วัน ๔ ฯ๑๔ ๒ ค่ำ

วัน ๔ ๑๔ ๒ ค่ำ

๏ เมื่อคืนนี้นางชนีที่ไล่จับ เลยนอนหลับแต่กลางคืนหาตื่นไม่
เสียดายจนอ่อนเปลี้ยแสนเสียใจ เคยเล่นได้เชื่องสนิทติดรักคน
เมื่อคืนนี้ก็ยังดีไม่เจ็บไข้ ฉันเข้าไปปลุกขึ้นเล่นเปนหลายหน
ปีนมุลี่หนีขึ้นไปข้างบน จนถูกฝนเมื่อหัวค่ำร่ำลงมา
จะเสด็จลงเรือเมื่อยามดึก ทรงนึกกลัวตื่นกลับจับเปนบ้า
คงทิ้งไว้ไม่มีใครจะนำพา จึงให้ส่งไปข้างหน้าที่หลวงนาย
ผูกไว้ข้างที่นอนจนตอนเช้า เห็นนั่งเจ่าหลับกรนอยู่จนสาย
นึกผิดใจไปต้องร้องว่าตาย ก็ตามชายคาชุ่มอุ้มพิรุณ
ตามปะรำฉ่ำไปไม่มีแห้ง เสียงป๋องแป๋งเปื้อนหยดหมดที่อุ่น
รู้อย่างนี้รับเอาไว้จะได้บุญ ทัง้จะคุ้นเคยเล่นเพราะเห็นชิน
ออกนาวาในเวลาสามโมงเศษ เสาะสังเกตเล็งแลกระแสสินธุ์
เรือลอยล่องคล่องคว้างเหมือนอย่างบิน ล่วงเลยถิ่นทุกตำบลพ้นเร็วมา
สามโมงกับเศษสวนทวนท้ายทอด เข้าหยุดจอดปะรำคาดหาดสบ้า
ไม่มีเรื่องราวสำคัญจะพรรณา มีแต่ปลามาถวายหลากหลายพรรค์
ชื่อก็ซ้ำกับที่ร่ำมาแต่ก่อน จะว่ากลอนซ้ำใหม่ก็ไม่ขัน
แปลกอยู่แต่ปลาเสือเหลือสำคัญ เขาชมกันแกงดีมีรสนัก
ตัวกว้างใหญ่ได้สักสองฝ่ามือแผ่ เกล็ดเหลืองแลราวกับทองมองประจักษ์
ริ้วดำผ่านสอ้านตาเห็นน่ารัก นับเปนยักษ์ของปลาเสือเนื้อลองแกง
ทำไม่ถูกฤๅอย่างไรก็ไม่รู้ ได้ลองดูออกเบื่อเพราะเนื้อแขง
ใหญ่เกินไปไม่ใคร่เห็นมีรสแรง กับทั้งแคลงฝีมือบ้างหักร้างกัน
ส่วนพลับพลาไม่ได้ว่าไว้ครั้งก่อน คิดปันตอนมาไว้กลับลำดับผัน
พลับพลาเหมือนกันทุกแห่งแกล้งแบ่งปัน ดูเชิงชั้นเหมือนกับใหญ่ได้กว่าเดิม
เขาคิดวางด้านขวางเปนข้างหน้า ต่อชานมาจนถึงน้ำปะรำเสิม
ที่ข้างในชานโถงเปิดโล่งเติม ไม้ไผ่เพิ่มหลังพนักยักทำนอง
ชลอมใช้ใส่ดินปลูกต้นไม้ มาตั้งไว้ตามแนวเรียงแถวท่อง
กล้วยไม้ป่าหาเลือกเชือกสอดคล้อง กระเช้ารองแขวนรายตามชายคา
ที่พลับพลาทั้งเฉลียงเพียงห้าห้อง ข้างหน้าสองในสองป้องปิดฝา
เฉลียงห้องหนึ่งข้างหลังพลับพลา เปนห้องที่นิทราตอนข้างใน
ข้างพลับพลาเหนือน้ำทำที่สรง แต่ถูกตรงน้ำอับลับไม่ไหล
ปะรำเรือใต้น้ำทำต่อไป กว้างยาวใหญ่เหมือนอย่างมีที่ทั้งปวง
ที่หาดทรายข้างหลังนั้นตั้งแคร่ เสียงเซ็งแซ่โขลนจ่าพวกข้าหลวง
