บทที่ ๓๐

เมื่อนึกถึงหิมะในปักกิ่ง ข้าพเจ้าก็นึกถึงชีวิตของมนุษย์ในเมืองจีนซึ่งมีข้าพเจ้ารวมอยู่ด้วย ชีวิตเหล่านี้ก็เหมือนหิมะ มันได้ละลายไปแล้วและกำลังจะละลายไปอีก แต่ชีวิตไม่ใช่ฤดูกาล ชีวิตเป็นวัฏฏะซึ่งมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต ส่วนฤดูกาลมีธรรมชาติเป็นเครื่องกำหนด เมื่อหิมะละลายแล้ว ดอกไม้ก็จะบานแน่นอน แต่หิมะของชีวิตแม้จะละลายแล้วก็ไม่แน่ว่าดอกไม้ของชีวิตจะบานหรือไม่ มนุษย์มากมายหลายคนในปักกิ่งได้ตายไปเพราะดอกไม้ไม่ยอมบาน หลายคนตายในสงครามมหาอาเซียบูรพา หลายคนตายในสงครามฉากสุดท้ายที่เจียงไคเช็คต้องเสียแผ่นดินใหญ่ให้แก่เมาเซตุง หลายคนตายเพราะคอมมิวนิสต์ประหาร หลายคนตายเพราะขาดอาหารและยารักษาโรค หลายคนตายเพราะพิษสุนัขบ้าของหงเว่ยปิงหรือเร็ดการ์ด หิมะละลายแล้วละลายอีก แต่ชุนเทียนก็ไม่ยอมย่างกรายเข้ามา ฟ้ามืด–แผ่นดินแยก เมืองมนุษย์ได้กลายเป็นเมืองเปรตอสูรกาย ผีห่าทั้งหลายทั้งสีน้ำเงินสีแดงกำลังแข่งกันเผาโลก ไฟบรรลัยกัลป์ที่เราเคยคิดว่าเป็นเรื่องฟังกันเล่น บัดนี้ได้เป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว ไม่ช้านักไฟนรกนี้มันก็จะล้างโลกตามคำพยากรณ์ เพื่อให้ความสกปรกโสมมทั้งปวงมอดไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน–เพื่อให้โลกเหลืออยู่แต่แผ่นดินอันว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า เป็นแผ่นดินร้างที่ไม่มีชีวิตเหมือนแผ่นดินบนโลกพระจันทร์

ขณะที่นั่งเขียนบันทึกน้อยในวันนี้ทีกรุงเทพพระมหานคร ปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๒ มิตรสหายในปักกิ่งจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าทราบแต่ว่า ในแผ่นดินใหญ่ผืนนี้มีแต่นายกับทาส พระเจ้าฉินสื่อหวงตี้ได้กลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้ตายเป็นผีไปแล้วร่วม ๒,๒๐๐ ปี ราษฎรถูกเกณฑ์แรง ถูกบังคับกดขี่ ถูกย่ำเหยียบอยู่ใต้ส้นเกือก มีชีวิตอยู่ใต้แอกใต้ขื่อคาของระบอบคอมมูน......ครอบครัวถูกทำลายเพราะลัทธิสำคัญกว่าครอบครัว สำคัญกว่าความรักความกตัญญู ลูกฆ่าพ่อแม่ได้เพื่อลัทธิจะได้อยู่ จิตใจของมนุษย์ได้ถอยหลังกลับไปหาสมัยอยู่ถ้ำอีกครั้ง เข็มนาฬิกาได้ถูกจับหมุนกลับไปหาอดีตนับเป็นหมื่น ๆ ปีเมื่อมนุษย์มีจิตใจต่ำและหยาบไม่แพ้สัตว์เดียรัจฉาน ความกตัญญูอันเป็นยอดคุณธรรมที่แบ่งมนุษย์ออกไปจากสัตว์ป่า ได้กลายเป็นของล้าสมัย ขงจื๊อจอมศาสดาผู้ปลูกฝังความดีงามอันเลิศเลอให้แก่ชนชาติจีนมาตลอด ๒๕๐๐ ปี จนกลายเป็นวัฒนธรรมทางใจที่อยู่เหนือยุโรปทุกอย่างแม้ในศตวรรษปัจจุบัน ได้ถูกกระชากลงมาจากแท่นบูชาถูกกระทืบ และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของชนชั้นใหม่ ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้วในแผ่นดินใหญ่ของเมืองจีนที่เจียงเฟกับเจียงเหมยได้ต่อสู้มาเพื่ออิสรภาพและเสรีภาพ นอกจากวัตถุธรรมที่จะไปจบลงที่ระเบิดปรมาณู ซึ่งจะปิดฉากละครแห่งความฝันของคนบ้าเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาสามารถจะครองโลกได้ด้วยลัทธิอาณานิคม ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนพวกผิวขาวชาวอริยะได้พยายามจะเข้ามายึดครองเมืองจีนด้วยจิตใจอันต่ำช้าเลวทรามและป่าเถื่อน

