๑๔. อ้ายกบฏ ๒ คนเข้าวังหน้า

จุลศักราช ๑๑๔๕[๒๖] ปีเถาะเบญจศก สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงพระราชดำริว่า พระสงฆ์รับบิณฑบาตตามบ้าน ราษฎรไม่ต้องคอยท่ารออยู่ช้าได้รับโดยเร็ว แล้วกลับไปวัด แต่เวลาเช้า ๆ แต่ในวังเจ้าและบ้านผู้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่ ๆ พระสงฆ์ต้องไปคอยท่าอยู่ช้า ได้รับต่อเวลาสาย ข้อนี้เป็นความลำบากแก่พระสงฆ์ยิ่งนัก ทำบุญแล้วกลับจะได้บาปเล่าดูไม่สมควร จึงโปรดให้ตั้งพระราชกำหนดใหม่ว่า ในพระราชวังบวรฯ ให้เจ้าพนักงานเตรียมข้าวทรงบาตรมาตั้งที่ และให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์มารับให้พร้อมทันเวลา จะเสด็จทรงบาตร ณ เวลาเช้าโมงหนึ่งเป็นนิตย์ไป ด้วยเหตุนี้ประตูดินพระราชวังบวรฯ จึงต้องเปิดแต่ก่อนเวลาย่ำรุ่ง พวกวิเสทปากบาตรได้ขนข้าวทรงบาตรเข้าไปตั้งเป็นธรรมเนียมมา จึงมีอ้ายบัณฑิต ๒ คน มาแต่เมืองนครนายก อวดตัวว่ามีความรู้ล่องหนหายตัวได้ มาสำนักอาศัยอยู่กับเอี้ยงนายวิเสทปากบาตรเป็นหลายวัน แล้วคบคิดกันกับขุนนางเป็นหลายนาย พระยาอภัยรณฤทธิ์เป็นต้น กับเอี้ยงนายวิเสทปากบาตรในพระราชวังบวรฯ ครั้งถึงวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ เวลาเช้า พวกหญิงวิเสทวังหน้าขนกระบุงข้าวทรงบาตรเข้าไปทางประตูดินวังหน้า เอี้ยงนายวิเสทปากบาตรเป็นต้นคิดแต่งอ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ คน นุ่งผ้าห่มผ้าอย่างผู้หญิง ถือดาบซ่อนไว้ในผ้าห่ม แล้วพาปลอมเข้าไปในพระราชวังบวรฯ ขึ้นไปแอบอยู่ ๒ ข้างพระทวารพระราชมนเทียร ทางที่จะเสด็จลงทรงบาตร คอยจะทำร้ายสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ด้วยเดชะพระบารมีบุญญาภินิหาร เวลาวันนั้นหาเสด็จลงทรงบาตรทางพระทวารมุขนั้นไม่ เทพยดาดลพระทัยให้ทรงพระราชดำริจะลงมาเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังหลวง ก็เสด็จทางพระทวารข้างหน้า แล้วเสด็จมายังพระราชวังหลวงแต่เวลาเช้าก่อนทรงบาตร อ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ หาได้ช่องโอกาสที่จะทำร้ายไม่ พอนางพนักงานเฝ้าที่พบเข้าก็ตกใจ วิ่งร้องอื้ออึงลงมาว่าผู้ชาย ๒ คน ถือดาบขึ้นมาอยู่ที่พระทวารบนที่ อ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ ก็ไล่นางเฝ้าที่ลงมา ขณะนั้นพอขุนหมื่นกรมวังคน ๑ คุมไพร่เข้าไปก่อถนนในพระราชวัง อ้ายกบฏบัณฑิตก็ไล่เอาดาบฟันขุนหมื่นผู้นั้นศีรษะขาด ล้มลงตายอยู่กับที่ พวกเจ้าจอมข้างในและจ่าโขลน ก็ตกใจร้องอื้ออึงวิ่งออกมาบอกข้าราชการข้างหน้า พวกข้าราชการข้างหน้าเป็นอันมากก็เข้าไปในพระราชวัง ไล่ล้อมจับอ้ายบัณฑิตทั้ง ๒ บ้างเอาไม้พลองและอิฐทุบตีขว้างปาเป็นอลหม่าน บ้างวิ่งมายังพระราชวังหลวง กราบทูลเหตุให้ทรงทราบ ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาธิราช เสด็จประทับอยู่ในท้องพระโรง ครั้นได้ทรงทราบฉะนั้น จึงดำรัสให้ข้าราชการทั้งปวงและตำรวจทั้งพระราชวังหลวงและพระราชวังหน้า เร่งขึ้นไปจับอ้ายกบฏ ช่วยกันทุบตีล้มลงจับได้มัดไว้ให้ชำระถาม อ้ายกบฏให้การซัดพวกเพื่อนที่ร่วมคิดกบฏด้วยกันเป็นอันมาก ถูกข้าราชการทั้งวังหลวงและวังหน้าเป็นหลายนาย พระยาอภัยรณฤทธิ์ เป็นต้น กับทั้งพวกผู้หญิงวิเสทปากบาตรวังหน้า ยังนอกนั้นทั้งนายไพร่อีกหลายคนมีพระราชบัณฑูรให้เฆี่ยนสอบกับอ้ายบัณฑิตรับเป็นสัตย์ และเอี้ยงนายวิเสทปากบาตรให้การว่า หลงเชื่อฟังอ้ายบัณฑิตจนสาบานตัวให้ว่าจะขอพึ่งบุญ จะยอมยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยา เมื่อสำเร็จการที่คิดไว้แล้วจะได้เป็นมเหสี จึงให้ลงพระราชอาญาตามโทษ ดำรัสให้ประหารชีวิตอ้ายบัณฑิตกบฏ ๒ คนเสีย กับพวกเพื่อนชายหญิงทั้งสิ้น



[๒๖] พ.ศ. ๒๓๒๖

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