- คำนำ
- คำปรารภ
- บทที่ ๑
- บทที่ ๒
- บทที่ ๓
- บทที่ ๔
- บทที่ ๕
- บทที่ ๖
- บทที่ ๗
- บทที่ ๘
- บทที่ ๙
- บทที่ ๑๐
- บทที่ ๑๑
- บทที่ ๑๒
- บทที่ ๑๓
- บทที่ ๑๔
- บทที่ ๑๕
- บทที่ ๑๖
- บทที่ ๑๗
- บทที่ ๑๘
- บทที่ ๑๙
- บทที่ ๒๐
- บทที่ ๒๑
- บทที่ ๒๒
- บทที่ ๒๓
- บทที่ ๒๔
- บทที่ ๒๕
- บทที่ ๒๖
- บทที่ ๒๗
- บทที่ ๒๘
- บทที่ ๒๙
- บทที่ ๓๐
- บทที่ ๓๑
- บทที่ ๓๒
- บทที่ ๓๓
- บทที่ ๓๔
- บทที่ ๓๕
- บทที่ ๓๖
- บทที่ ๓๗
- บทที่ ๓๘
- บทที่ ๓๙
- บทที่ ๔๐
- บทที่ ๔๑
- บทที่ ๔๒
- บทที่ ๔๓
- บทที่ ๔๔
- บทที่ ๔๕
- บทที่ ๔๖
- บทที่ ๔๗
- บทที่ ๔๘
- บทที่ ๔๙
- บทที่ ๕๐
- บทที่ ๕๑
- บทที่ ๕๒
- บทที่ ๕๓
- บทที่ ๕๔
- บทที่ ๕๕
- บทที่ ๕๖
บทที่ ๑๓
๑
ภาพนั้นคือภาพพระเจ้าซาร์ ขยายให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ ซึ่งโทรมไปด้วยพระโลหิต เป็นภาพที่เจาะจงให้เห็นถนัด เพื่อยืนยันว่าที่สุดของ ซาร์ดอม ได้มาถึงแล้ว จะไม่มีโรมานอฟในแผ่นดินของหมีขาวอีก จะมีก็แต่ บอลเชวิกี้ หรือ บอลเชวิก ตลอดจนบอลเชวิสม์ เท่านั้น !
วลาดิมีร์ยื่นภาพอีกหลายภาพให้ข้าพเจ้าดู–เป็นภาพของการเอาเลือดล้างเปโตรกราด–ล้างคาร์คอฟ มอสโคว์ โอเดสซ่า เคียฟ ฯลฯ เมื่อ ค.ศ. ๑๙๑๘ ล้างทุกตารางนิ้วของแผ่นดินแห่งหิมะสีขาว เพื่อให้เปลี่ยนเป็นสีแดง–และไม่แต่แผ่นดินแห่งหิมะเท่านั้น แผ่นดินที่มีป่าอันสวยงาม มีทุ่งนา มีแม่น้ำลำธาร ดอกไม้ และเสียงนกร้อง ตลอดจนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยปล่องแห่งควันไฟและสลัมอันอัดแอ สลับด้วยคฤหาสน์หินอ่อนก็จะถูกล้างด้วย ข้าพเจ้าได้เห็นหนังมือมนุษย์ ซึ่งถูกถลกทิ้งไว้กับพื้นในห้องทรมาน เห็นหลุมใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยซากศพของผู้ที่ถูกจับตัวไว้เป็นประกันหลังจากยูริตสะกี้ หัวหน้าคณะปฏิวัติผู้หนึ่งได้ถูกประชาชนลอบฆ่าตาย เมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เห็นศพบาทหลวงสิบศพนอนเรียงกันเป็นตับ เนื้อตัวปรุไปด้วยรอยกระสุนปืน และชุ่มโชกไปด้วยเลือด เห็นหน้าตาเพชฌฆาตแห่งขบวนการหมีแดงทั้งผู้หญิงผู้ชาย ซึ่งเต็มไปด้วยความดุร้ายเหี้ยมโหดไม่ผิดยมบาล นี่แหละ–การปฏิวัติของมาร์กซ์ เจ้าของคัมภีร์ Communist Manifesto ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงไม่ต่างกับ Contrat Social ของรูซโซ!
ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นจากรูปภาพอันบีบหัวใจเหล่านั้น เมื่อได้ยินเสียงวลาดิมีร์พูดขึ้นว่า
“พวกเราถูกฆ่าทุกวัน เพราะใครก็ไม่รู้ไปยิงไอ้ยูริตสะกี้ตาย เราต้องใช้หนี้ชีวิตของยูริตสะกี้ ด้วยชีวิตของเรานับร้อยนับพันชีวิต ห่างจากยูริตสะกี้ถูกฆ่าเพียงสิบกว่าวัน มาดามคาเปลาก็เข้าไปยิงเลนิน ถึงเลนินจะยังไม่ตาย แต่พวกเราที่ถูกจับไว้เป็นประกันอีกห้าร้อยคนก็ถูกยิงทั้งหมด ทั่วทั้งรัสเซียได้กลายเป็นเมืองนรกที่เราต้องอยู่ด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าวันไหนมันจะลากตัวไปยิง ฉันไม่ลืมไอ้หัวหน้าเพชฌฆาตคนหนึ่ง ชื่อ ซาเวนโก้ มันคงเคยเป็นยมบาลในนรก อายุมันก็ไม่เกินสามสิบ มันเหมือนเปรตที่กระหายเลือด ดุร้ายอย่างคนบ้า มันชอบสังหารชีวิตคนที่ถูกจับไว้เป็นประกันด้วยมือของมันเอง มันไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก ยิงด้วยปืนสั้นเพียงลูกเดียวที่ท้ายทอยแล้วก็ถีบลงหลุมไป ไม่สนใจว่าจะตายหรือยัง มันฆ่าคนเป็นร้อยในคืนเดียว ฆ่าอย่างสนุกสนาน มันหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นคนกลัวตาย ตัวสั่น ส่งเสียงร้องขอชีวิตเอ็ดตะโร บางคนก็คุกเข่ากอดขามันขออย่ายิง แต่มันก็ยิงทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะอยู่ ยิงแล้วก็ถีบลงหลุมไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ฉันไม่ลืมห้องขังที่คาร์คอฟ ฉันถูกจับ–ถูกขังเพื่อเอาไว้ยิงทิ้งเวลาพวกมันถูกประชาชนทำร้าย ทุกคนนอนรอความตาย อดมื้อกินมื้อ ทั้งหิวทั้งกลัว เวลานอนตอนกลางคืนก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงปืนที่มันยิงพวกเราที่ถูกลากตัวออกไปทีละคน แล้วแต่มันจะเลือก หลับไม่ลงเลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงตัวเราบ้าง ฉันได้แต่คอยมองดูว่ามันจะเดินตรงมาที่เตียงฉันหรือเปล่า มันไปหยุดอยู่ที่เตียงไหน มันก็แผดเสียงตะโกนให้ลุกขึ้น บางคนก็ลุกตามที่มันสั่ง บางคนดิ้นรนจะหนีมันก็หวดด้วยสันดาบเล่มใหญ่ที่มันถือ แล้วพวกมันก็ลากตัวออกไป บางคนก็ร้องขอชีวิตตลอดทาง จนกระทั่งเงียบไปเพราะเสียงปืน”
ข้าพเจ้านิ่งฟังอย่างสังเวชใจ ในเมืองจีนเรื่องอย่างนี้ก็มีอยู่ทุกสมัย สมัยฮ่องเต้–สมัยนายพล....สมัยดาวแดง–ชีวิตของคนก็ถูกล้างผลาญไปอย่างทารุณ ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก มนุษย์แสน ๆ ล้าน ๆ ต้องตายโดยไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างที่ควรจะตาย โลกได้เจริญขึ้น...เจริญขึ้นทุกที แต่ใจคนไม่ได้เจริญตามอย่างได้ส่วนสัดกัน ใจคนยังเหี้ยมโหดดุร้าย เหมือนมนุษย์ในสมัยหิน...คับแคบ...เห็นแก่ได้....เอาตัวรอด...หาดิบหาดีบนความวอดวายของคนอื่น...ไม่มีความเมตตากรุณา มันเป็นใจของสัตว์ร้ายในดงดิบที่รู้จักแต่จะฆ่าเพื่อตัวเองจะได้อยู่
“ฉันเจ็บใจมนุษย์” วลาดิมีร์พูดต่อไปเสียงเบาแต่ลึกและแน่น “เราเกิดมาเพื่อจะกินเลือดกินเนื้อกัน เราชอบเห็นคนฉิบหายวายวอด ชอบเห็นคนถูกทรมาน ชอบเห็นคนตาย เราไม่ต้องการเห็นความสุขความสำเร็จของคนอื่น เราเกิดมาด้วยความอิจฉาริษยาด้วยการย่ำเหยียบของคนอื่น เพื่อตัวเองจะได้สูงขึ้น มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ในดงดิบซึ่งยังสืบพันธุ์อยู่ในป่าชีวิตของเมืองคอนกรีต ฉันสงสัยเหลือเกินว่าโลกนี้เจริญแน่แล้วหรือ ? เรากำลังทำอะไรกัน ? เรากำลังสร้างหรือทำลาย ?”
