๓๒. ศึกพม่าครั้งที่ ๑

ฝ่ายข้างประเทศพม่า ตั้งแต่พระเจ้าปะดุงได้ทราบข่าวว่ากรุงสยามผลัดแผ่นดินใหม่ ก็ดำริการที่จะยกกองทัพมาย่ำยีสยามประเทศ แต่หากติดการปราบปรามเสี้ยนศัตรูภายในเมืองพม่าเองยังไม่ราบคาบจึงได้รั้งรอมา จนปีมะเส็งสัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗[๔๓] มังโพเชียงซึ่งเป็นที่ตะแคงแปงตะแลน้องพระเจ้าปะดุง คิดกบฏ พระเจ้าปะดุงจับตัวได้ให้ประหารชีวิตเสีย สิ้นกังวลด้วยเสี้ยนศึกภายในแล้ว พระเจ้าปะดุงจึงให้เตรียมกองทัพที่จะยกมาตีกรุงสยาม เกณฑ์คนทั้งในเมืองหลวงและหัวเมืองพม่า มอญ ยะไข่ ลาว ลื้อ เงี้ยว ซึ่งเป็นเมืองขึ้นเข้าเป็นกองทัพหลายกอง

ให้เนมโยคุงนะรักเป็นแม่ทัพใหญ่ นัดมีแลง ๑ แปดตองจา ๑ ปะเลิงโบ ๑ นัดจักกีโบ ๑ ตองพะยุงโบ ๑ รวม ๖ นาย คือพล ๒,๕๐๐ เป็นทัพหน้ายกมาทางเมืองมะริดให้ยกมาตีเมืองชุมพร เมืองไชยา ให้แกงวุ่นแมงยี่ถือพล ๔,๕๐๐ เป็นทัพหนุนยกมาอีกกองหนึ่ง แล้วเกณฑ์ทัพเรือให้ยี่วุ่นเป็นแม่ทัพบาวาเชียง ๑ แวงยิงเดชะ ๑ บอกินยอ ๑ รวม ๔ นาย ถือพล ๓,๐๐๐ ยกมาตีเมืองถลาง รวมทั้งทัพบก ทัพเรือเป็นคน ๑๐,๐๐๐ ให้เกนวุ่นแมงยี่เป็นโบชุกแม่ทัพใหญ่ลงมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกทางหนึ่ง

และทางทวายนั้น ให้ทวายวุ่นเจ้าเมืองทวายเป็นแม่ทัพกับจิกแก ปลัดเมืองทวาย ๑ มนีจอข้อง ๑ สีหะแยจอข้อง ๑ เบยะโบ ๑ ถือพล ๓,๐๐๐ เป็นทัพหน้ายกมาทางด่านเจ้าขว้าว ให้จิกสิบโบเป็นแม่ทัพ กับตะเรียงยามะซู ๑ มนีสินตะ ๑ สุรินทะจอข้อง ๑ รวม ๔ นาย ถือพล ๓,๐๐๐ ยกหนุนมา และให้อะนอกกับแฝกคิดวุ่นถือพล ๔,๐๐๐ เป็นโบชุกแม่ทัพใหญ่ทั้ง ๓ กอง เป็นคน ๑๐,๐๐๐ ยกมาตีเมืองราชบุรีทางหนึ่ง

