๏ ในวันนี้มียายชีมาเฝ้าแหน |
นำเอาแหวนพลอยทับทิมบุษย์จิ้มบ่า |
ว่าเปนทองของประทานนานเวลา |
ที่คูหาเพิงเพชรบุรี |
มาภายหลังไม่สบายจึงย้ายถิ่น |
มาจำศิลอยู่ที่วัดตาลนี่ |
จึงตั้งสัตย์อธิษฐานทางวาจี |
ว่าถ้าพระบารมีจะยืนยง |
พระโอรสจะได้สืบประยูรศักดิ |
ให้ได้พลอยจงประจักษ์ตามประสงค์ |
จะทำแหวนไว้ให้ได้สักวง |
วันหนึ่งลงไปสวดมนต์บนลานวัด |
ตบันหมากสากกระทุ้งที่พื้นถี่ |
พลอยเม็ดนี้ผุดกระเด็นเห็นถนัด |
จึงได้เห็นเปนอัศจรรย์ชัด |
จึงได้จัดเรือนประจำทำแหวนไว้ |
แล้วตั้งจิตต์คิดจะหาเวลาเฝ้า |
ขอทูลเกล้าถวายไว้ให้จงได้ |
เปนคู่พระบารมีดีกระไร |
แกใส่ใหญ่ยืดยาวเรื่องราวความ |
ดูเรื่องราวกล่าวมาน่าสงไสย |
จะเปนใครดีดใครอยากใคร่ถาม |
ยายหลวงชีนี้เปนใหญ่ในอาราม |
ลูกศิษย์ตามแกเปนพรวนล้วนบวชชี |
อยากได้พลอยก็จะคอยมาดีดให้ |
ฤๅครูใหญ่ดีดถวายหมายตักปี้ |
รับสั่งว่าชั่งเถอะยุติที |
สามโมงมีเศษไม่มากจากพลับพลา |
เสด็จลงทรงเรือที่นั่งน้อย |
แจวเคลื่อนคล้อยล่องบากออกจากท่า |
ต้องอ้อมหัวหาดบังฝั่งคงคา |
ย้อนขึ้นมาเทียบจอดทอดตพาน |
วัดหลุมดินถิ่นเดิมชำรุดร้าง |
เดี๋ยวนี้สร้างขึ้นใหม่ใหญ่สอ้าน |
ชื่อสุรชายารามนามประทาน |
ตามยศท่านเจ้าของวัดที่ศรัทธา |
เสด็จขึ้นตามทางกลางอาวาส |
ล้วนปูลาดอิฐขวางที่ข้างขวา |
การเปรียญกว้างขวางอย่างศาลา |
พระสงฆ์ห้าองค์นั่งอยู่หลังนี้ |
เสด็จขึ้นปราไสทรงไต่ถาม |
ถึงทุกข์สุขได้ความโดยถ้วนถี่ |
ที่หน้าโบถสองข้างวางเจดีย์ |
เปนส่วนที่ทรงช่วยด้วยในงาน |
โบถเปนอย่างราชบุรีมีเฉลียง |
เสาลอยเรียงรอบรีทั้งสี่ด้าน |
กุฎีฝาอิฐก่อพอประมาณ |
ดูสอ้านสอาดงามตามสมควร |
ดูคล้ายวัดปรไมยในแผนที่ |
แต่ที่นี่ถอยถดลดลงถ้วน |
เสด็จจากวัดมาคลากระบวน |
ถึงหน้าจวนสมเด็จเจ้าพระยา |
ถึงแพทอดจอดประทับเรือที่นั่ง |
ขึ้นบนฝั่งตึกรามงามสง่า |
ผ่านหน้าเรือนคุณหญิงพันติดกันมา |
ร่มคงคาเปนตลาดแผงกลาดราย |
มีของสดสารพัดไม่ขัดขวาง |
ผักต่างต่างผลไม้วางไว้ขาย |
จะซื้อหาสิ่งใดได้สบาย |
ดูเค้าคล้ายกระลันตันปันทางจร |
ร้านของแห้งแต่งตั้งทั้งสองข้าง |
มีต่างต่างตามจะหาคือผ้าผ่อน |
ล้วนสินค้ามาแต่ในนคร |
เว้นแต่ตอนจักสานพานจะดี |
เปนของคนโทษทำขายลำไพ่ |
ดูพอใช้หลายอย่างตาห่างถี่ |
ได้ซื้อหาว่าเปนของทำเมืองนี้ |