ข้าพเจ้าถอนใจเบา ๆ แล้วตอบว่า
“ผมว่าการทำลายชีวิตเป็นสัญชาตญาณอันหนึ่งของมนุษย์ครับ เราเกลียดสงคราม แต่เราก็สร้างสงคราม มันเป็นความป่าเถื่อนที่ยังแก้ไม่หาย มีแต่จะทวีมากขึ้น เพราะวัตถุมันเจริญเร็วกว่าจิตใจ เรายังจะต้องอยู่กันไปเพื่อทำลายครับ ถ้าเราไม่ทำลาย คนกับวัตถุก็จะล้นโลก”
ชายชราเคราสำลีเค้นหัวเราะออกมาอย่างจงใจ
“แต่เราทำลายกันอย่างทารุณ มันไม่ต่างกับสัตว์ร้ายทำลายกันในป่า ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังอีก ในคุกของฉันมีนักโทษคนหนึ่งที่ไอ้พวกเพชฌฆาตมันเกลียด ไม่รู้ว่าแกไปทำอะไรมัน อาจไปด่ามันเข้าก็ได้ตามนิสัยของคนเลือดร้อน มันจับนักโทษคนนี้ไปมัดไว้กับเสา เอาท่อเหล็กจ่อไว้ที่พุง แล้วเอาหนูตัวหนึ่งยัดเข้าไปทางปากท่ออีกข้างหนึ่ง เสร็จแล้วมันก็อุดปากท่อข้างนี้เสีย ต่อจากนั้นมันก็ช่วยกันเอาตะเกียงมาเผาท่อ พอท่อร้อน ไอ้หนูก็ดิ้นจะออก มันออกไม่ได้เพราะปากท่อทางที่จับมันยัดเข้าไปอุดไว้แน่น มันก็พยายามจะออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งจ่อไว้ที่ท้องนายคนเคราะห์ร้ายคนนั้น ซึ่งมันก็ติดพุงออกไม่ได้อีก แต่สัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ทำให้มันรู้ว่าถ้ามันใช้ฟันกัดก็จะต้องทะลุ เพราะเนื้อคนมันนุ่ม.... มันก็ลงมือกัดพุงหมอนั่น ตอนนี้ซีสนุกนัก ตานั่นร้องเอ็ดตะโร ไอ้พวกเพชฌฆาตหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ครู่เดียวพุงนายคนนั้นก็ทะลุ ไอ้หนูก็ตะเกียกตะกายเข้าไปในท้อง เพราะมันทนร้อนไม่ไหว เธอว่ายังไง ระพินทร์ ? วิธีทรมานคนของไอ้พวกเพชฌฆาตบอลเชวิก มันแหวกแนวดีมากไม่ใช่หรือ ?”
