันใดก็ยังเห็นอยู่เช่นนั้น จนสุริยันเยื้องชายได้บ่ายโมง
เสด็จกลับทางเดิมเดินเสียอ่อน ด้วยเรื่องร้อนเหลือร้อนเพราะทางโถง
ถึงที่ตามหมู่ไผ่ไปเปนโพรง ใบก็โปร่งร่วงแล้งแห้งโกรนเกรน
อันเขานี้อยู่ดีดีไม่มีเหตุ สองปีเศษประทุใหญ่เขาได้เห็น
ระยะทางตั้งแต่ท่านั้นว่าเปน หกสิบเส้นถ้วนถ้วนจำนวนมี
เดินขึ้นไปในสี่สิบห้ามินิต ที่กลับผิดกันนักหนามาถึงที่
นับสอบถามสามสิบเศษนาฑี เปนวิถีต่ำดาดลาดลงมา
พอถึงเรือเหื่อโทรมชโลมไหล ร้อนยิ่งใหญ่กับเมื่อเดินเกินนักหนา
ดูวาบวาบอาบทั่วทั้งกายา อยากใคร่โดดธาราให้สาใจ
รับสั่งห้ามปรามมิให้ใครสนาน กำลังร้อนเกินกาลจะเกิดไข้
บ่ายสองโมงเคลื่อนกระบวนทวนขึ้นไป ดำเนินในท้องคุ้งมุ่งทางตรง
ศิลาสุมมุมตวันตกเฉียงเหนือ ตรงหน้าเรือเขาพุนดังหนุนส่ง
ไปหน่อยหนึ่งถึงเกาะตะไคร้พง แล้วข้ามคงเรี่ยวแทงไม่แรงนัก
ไปสามคุ้งสั้นสั้นพลันถึงหาด พ้นกรวดกลาดวังกระแจะชื่อประจักษ์
ที่พลับพลาประทับร้อนหยุดผ่อนพัก หยุดสำนักสนานองค์สรงวารี
พอสำเร็จเสด็จกลับเรือที่นั่ง แจวผาดผังตามทางหว่างวิถี
ข้างหน้าจ้องมองเขม้นเห็นคีรี นามก็มีออกอ้างเหมือนอย่างวัง
ยังมีห้วยด้วยทั้งเกาะน้ำเซาะเชี่ยว เรียกห้วยเรี่ยววังกระแจะจวบชื่อหลัง
เบื้องหน้าแซงภูผามาตั้งบัง ศิลาพรุนริมฝั่งตั้งเรียงราย
หาดตะไคร้ชายเฟือยเรื่อยไปเกาะ เรี่ยวฉะเพาะตรงแควกระแสสาย
พอพ้นเรี่ยวเชี่ยวปราดถึงหาดทราย เขาพุนย้ายยักมาอยู่หน้าเรือ
เกาะกว้างใหญ่เรือไปได้สองข้าง ถึงแก่งวางวายแจะเรียกจนเบื่อ
ยังซ้ำวังต่อไปใช้ชื่อเจือ ศิลาเพรื่อไปตามข้างหนทางจร
ไปคุ้งหนึ่งถึงแก่งค่ายสเบียง ทางลำเลียงโยธามาแต่ก่อน
บังเกิดเกาะศิลาขวางกลางเปนดอน ศิลาก้อนรายระดะระลงไป
น้ำเชี่ยวชนวนกระทบที่หน้าผา เสียงฉานฉ่าแดกดันแล้วลั่นไหล
บ้านกะเหรี่ยงเรียงตั้งอยู่ข้างใน เขาพุงช้างชื่อไศลอยู่ไกลตา
ศิลารายชายฝั่งทั้งเปนเกาะ มีฉะเพาะก้อนหนึ่งขึงนักหนา
เกาะกรวดใหญ่ใช้นามตามเรื่องมา แก่งธารานั้นก็เปนชื่อเช่นกัน
อิกคุ้งหนึ่งถึงชวากวังแดกงา มีศิลาก้อนโตโผล่อยู่นั่น
รอยอุทกหลากเซาะเราะเปนชั้น ถัดจากนั้นลำห้วยด้วยอิกที
ศิลารายชายน้ำเปนแนวเนื่อง แลเห็นเรื่องเขาพุงช้างขวางวิถี
ข้างเบื้องหลังเขาพุนขุนคิรี ต่อไปมีน้ำเชี่ยวเรี่ยวธารา
เกาะตะไคร้ใกล้ฝั่งอิกทั้งหาด กรวดเกลื่อนกลาดดาศรายชายฝั่งขวา
