วัน ๒ ๖ฯ ๒ ค่ำ

วัน ๒ ๒ ค่ำ

๏ ย่ำรุ่งครึ่งอึงลั่นกันฉาวฉ่า ออกนาวาบั่นบากไปจากที่
เรียงเรียบงามตามกระบวนทวนวารี ถึงปากคลองเจดีย์บูชาพลัน
บ่ายนาวามาตามตวันตก ไม่เวียนวกว่างไร้ทิวไม้กั้น
ริมข้างคลองสองฝั่งสูงตั้งชัน แม้ไม่ตันน้ำหลากมากคงพัง
นี่อยู่ดีเว้นแต่ที่กระบือข้าม ทลายลามลงเปนหนองทั้งสองฝั่ง
ทำให้คลองตื้นได้ไม่จิรัง เปนโขดตั้งเต็มขวางอยู่กลางคลอง
เมื่อเข้ามาวารีพึ่งขึ้นใหม่ ถ้ารอไปช้าช้าคงมาคล่อง
แต่จะร้อนเหลือกำลังเกือบหนังพอง น้ำลึกสองศอกถ้วนด่วนเข้ามา
ไปได้หน่อยน้ำถอยลงศอกหนึ่ง ตอนจวนถึงนั้นต้องค้ำร่ำถึงท่า
แห่งหนึ่งน้ำขอดข้นพ้นตำรา พวกฝีพายถกผ้าลงยืนราย
พอเรือผ่านก็ทยานเข้ารุนเข็น มาบนเลนลงกระสินธุ์สิ้นทั้งหลาย
ถึงอำผางทางฉนวนล้วนคนราย ไม่ทันสายสองนาฬิกาตรง
ที่บนฝั่งตั้งพลับพลาหลังคาสี ม่านมู่ลี่แลอร่ามงามระหง
ทหารถือปืนห้อมยืนล้อมวง เสด็จตรงขึ้นประทับบนพลับพลา
พอพร้อมพรั่งตั้งริ้วยุรยาตร กระบวนอัศวราชเรืองสง่า
ทรงม้าต้นผ่านสลับรยับตา ชื่อผยองหยาดฟ้าดังม้ายนตร์
ม้าทหารพานจะหลอนดูจ้อนจ๋อย ตัวน้อยน้อยเริงแรงแขงพหล
ควบขี่ขับรับงานได้ทานทน เข้าไพรสณฑ์ดีกว่าม้าเมืองไกล
กระบวนหน้าไปเปนหมู่ดูกลากลาด แตรประกาศกระบวนเดินดำเนินไสว
ตำรวจมีสี่ม้ารอาใจ กลัวจะไปพลัดตกหกคมำ
ข้างเบื้องหลังม้าที่นั่งน้องยาเธอ ขับเสมอดาหน้ากันคลาคล่ำ
มหาดเล็กแลทหารงานประจำ เดินตามลำดับกระบวนไม่ป่วนปน
ถัดนั้นมารถาทูลหม่อมเสด็จ ขับรเห็จเร็วรัดไม่ขัดสน
วอประเทียบเรียบงามตามจรดล พอไปพ้นกระบวนรถบทจร
รถเถ้าแก่ท้าวนางมาข้างหลัง พร้อมสพรั่งบ่าวตามหลามสลอน
เลียบทุ่งกว้างกระจ่างแจ้งแสงทินกร ผผ่าวร้อนลวกลนสกนธ์กาย
ทางตัดตามคันคลองกองดินเก่า แต่ว่าเขาทุบปราบราบใจหาย
ดูกว้างขวางรถม้ามาสบาย ริมคลองรายเสาปักพนักกัน
เผื่อม้ามีกิริยาพาโผนเผ่น ราวคงเปนที่ประหยัดสกัดกั้น
รางวารีที่มรรคาตัดมานั้น ถมดินตันตลอดราบปราบเปนทาง
ริมวิถีมีนาธัญญาหาร ประจวบกาลรวงแก่แลสล้าง
เกี่ยวแล้วมากบางแห่งมีที่ยังค้าง ถึงเปิดรางน้ำเห็นไม่เปนไร
ล่วงหนทางมาข้างในไม่สู้มาก พฤกษาหลากเหล่าหลายรายไสว
ครั้นจะว่าค้าคารมชมนกไม้ ก็หนักใจสุดจนพ้นปัญญา
ด้วยตั้งจิตต์คิดนิพนธ์คนละอย่าง จะใช้ทางความหมดงดมารษา