เจียงเหมยได้ลาข้าพเจ้ากลับไปเยียนจิงในวันนั้นด้วยความเคร่งขรึมในสีหน้าและแววตา เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเกี่ยวกับสนาน แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าเธอได้พยายามตัดสิน ใจ และ–บางที–เธอก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอควรจะเลือกเดินทางไหนระหว่างชาติและประชาชนที่มีเสรีภาพ กับเทพบุตรในดวงใจผู้หันหลังให้แก่เสรีภาพของประชาชน เธอจะเลือกอะไร ? มันเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่ยิงในชีวิตของสตรีสาวผู้มีอายุยังไม่ถึง ๒๐ ปี

เราได้คุยกันมากในวันนั้น–คุยกันถึงเรื่องเมืองจิน เรื่อง ดร. ซุนยัดเซน หัวหน้าผู้ก่อการปฏิวัติรุ่น ๑๙๑๑ กับพวกคอมมิวนิสต์ เจียงเหมยแม้จะยังมีอายุน้อย แต่ก็รอบรู้มาก เพราะเป็นผู้สนใจกับชาติบ้านเมืองไม่น้อยกว่าพี่ชาย เป็นสตรีสาวชาวจีนคนแรกที่ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เมืองจีนได้ปฏิวัติมิใช่ในชีวิตของพวกผู้ชายอกสามศอกเท่านั้น ผู้หญิงก็ปฏิวัติด้วย และเป็นนักปฏิวัติชั้นดีมีหลักการที่แน่นอน และยึดมั่นในอุดมการ ไม่แปรเปลี่ยนง่าย ๆ แบบใจผู้หญิงที่คิดว่า ผู้หญิงมีแต่ความสวยงามอย่างเดียวเท่านั้นที่จะประกวดกันและเพื่อจะขายให้ผู้ชาย เจียงเหมยทำให้ข้าพเจ้านึกไปถึงวีรสตรีนักปฏิวัติคนแรกของริปับลิคจีน เธอผู้นี้คือชิวจิง เมื่อ ดร. ซุนยัดเซนคิดทำการปฏิวัติและหลบไปตั้งสมาคมลับ ถุงเหมิงห้วย ขึ้นในญี่ปุ่นใน ค.ศ. ๑๙๐๕ ชิวจึงศึกษาอยู่ที่นั่น เธอได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคมถุงเหมิงห้วยและถูกส่งไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อก่อการปฏิวัติโค่นราชบัลลังก์มังกร ใน ค.ศ. ๑๙๐๗ ก่อนความสำเร็จของการปฏิวัติ ๔ ปี ขณะนั้นเธอมีอายุได้ ๒๙ ปี เธอมีใบหน้ารูปไข่ ไม่ยิ้มแบบที่นักการเมืองเขาชอบยิ้มกันอย่างฟุ่มเฟือย ดวงตานิ่งและแข็งแสดงอำนาจทางใจ ในปีนั้นสมาชิกสมาคมถุงเหมิงห้วยได้ลุกฮือขึ้นในมณฑลหลายมณฑลเช่น มณฑลอานเว่ย, มณฑลเจื้อเจียง การปฏิวัติปีนั้นทำไม่สำเร็จ ชิวจิงถูกจับตัวได้ ฝ่ายราชบัลลังก์ก็เอาตัวไปตัดศีรษะเสียบประจานไว้ไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง ชิวจิงตายอย่างหน้าชื่น เธอไม่สะทกสะท้านต่อคมดาบของเพชฌฆาต เธอไม่ขอผ้าปิดตา มือถูกมัดไพล่หลัง ยอมคุกเข่าโก่งคอให้แต่โดยดี แล้วดาบขาวคมหน้ากว้างยาวเกือบเมตรที่แหวกอากาศลงไปที่ก้านคออันขาวระหงเต็มกำลังของนายเพชฌฆาต ศีรษะของชิวจึงวีรสตรีจีนนักปฏิวัติคนแรกก็ขาดกระเด็นตกลงไปบนผืนแผ่นดินที่ให้กำเนิดแก่ชีวิตอันห้าวหาญทรหดของเธอในพริบตาเดียว

