วัน ๕ ฯ๑๕ ๒ ค่ำ

วัน ๕ ๑๕ ๒ ค่ำ

๏ เช้าโมงถ้วนเรือกระบวนออกจากท่า ล่องลงมาแลหลามตามวิถี
ระยะทางอย่างใกล้ในวันนี้ แต่พอสี่โมงครึ่งถึงพลับพลา
ที่กลอนโดโดยระยะกะขากลับ หยุดประทับเกือบทั้งวันปันข้างหน้า
ให้ลงพอสมควรส่วนมรรคา พอหาที่ประพาสได้ไม่กันดาร
เสด็จขึ้นบนพลับพลาเวลาเที่ยง ตพานเลี่ยงมาข้างซ้ายย้ายสถาน
ทางไม่ชันเหมือนแต่ก่อนผ่อนสำราญ พวกชาวบ้านแน่นนันพากันมา
ถวายของต่างต่างอย่างบ้านนอก ชาวบางกอกมีบ้างแต่ข้างหน้า
เขามาเล่าข่าวฦๅกันนานา เปนตำราคู่แผ่นดินอจินไตย
ยามกลางวันนั้นร้อนเหลือขนาด จะเยื้องยาตรไปข้างไหนก็ไม่ได้
อยู่ในร่มแล้วยังร้อนจนอ่อนใจ ต้องรอไปจนชายบ่ายสี่โมง
ทรงเครื่องเสร็จแล้วเสด็จไปข้างนอก ประทับออกที่ตรงหน้าพลับพลาโถง
ขุนนางเฝ้าดาษดาหน้าท้องพระโรง มีพวกโค้งเรียงรายอยู่หลายคน
ทั้งพวกไทยถวายของกองออกหลาม มีมะขามป้อมใหญ่ไต้เปนต้น
โปรดประทานเงินทั่วทุกตัวคน แล้วเสด็จโดยสถลมารคไป
เที่ยวประพาสหาดตำบลแม่น้ำเก่า ตามลำเนาแนวคลองหนองน้ำใหญ่
ฉันไปเรือเปนส่วนกระบวรใน ล่องครรไลหน่อยหนึ่งถึงปากคลอง
ดูกว้างขวางอย่างขนาดแม่น้ำได้ แต่ทางไปอ้อมเกาะฉะเพาะช่อง
ดูเลนลาดดาดขึ้นไปเปนกอง กว้างตรงร่องศอกเศษสังเกตดู
น้ำก็ตื้นติดเลนต้องเข็นเสือก ล้วนตมเปือกไล่หลังดังอู้อู้
บ้านกลอนโดโดยสำเหนียกที่เรียกรู้ มีคนอยู่ริมฝั่งหลายหลังเรือน
ที่ชายเขิบลงมานาปรังหยอด เข้าตลอดแลดาดดูกลาดเกลื่อน
ลำน้ำกลมสมทรงเปนวงเดือน ค่อยคลาเคลื่อนจรดลพ้นลำราง
ถึงตอนในน้ำใสสุดสอาด ข้างขวามือมีหาดโลงลาดกว้าง
ต้นไม้ไปเปนหมู่อยู่ตรงกลาง เหมือนแกล้งถางรอบเกาะเหมาะกระไร
ที่ฝั่งซ้ายถอยถดลดเปนเขิบ เพราะน้ำเติบตื้นเขินเดินไม่ได้
ก็เปนฝั่งเราดีดีมีหมู่ไม้ เรือนข้างในมีบ้างห่างห่างกัน
ไปหน่อยหนึ่งถึงที่ตพานทอด เห็นทรงเรือม่วงจอดอยู่ที่นั่น
เจ้าพวกญวนลงอวนออกพัลวัน ชักกระชั้นเชือกกระชากลากขึ้นมา
ดูปลาใหญ่ไม่ใคร่มีที่บกพร่อง ด้วยว่าต้องลากชักมาหนักหนา
แต่กลางวันนั้นก็จ้ำร่ำกันมา แจกจ่ายโยธาทุกลำเรือ