ไม่ว่าโวหารอย่างข้างอักขรา ด้วยปราร์ถนาจะให้แผกแปลกทำนอง
ชมไม้จริงไม่มีสิ่งจะเลือกฟั้น จะรำพันให้เสนาะเพราะขัดข้อง
แต่ได้จดชื่อต้นไม้ไว้เรียงลอง ที่เห็นสองฟากข้างหนทางมา
กระทุ่มกระท่อมแถวกระทิงเทียมกระท้อน ต้นรักซ้อนไทรย้อยทั้งน้อยหน่า
มเกลือกุ่มดงสแกแลสุดตา ต้นทรงบาดาลสเดาคัดเค้าแค
มตุมตาลต้นตกหมู่มพร้าว หมากมนาวแลมเขือมีเหลือแหล่
มเดื่อดันคั่นมขวิดชิดอัดแอ ต้นน้อยแหน่ขนุนหนังฝรั่งมเฟือง
หมู่มรุมไชยพฤกษผกากรอง อิกทองหลางกาหลงกระถินเหลือง
มม่วงมขามตามวิถิมีนองเนือง มักปลูกเนื่องกันเปนหมู่อยู่กลางแปลง
มขามเทศเบียดทึบแทนรั้วบ้าน รอนกิ่งก้านกองมากตากจนแห้ง
ใช้เปนฟืนไวดีอัคคีแรง หมั่นตกแต่งตัดแยกยิ่งแตกงาม
ไม้อื่นอื่นดื่นวิถียังมีมาก สังเกตยากไม่เข้าใจต้องไต่ถาม
เพราะไม่มีดอกผลจึงจนนาม ขอตัดความว่าด้วยย่านบ้านริมทาง
เจ็ดตำบลจนกระทั่งถึงลานพระ เปนระยะตั้งอยู่หมู่ห่างห่าง
จะบอกชื่อชวนชิดชักจืดจาง ขอว่าวางไปถึงธรรมศาลา
ลำคลองเลี้ยวเอี้ยววงที่ตรงนี้ ตัดวิถีห่างฝั่งมาข้างขวา
เขาจัดโอ่งน้ำรายชายมรรคา กระบวนมาได้อาศรัยใช้ดับร้อน
แลข้ามคลองมองเมิลตามหมูไม้ เห็นปรางค์ใหญ่สืบสร้างแต่ปางก่อน
คือพระประโทนที่เขาเล่าข่าวขจร ว่าพราหมณ์หนึ่งที่นครกุสินาราย
ห้ามทั้งเจ็ดกษัตราที่มาแย่ง เข้ารับแบ่งพระธาตุตวงถวาย
แต่พราหมณ์นั้นนุ่งแท้แกอุบาย คิดยักย้ายเอาพระทันตธาตุไว้
หาที่เก็บเหน็บซ่อมแซมเกศา องค์อินทราทราบเหตุหานิ่งไม่
มาทรงโมยจากมวยตาพราหมณ์ไป บรรจุในองค์พระจุฬามณี
พราหมณ์แจกหมดคลำไม่พบพระเขี้ยวแก้ว เสียทีแล้วจะอึงไปก็ใช่ที่
เหลือโทนทองที่ตวงได้ท่วงที จึงทูลขอทนานนี้ไปมัสการ
สร้างพระปรางค์สูงใหญ่ใกล้นิวาส ทนานมาศบรรจุไว้ในสถาน
จึงเรียกว่าพระประโทนเปนนิทาน เรื่องโบราณช่างเถอะอย่าถือเลย
ตรงบ้านเกาะเหมาะดีที่มีน้ำ ปักปรำพักร้อนรอเสวย
สุทธารสเย็นร้อนผ่อนเสบย เคยเลี้ยงเพชรบุรีทีหนึ่งแล้ว
ที่บ่อพลับเกวียนนับด้วยเรือนร้อย มาจอดคอยที่จะจ่ายรายเปนแถว
ถึงห้วยตเข้เห็นคลองเปนช่องแนว ทางคลาศแคล้วพระประโทนที่กล่าวมา
ไปครู่หนึ่งถึงที่พระประถม ฉันชื่นชมพ้นจะร่ำรำพันว่า
ขึ้นตพานผ่านคลองเจดีย์บูชา ถึงศาลาแลกุฎีที่หลังวัด
