วัน ๒ ๑๓ฯ ๒ ค่ำ

วัน ๒ ๑๓ ๒ ค่ำ

๏ ปรอทร้อนสองวันฉันลืมว่า แปดสิบแปดเปนตำรายืนคงที่
ยังส่วนหนาวเล่าก็เท่าคืนก่อนมี หกสิบสี่ตอนสว่างอย่างเดียวกัน
เวลาสายสุริยงสรงสนาน เหมือนเมื่อวานเพราะว่าร้อนต้องผ่อนผัน
สามโมงครึ่งจึงได้แต่งตัวพร้อมกัน กว่าจะได้จรจรัลสี่โมงปลาย
ทรงผยองหยาดฟ้าม้าที่นั่ง ทหารแห่หน้าหลังดูหลากหลาย
ข้างในไปรถยี่ปุ่นลากรุนท้าย บ้างทรงวอแต่ว่าย้ายหามสี่คน
เดินทางข้างค่ายตามฝ่ายใต้ พึ่งเลาะลัดตัดใหม่เข้าไพรสณฑ์
กว้างสี่ศอกสองข้างทางจรดล ไม่ตัดต้นไม้ใหญ่ไว้ใบชิด
ระยะแรกแหวกไปในแถวไผ่ เลียบริมลำแม่น้ำใหญ่ใกล้ติดติด
ยอดประกันกั้นแสงพระอาทิตย์ คนึงคิดสวนมาลีที่ในวัง
แสนอาไลยไกรลาศคิรีเตี้ย ไผ่โต้เรียทางครรไลไปข้างหลัง
พยัคฆามาซุ่มซุ้มไผ่บัง แม้ที่นี่มีดังในสวนโน้น
จะสนุกเต็มประดาสิ้นท่าหนี เห็นหมดที่หมดท่าจะผ่าโผน
ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่มีที่เอนโอน จะจู่โจนขึ้นไปนั่งกำบังกาย
ทางเปนเนินเดินขึ้นลงไม่ตรงลิ่ว รถเลื่อนปลิวลงไปจนใจหาย
ขาขึ้นคนชุลมุนเข้ารุนท้าย ถึงที่ราบเดินสบายทางเรียบดี
ตัดหนทางอย่างใหม่ชอบใจฉัน ถึงกลางวันแดดเท่าไรไม่ร้อนจี๋
เห็นต้นหมากรากไม้ใกล้ทางมี เปนท่วงทีธรรมดาป่าจริงจริง
ไม้บางต้นตั้งดังฉัตรชัดจังหวะ บ้างเกะกะเกี่ยวกอดตลอดกิ่ง
บ้างเอนชายปลายทอดยอดแอบอิง บ้างทิ้งกิ่งใบโกร๋นดูโกรนเกรียน
ทางคดเคี้ยวเลี้ยวตัดไปตามไร่ ร่องยาวใหญ่แลตลอดดูลิ่วเลี่ยน
ไม่มีหญ้าเขารักษาสอาดเตียน สู้พากเพียรผ่อนผันด้วยหมั่นทำ
อันไร่ริมมรคามาวันนี้ ยาบุหรี่ผักกาดแลกระหล่ำ
เปนมีมากกว่าอย่างอื่นยืนประจำ เกือบถึงถ้ำเต็มทีจึงมีนา
ต่อนามอญตอนนี้มีเทือกเขา เหมือนอย่างเราก่อเล่นเปนภูผา
ไม่โตใหญ่น่าใคร่เล่นตุ๊กตา คล้ายสวนขวาชายน้ำริมลำธาร
เปนวงกลมสมวางกลางสนาม ดูงดงามเหลือดีไม่มีสมาน
เพิ่มไม้ดัดได้ระยะจะตระการ ยามสำราญนั่งชมเมื่อลมชาย