ถึงวังใหญ่รุ้งกว้างทางบุรพา มีศิลาริมน้ำรายรำไร
เดินผ่านเรี่ยวเลี้ยวไปอิกคุ้งหนึ่ง ก็ลุถึงพระระเบิดเปิดแก่งไข
ไม่แจ้งว่าพระจะหมายเอาองค์ใด เปิดไศลให้เปนช่องคลองไปมา
เปนแก่งยาวยืดใหญ่ไปทั้งแหลม ล้วนแซกแซมซับซ้อนด้วยก้อนผา
ถัดแก่งไปใกล้ฝั่งก้อนศิลา ดาษดาเรียงรายชายนที
ส่วนเขาพุนเขาพุงช้างบางคาบหาย ก่อนนี้ย้ายมาตั้งง้ำประจำที่
เพราะลดเลี้ยวเจียวยังเปนได้เช่นนี้ ใช่กล่าวถี่ซ้ำซากให้มากกลอน
อิกสองคุ้งมุ่งตามาฉะเพาะ ก็ถึงเกาะหินดาดลาดทรายอ่อน
ต้นกุ่มมากหลากทั้งปวงที่ล่วงจร ขอบฝั่งเห็นเปนศิงขรทั้งแท่งบัง
สีมอมอต่อมาก็มีหิน ที่บนดินรายรอบเปนขอบฝั่ง
ท้องนทีมีเรี่ยวโชนเชี่ยวดัง เพราะกระทั่งกระทบท่อนก้อนศิลา
บางแห่งเห็นน้ำวนท้นถอยหลัง ในพื้นวังเปนชง่อนล้วนก้อนผา
บ้างเปนโพรงโปร่งไปได้ทัศนา ต่างต่างท่าตลอดไปไต้ทั้งคุ้ง
ตอนต่อมานั้นศิลาเปนตัวฝั่ง อุทกหลั่งไหลลงตรงพลุ่งพลุ่ง
กระทบน้ำซ้ำกระเซนฝอยฟุ้ง ฉันมองมุ่งเห็นแต่ไกลมิได้ยั้ง
ถัดนั้นไปเปนไศลตลอดยืด เต็มเปนพืดสูงสอบแทนขอบฝั่ง
บ้างชโงกแง่ง้ำเกินกำลัง มีเกาะตั้งอยู่ตรงหน้าท่าทำลาย
ฝั่งประจิมริมวารีศิลาใหญ่ กระจายไปลอยแยกแตกสลาย
กว้างขึ้นไปถึงตลิ่งทิ้งกระจาย ประมาณหมายอยู่ว่าที่สักสี่วา
เปนเหลี่ยมเหลี่ยมบางแห่งก็แหว่งเว้า เหมือนไฟเผาเหลี่ยมไม่กลมคมนักหนา
เพราะต้องสายน้ำกัดอยู่อัตรา เปนศิลาปูนอ่อนกร่อนทุกปี
เปนที่เกิดบ่อน้ำร้อนขจรข่าว จะไว้กล่าวต่อเมื่อได้ไปถึงที่
จะละลัดตัดบทจดคดี ถึงคิรีท้องช้างอย่างที่ไป
ตำบลนี้มีชื่อฦๅกระฉ่อน แต่ปางก่อนร้อยปีมานี้ได้
มีพระราชนิพนธ์จอมไผท ทรงชมไว้เช่นนี้ที่ได้ยล
“มาทางพลางแสนคนึงหา ไนยนาแลลับไพรสณฑ์
ยิ่งแดดาลร่อนร้อนทุรนทน จึงลุดลเขาท้องไอยรารมย์
เปนช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด รุกขชาติรื่นรวยสวยสม
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
มีท่อธารน้ำพุดุดั้น ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
เปนโปล่งปล่องช่องชั้นบรรพตา เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
บ้างเปนท่อแถวทางหว่างบรรพต เลี้ยวลดไหลมาไม่รู้สิ้น
น้ำใสไหลซอกศีขริน แสนถวิลถึงสวาทไม่คลาศคลา
เกษมสุขสุขสานต์สำราญเริง บรรเทิงจิตต์พิศวงหรรษา
ชลอได้คิดจะใคร่ชลอมา ให้เปนที่ผาสุกทุกนางใน
