๔๗. พระราชทานเรือและเครื่องอาวุธช่วยองเชียงสือ

ฝ่ายองเชียงสือซึ่งหนีออกไปตั้งอยู่ที่เกาะกูด หมดสิ้นเสบียงอาหารจนต้องกินแต่เนื้อเต่ากับมันกลอย วันหนึ่งองเชียงสือแลเห็นเรือแล่นเข้าไปใกล้เกาะลำ ๑ องเชียงสือตกใจกลัวจึงให้ครอบครัวเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่า แล้วใช้องจวงลงเรือเล็กไปถามว่าเรือนี้มาแต่ไหน จีนฮุ่นสามีอำแดงโตดญวนเมืองจันทบุรีบอกว่า เรือบรรทุกข้าวสารมาแต่เมืองจันทบุรี ๓๐ เกวียน จะไปจำหน่ายที่เมืองเขมา เมืองเต็กเซีย ต้องพายุซัดเรือออกไป องจวงจึงบอกแก่จีนฮุ่นว่าองเชียงสือหนีมาอยู่ที่เกาะนี้ ให้จีนฮุ่นขึ้นไปเฝ้าองเชียงสือด้วยกัน จีนฮุ่นคิดว่าเรือเราลำเดียวพลัดเข้ามาถึงที่นี้โดยจะไม่ไปหาองเชียงสือ องเชียงสือก็จะหักหาญเอาที่ไหนจะพ้นมือไปได้ จำจะคิดทำคุณไว้ดีกว่า คิดแล้วก็ลงเรือไปด้วยองจวงขึ้นไปหาองเชียงสือ องเชียงสือปราศรัยว่า เราออกมาอยู่ที่เกาะกูดนี้ช้านานแล้ว ผู้คนหามีข้าวจะกินไม่ เรือจีนฮุ่นซัดออกมาถึงที่นี้มีข้าวสารก็ดีแล้ว และเงินตราซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้เราและมารดาเก็บไว้ เงิน ๑๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึงนั้น เราจะขอซื้อข้าวสารตามแต่จะขายให้ จีนฮุ่นตอบองเชียงสือว่าท่านออกมาอยู่ที่กันดารอดเสบียงอาหาร ข้าวสาร ๓๐ เกวียนนั้นข้าพเจ้ายอมให้ท่านทั้งสิ้นไม่คิดเอาราคา องเชียงสือจึงเขียนหนังสือสัญญาประทับตรารูปมังกรให้จีนฮุ่นไว้ว่า ถ้าองเชียงสือออกไปตีเอาบ้านเมืองคืนได้เป็นเจ้านายฝ่ายญวนแล้ว ให้จีนฮุ่นออกไปหาองเชียงสือ องเชียงสือจะทดแทนคุณให้ถึงขนาด แล้วองเชียงสือให้พรรคพวกลงไปขนข้าวที่เรือจีนฮุ่นขึ้นมา แล้วจีนฮุ่นก็ลาองเชียงสือกลับเมืองจันทบุรี

ฝ่ายที่กรุงเทพมหานครทรงทราบว่า องเชียงสือหนีไปตั้งอยู่เกาะกูด จึงโปรดให้จัดเรือตระเวนหลายลำ พร้อมด้วยปืนและกระสุนดินดำ ให้กรมการเมืองตราดส่งไปพระราชทานแก่องเชียงสือที่เกาะกูดให้เป็นกำลัง และให้ช่วยลาดตระเวนสลัดด้วย ครั้นองเชียงสือได้รับพระราชทานเรือตระเวนและเครื่องศาสตราวุธ ก็พาสมัครพรรคพวกลงเรือไปตีเอาเมืองเขมา เมืองประมวนสอได้แล้วแต่งให้เรือออกไปลาดตระเวนสลัด จับสลัดญวนได้บ้าง ยอมเข้าสวามิภักดิ์องเชียงสือบ้าง แล้วองเชียงสือให้ฆ่านายสลัดเสียคน ๑ เอาศีรษะใส่ลัง มอบให้พระยาราชาเศรษฐีส่งเข้ามากรุงเทพมหานคร และเมื่อองเชียงสือพักอยู่ที่เกาะกูดนั้น ได้แต่งให้องจวงลอบไปสืบการบ้านเมืองตลอดถึงไซ่ง่อน องจวงกลับมาแจ้งว่าได้ไปเกลี้ยกล่อมผู้คนเมืองพระตะพังสมัครเข้าด้วยเป็นอันมาก แล้วองจวงจึงพาองเชียงสือไปพักอยู่ที่ปากน้ำเมืองป่าสัก