และทางเมาะตะมะนั้น ให้เมียนวุ่นเป็นแม่ทัพหน้าที่หนึ่ง ขุนนาง ๑๐ นาย คือ กลาวุ่น ๑ บิลุ่งยิง ๑ สะเลจอ ๑ ปิญาอู ๑ อากาจอแทง ๑ ลันชังโบ ๑ อะคุงวุ่น ๑ บันยีตะจอง ๑ ละไมวุ่น ๑ ซุยตองอากา ๑ ถือพล ๑๐,๐๐๐ ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ แล้วให้เมียนเมวุ่นเป็นแม่ทัพหน้าที่สอง กับยอยแหลกยาเยข้อง ๑ จอกาโบ ๑ จอกแยโบ ๑ ตะเรียงบันยี ๑ รวม ๕ นาย ถือพล ๕,๐๐๐ ยกหนุนมาอีกทัพหนึ่ง และทัพที่สามนั้น ให้ตะแคงกามะ ราชบุตรที่ ๓ เป็นแม่ทัพ กับยานจุวุ่น ๑ จิตกองสิริย ๑ แยเลวุ่น ๑ อะตอนวุ่น ๑ รวม ๕ นาย ถือพล ๑๐,๐๐๐ ยกหนุนมาอีกทัพหนึ่ง และทัพที่สี่นั้น ให้ตะแคงจักกุราชบุตรที่ ๒ เป็นแม่ทัพ กับเมมราโบ ๑ อะกีตอ ๑ อากาปันยี ๑ มะโยลักวุ่น ๑ รวม ๕ นาย ถือพล ๑๐,๐๐๐ ยกหนุนมาอีกทัพหนึ่ง และกองทัพหลวงพระเจ้าปะดุงเจ้าอังวะเป็นทัพที่ห้า ไพร่พล ๒๐,๐๐๐ ให้อะแซวังมูเป็นกองหน้า กับจาวาโบ ๑ ยะไข่โบ ๑ ปะกันวุ่น ๑ ลอกาซุงถ่อวุ่น ๑ เมจุนวุ่น ๑ รวม ๖ นาย และปีกขวานั้น ให้มะยอกวังมูเป็นแม่กอง กับ อำมะลอกวุ่น ๑ ตวนแซงวุ่น ๑ แลจาลอพวา ๑ ยักจอกโบ ๑ งาจูวุ่น ๑ รวม ๖ นาย และปีกซ้ายนั้น ให้ตองแมงวูเป็นแม่กอง กับแลกรุยกีมู ๑ แลแซวุ่น ๑ ยอนจุวุ่น ๑ เยกีวุ่น ๑ สิบจอพวา ๑ รวม ๖ นาย และกองหลังนั้น ให้อะนอกวังมูเป็นแม่กอง กับระวาลักวุ่น ๑ ออกกะมาวุ่น ๑ โมกองจอพวา ๑ โมเยียงจอพวา ๑ โมมิกจอพวา ๑ รวม ๖ นาย และพลทั้ง ๕ ทัพ เป็นคน ๕๕,๐๐๐ ยกมาทางเมืองกาญจนบุรีทางหนึ่ง

และทางเมืองตากนั้น ให้ซุยจองเวระจอแทงเป็นแม่ทัพ กับซุยจองนระทา ๑ ซุยจองสิริยะจอจะวา ๑ ถือพล ๓,๐๐๐ เป็นกองหน้า ให้จอข้องนระทาถือพล ๒,๐๐๐ เป็นกองหนุน ทั้ง ๒ ทัพเป็นคน ๕,๐๐๐ ยกมาทางหนึ่ง

และทางเมืองเชียงใหม่นั้น ให้สะโดะมหาสิริยะอุจนาเจ้าเมืองตองอูเป็นโบชุกแม่ทัพ กับนายทัพนายกองเป็นหลายนาย ถือพล ๒๓,๐๐๐ ยกมาทางหนึ่ง ครั้นมาถึงเมืองเชียงแสน สะโดะมหาสิริยะอุจนา จึงบังคับให้เนมโยสีหะซุยเป็นแม่ทัพกับปันยึตะจองโบ ๑ ลุยลั่นจองโบ ๑ ปลันโบ ๑ มัดชุนรันโบ ๑ มิกอุโบ ๑ แยจอนระทา ๑ สาระจอซู ๑ เป็น ๘ นาย ถือพล ๕,๐๐๐ ยกแยกมาตีเมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย เมืองพระพิษณุโลกทางหนึ่ง