คิดเคยเมื่อเคยไปสรงสนาน สุธาธารทิพรสสดใส
อันหอมหวนอวลอบสุมาไลย มาร้างไร้สุคนธกำจร
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง อันบรรจงทิพรสเกสร
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา”
ฉับใจเต้นจะใคร่เห็นให้ทันอยาก เรือขึ้นเรี่ยวเชี่ยวลำบากยากนักหนา
พอรับสั่งเรียกที่นั่งคอนโดลา สมวิญญาอย่างหวังได้ตั้งใจ
แจวขึ้นมาหน้ากระบวนทวนกระแส เขม่นแดดวงสั่นให้หวันไหว
มุ่งฝั่งขวาตาจับลำดับไป เห็นไศลรอยพังตั้งเอนเอียง
แต่ล้วนก้อนใหญ่ใหญ่มิใช่เล่น ร้าวหรอเปนร่องไปไม่มีเกลี้ยง
ฝั่งเปนแง่ชง่อนผามาพอเพียง รอยน้ำตกรายเรียงเคียงติดกัน
แต่ไม่มีวารีเลยสักแห่ง เห็นคราบแขงคาดได้เข้าใจมั่น
เมื่อหน้าฝนน้ำป่าบ่ามานั้น คงไหลหลากมากครันบรรพตนี้
ถึงหัวแหลมข้ามละหานตพานเชือก ปูพื้นเรือกราวขึงตึงได้ที่
ต้องลอดช่องท้องตพานผ่านนที ถึงคิรีท้องช้างอ่างธารา
ประทับทอดจอดแคร่แพหน้าเขา ทึ่งไม่เบาแหงนชแง้แลหน้าผา
ดูชันตั้งเหมือนผนังสักหกวา เงื้อมออกมาเปนชโงกโกรกแต่บน
วารีซาบอาบแพร่แผ่เปนสาย ดูพรูพรายพรำพร่างเหมือนอย่างฝน
ตกเต็มแอ่งแบ่งลั่นถั่นเท้อท้น ก็เลยล้นหลั่งตรงลงนที
แต่เพิงผาลงมาถึงอ่างสนาน ล้วนเฟินก้านดำหมดดูสดสี
แน่นหน้าผาเหมือนหนึ่งผ้าพื้นขจี ไปคลายคลี่คลุมจัดจรัสดวง
บ้างก้านกลับทับแพลงเหมือนแกล้งวาด ลายกระดาษดูอย่างจากช่างหลวง
แม้เพิ่มช่อบุบผาผกาพวง จะเลิศล่วงแบบประดิษฐ์งามติดตา
ที่เหลี่ยมในไปข้างทางหลังถ้ำ เปนทางน้ำตกมาจากซอกผา
เหมือนปากรางอย่างแรงแพร่งพรายมา กระทบกระท้อนชง่อนหน้าซ่ากระจาย
แล้วลั่นลงตรงหว่างข้างแอ่งใหญ่ บ้างตกในอ่างร่องฟ่องฟูสาย
วารีขังหยั่งตื้นยืนสบาย พ้นเปนทรายน้ำสอาดปราศมลทิน
ตัวอ่างนี้รีมาหน้าคูหา จะปรารถนาอาบอย่างไรก็ได้สิ้น
จะสระเกล้าเข้าไปตรงวารีริน สมถวิลไม่ต้องพักวักลูบไล้
แม้สงวนเกศามาเสียห่าง อยู่ต้นทางข้างมุขชุ่มแช่ได้
ตามขอบอ่างทางจรัลชั้นนอกใน แต่ล้วนไผ่หนูรายคล้ายเขามอ
เขาสับคั่นเปนบันไดบ้างใช้แคร่ ที่ชันแท้ก็ต้องใช้บันไดต่อ
เดินขึ้นลงตรงง่ายสบายพอ เหมือนจะล่อให้ยิ่งหลงเที่ยววงเวียน
หลังอ่างใหญ่ขึ้นไปเปนคูหา จะลีลาเข้าไปได้ไม่กระเษียณ
มีแอ่งน้ำใสสอาดแผ้วกวาดเตียน เดินวนเวียนหลายช่องเปนปล่องทาง
มีพวงภู่ดูระกะระยะห้อย วารีย้อยหยัดพรำเหมือนถ้ำกว้าง
ต้องก้มกายปรายปรีดถูกปฤษฎางค์ เหมือนน้ำค้างสาดกระเซนเย็นอุรา