แต่ค่ายมาตามมรรคาที่ตัดใหม่ เขาวัดได้ร้อยเส้นเห็นหลักหมาย
เชิงภูผาเรียกว่าที่ซ้องควาย พอสบายไม่สู้เหนื่อยถึงเลื่อยล้า
ต้องลงรถขนคิรีศิลาลาด ยุรยาตตามทางหว่างก้อนผา
ที่บางก้อนคลอนสเทื้อนเลื่อนไปมา ต้องตั้งตาจดจ้องย่องขึ้นไป
ถึงที่ชันกั้นราวได้น้าวหน่วง ออกเสียวทรวงใจสั่นให้หวั่นไหว
ไม่กลัวตกกลัวแต่พลาดฟาดลงไป จะฮาใหญ่อายยับทับทวี
ทางก็ใกล้แต่ในใจเหมือนไกลสุด ช่างอยากหยุดเหมือนจะไปไม่พ้นที่
ยิ่งก้าวขาก็ยิ่งล้าลงทุกที อยากวารีร้อนเหลือจนเหื่อพราว
พอพ้นชันผันผายค่อยง่ายหน่อย ส่างเสื่อมถอยหวาดหวั่นที่พรั่นหนาว
เห็นปะชำย่ำใจก้าวได้ยาว รีบสาวท้าวครู่หนึ่งถึงเสื่อปู
จะไปนั่งยังไม่ได้จนใจนัก ต้องหยุดพักกลางถนนจนสักครู่
เพราะท่านโปรดครุคระฉันกะดู เสด็จกริ้วจึงได้กรูกันขึ้นไป
อันเยี่ยงอย่างที่ข้างในนี้ขันขัน จะว่าคอตซีกันก็ว่าได้
ฤๅเปนกึ๊กันก็มีที่เคยใช้ แม้ไม่ทำก็ไม่ได้ดูไม่ดี
ถ้าผู้ใหญ่นั่งที่ไหนตามไปถึง ต้องคนึงเสาะหาดูท่าหนี
มีที่บังก็ต้องนั่งให้ลับลี้ แม้ไม่มีก็ต้องหาดูท่าทาง
แห่งไหนต่ำซ้ำไกลได้อย่างยอด ก็ต้องทอดออกไปนั่งให้ห่าง
ต่ำลงไปได้เพียงใดจงไว้วาง นั่งพื้นล่างที่สุดเปนสมควร
ธรรมเนียมน์มีแต่ก่อนมากกว่านี้ ถูกกริ้วกันถี่ถี่นับไม่ถ้วน
จางจางไปใครเปนเชื้อมาเจือกวน ก็กลับป่วนกันไปใหม่ได้ทุกครั้ง
ที่จริงนั้นท่านผู้ใหญ่ในความเห็น ก็ย่อมเปนต่างต่างอย่างแต่หลัง
ถ้าเห็นเปนเกียรติยศเต็มกำลัง ก็มักสั่งคอตซีเปนทีไว้
ว่าให้ขึ้นมานั่งเสียข้างบน มามิมาหาทำวลเรียกอิกไม่
บางทีซ้ำคอตซีทวีไป จนผู้น้อยเข้าใจว่าทำดี
ไม่ขึ้นไปไม่เปนไรหามิได้ ต่างคนต่างสบายใจเหวเต็มที่
ที่ชาชาเผลอไผลไปก็มี ตัวอยู่นี่ใครอยู่ไหนไม่ต้องดู
ถึงน่าเกลียดเปนไฉนไม่รู้สึก เพราะไม่นึกอัปยศอายอดสู
จะเสียหายประการใดก็ไม่รู้ เฉยเฉยอยู่ไม่ไหวติง “นิ่งเสียดี!”