แล้วยังมีร้านแขกแปลกออกไป |
ขายของล้วนขากขากมากถนัด |
เปนรูปสัตวคนผู้มีหมู่ใหญ่ |
รูปทาสีมีเปนผลไม้ |
ดูไกลไกลนอรอฬ่อตาคน |
แต่เปนของซื้อฉิบหายขายฝุ่นฝอย |
เจ้าของพล่อยพล่ามถี่ทั้งหิ้ร่น |
จะถวายของทั้งสิ้นทำลิ้นลน |
เวียนแต่ขนชุลมุนวุ่นพัลวัน |
จะทรงซื้ออันใดไม่ยอมขาย |
จะถวายไปเสียทั่วทำตัวสั่น |
รับสั่งว่าปฏิญาณไว้นานครัน |
แย้มเท่านั้นเข้าใจแก้ไขอึง |
ดูเปนตายจะถวายให้จงได้ |
เสด็จไปเสียจริงวิ่งทลึ่ง |
ร้องขายขายโด่งดังเสียงปังปึง |
มันช่างหนึ่งจริงในทางข้างเสือกซน |
ฉออกจากตรอกซอกช่องวางของขาย |
มาถึงท้ายวังขวางข้างถนน |
กำแพงรอบขอบล่างเห็นข้างบน |
มีมุขชนอยู่ตรงกลางหลังขวางยาว |
เห็นท่าทางนั้นเปนอย่างไม่น่าอยู่ |
บานประตูหน้าต่างยังค้างขาว |
มีตึกแถวริมถนนคนเกรียวกราว |
ปูผ้าขาวตามเฉลียงเคียงหน้าร้าน |
มีของขายต่างต่างอย่างบางกอก |
ล้วนของนอกวางรายขายแผ่ผ้าน |
ดำเนินจากวังมาไม่ช้านาน |
ถึงคุกศาลชำระความเรียงตามกัน |
ที่ริมชายวารีมีตึกหมู่ |
เปนที่อยู่รื่นรมดูคมสัน |
ดำเนินอิกหน่อยหนึ่งถึงวัดพลัน |
ต้องผายผันเข้าไปทางข้างกุฎี |
ตรงแถวกลางวางที่สถูปสถาน |
วิหารพระนอนขวางตามกว้างที่ |
อุโบสถส่วนขนาดราชบุรี |
ชุกกระชีตั้งพระคละกันไป |
นั่งสามองค์ตรงกันมาเปนเถา |
พระยืนเข้าไปอยู่หลังตั้งเติมใหม่ |
พระสาวกสองข้างห่างแถวใน |
พระเล็กใหญ่เรียงรายอิกหลายองค์ |
หอรฆังตั้งหน้าอุโบสถ |
สองข้างจดกำแพงมีกุฎีสงฆ์ |
สักเจ็ดหลังแปดหลังตั้งล้อมวง |
ไม่มั่นคงอย่างไพ่ใช้ติดกาว |
เขาตกแต่งขึ้นไว้ดูใหม่เรี่ยม |
ลออเอี่ยมทั่วถ้วนล้วนปูนขาว |
ทาทุกแห่งจนชั้นแผงก็เพริศพราว |
จนงามราวกับผนังตั้งต่อไป |
อันอาวาสนี้พระราชทรัพย์จ่าย |
ให้ยกย้ายปฏิมามาสร้างใหม่ |
จากยอดเขาสัตตนาถที่ข้างใน |
เพราะจะใช้ทำวังหลังคิรี |
อันของเก่าที่เขาทำไว้ชำรุด |
ล้วนโทรมทรุดพังจมลงถมที่ |
สร้างแลกใหม่ใหญ่งามตามวิธี |
เลียนอย่างเมืองลพบุรีเมื่อแลกวัง |
ประทานนามตามที่ต้องเปลี่ยนผลัด |
สัตตนาถบริวัตรชัดชื่อตั้ง |
เปนวัดที่นับถือฦๅโด่งดัง |
พระสงฆ์นั่งที่เฉลียงเรียบเรียงรัน |
หยุดประทับรับสั่งกับพระสงฆ์ |
สิบสององค์ซึ่งมีอยู่ที่นั่น |
พระสมุทมุนีว่าดีครัน |
อยู่วัดนั้นว่าคณะพระทั้งเมือง |
ประทานวัตถุปัจจัยไว้ห้าชั่ง |
ถวายทั้งวัดถ้วนให้ควรเรื่อง |