ออกจากถ้ำดำเนินตามทางน้อย ดูล่องลอยเลียบคว้างอย่างเยียงผา
ขึ้นสู่ปล่องช่องโปร่งโพรงธารา ที่ไหลมาลงอ่างข้างท้ายน้ำ
ดูลึกมากหากจะเดินเห็นเกินหัว น้ำไม่ทั่วมีแต่ไม้ใบพฤกษ์คล่ำ
จึงแหวะรางทางอุทกให้ตกซ้ำ แต่กว่าน้ำจะเต็มได้คงไม่ทัน
ปล่องวารีมีตพานไม้ไผ่ทอด เดินทลุขึ้นถึงยอดลอดผายผัน
เปนพื้นราบปราบรื่นแต่ชื้นครัน ขึ้นบนนั้นแล้วได้ยลต้นน้ำมา
เปนลำรางกว้างสักศอกเหมือนหลอกเล่น ควรฤๅเปนพุใหญ่ได้หนักหนา
ต้นสักคืบหนึ่งเศษเศษสังเกตตา คดเคี้ยวมาสองทางไม่ห่างกัน
ทางหนึ่งลงตรงที่มีน้ำตก ทางหนึ่งวกไปตรงช่องเปนปล่องนั่น
ปลายไปรวมลงที่มีวารีนั้น เข้ากรุกั้นด้านหลังกำบังไว้
รับสั่งว่าเสด็จมาเมื่อคราวก่อน บทจรตามทางหว่างร่มไผ่
สักสิบเส้นเปนสามแยกออกไป วารีไหลมากับพื้นตื้นเช่นนี้
ดูแคบแคบกว้างกว้างหลายทางทอด บางแห่งคอดเข้าไปจนไหลปรี่
มีรากใบพฤกษาในวารี ล้วนไคลจับแขงดีเปนศีลา
ที่ต้นน้ำจำเพาะมาผุดพลั่ง ไหลหลั่งล้นออกจากซอกผา
ไม่เห็นที่ซึ่งกำเนิดเกิดน้ำมา ไม่น่าทอดทัศนาในที่นั้น
ในคราวนี้ว่าวารีน้อยกว่าเก่า ตอนล่างเค้าวิปริตผิดแผกผัน
อันอ่างใหญ่ที่ตรงหน้าลงมานั้น สายน้ำปั่นปัดฝั่งพังทลาย
ชั้นที่สองรองขึ้นไปไม่มีพื้น ก็พลอยลื่นหล่นแตกแยกสลาย
ยังค้างฝั่งตั้งเห็นเปนแยบคาย คราบน้ำหงายผิดทีมีสำคัญ
ที่ตอนบนยลยังเห็นเช่นแต่ก่อน แต่น้ำอ่อนไปกว่าเก่าจำเค้ามั่น
จะเปนแต่บางปีมีเช่นนั้น ฤๅบิดผันไปอย่างไรไม่แจ้งชัด
เทียบโดยตาแต่ที่มาทั้งสองเที่ยว ค่อนข้างเรียวฤๅอย่างไรไม่ถนัด
สงสัยว่าทางมาเมื่อน้ำพัด กรวดทรายขัดขวางช่องปล่องลำธาร
ทางอื่นอ่อนผ่อนไหลไปเสียมาก ยังกระดากอยู่ไม่กล้าจะว่าขาน
กลัวจะเปนชาไปใจรำคาญ เคยว่าท่านเห็นมนษย์ซุดเรียวลง
แต่ถ้าเปนเช่นนี้หมือนที่คาด ก็ประหลาดควรคิดพิศวง
คราวนิราศเมื่อพระบาทประถมวงศ์ เสร็จสรงคงจะดีกว่านี้ครัน
จึงฉะเพาะเจาะจงทรงสรรเสริญ ไว้มากเกินกว่าที่ไหนในไพรสัณฑ์
คงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อครั้งนั้น ทั้งเชิงชั้นที่ท่าสายวารี
แม้สืบไปภายหน้าช้าอิกหน่อย จะยิ่งน้อยถอยลงไปกว่านี้
คิดเวลาดูอิกห้าหกสิบปี จะไม่มีใครพร้องถึงท้องช้าง
ฉันเพ้อพูดไปเปนกองต้องถอยกลับ ถึงเยินยับก็ยังงามเปนยิ่งอย่าง
เสด็จสรงทรงเครื่องพระสำอาง แต่ส่วนข้างในวันนี้มีบางคน