เขาผูกรั้วริมทางสองข้างตลอด คันธงสอดเปนระยะจังหวะจัด
ผูกใบไม้คล้ายทำนองฝรั่งชัด ไม่เลี้ยวลัดตรงลิ่วล้วนทิวธง
หว่างศาลาที่จะไปในสนาม เพดานโค้งผูกอามงามระหง
เปนโรงรีมีปะรำทำยิ่งยง ร้านพระสงฆ์อยู่ข้างขวาหน้ากุฎี
กรมหมื่นพระองค์เจ้าพระอรุณ ทั้งเจ้าคุณอริยพระกรุงศรี
กว่าสี่สิบสมทบทั้งวัดนี้ พระสุเมธีนั้นมีน้ำมนต์ปราย
พระยาพิพัฒโกษามาคอยรับ อยู่กำกับกรมการสิ้นทั้งหลาย
พวกจีนโต๊ะจีนตั้งอยู่ข้างซ้าย มายืนอยู่มากมายหลายสิบคน
หยุดประทับรับสั่งกับพระสงฆ์ แล้วเลยตรงไปตามทางหว่างถนน
กลางสนามหน้าเจดีย์มีแต่ชน มาเกลื่อนกล่นคอยดูอยู่แน่นนัน
ถึงประถมเจดีย์สี่โมงเช้า ทางจนเข้าในปะรำจำไว้มั่น
สองร้อยสี่สิบเส้นเปนสำคัญ เสด็จมัสการพลันในทันที
แล้วคืนยังวังพระนครประถม เขาปูพรมฉาบฝาแลทาสี
ซอมแซมใหม่พอใช้สอาดดี ทิ้งไว้เปนหลายปีจนผุพัง
ข้างในมาช้าไปเปนโมงเศษ ฉันทราบเหตุเพราะได้ยินที่รับสั่ง
ทอดกลางวันเหนื่อยสุดต้องหยุดยั้ง เย็นข้างในขึ้นไปยังพระเจดีย์
สวดมนต์ในพระวิหารข้างด้านหน้า พระร้อยยี่สิบกว่าเสียงดังมี่
ห้าสิบห้าที่ว่าอยู่ในวัดนี้ มาแต่กรุงสี่สิบสี่มีจำนวน
พระฐานาอธิการสถานใกล้ นิมนต์ได้แปดสิบเศษได้สอบสวน
ประทานผ้าคู่หนึ่งพึงพอควร ห่มนอนได้ไม่ถ้วนกันทุกองค์
สวดมนต์เสร็จเสด็จสู่หลังวิหาร ฟังพระท่านทำวัตคัดแต่สงฆ์
ฝ่ายมหานิกายปลายจบลง ทักษิณวงเดินเทียนเวียนเจดีย์
จุดเทียนรายปลายพนักชั้นทักษิณ จนรอบสิ้นแสงสว่างกระจ่างสี
ครบสามรอบโดยเคารพจบวิธี เสด็จลีลาสลงตรงอัฒจันท์
ประทับซุ้มรเบียงนอกจุดดอกไม้ พุ่มไสวสว่างดีส่งสีสัน
กระถางระทาซุ้มกลุ้มเปนควัน พเนียงพลุจุดลั่นดังไม่เบา
มีทั้งงิ้วทั้งละคอนกระฉ่อนฉาน แต่เปนการของราษฎรเขา
พร้อมใจกันทั้งบ้านย่านลำเนา เรี่ยรายเข้ากันหาให้มามี
รับเสด็จแลสมโภชพระประถม ด้วยชื่นชมปรีดิ์เปรมเกษมศรี
จับแต่เย็นเล่นมาจนราตรี ได้เปนที่เกลื่อนกล่นคนประชุม
ข้างในกลับลงมากอนได้ผ่อนพัก เสด็จกลับเห็นจะสักเกือบสองทุ่ม
สว่างแจ้งแสงไฟไม่มืดคลุ้ม ต้นไม้พุ่มโคมกระดาษแขวนกลาดไป
อันเรื่องรายไดอรีวันนี้นั้น ยุติกันไว้ที่เพียงนี้ได้
จะร่ำเรื่องให้เสนาะเพราะจับใจ ก็ไม่ไหวหมดเวลาว่าไม่ทัน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