และในบัดนี้–ข้าพเจ้าก็คิดว่า ข้าพเจ้าได้พบชิวจิงอีกคนหนึ่งแล้ว ความสวยงามเหมือนราชินีของเจียงเหมยไม่มีความหมายสำหรับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่มีความคิดจะชักชวนเธอไปประกวดนางงามที่ไหน ความคิดความกล้าความเด็ดขาดของเธอนี่เป็นสิ่งที่สะดุดใจและจับใจข้าพเจ้าอยู่แม้จนกระทั่งบัดนี้

เราคุยกันหลายชั่วโมงที่โรงเรียนหวาเหวินในวันนั้น สิ่งที่เราพูดกันมันก็ได้เป็นจริงขึ้นแล้วทุกระยะในบัดนี้หลังจาก ๓๙ ปีได้ผ่านไป หิมะได้ละลายแล้วละลายอีก แต่ดอกไม้ก็ยังไม่บานสำหรับเมืองจีน มีแต่จะอับเฉาเหี่ยวแห้งร่วงโรยเหมือนถูกลวกด้วยไฟป่า ประชาชนถูกกดคอ, อดอยาก, เป็นโรค, ฟ้ามืด แผ่นดินแยก มันเป็นกลียุคของการใช้อำนาจกดขี่ประชาชน โดยน้ำมือของชนชั้นใหม่ที่ร้ายกาจทารุณยิ่งกว่าระบอบฮ่องเต้ จริงอยู่เป้าหมายและวิธีการนั้นไม่เหมือนกัน แต่ประชาชนก็ได้รับผลเช่นเดียวกัน นั่นคือความทุกข์ยากทุกหย่อมหญ้า การปลดแอกประชาชนร่วมพันล้านไม่มีความหมายอะไร เพราะแอกนายทุนอาจจะหมดไป แต่แอกชนชั้นใหม่ได้เข้ามากดคอแทนที่ มันเป็นแอกที่ทำให้ทุกคนเป็นทาสติดดิน หมดเสรีภาพที่จะคิดจะพูด, และจะทำงานอย่างอิสระเพื่อเก็บเกี่ยวผลงานที่เขาควรจะได้จากหยาดเหงื่อด้วยความเป็นธรรม ระบอบคอมมิวนิสต์คืออะไร ? เราสรุปได้แล้วว่ามันคือระบอบแห่งการครองอำนาจของชนชั้นใหม่อันเป็นชนกลุ่มน้อยหยิบมือเดียว ซึ่งก้าวเข้ามาแทนชนชั้นนายทุน เพื่อจะกดขี่ขูดรีดแรงงานไปจากประชาชนด้วยปืน แทนการใช้อำนาจเงินตราอย่างที่ชนชั้นนายทุนตัวมหาวายร้ายได้ทำมาแล้วและกำลังทำอยู่อย่างเหี้ยมโหด

ตลอดเวลา ๔๐ ปี ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เห็นปักกิ่งเป็นครั้งแรก จนถึงวันที่ข้าพเจ้านั่งลงเขียนบันทึกเรื่อง “เมื่อหิมะละลาย” ให้แก่ “อาจินต์ ปัญจพรรค์” เพื่อนคนใหม่ซึ่งสามารถมองชีวิตได้อย่างกว้างขวาง และไม่ใช่นายทุนเลือดสีน้ำเงิน ข้าพเจ้าได้ให้ความสนใจแก่นักปฏิวัติของเมืองจีนและนักแทรกซึมของสตาลินหลายคน เป็นต้นว่า ดร. ซุนยัดเซน, จอมพลเจียงไคเช็ค, หยวนซื่อไข่ (ยวนซีไข) คั้งเหย่าเหวย, จางโซหลิน, คาราข่าน, โบโรดินจอฟฟ์ มาริง, รอย, หุงซิ่วฉวน หรือ เทียนหวาง, หลีต้าเจา, เฉินตู๋ซิ่ว, จูเตื่อ, โจวเอินไหล, เมาเซตุง ฯลฯ คนเหล่านี้เป็นนักปฏิวัติสังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ กัน บางคนก็ยึดมั่นในคติธรรมอย่างสุจริตว่า ประชาชนต้องเป็นใหญ่ บางคนก็เอาประชาชนบังหน้าเพื่อตัวเองจะได้เหยียบหัวประชาชนขึ้นไปเป็นใหญ่ และเมื่อเป็นใหญ่แล้วก็ตั้งหน้ากอบโกยและเอาประชาชนเป็นทาส บางคนเมื่อแรกเริ่มก็รักประชาชนอย่างจริงใจ แต่พอได้เป็นใหญ่แล้วก็ลืมประชาชน คิดแต่จะสร้างความสุขความสบายความใหญ่ยิ่งชั่วนิรันดรให้แก่ตัวเอง บางคนก็มีสันดานเป็นงูเห่าพอได้ทีก็กัดไม่เลือก เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ของชาติที่เขาเอากำเนิดเกิดมา บางคนเกิดมาด้วยท่าทีว่าจะเป็นนักบุญ แต่พอมีอำนาจวาสนาก็กลายเป็นคนบาปสามารถฆ่าคนยากคนจนได้เป็นจำนวนล้านๆ เหมือนฆ่ามดปลวก นักปฏิวัติเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ช่วยให้ข้าพเจ้าเอามาเทียบเคียงนักปฏิวัติของเมืองไทย ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าใครเป็นคนของประชาชนบ้างและใครเป็นไอ้โจรผู้ที่ห้าร้อยผู้อัปรีย์จัญไร คิดแต่จะปล้นท้องประชาชนเพื่อสร้างตัวก่อนที่จะคิดสร้างชาติ