เวลานี้มีโตแต่ปลาหาง นับเปนอย่างเอกที่นี่รสดีเหลือ
นอกนั้นได้ชะโดเค้าเข้ามาเจือ กับพวกเนื้ออ่อนบ้างอย่างย่อมเยา
ลงอีกทีสี่ปากกระชากฉุด อุตลุดวุ่นวายเปนหลายเหล่า
พอพ้นน้ำขึ้นมาเห็นปลาเค้า ปลาทูเข้าด้วยคราวนี้มีเปนกอง
เหนือขึ้นไปที่ในลำบึงน้ำเก่า ฉันทราบเค้าได้ถนัดไม่ขัดข้อง
ถึงมิได้ไปทั่วทางลำคลอง รู้ทำนองทางเดินเนินซากนั้น
หลังพลับพลามาเปนชายเขิบกว้าง ก็เปนอย่างหาดแท้ไม่แปรผัน
/*อยู่หน้าฝั่งที่เรียกเขิบเติบตั้งชัน มาหมดกันริมท่าขึ้นป่าดอน
ต่อนั้นไปไม่มีหาดข้างริมฝั่ง ที่เหมือนดังเมื่อเข้ามาว่าแต่ก่อน
น้ำในลำหนองนี้มีเปนตอน ที่ลึกสามศอกหย่อนได้หยั่งลอง
ที่ปากทางข้างเหนือแลข้างใต้ ออกแม่น้ำใกล้ใกล้กันทั้งสอง
ดินที่อยู่ตรงกลางหว่างลำคลอง จึงกลายต้องเปนเกาะเกือบจะกลม
ปากข้างเหนือเรือเขาก็เข้าได้ แต่แลเห็นเปนต้นไม้ใหญ่ขึ้นร่ม
ทางก็เขินน้ำมากปากเปนตม ปลาจึงมาสะสมอยู่ในนี้
ว่าสมเด็จเจ้าพระยามาห้ามไว้ มิให้ใครมาทำทั้งลำนี่
ถ้าน้ำลดแล้วไปลงอวนทุกปี ด้วยเปนที่เที่ยวของท่านแต่นานมา
เสด็จกลับทางเรือเมื่อใกล้ค่ำ ฟังเฉื่อยฉ่ำด้วยสำเนียงเสียงปักษา
กางเขนพลอดฉอดฉอดชื่นวิญญา สักสี่ห้าตัวเรียกออกเพรียกทาง
นกเขาคูเรียกคู่จนฅอก่ง ตัวเมียหลงบินวัดฉวัดฉวาง
นกเขาเขียวเปลี่ยวใจจับไม้คราง นกกระลางบินแฉลบแฉบเข้าไพร
นกดเุหว่าเร่าร้องออกซ้องเสียง หัวขวานเมียงเข้าละเมาะเจาะจิกไผ่
กระลุมพูจับอยู่บนยอดไม้ เหยี่ยวตไกรจับจ้องคอยมองปลา
ตั้งแต่วังใหญ่ไปไม่ใคร่พบ ดูสงบเงียบสำเนียงเสียงปักษา
เขาว่าในพงพีมีธารา ไม่ต้องมาอาศรัยในนที
ตั้งแต่ลุ่มสุ่มมาปักษาซ้อง เสียงร่ำร้องคอยสำเหนียกเพรียกวิถี
แต่สูญเสียงนกยงฝูงชนี มิได้มีร่ำร้องในท้องทาง
ออกปากช่องต้องเข็นเล่นกันยุ่ง ต้องพยุงยกประคองทั้งสองข้าง
พอตกลำน้ำแจวไปแนวกลาง มาจอดข้างเรือที่นั่งบังปะรำ
ถึงพลับพลาเปนเวลาขมุกขมัว พอเปลื้องเสื้อจากตัวก็ตกค่ำ
ปะทับที่แคร่ไม้ไผ่ร่มไม้นำ แล้วทรงทำเครื่องเสวยตามเคยมา
พลับพลานี้จะเปนที่ประทับอีก จึงเลยหลีกละไว้มิได้ว่า