ผ้าม่านอ้อมล้อมหลังตั้งกระทรวง มิได้ล่วงเลยลัดตัดตำรา
พระณรงค์วิชิตได้คิดอ่าน เปนนายด้านทำกิจคิดอาสา
กับพระปนัสดิฐติดขึ้นมา กำกับพวกโยธาที่ทำการ
ฉันลืมไปไม่ได้ว่าอีกหลายอย่าง วันนี้ว่างจะขอเพิ่มต่อเติมสาร
ที่ท้องช้างวางระยะกะทำงาน เปนหน้าด้านพระมหาอัคนิกร
ด้วยเปนคนชำนาญในการช่าง เคยทำการต่างต่างมาแต่ก่อน
ที่พลับพลาวังเขมรเกณฑ์ตัดตอน พระอมรมหาเดชเปนเขตรปัน
พระผลกดิฐได้คุมไพร่ มาตัดไม้ทำงานการในที่นั่น
น้ำโจนใหญ่ไทรโยคอย่างสำคัญ ตำบลนั้นหน้าที่พระศรีพิทักษ์
ยกรบัตรกรมการอยู่บ้านล่าง เกณฑ์มาบ้างตามตำแหน่งแบ่งปันปัก
หลวงอาสาเจ้าเมืองใหม่ใจจงรัก ช่วยกันทำตำหนักในที่นั้น
หัวเมืองลำน้ำนี้นั้นมีหก เปนเมืองยกไว้แต่นามตามเขตรขัณฑ์
ด้วยเปนทางทัพมอญจรจรัล ใช่จะไว้ป้องกันประจันบาน
อันความในที่ให้มอญไปตั้ง ด้วยความหวังว่าจะไว้ให้เปนด่าน
จะได้เดินสืบสาวข่าวราชการ จนถึงสถานต่อแคว้นแดนเมืองมอญ
ซึ่งไม่เรียกตรงตรงคงว่าด่าน หวังจะให้ข่าวสารแซ่กระฉ่อน
ถ้ารามัญแลพม่าจะมารอน ไม่กล้าจรมาได้ง่ายสบายใจ
ด้วยระแวงว่าบุรีมีเปนระยะ พอปะทะทัพราให้ช้าได้
เปนอุบายแต่โบราณท่านทำไว้ มิใช่ใหม่ชั้นพม่ามาราวี
ในชั้นหลังตั้งเติมขึ้นใหม่บ้าง กับคิดวางผู้คนที่ร่นหนี
อันชื่อเมืองซึ่งตั้งทั้งหกนี้ คือบุรีท่าตะกั่วตัวเจ้าเมือง
เปนพระชิณดิฐบดี ชื่อตั้งตามนามบุรีให้ถูกเรื่อง
เมืองลุ่มสุ่มนินดิฐคิดฝืดเคือง จะให้เนื่องกันไปยากลำบากใจ
ท้องผาภูมชื่อแผกแปลกสองนี้ เสลภูมบดีสร้อยเศกให้
ส่วนไทรโยคชื่อแยกแตกทางไป แปลต้นไทรเปนมคธจดอ้างอิง
ชื่อว่านิโครธาภิโยคย้าย ยังโบราณมากมายคือเมืองสิงค์
ชื่อเจ้าเมืองเยื้องอย่างต่างกันจริง เปนที่พระสมิงสิงคบุรา
ท่าขนุนนั้นพระปนัสดิฐ เมืองต่อติดไทรโยคอยู่ข้างหน้า
ไปต่อเมืองกะเหรี่ยงทางกลางพนา ที่ลงมาเฝ้าแหนอยู่แน่นนัน
ตั้งแต่วังเขมรไปในตอนนี้ ต้นหงอนไก่มักจะมีต่างสีสัน
เขาเก็บมาเปนตัวอย่างต่างต่างกัน บางอย่างสั้นบางอย่างยาวขาวเหลืองแดง
บ้างเผือดผ่อนอ่อนแก่แลหลายเหล่า บ้างสีเทาถอยถดบ้างสดแสง
ถึงสิบสี่สิบห้าอย่างไม่คลางแคลง จะว่าให้จะแจ้งฉันเหลือจำ