ข้าพเจ้าคิดว่าบันทึกของข้าพเจ้า (ถ้าผู้อ่านยังต้องการอ่านอยู่) ควรจะชี้แจงว่าเหตุใดคอมมิวนิสต์จึงเข้าครองเมืองจีนได้สำเร็จ ? ทำไม ดร. ซุนจึงหันไปคบสตาลิน ทำให้คอมมิวนิสต์ครองเมืองจีนได้เร็วขึ้น ? ทำไมคั้งเหย่าเหวยนักปราชญ์ผู้มีสายตาไกลจึงปฏิรูปการปกครองให้เป็นระบอบกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายไม่สำเร็จ ? สตาลินหักหลัง ดร. ซุนอย่างไร ? จอมพลเจียงเห็นตาม ดร. ซุน หรือไม่ ? หงซิ่วฉวนหรือเทียนหวางนักปฏิวัติมหัศจรรย์เมื่อร้อยปีก่อนมีโครงการเศรษฐกิจละม้ายคล้ายคลึงกับคอมมิวนิสต์อย่างไรบ้าง และเหตุใดหงซิ่วฉวนจึงทำการไม่สำเร็จทั้ง ๆ ที่ยึดแผ่นดินได้ค่อนประเทศ หลีต้าเจา เฉินตู๋ซิ่ว คอมมิวนิสต์จีนคนแรกผู้เป็นปรมาจารย์ของเมาเซตุงมีอิทธิพลต่อคอมมิวนิสต์จีนอย่างไร ? เมาเซตุงเป็นใคร ? ผจญชีวิตมาอย่างไร ? ทำไมนักบุญคนนี้จึงกลายเป็นคนบาป ? อนาคตของเขาอยู่ที่ไหน ? ชาติจีนของเขาเล่า ? แผนครองโลกของเขา ถ้าไม่ได้คิดอย่างคนบ้าคลั่งเสียสติ มีทางจะสำเร็จได้หรือไม่ ? เราคนไทยจะเลือกเดินทางไหน ? ย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อจะตายทั้งเป็นโดยไม่แก้ไขอะไรเลย เพราะไม่รู้จะแก้อย่างไร แต่ละคนเลยคิดหนีจะเอาตัวรอดอย่างเดียวหรือจะเลี้ยวไปทางซ้าย เพื่อเอาเสรีภาพของประชาชนไปบูชายัญ ? หรือจะเดินตรงไปข้างหน้าตามทางสายกลาง เพื่อจะเป็นรัฐสหกรณ์ที่เสรี ซึ่งสามารถจะแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนได้ ?