และทางแจ้ห่มนั้น แต่งให้อาประกามนี เจ้าเมืองเชียงแสนเป็นแม่ทัพ กับพะยายอง ๑ พะยาไช ๑ เชียงกะเล ๑ น้อยอัด ๑ เป็น ๕ นาย ถือพลพม่าลาว ๓,๐๐๐ เป็นกองหน้า ตัวสะโดะมหาสิริยะอุจนาแม่ทัพ กับแจกกายโบ ๑ อะคุงวุ่น ๑ อุติงแจกกะโบ ๑ เนมโยยันตะมิก ๑ พระยาแพร่ ๑ เป็น ๖ นาย ถือพล๑๕,๐๐๐ ทั้ง ๒ ทัพเป็นคน ๑๘,๐๐๐ ยกมาตีเมืองนครลำปางทางหนึ่ง

และกองทัพพม่ายกมาครั้งนั้น มากกว่ามากหลายทัพหลายกองยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ รวมรี้พลทั้งสิ้นทุกทัพเป็นคนถึง ๑๐๓,๐๐๐ ด้วยกัน สรรพด้วยช้างม้า เครื่องสรรพศาสตราวุธพร้อมทุกทัพทุกกอง แต่ยกมาหาพร้อมกันทุกทางไม่ ฝ่ายพระเจ้าอังวะให้อินแซะ มหาอุปราชราชบุตรผู้ใหญ่ กับอินแซะวุ่นอำมาตย์อยู่รักษาพระนคร แล้วก็ยกทัพบกทัพเรือพร้อมทัพอยู่ ณ เมืองเมาะตะมะ เร่งให้ทัพหน้าที่ ๑ ยกมาตั้งอยู่เมืองสมิ แล้วเดินทัพล่วงเข้ามาถึงด่านพระเจดีย์ ๓ องค์ ก่อนทัพทางอื่น ๆ ทั้งนั้น

ฝ่ายข้างกรุงเทพมหานคร ถึง ณ วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๙ คํ่า ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗[๔๔] นั้น พวกกองมอญออกไปตระเวนด่านกลับเข้ามากราบทูลว่า รู้ข่าวว่าพม่ายกกองทัพมาตั้งอยู่เมืองสมิ จะยกเข้ามาตีพระนคร พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทราบข่าวศึกดังนั้นจึงดำรัสให้ประชุมพระราชวงศานุวงศ์ กับทั้งท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายพร้อมกัน ดำรัสปรึกษาราชการสงครามเป็นหลายเวลา จึงมีหนังสือบอกเมืองชุมพร เมืองถลาง เมืองกาญจนบุรี เมืองราชบุรี เมืองตาก เมืองกำแพงเพชร เมืองพระพิษณุโลก เมืองสุโขทัย เมืองสวรรคโลก เมืองนครลำปาง บอกข้อราชการศึกว่า ทัพพม่ายกมาเป็นหลายทัพหลายทาง ทั้งปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือ และหนังสือบอกมาถึงเนื่องๆกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชโองการโปรดให้สมเด็จพระอนุชาธิราชสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จพระราชดำเนินยกพยุหโยธาทัพหลวง ไปรับทัพพม่าข้าศึกทางเมืองกาญจนบุรี แล้วโปรดให้เจ้าพระยารัตนาพิพิธที่สมุหนายก คุมกองทัพท้าวพระยาข้าทูลละอองธุลีพระบาท ฝ่ายพระราชวังหลวง และทัพหัวเมืองทั้งปวง โดยเสด็จด้วยอีกทัพหนึ่ง แล้วโปรดให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์กับพระยายมราชเป็นแม่ทัพ ยกกองทัพออกไปรับทัพพม่าเมืองราชบุรีทัพหนึ่ง และทางเหนือนั้น มีพระราชดำรัสให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมหลวงนรินทร์รณเรศ และเจ้าพระยามหาเสนา พระยาพระคลัง พระยาอุไทยธรรม และท้าวพระยาข้าราชการในกรุงเทพฯ และหัวเมือง ยกกองทัพไปตั้งรับทัพพม่า ณ เมืองนครสวรรค์ทัพหนึ่ง



[๔๓] พ.ศ. ๒๓๒๘

[๔๔] ถ้าวันอาทิตย์เป็นแรม ๔ ค่ำ ตรงกันวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๒๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