“ครับ ผมไม่เคยได้ยินมาเลย” ข้าพเจ้าตอบ “แต่ผมว่ามันก็เหมือนลูกระเบิด ถ้าปล่อยให้ระเบิดออกมามันก็แหลก”
“แต่มันทารุณ” วลาดีมีร์สวนขึ้นทันที
“ครับ ความแหลกก็คือความทารุณ” ข้าพเจ้าตอบ “มันก็แบบคนบ้านั่นแหละครับ ถ้าปล่อยให้บ้า มันก็ทำได้ทุกอย่างที่มนุษย์เขาไม่ทำกัน”
“เธอหมายความว่าอย่างไร ?” สีหน้าและแววตาของชายชราเลือดสล้าฟบอกชัดว่าเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์
“ผมว่ารัฐบาลของพระเจ้าซาร์ ลอยแพราษฎรนานเกินไปครับ พอพวกคาร์ลส์มาร์กซ์เข้ามาจุดลูกระเบิด มันก็ระเบิดออกมาอย่างแรงกลายเป็นความโหดเหี้ยมทารุณ เพื่อต้องการจะตอบแทนให้สมแค้น มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาครับ”
๒
สีหน้าของชายชราเคราสำลี พ่อบังเกิดเกล้าของวารยา ราเนฟสกายา แดงก่ำด้วยความไม่พอใจ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้าได้แลเห็นอะไรบางอย่างในดวงหน้าของเขา เขาเป็นฝ่ายพระเจ้าซาร์–นั่นไม่มีปัญหาเลย
“เธอหมายความว่าไอ้พวกบอลเชวิกมันทำถูกต้องแล้วใช่ไหม ?” เขาถามสีหน้าตึงเครียด อารมณ์ใหม่ได้ผ่านวูบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ครับ” ข้าพเจ้ารีบตอบ “ผมหมายความว่าที่การปฏิวัติได้โหดเหี้ยมป่าเถื่อนเช่นนั้นก็เพราะมันมีเหตุครับ ต้นเหตุมันมีมานาน รัฐบาลไม่ได้แก้ไข หรือแก้ผิดวิธีมันเลยนองเลือด ผมเข้าใจว่าถ้ารัฐบาลแก้ไขให้ดี เลนินก็ปฏิวัติไม่สำเร็จ แล้วคนอย่างเลนิน ทร๊อตสกี้ สตาลินก็จะไม่มี”
“หมายความว่าอย่างไร ?” วลาดิมีร์ถามอย่างสนใจ
ข้าพเจ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปสักประเดี๋ยวหนึ่งเพื่อตระเตรียมคำตอบที่รอบคอบที่สุด ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้การเยี่ยมเยือนพ่อของวารยาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
“เมื่อผมอยู่ฮ่องกง ผมต้องสนใจกับพวกคอมมิวนิสต์ เพราะเมืองแคนตอนในกวางตุ้งถูกเผา ผมต้องการจะรู้ว่าคอมมิวนิสต์คืออะไร เกิดมาจากไหน และจะทำอะไรต่อไป ผมใช้เวลาที่แบ่งเอามาจากสนามเทนนิสและหาดไวท์แซนด์ที่สะแตนเลย์พ้อยต์ เข้าไปนั่งอยู่ในหอสมุดกลางสัปดาห์ละหลายชั่วโมง หนังสือดี ๆ ในหอสมุดได้ทำให้ผมรู้จักเมืองจีนดีขึ้นบ้าง ผมสนใจรัสเซียมากเพราะเป็นเมืองแม่ของคอมมิวนิสต์ ผมพยายามค้นหาสาเหตุของการปฏิวัติในรัสเซียเมื่อ ค.ศ. ๑๙๑๖ ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจได้บ้างว่า อะไรทำให้เลนินกลายเป็นพระเจ้าซาร์องค์ใหม่”
“พระเจ้าซาร์เป็นพระเจ้าองค์เดียวของรัสเซีย เธออย่าเอาพระนามของท่านมาเอ่ย” เสียงวลาดิมีร์ดุดันด้วยอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นเหมือนลมไต้ฝุ่นในทะเลจีน
“เปล่าครับ ผมไม่มีเจตนาจะละเมิดอะไรหรอกครับ” ข้าพเจ้ารีบชี้แจง “ผมหมายความว่า ผมพอจะเข้าใจว่าอะไรทำให้เลนิน สตาลินกลายเป็นเจ้าชีวิต”
“พระเจ้าซาร์ไม่ใช่เจ้าชีวิต พระเจ้าซาร์ปกครองอย่างพ่อปกครองลูก”
“ครับ เห็นเรียกกันว่า ‘เสด็จพ่อองค์เล็ก’ ไม่ใช่หรือครับ ผมพอจะเข้าใจพระเจ้าซาร์ครับ แต่คนที่ผมไม่เข้าใจก็คือ พวกเสนาบดีพวกคนใหญ่คนโตของท่าน”
“ทำไม ?”