ตวันตกเฉียงใต้ใกล้คงคา หาดที่หน้าบ้านลาดดาดขึ้นไป
เปนที่ทอดจอดเรือพระที่นั่ง ปะรำตั้งอยู่ข้างล่างก็กว้างใหญ่
มีที่สรงกรงกั้นลวดชั้นใน น้ำซึ้งใสสอาดปราศมลทิน
ปะรำทางวางเรือกราวพันผ้า ผ่านขึ้นมาแต่หาดทรายชายชลสินธุ์
ขึ้นฝั่งหมู่ไม้ดื่นพื้นเปนดิน สีเหลืองสิ้นเพราะรคนปนกับทราย
ที่พลับพลาปลูกท่าเปนกงฉาก ให้แลหลากเคยมีที่ทั้งหลาย
แบ่งเปนขาละห้าห้องสองส่วนราย ขาข้างชายวารีที่ประทับ
กันตอนในไว้เปนที่ศรีไสยาสน์ พระแท่นปูยี่ภู่ลาดมีพร้อมสรรพ
ที่เฉลียงเคียงกันกั้นฉากพับ เปนที่ลับห้องสนานสำราญรมย์
ถัดออกมาวางท่าที่เสวย เปิดฝาเลยเฉียงมีมุลี่ร่ม
ขาคู่กันปันเปนที่ประทม เสด็จสมเด็จท่านชานเดียวกัน
แบ่งสามส่วนล้วนแห่งละสองห้อง ใช้ฉากทองยี่ปุ่นปักสลักคั่น
มีบันไดสองแห่งแบ่งทางปัน ผู้อื่นนั้นอยู่ต่างหากจากพลับพลา
เรือนแถวต่ำทำห่างออกไปมาก เปนกงฉากยาวไม่ต้องกันสองขา
สิบหกห้องชานเดียวเลี้ยวขึ้นมา เฉลียงหน้าเปิดโถงโล่งนแลยาว
ตามเฝืองฝาผ้าดาดสอาดสอ้าน ท้องเพดานขึงดาดลาดผ้าขาว
เรือนข้างในตอนเหล่านี้ดีทุกคราว ต่อเกิดฉาวเรื่องนุ่งหยี่ที่ข้างบน
เพราะบ่าวไพร่ไปตะกลามต้องถามซัก ทั้งโขลนลักผ้าผ่อนออกล่อนป่น
เก็บได้เสื่อเปนพเนินจนเกินกล มันจะขนไปทำไมไม่รู้เลย
จึงได้เลิกเรือนข้างในมิได้แต่ง ทั่วทุกแห่งทิ้งไว้ไม้เฉยเฉย
กลับตอนนี้จึงยังมีเหมือนเช่นเคย ดูเปิดเผยกว่าที่อื่นดื่นโดยทาง
หลังพลับพลาผ้าเขียวฉนวนขึง รกไปถึงชายไม้ดูใหญ่กว้าง
ใต้ร่มไม้ไว้แคร่ไม้ไผ่วาง ที่พื้นถางหญ้าเลี่ยนปราบเตียนตา
แต่ทิ้งไว้ให้เปนเนินสูงแลต่ำ เว้นแต่ตรงที่ทำสนามหญ้า
ตั้งอยู่เหมาะฉะเพาะหว่างขาพลับพลา ยาวเนื่องมาจดถึงแนวเรือนข้างใน
รั้วไม้รวกต่ำต่ำทำกั้นรอบ เปนเขตขอบหญ้าขึ้นเขียวไสว
เก้าอี้หวายรายวางสล่างไป ตามต้นไม้โคมกระดาษแขวนกลาดราย
บางต้นดีทีท่าเหมือนไม้ดัด ตะโกตัดตอต่ำทำไว้หลาย
บางต้นโค้งคูคอดยอดเอนชาย ไม่กระจายกระจัดอยู่เปนหมู่กัน
ส่วนข้างหน้าที่พลับพลามีมุขขวาง ตรงห้องกลางที่เสวยเลยฝากั้น
เปิดเต็มหน้าพลับพลากว้างวางอัฒจันท์ ตัวมุขนั้นสองห้องพอต้องการ