ภายหลังองโหเตืองดึก องทงยุงยาน พี่น้องพาครอบครัวมาทางเมืองลาวมาตามองเชียงสือ เข้ามาถึงกรุงเทพฯ เจ้าพนักงานนำขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงทรงพระราชดำริว่าองเชียงสือนั้น ให้ลงไปอยู่ข้างล่างใกล้ทะเลจึงหนีไปโดยง่าย ญวนพวกนี้จะต้องให้ไปอยู่ข้างบน ถึงจะคิดหนีออกไปก็ลำบากไม่สะดวก จึงมีรับสั่งโปรดเกล้า ฯ ว่าองเชียงสือหนีออกไปจากกรุงเทพมหานครเสียแล้ว ให้องโหเดืองดึก องทงยุงยาน พักครอบครัวไว้ที่บ้านบางโพก่อนเถิด

ครั้นถึง ณ วันอาทิตย์ เดือน ๙ แรม ๑๒ ค่ำ องเชียงสือมีหนังสือเข้ามาถึงพระยาพระคลังให้นำกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า “ข้าพเจ้าได้หนีเข้ามาพึ่งพระบารมีพระเดชพระคุณ ทรงพระเมตตากรุณาให้กองทัพออกไปตีเมืองญวนคืนให้ การก็ยังไม่สำเร็จ เพราะด้วยที่กรุงมีการศึกพม่าติดพันอยู่ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก เมืองประเทศราชทั้งปวงก็รู้แจ้งอยู่แล้ว ข้าพเจ้าได้รับหนังสือเจ้าเมืองตังเกี๋ยและญวนพวกพ้องข้าเก่าของปู่และบิดาข้าพเจ้าว่า ให้ออกไปคิดเอาบ้านเมืองคืนให้จงได้ ข้าพเจ้าจะกราบถวายบังคมลาก็เกรงพระราชอาชญาจะไม่โปรด จึงได้ทำหนังสือตามเรื่องความกราบถวายบังคมลา วางไว้ที่โต๊ะเครื่องบูชาแล้ว จึงได้หนีออกมา ทราบว่าพวกญวนที่รบพุ่งเป็นศึกกับพวกไกเซินไม่มีที่พึ่ง ลงเที่ยวเป็นโจรผู้รายอยู่ในท้องทะเล ข้าพเจ้าปราบปรามไม่ทิ้งพยศร้าย จึงได้ตัดศีรษะให้เจ้าเมืองบันทายมาศ ส่งเข้ามาครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้ข้าพเจ้าให้กายดาวคุมเครื่องยศที่พระราชทานแก่ข้าพเจ้า คือกระบี่บั้งทองเล่ม ๑ คนโททอง ๑ ถาดหมากทอง ๑ เข้ามาส่งขอรับพระราชทานเรือตระเวนปืนกระสุนดินดำ ที่พระราชทานให้ข้าพเจ้าออกไปลาดตระเวนนั้น ไปทำศึกกับไกเซินต่อไป ถ้าเสร็จการแล้วจึงจะส่งคืนเข้ามาถวาย” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบแล้ว จึงพระราชทานปืนกระสุนดินดำเพิ่มเติมออกไปให้อีก ครั้นกายดาวกราบถวายบังคมลากลับไปแล้ว จึงบอกองเชียงสือว่า องโหเตืองดึก องทงยุงยาน พาครอบครัวอพยพหนีไกเซินเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