บางทีท่านไม่ชอบใจแคะไค้ว่า ก็ไม่เชื่อวาจาจรจากที่
กลับเคืองขุ่นมุ่นหมกไปก็มี เปนจู้จี้ยียวนกวนน้ำใจ
เพราะผู้น้อยนั้นก็ใจไปต่างต่าง ชอบอยู่ห่างไม่อยากไปใกล้ผู้ใหญ่
กลัวต้องหมอบรัศมีจะหมองไป พูดอะไรไม่สนัดข้องขัดครัน
ดูอันใดก็ไม่ชัดสนัดสนี่ เพราะต้องซ่อนรัศมีไม่เฉิดฉัน
นั่งเปิดยศอยู่ห่างท่างที่ข้างนั้น ให้เห็นว่าผิดกันแต่เพียงยศ
อีกพวกหนึ่งเห็นผู้ใหญ่พอใจเหว จะทุ่มเทปาส่งลงให้หมด
บ้างอยากไปท่านไม่เรียกก็จำงด ครั้นไม่ลดเปนทลึ่งถึงเสียคน
นี่แลใจไปต่างต่างกันอย่างนี้ ใครจะคิดทำดีก็ขัดสน
ถึงผู้ใหญ่ท่านไม่รังเกียจรังกน ก็ไม่พ้นขัดข้องต้องติดตัน
เพียงคนเดียวเจียวถ้าดื้อถือแบบเก่า ส่วนพวกเราก็ต้องคั่งพลอยนั่งมั่น
ต่อพร้อมใจเปลี่ยนใหม่ให้เหมือนกัน จึงจะสิ้นเชิงชั้นเช่นว่านี้
เมื่อเดือนเก้าคราวไปทเลนั้น นับว่าเรียบร้อยกันไม่จู้จี้
เพราะน้อยตัวหัวเก่าไม่ใคร่มี ถ้าเช่นนี้แล้วก็ตายอายแขกยับ
ฉันพรั่นตัวกลัวเสด็จขึ้นมาเห็น จะเกิดเข็ญถ้ากระไรในต้องกลับ
จนท่านเตือนแล้วยังเลือนเลยบังคับ ถึงขากลับนั่งไม่ได้อิกครา
แต่เชิงผามาถึงปรำพัก ทราบตระหนักหกเส้นเปนคำว่า
เปนเศษทางวางไว้อิกห้าวา ถึงชวากปากคูหาถ้ำมะเกลือ
ต้องจุดไฟลงบันไดสักสิบคั่น ตั้งออกชันพรั่นตัวน่ากลัวเหลือ
ถึงพื้นถ้ำเหมือนยังค่ำดูครุมเครือ ได้รางเรื่อกระจ่างแจ้งด้วยแสงเทียน
ที่ถ้ำกลางกว้างใหญ่มิใช่ย่อม เดินอ้อมค้อมเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
ข้างขวาพื้นกระดานลาดเขากวาดเตียน ว่าหลวงญวนบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี้
มีพระพุทธรูปใหญ่ไว้องค์หนึ่ง ดูจะพึ่งปิดทองสุกผ่องสี
เลี้ยวเข้าซอกหนึ่งใหญ่ไปได้ดี ไม่จรลีได้ถึงไหนก็ไปตัน
แต่กลางช่องมีปล่องอยู่ข้างซ้าย ต้องก้มกายคลานลอดเกือบขอดสัน
พอหลุดท้ายหงายหน้าขึ้นดูพลัน ในถ้ำนั้นแลเห็นเหมือนเช่นกรวย
ดูสูงลิ่วแลโล่งเปนโปล่งปล่อง เหมือนแว่นส่องไฟฟ้าดูท่าสรวย
รากไม้หย่งกระทั่งพื้นยอดพุ่งพวย ขึ้นไปรวยรับน้ำค้างอยูข้างบน
ตอนนี้ไปทางไถลลงไปล่าง จะลงบ้างก็อุทัจดูขัดสน
กลัวเลื่อนกรูดปรูดลงไปไม่ยั้งตน จะเจ็บป่นเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
กลับทางเก่าลืมเล่าถึงเหวลึก ไม่รู้สึกก็ดูน่าปาฏิหาร