หมู่ผีเสื้อต่างต่างอีกอย่างหนึ่ง เปนสุดซึ่งวาจาจะว่าร่ำ
ที่หมู่ดำมากมวญล้วนแต่ดำ บินเกลื่อนคล่ำกว่าร้อยน้อยเมื่อไร
บางหมู่ขาวราวกับว่าผ้าขาวพาด ที่แดงดาษดาอยู่เปนหมู่ใหญ่
ลางเหล่าเหลืองเรืองรางอย่างอุไร เที่ยวตอมไต่พฤกษาน่าเอนดู
ล้วนสลับสับสีมีต่างต่าง หลายสิบอย่างเหลือจดให้หมดหมู่
บ้างพาพวกลอยล่องบินฟ่องฟู บ้างบินวู่เวียนวงตรงหาดทราย
แม้ว่าเนชุรัลลิสคิดค้นจับ คงได้นับร้อยอย่างต่างเหล่าหลาย
แต่เห็นไกลไม่สู้ชัดสนัดราย ลองนับหมายไว้กว่าสิบห้าพรรณ
ชนีไล่ได้มาใหม่ในวันนี้ ดุเต็มทีโกรธไปทั่วทำหัวสั่น
รูปร่างเล็กกว่าก่อนอ่อนกว่ากัน จูงไปไหนไม่จรัลนั่งยันกราน
ส่งอะไรให้กินก็ไม่รับ เฝ้านั่งหลับไนยนาน่าสงสาร
ประเดี๋ยวอ่อนนอนเปลี้ยเพียงเสียการ นึกรำคาญกลัวไม่รอดตลอดทาง
เสื้อกะเหรี่ยงที่ถวายมาหลายแห่ง ทรงตัดแบ่งสวนประมาณม่านหน้าต่าง
แล้วเข้าขอบติดหูดูสำอาง แล้วแขวนข้างเรือที่นั่งทั้งแปดบาน
แม้ดูไกลใสตากว่าแพรเก่า พื้นดำเข้าริ้วแดงสอดแสงฉาน
ปักผลเดือยดูวิจิตรพิสดาร เขาชำนาญลวดลายหลายทำนอง
บ้างใช้ลูกเดือยยาวขาวสอาด บ้างปักชาติรูปไข่ใช้เปนสอง
มีระย้ายืนย้อยห้อยพวงกรอง ลายไม่พ้องกันสักเสื้อเหลือวิลัย
กว่าจะแล้วแต่ละตัวชั่วเดือนกว่า ยังอุส่าห์สู้ประดิษฐคิดทำได้
แม้รู้จักแม่สดึงขึงเข้าไม้ จะทำไว้ขึ้นกว่านี้ไม่มีครู
ถามซื้อหาก็ว่าเพียงยี่สิบบาท แต่บอกขาดว่าไม่มีที่เหลืออยู่
ได้ซื้อขายปักทำสำหรับผู้ ที่ไปสู่ในสถานการประชุม
ต่อเมียใครเปนเศรษฐีจึงมีใส่ ไปข้างไหนตามดูกันอยู่กลุ้ม
ถ้าสาวโสดสวมกายผู้ชายรุม ขายไม่คุ้มค่าลำบากทำยากเย็น
ลูกเดือยยาวเขาถวายทรงจ่ายแจก เปนของแปลกเย็บปักถักร้อยเล่น
สร้อยข้อมือร้อยใส่มิได้เว้น บ้างทำเปนกระเช้าหมากดูหลากตา
บ้างปักไหมพรมปันคั่นลูกปัด ตามสนัดทางไหนได้ทุกท่า
บ้างปักเปนลวดลายชายขาวม้า แต่ได้มาน้อยไปไม่ใคร่พอ
รับสั่งถามหาต้นที่บนฝั่ง เขาว่ายังมีมากอยากเก็บต่อ
พวกกะเหรี่ยงว่าใกล้แต่ใจท้อ มันเดินถ่อเร็วนักออกหนักใจ
จะเสวยที่ปะรำซ้ำมีฝน จึงเสด็จขึ้นบนพลับพลาใหญ่
แต่เข้าที่เรือที่นั่งหวังครรไล ให้ทันในเวลารุ่งราตรี ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