“ราชวงศ์โรมานอฟต้องล่มจมไปก็เพราะพวกเสนาบดีที่ประจบสอพลอ คอยแต่กอบโกยหาประโยชน์ใส่ตัว คอยขัดขวางทำลายคนรักชาติที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเพื่อเห็นแก่ชาติ คือพวกลิเบอรัล เสนาบดีพวกนี้แหละที่ทำให้รัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์”
วลาดิมีร์นิ่งอึ้ง เขามีท่าทางยอมรับว่าข้าพเจ้าพูดความจริง แต่อาการที่เขาเม้มริมฝีปาก ยังคงแสดงว่าเขายังพยายามจะป้องกันพระเจ้าซาร์ของเขาต่อไปอย่างเหนียวแน่น
“ท่านคงจำนายพลลอรีส เมลิคอฟ เสนาบดีมหาดไทยได้” ข้าพเจ้าพูดต่อไปช้า ๆ แต่หนักแน่น “เสนาบดีมหาดไทยคนนี้ประชาชนเกลียดชังจนต้องตายด้วยลูกระเบิด พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์เสด็จปู่ของพระเจ้าซาร์นิโคลาสองค์สุดท้าย แทนที่จะรู้สึกพระองค์ว่าใช้คนผิด กลับแต่งตั้งเสนาบดีคนใหม่ขึ้นมาซึ่งดุร้ายยิ่งกว่าเมลิคอฟหลายเท่า เสนาบดีคนใหม่จับพวกยิวฆ่านับไม่ถ้วนเพราะผิดที่ไปถือศาสนายิว จับนักการเมืองฝ่ายค้านและคนรักชาติที่สุจริตไปฆ่า ไปขังคุก เนรเทศไปไซบีเรียนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน เขาทำให้รัสเซียกลายเป็นคุกใหญ่ ประชาชนมีแต่ปากพูดอะไรไม่ได้ ใครกล้าพูดว่าเสนาบดีหรือพรรคพวกญาติพี่น้องเสนาบดีคอร์รัปชั่นจะต้องกลายเป็นกบฏทันที จะต้องถูกยิงเหมือนเป็นโจรผู้ร้าย พวกนักศึกษา ครู อาจารย์ พ่อค้านักธุรกิจอุตสาหกรรม พวกนักเขียนนักหนังสือพิมพ์ เป็นคนพวกแรกที่ถูกส่งไปไซบีเรีย หรือมิฉะนั้นก็ยิงเป้า เพราะเป็นพวกชอบมีความเห็น นโยบายของรัฐบาลซึ่งเด็ดขาดอยู่กับพวกเสนาบดีไม่กี่คน ก็คือต้องล้างเลือดด้วยเลือด ต้องฆ่าฝ่ายค้านให้หมด ต้องเก็บเสียงเรียกร้องเสรีภาพการพูดการเขียน เสียงเรียกร้องให้มีรัฐสภา เสียงเรียกร้องให้เลิกระบบตำรวจลับ เสียงเรียกร้องให้มีเสรีภาพในการถือศาสนา รัสเซียตลอดยุคร้อยปีสุดท้ายของซาริสม์ ตั้งแต่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ ๑ จนถึงพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ ๒ ซึ่งเป็นซาร์องค์สุดท้าย ก็คือคุกมืดแบบคุกบาสตีลยุคพระเจ้าหลุยส์ ราษฎรมีชีวิตก็เหมือนไม่มีชีวิต เป็นหุ่นที่เดินได้ เป็นแรงงานทาสไม่ผิดอะไรกับแรงงานในระบอบคอมมูน”
เฒ่าวลาดิมีร์มีสีหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาคว้าเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แต่ก็ยังคงนิ่งอึ้งอยู่ตามเดิม