ฉะเพาะอยู่ตรงกระพักดักกันดาร ที่ปีนผ่านเข้าในปล่องช่องไปมา
เดินแซกซอกออกชวากเหมือนฉากกั้น ดูลดหลั่นแลสลับเหมือนกับฝา
เข้าช่องแคบต้องตะแคงแพลงกายา แต่ดูท่าคนจรัลก็ผันพอ
ถ้าอ้วนใหญ่แล้วเข้าไปเปนต้องติด ฉันปานกลางอย่างหวุดหวิดทีเดียวหนอ
บ้างต้องแย่เอาที่แง่ไว้ตรงฅอ จึงลอดต่อเข้าไปได้ถึงในนั้น
ดูน่าชมกลมรอบเปนขอบข้าง เพดานอย่างห้อยภู่ดูเฉิดฉัน
ทางน้ำหยัดมากมายหลายสิบอัน หน้าวสันต์น้ำจะพรายคล้ายกับบัว
มาหน้าแล้งแห้งหมดยังหยดเหยาะ เผลอไปหนอยผอยเผาะลงถูกหัว
ออกจากนั่นผันผายเดินรายตัว เที่ยวไม่ทั่วด้วยเวลานั้นสายัณห์
เดินเยื้องย่างข้างขวางเข้าฝาถ้ำ ลงพื้นต่ำแล้วขยับหลับผายผัน
ขึ้นพื้นสูงแซกสลับซับซ้อนกัน ศิลาคั่นอยู่เปนห้องมองเข้าไป
มีแคร่ไม้ใช้ต่างโต๊ะเครื่องเส้น คงจะเปนเรื่องโค้งไม่สงไสย
คือหลวงญวนที่อยู่นี่ไม่มีใคร ศิลาใหญ่ปิดทองลองเส้นวัก
ที่พื้นถ้ำคราบน้ำเห็นถนัด จะจำวัดกันอย่างไรไม่ประจักษ์
ฤๅอยู่แต่ระดูแล้งเห็นแคลงนัก ถ้าหน้าฝนคงประดักประเดิดแท้
กลับขึ้นมาล้าเลื่อยเหนื่อยพอใช้ อยากจะใคร่เอนอ่อนลงนอนแน่
ให้ระหวยระหายน้ำชำเลืองแล นั่งริมแคร่อมกรวดแทนขวดน้ำ
ยังถ้ำฝ้ายปลายทางห่างถ้ำนี้ ทางสักสี่ห้าเส้นเห็นจวนค่ำ
ข้างในไม่ได้ไปได้ฟังคำ รับสั่งว่าสนุกล้ำถ้ำมะเกลือ
ฦกลงไปมีบันไดถึงสองชั้น เขาทูลว่าผายผันลำบากเหลือ
ครั้นเสด็จลงไปไม่เอื้อเฟื้อ ก็เห็นเปนแต่ว่าเผื่อกันผิดไว้
ลงบันไดตอนหนึ่งถึงพื้นลาด ถ้าจะพลาดก็เห็นจะเปนได้
เปนดินปนก้อนศิลาเคลื่อนมาไป หลุดไถลคลาศที่มีเนืองเนือง
ในถ้ำนี้ที่ลม้ายคล้ายเขาหลวง แต่อย่าล่วงเทียบทานการย่อมเขื่อง
เทียบแต่ท่วงทีผาท่ารุ่งเรือง แต่ในเรื่องซอกแซกแปลกทีเดียว
เปนห้องน้อยห้องใหญ่พรอนไปหมด บ้างเลี้ยวลดลับตามันน่าเที่ยว
เล่นเอาเถิดจับยากลำบากเจียว เสียแต่เสียวหัวจะตำนั้นร่ำไป
เปนภู่ห้อยย้อยรย้าหาว่างยาก รูปหลากหลากแลอร่ามงามไสว
ย้อยถึงพื้นแล้วก็มีที่ลงไป เกือบใกล้ใกล้ธรณี่ก็มีชุม
ที่ช่องต่ำคว่ำคลานเข้าโพรงผา พ้นออกมาพวงภู่ห้อยอยู่กลุ้ม
จะยืนหยัดแล้วต้องตัดเข้าข้างมุม ถ้าซ่ามซุ่มเศียรเจาะเปนเคราะห์ร้าย
ยังเปนโพรงโล่งแลแต่ที่นั้น ดูเหมือนกันกับที่นอกที่บอกขยาย
แต่เล็กลงน่าเอ็นดูพวงภู่ราย ที่ตรงปลายเปนขาวขาวยาวยื่นย้อย