ได้เรียกใช้ในเวลาที่ขาดเคือง |
แล้วย่างเยื้องเสด็จตรงทรงพาชี |
แล้วย้อนทางมาข้างหลังตลาด |
ได้ประพาสตึกรามตามวิถี |
เรียงสามหลังตั้งไว้ใกล้วารี |
ว่าเปนที่ข้าหลวงทั้งปวงพัก |
แต่เดี๋ยวนี้จัดเปนที่ทหารอยู่ |
คอยปราบหมู่คนพาลคิดหาญหัก |
เห็นผู้คนยืนอยู่ดูคึกคัก |
แล้วผ่านหน้าที่สำนักนี้ต่อไป |
จวนสมเด็จเจ้าพระยาหน้าถนน |
ดูไม่มีผู้คนอยู่อาศรัย |
ต่อหมู่ตึกตอนเหนือไปข้างใน |
มีเก๋งใหญ่สองหลังตั้งซ้อนกัน |
เปนศาลเจ้าเขาทำกันขึ้นใหม่ |
หลังนอกไว้ช่องว่างม่านกางกั้น |
รูปสมเด็จเจ้าพระยาอยู่ในนั้น |
ยังอิกชั้นหลังในไว้กวนอู |
โต๊ะเส้นไหว้เห็นเอาไว้หลังในสิ้น |
มีหลวงจีนหนึ่งศรัทธาเข้ามาอยู่ |
แต่พูดไทยว่ากระไรเกือบไม่รู้ |
เสด็จครู่หนึ่งก็กลับประทับวัด |
ชื่อว่าศรีสุริยวงศ์อยู่ตรงนั้น |
แต่เปนเคราะห์วัดครันเกิดข้องขัด |
ดูแต่ต้นมาจนปลายช่างร้ายชัด |
เขากวาดจัดตามวิหารเมื่อวานนี้ |
ถูกพึ่งรังพังออกไปเที่ยวไล่ต่อย |
คนท้อถอยวิ่งแยกตื่นแตกหนี |
ยังว่อนใหญ่ไม่ไปพ้นจนวันนี้ |
เสด็จที่ศาลาหน้าพระมารับ |
ท่านพระครูมาอยู่เมื่อปีก่อน |
อนุจรเหลือสองรองอันดับ |
อยู่ไม่ได้ให้เผอิญแตกเยินยับ |
ควรจะนับว่าประเดิมเริ่มไม่ดี |
แรกสร้างไว้ให้ฉะเพาะพระทุศิล |
เปนมลทินมัวหมองไม่ผ่องศรี |
จนเปนที่รังเกียจมากว่าสามปี |
สงฆ์ไม่มีผู้ใดไปร่วมกรรม |
จนสมภารผูกฅอตายไม่หายเกลียด |
ยังรังเกียจที่นั้นวันยังค่ำ |
จนต้องผูกโบถใหม่โปรดให้ทำ |
เกณฑ์พระสำรับใหม่ให้ออกมา |
ก็ซ้ำเปนเคราะห์ร้ายกระจายอีก |
เที่ยวหลบหลีกไปทั้งนั้นขันนักหนา |
ดูท่วงทีทำก็งามอร่ามตา |
ดูดีกว่าวัดล่างวางกระบวน |
แผนที่ใช้ไปข้างอย่างวัดนิเวศ |
พระเจดียมีวิเศษขึ้นอีกส่วน |
ปิดทองคำเปลวทั้งองค์ลงรักล้วน |
เปนกระบวนทำด้วยไพ่พอได้การ |
พระเจดีย์นี้เจ้าของท่านได้สั่ง |
ทำที่ฝังอัฐิไว้ในใต้ฐาน |
เขาทำตามปรารถนาพาอังคาร |
มาฝังไว้ในสถานที่วัดนี้ |
แล้วเสด็จกลับมาหน้าจวนเล่า |
ตัดทางเข้าสู่ราชวิถี |
รีบครรไลไปยังวังคิรี |
ด้วยจวนแสงสุริย์ศรีจะลับไม้ |
กระบวนรถเดินมาช้ายืดยาด |
คนลิลาสเขาก็แซงแข่งไปได้ |
ทอดพระเนตรเสร็จสรรพกลับครรไล |
ส่วนรถไปยังไม่ถึงกึ่งมรรคา |
ตกลงเปนโคมลอยอีกลูกใหญ่ |
ขากลับในทุ่มกึ่งจึงถึงท่า |
ที่หน้าจวนสมเด็จเจ้าพระยา |
มันช่างช้ากระไรเลยไม่เคยพบ |