อันวารีนี้ก็ดูใสสอาด แต่กร่อยฝาดไม่เย็นทุกเส้นขน
ผิดพุทางข้างทเลเล่ห์ระคน ใบไม้ปนปูนซาบอาบเหนียวกาย
ครั้นสรงเสร็จเสด็จจากฟากท้องช้าง กลับโดยทางท้องสนานผ่านผันผาย
มีเรือกทอดเปนทางกว้างสบาย แยกข้างซ้ายไปบรรลุพุน้ำร้อน
กั้นรั้วค่ายรายอ้อมล้อมเข้าไว้ เปนข้างในไม่เหมือนกับแต่ก่อน
จึงเสด็จเลี้ยวลดบทจร สู่ศิงขรตรงช่องที่ปล่องธาร
ศิลาอิงพิงกันอยู่สองก้อน สายน้ำร้อนไม่มีไฟหลั่งไหลพล่าน
กระพักน้อยย้อยเปนเหมือนเช่นชาน ดูสอ้านสอาดใสไหลรินริน
แล้วลงรางท่าทางทำนองห้วย ก็ร้อนด้วยควันพลั่งไปทั้งถิ่น
แลเปนกรอกซอกไศลไม่มีดิน ศิลาวิ่นแหว่งว่างทางธารา
เปิดเปนช่องห้องนอกไปอิกชั้น ก็มีควันหน่อยหน่อยแต่น้อยกว่า
ตักขึ้นเต็มขันทองลองใบชา ก็แดงจ้าใบคลี่ได้ที่ทาง
เอาไข่ไก่ลงไปลองที่ช่องกระพัก ไม่ช้านักหยิบขึ้นมาเกือบปาขว้าง
ต่อยเปลือกนอกออกเห็นในเปนยาง เกือบได้อย่างกินเช้าเช้าขาวเปนใย
แต่ไฉนไม่มีกลิ่นกำมถัน หาเหมือนกันกับที่บางพระไม่
ชรอยร้อนโดยปูนประจักษ์ใจ สังเกตในกลิ่นรสปรากฎมี
แต่รสกร่อยน้อยกว่าพุท้องช้าง ถ้าคนอย่างกินง่ายไม่จู้จี้
ได้ลองถามแจ้งความว่าจืดดี เปนที่ตื่นกันมากอยากตักตวง
เห็นเปนขลังกันอย่างไรก็ไม่ทราบ ทั้งกินอาบตักไปกันใหญ่หลวง
บ้างก็เห็นเปนศักดิ์สิทธิ์คิดบำบวง ใครจะลวงกันไฉนไม่ทราบความ
ออกจากนั้นจรจรัลตามเรือกดาด มาถึงหาดตรงพุท้องช้างข้าม
ที่บนฝั่งตั้งพลับพลาสง่างาม ประทับยามราตรีเห็นที่พุ
จุดอัคคีมีแสงสว่างฟู่ เสียงซ่าซู่น้ำสนั่นไหลดั้นดุ
ดูรุ่งโรจน์โชติช่วงดังดวงพลุ จนนึกมุอยากจะใคร่ไปกลางคืน
โคมกระดาษอย่างดีสีต่างต่าง แขวนตามข้างตพานลาดดูดาษดื่น
ตามพฤกษาห้อยสล้างสว่างพื้น ดูระรื่นแลโล่งโปร่งอารมณ์
ที่ปากถ้ำน้ำตกแต่ไหล่เขา แขวนโคมเข้าไว้ข้างหลังได้บังร่ม
เหมือนโคมใหญ่ไลต์เฮาส์เข้าแก้วกลม ดูน่าชมเห็นกระจ่างพร่างพร่างตา
ที่เปนฝอยดังหนึ่งพลอยพร้อยพรายร่วง เขียวแดงม่วงวามแวมแจ่มจับจ้า
แต่เวียนนั่งตั้งเนตรทัศนา มิได้มาจากเฉลียงจนเที่ยงคืน
ในนทีมีเรือเทียบตรงท่า มีเสภาร้องรับขับเอื่อยอื้น
เสียงพิณพาทย์ไพเราะเสนาะครื้น สำราญรื่นรมย์ปลื้มลืมนิทรา
จะพรรณาไปอย่างไรก็ไม่ถ้วน สนุกล้วนเหลือคำจะร่ำว่า
ขอจบความเพียงนี้ไม่มีเวลา เรื่องพลับพลาขากลับจะจับเรียง ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