ดูสีสันวรรณะเหมือนเทียนไข หล่อเมืองไทยเปนเกลียวออกเขียวหน่อย
คลานเข้าไปหักได้มาไม่น้อย จะใช้สอยได้อย่างไรก็ไม่รู้
เขาจุดไฟไว้สว่างในกลางถ้ำ โคมแมงดาดำดำเสียงฟ่อฟู่
เที่ยวไม่ทั่วกลัวค่ำจะทำพู เสด็จสักครู่เดียวขึ้นมาเวลาพลบ
พระเสโทท่วมพระองค์เหมือนสรงน้ำ กลับประรำที่เก่าเข้าบรรจบ
กระบวนในไฟสว่างกระจ่างคบ เดดินทวนทบทางเก่าลำเนาเนิน
ถึงเชิงผาม้าที่นั่งเสด็จก่อน จากศิงขรลัดเลาะดังเหาะเหิน
กระบวนรถขากลับวุ่นยับเยิน เกือบต้องเดินกันมาบ้างในกลางคืน
เมื่อขาไปใช้ถึงรถละสอง เก้าอี้เปล่าไปเปนกองกำลังตื่น
มันเกินหนักจนไปหักกันครามครืน สั่งกันใหม่ไปอย่างอื่นให้รายตัว
ถึงเชิงผาพากันแย่งไปขึ้นหมด ไม่มีรถพอจะให้ได้ไปทั่ว
ที่เคราะห์ดีพบเก้าอี้ขี่กันนัว ต้องยืนซัวกันอยู่มีสี่ห้าคน
รถไม่รอพอขึ้นได้ก็ไปจี๋ เก้าอี้เปล่าก็ยังมีไม่ขัดสน
ไม่มีใครเรียกให้เขาไปพ้น ต้องกอดต้นไม้ปฤกษาหาฤๅกัน
มีผู้สั่งว่าให้ยั้งอยู่ที่นี่ กว่าเก้าอี้จะมารับกลับผายผัน
คุณเถ้าแก่ที่ท่านคอยคุมอยู่นั้น มีความคิดดีพลันสั่งทันที
ว่าจะรอคอยไปนั้นไม่ได้ พบรถไหนหลวมไปให้ขึ้นขี่
จึงกลับมาตามกันได้วันนี้ พอถึงที่สองทุ่มมืดคลุ้มจริง
ต้องชำระสะสางถึงขว้างซัด สืบความชัดซักไซ้ได้ทุกสิ่ง
คุณท้าว “ก” เอาเก้าอี้ขี่หนีทิ้ง นุ่งอย่างยิ่งมีผิดติดกายา
คุณเถ้าแก่สองศรีมีความชอบ ต้องรบอบกลัวผิดคิดรักษา
คุณ “ข” รอเรียกให้รถรา คุณ “ค” ว่าอยู่ไม่ได้ให้ขึ้นรถ
ปรับท้าว “ก” ข้อไม่ดีสี่สิบบาท ยังลดขาดหย่อนไว้ไม่เต็มบท
ให้เถ้าแก่เปนบำเหน็จเสร็จแทนทด ได้ปรากฎภายหน้าเปนตราไป
ส่วนจ่า “ง” ต่อตามโดยความเท็จ บอกพร้อมเสร็จตามวิญญาหาตรวจไม่
ต้องทำโทษโดยอาญาเปนตราไว้ อย่าให้ใครดูทำบ้างอย่างเช่นนี้
ทางจะเที่ยวได้ที่นี่มีหลายแห่ง จึงจดแจ้งความไว้ในไดรี
เขาข้างเหนือเห็นตรงอยู่ตรงนี้ นามคิรีพุรางวางชื่อไว้
ไปขึ้นท่าหน้าวัดเหนือเหมือนเมื่อก่อน หนทางจรเก้าสิบเส้นเห็นจะได้
ไปพาชีขี่ขึ้นไปได้ไกล จนเกือบใกล้จะบรรลถึงพุราง
เดินหน่อยหนึ่งก็พอถึงสถานที่ รางวารีศิลาไลยไม่กว้างขวาง
วิดเท่าไรไม่รู้แห้งอย่าแคลงคลาง แล้วแยกทางจากนั้นไปไม่ไกล
ถึงหนองบัวลาดหญ้าฝ่าทุ่งกว้าง ไปสุดทางถึงตำบลเขาชนไก่
ที่ลาดหญ้าถ้าจะเลี้ยงคชไกร สักกี่ร้อยก็จะได้ไม่ขาดแคลน