ห้าสิบเส้นเดินเปนชั่วโมงครึ่ง |
ครั้นมาถึงเสด็จไหนไม่ประสบ |
เห็นตรงข้ามฟากไปมีไต้คบ |
เสด็จเที่ยวเมืองจบจนกลับคืน |
ทั้งเรือรถร่ำไปมันให้ฝืด |
จะชวนอืดเอาน้ำมันใช่พันอื่น |
แต่ชั้นพระที่นั่งรองต้องหยอดชื้น |
นุ่งเปนพื้นไม่ใช่ชั่วเจียวตัวนาย |
เรื่องนุ่งหยี่มีหนาขึ้นกว่าเก่า |
เพราะว่าเข้าใกล้กรงยุ่งใจหาย |
ต่างคนคิดกวาดหาทั้งขวาซ้าย |
เปนคล้ายคล้ายกันเช่นนี้ทุกทีมา |
เครื่องวันนี้มีแต่พรรค์แห้งย่าง |
ดูขัดขวางยิ่งไปกว่าในป่า |
เสวยไม่ได้เลยทั้งเวลา |
จนต้องเร่งนาวาแจวเต็มตึง |
เพราะขากลับเปนกระบวนต้องทวนน้ำ |
ถึงปะรำฉนวนในได้ยามหนึ่ง |
ถามห้องเครื่องเรื่องราวกล่าวลึกซึ้ง |
มึงซัดกูกูซัดมึงออกอึงไป |
ตงลงเปนเว้นไม่ได้จ่ายเครื่อง |
ขัดด้วยเรื่องนาวาหามีไม่ |
ครั้นจะเดินบกทางอยู่ข้างไกล |
จ่ายมาได้แต่ของขายรายหากิน |
ของต้องเครื่องฤๅก็ไม่มีใครส่ง |
จ่ายมาลงเรือครัวตัวเสียสิ้น |
รับสั่งให้ไปประชุมกันเกาซิล |
ในกรงดินใหญ่ข้างล่างข้างพลับพลา |
ต้องเสวยเครื่องว่างบางอย่างก่อน |
แล้วจึงจรไปเขาวงก์ทรงจัดหา |
ค่ำวันนี้มีตลกอีกเวลา |
เล่นข้างหน้าไม่มีใครได้ไปดู |
ฉันฟังเล่าเรื่องเขาสัตตนาถ |
นึกขยาดเรื่องราวยืดยาวอยู่ |
ต้องขอรอไว้พรุ่งนี้มีช่องคู |
จะว่าดูตามทีให้มีไว้ |
ด้วยวันนี้มีที่ว่าหลายแห่ง |
จึงขอแบ่งสืบความพอถามไถ่ |
เพราะตัวฉันวันนี้เสียทีไป |
ต้องอยู่ในตามระหว่างกลางมรรคา |
ทั้งเมืองนี้แผนที่เขาถวาย |
จะบรรยายก็ต้องกล่าวยาวนักหนา |
ควรกล่าวไว้ด้วยไหนไหนว่าได้มา |
ที่สืบหาได้เท่าใดไม่ควรเว้น |
วันนี้ร้อนตอนกลางวันเดินดั้นแดด |
แปดสิบแปดวางขึ้นไปฉันได้เห็น |
เมื่อคืนวานนี้น้ำค้างพร่างพรมเย็น |
ปรอทเปนเจ็ดสิบพอดิบดี |
โอ๊ยลืมไปได้ชลอมเม็ดมะกล่ำ |
เขาสานสำหรับทัดหูดูหน้าอี๋ |
ฉันได้รูปงามเหมาะเปนเคราะห์ดี |
พระยาเพชรบุรีถวายมา |
บ่าวไปซื้อเครื่องสานร้านตลาด |
มาใช้กันเกลื่อนกลาดไปทั่วหน้า |
แหวนหอยสังข์กำลังเล่นเปนตำรา |
ทีจะมาแต่ร้านแขกหอยแตกแตน |
ทรงซื้อสังข์ได้เปนกองของสนุก |
ทูลหม่อมทุกองค์โปรดปราโมทย์แสน |
ทรงขอช้างอย่างพราหมณ์เมื่อยามแกน |
กับตื่นแหวนของผู้ใหญ่พอได้กัน |
วันนี้ดูอยู่ข้างจะเหนื่อยอ่อน |
เพราะทินกรเรืองแรงแสงฉาดฉัน |
ขอยุติความลัดตัดลงวัน |
ค่อยผ่อนผันไว้ว่าวันหน้าไป ฯ |