ไปอิกทีมีโรงเปนที่พัก องครักษ์ทำไว้ใกล้หน้าฉาน
ทั้งเปนที่โรงละคอนผ่อนสำราญ เช่นเมื่อวานซืนนี้เคยมีมา
เสวยค่ำวันนี้ที่แคร่ไม้ แต่ว่าไม่พอนั่งยังต้องหา
ที่อื่นไปวางลาดเรียงดาษดา สักสี่ห้าจึงได้พอต่อต่อเรียง
ทูลหม่อมทรงเล่นทหารเปนการใหญ่ ขึ้นเชียงใหม่ตัดทางข้างลาวเฉียง
ปักกิ่งไม้เปนป่าพลับพลาเคียง จัดลำเลียงเข้าปลาล่วงหน้าไป
ทำทางใหม่ไปถึงเมืองแม่ฮ่องสอน พระองค์โสนบทจรจากเชียงใหม่
ไปรบกับยางแดงแบ่งพวกไว้ คอยซุ่มสู้อยู่ในพุ่มไม้รก
ต้องทำทางต่อใหม่มิได้หยุด อุตลุดเกิดกันตารทหารตก
ต้องเที่ยวหาวุ่นวายเปนหลายยก มักไปหมกหมู่ร้ายต้องให้รื้อ
แล้วปักใหม่ให้แล้วในเดี๋ยวนั้น เร่งรัดจัดกันออกอึงอื้อเ
เสวยเข้าถวายไม่ได้หยุดมือ จนอิ่มตื้อเต็มที่พอตียาม
เชิญเสด็จกลับไปไม่ใครเสด็จ ยังไม่เสร็จเร่งรัดจัดสนาม
จึงต้องเลิกการณรงค์หย่าสงคราม ทรงอึ้งตามกันออกเงียบเซียบสำเนียง
เสวยเสร็จเสด็จออกไปข้างหน้า ประทับที่มุขพลับพลาชั้นเฉลียง
พวกนายด้านพร้อมหน้ามารายเรียง ได้ยินเสียงขานบาญชีที่ข้างใน
บางคนได้ดุมหมวกมีเสื้อด้วย เปนอย่างรวยแต่หาทั่วกันหมดไม่
ทั้งพวกไพร่ได้รางวัลนั้นกะไว้ ลาวสีไม้เมืองเพชรบุรี
สองร้อยถ้วนจำนวนคนละหกบาท ต้องคลาคลาศจากบ้านผ่านวิถี
พวกชาวด่านทุกตำบลคนเมืองนี้ คนละสี่บาทถ้วนจำนวนรับ
เบ่นคนถึงสองร้อยไม่น้อยกว่า ทำพลับพลาอยู่กับบ้านการเสร็จสรรพ
ที่ต้องไปไกลทำที่ประทับ ตามลำดับแม่น้ำน้อยสามร้อยปลาย
แจกเงินตราคนละห้าบาททั้งนั้น เครื่องทำสรรพ์น้อยมากจากคาหวาย
คิดราคาหักส่วยด้วยทุกราย แล้วจึงขายเลหลังส่งคลังไว้
ส่วนสมเด็จกรมพระกะการสิ้น ทั่วทุกถิ่นทั้งประพาสหาขาดไม่
ประทานดุมฉลององค์ที่ทรงใช้ มาถึงใหม่พึงจะมีที่กรุงนี้
พื้นอาลูมินำทำแบนขัด ประดับด้วยเนาวรัตนเรืองรังสี
ฉลององค์ขนหนูดูนุ่มดี พอสักสี่ทุ่มเสร็จสำเร็จการ
หยุดประทับบนพลับพลาเวลาค่ำ เสียงเฉื่อยฉ่ำเรไรร้องไขขาน
ค่อยหายเหือดเผือดร้อนผ่อนสำราญ จบกิจการในวันนี้ที่มีมา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