ด้วยทุ่งหญ้าหนาแน่นเปนแผ่นพืช ดูยาวยืดสุดตาเต็มหนาแน่น
เปนตำบลสำคัญการกันแดน ใครหวงแหนไว้ได้ไม่กันดาร
เขาชนไก่บ้านยายทองประศรี เขาว่าวัดของแกมีเปนถิ่นฐาน
มีอยู่จริงเปนจังหวัดวัดโบราณ แต่จะพาลเอาฤๅไรไม่แน่นอน
ตรงหน้าบ้านเขาชนไก่ออกไปนี้ ลำนทีเลื่องฦๅชื่อกระฉ่อน
ลำตระเพิ่นทางเดินกองทัพมอญ เข้านครกาญจน์บุรีมีลิลิต
ชื่อเตลงพ่ายพงศาวดาร ข้ามตพานพลศัตรูดูอักนิษฐ
ไทยลอบเผาตพานมอญรอนความคิด มอญเสียทัพถอยไปติดลำน้ำนี้
กองทัพไทยไล่กระชั้นบุกบันฟาด มอญวินาศนับหมื่นแตกตื่นหนี
จึงควรทึ่งเพราะที่ว่ามาทั้งนี้ เปนเกียรติยศธานีบุรีเรา
หนึ่งตำบลประเทศถิ่นเรียกหินดาด คู่กันกับลาดหญ้าที่ว่าเล่า
ก็น่ายลด้วยตำบลถิ่นลำเนา เปนที่เก่ามีชื่อฦๅมานาน
ไม่ห่างน้ำตรงข้ามกับลาดหญ้า ข้ามที่ท่าเฃาชนไก่ไม่ไพศาล
น้ำพอท่วมหลังม้าว่าประมาณ ทางกันดารด้วยต้องฝ่าศิลาไป
เปนก้อนกลิ้งทิ้งอยู่ดูเกลื่อนกลาด แต่ขนาดย่อมย่อมไม่สู้ใหญ่
ขับอาชาฝ่าได้สดวกใจ ทางว่าไว้ร้อยยี่สิบพอดิบดี
ถึงที่แผ่นผาศิลาดาด เหมือนแผ่นเดียวเลี่ยนลาดตลอดที่
จนต้นหมากรากไม้ไม่ใคร่มี ยิ่งกว่าขึ้นบนคิรียังมีดิน
ไปหน่อยหนึ่งถึงที่ธาราพุ ไหลทลุขึ้นมาคั่งตามวังหิน
เรียกพุพระน้ำสอาดปราศมลทิน จะตักกินสักเท่าใดไม่ขาดแคลน
ถ้าล่องกลับตามลำดับชลมารค ไม่ลำบากตามน้ำลำเรือแล่น
ต้องข้ามแก่งสองแห่งไม่ยากแค้น ถ้ามาทแม้นเรือตรงลงสบาย
ที่หนึ่งนามแก่งเสี้ยนตามสำเหนียก ที่สองเรียกแก่งจีนจำได้ง่าย
ที่เขาตกตรงเขาปูนข้ามไป มีถ้ำใหญ่หลวงจีนอยู่ประจำ
ทางไม่ไกลแต่ขึ้นไปบนเขานั้น อยู่ข้างชันหน่อยหนึ่งถึงปากถ้ำ
ที่ช่องอื่นไม้อัดขัดปิดงำ เปิดประจำแต่ตรงหน้าเปนท่าทาง
ที่ห้องกลางวางโต๊ะบูชาตั้ง เปนที่นั่งที่อยู่ดูกว้างขวาง
หลืบข้างซ้ายเข้าของแขวนกองวาง ส่วนหลืบข้างขวามีแคร่ที่นอน
ที่ห้องย้อยห้อยยื่นไปข้างหลัง เครื่องครัวตั้งต่อติดคิดผันผ่อน
เพดานคร่ำดำเลอะเปื้อนเปรอะปอน ทางซอกซอนเที่ยวไปได้ยังมี
ที่กล่าวไว้พอให้ดูได้รู้เรื่อง ได้เปนเครื่องแนะนำตำบลที่
เผื่อว่าใครไปมาที่เมืองนี้ ดูไดอรีได้ประกอบสอบตำบล
แสนร้อนใจเขียนไปกลัวจะค้าง เวลาว่างอัตคัดข้องขัดสน
ดูยืดยาวเจียววันนี้ต้องนิพนธ์ ขอจบจนวันหน้าว่าต่อไป ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