หิมะยังไม่ละลาย และสปริงก็ยังไม่ผ่านมา

บัวบอกข้าพเจ้าว่า ฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ เขาจะไปโตเกียวเพื่อจะพบเกิร์ลเฟรนของเขา เขาถามว่าข้าพเจ้าจะไปไหม ข้าพเจ้าตอบว่าไปแน่ ข้าพเจ้าต้องการเห็นโตเกียว เห็นประเทศญี่ปุ่นซึ่งกำลังอยู่ในกรงเล็บของพวกซามูไร ญี่ปุ่นของทานากา ญี่ปุ่นที่ยังคงคลั่งอยู่กับลัทธิบูชิโดและ Tanaka Memorial...ญี่ปุ่นซึ่งรอวันรอคืนจะเข้ายึดแมนจูเรียเหมือนเสือร้ายโจนเข้าตะครุบกวาง...ญี่ปุ่นที่ตอบปัญหาไม่ได้ว่า ใครเป็นคนระเบิดรถไฟที่จางโซหลิน หัวหน้า “โจรหงหูจึ” (โจรหนวดแดง) ยอดนายพลผู้ยึดครองแมนจูเรียตายเป็นผีเฝ้ารถขณะที่รถไฟขบวนพิเศษของเขาอันมีทหารคุ้มครองอย่างหนาแน่น ซึ่งแล่นออกจากปักกิ่งจวนจะถึงนครมุกเด็นเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๑๙๒๘ เวลา ๔.๐๐ น. ก่อนฟ้าจะอรุณ ทั่วทั้งจีนเหนือขณะนั้นเราพูดกันถึงกองทัพแห่งจักรวรรดิอาทิตย์อุทัยซึ่งทำตัวเป็นนักเลงใหญ่ คอยรังแกเมืองจีนโดยไม่คำนึงถึงสันนิบาตชาติที่ประธานาธิบดีวิลสันได้เอาขาเพียงข้างเดียวก้าวเข้าไปด้วยหลักการสันติสุขอันเป็นธรรม ๑๔ ข้อ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าพวกซามูไรเขาคิดกันอย่างไรจึงมองไม่เห็นว่า ประเทศจีนนั้นเปรียบเหมือนมังกรตัวทั้งใหญ่ทั้งยาว สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนิดเดี๋ยวจะเขมือบอย่างไรจึงจะกลืนกินมังกรได้ทั้งตัว ? ข้าพเจ้าเชื่อว่าญี่ปุ่นไม่มีวันจะกลืนจีนได้ เพราะจีนใหญ่เกินไปที่จะกลืน ญี่ปุ่นจะต้องทอดสายการคมนาคมอย่างยาวเหยียดในการเดินทัพเข้าไปในส่วนลึกของแผ่นดินจีนแบบเดียวกับนโปเลี่ยนเดินทัพเข้าไปในแผ่นดินของพระเจ้าซาร์ซึ่งใหญ่โตปานทวีป นโปเลียนแพ้ภัยตัวเองอย่างไร พาทหารเข้าไปตายอยู่ในทะเลหิมะมากมายอย่างไร นายพลซามูไรผู้กำชะตากรรมของญี่ปุ่นก็จะต้องตายแบบเดียวกัน

ระหว่างที่ข้าพเจ้ารอวันในฤดูร้อน เพื่อจะไปเที่ยวเมืองญี่ปุ่นกับบัว ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายจากกรุงเทพ ฯ ฉบับหนึ่ง เทวันเพื่อนร่วมโรงเรียนเทพศิรินทร์นักหนังสือพิมพ์หัวเห็ดเขียนมาว่าดังนี้

ระพินทร์ ที่รัก

ฉันไม่ได้เขียนถึงเธอสามเดือนกว่าเพราะโดนมรสุมจนยืนไม่ติด หนังสือพิมพ์ “วันใหม่” ของเราถูกปิดไปแล้ว แท่นถูกล่ามโซ่ เป็นข่าวเกรียวกราวที่สุดขณะนี้ สาเหตุที่ถูกปิดก็เพราะบทความที่ฉันเขียน คือเรื่อง “มนุษยภาพ” รัฐบาลท่านหาว่าฉันพยายามก่อความไม่สงบ นี่ฉันกำลังถูกสอบสวนยังไม่เสร็จ จะเข้าคุกหรือไม่ ยังไม่รู้เลย

บางทีเหตุการณ์จะประจวบกับรัฐบาลกำลังหวาดวิตกเรื่องการปฏิวัติยึดอำนาจซึ่งลือกันมานานแล้ว ฉันมาเขียนเรื่องแบบนี้ในจังหวะที่ไม่ดีเลยต้องรับบาปไป ความจริงเรื่องการปฏิวัติยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยนี้ มีคนคิดกันจริง ๆ เป็นพวกนักเรียนฝรั่งเศสมีหัวรุนแรง ฉันเองก็เห็นว่าดุสิตธานีของล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๖ ก็ได้เตรียมทำทางไว้ให้ระบอบประชาธิปไตยนานมาแล้ว ควรจะลองเดินดูบ้าง เพราะทั่วโลกเขาก็เป็นประชาธิปไตยกัน แต่ปัญหามันก็มีให้คิด คือปัญหาที่ว่าราษฎรของเราพร้อมหรือยังที่จะเป็นประชาธิปไตย หลายคนในกรุงเทพ ฯ พูดกันว่าเขากลัวนกกระสา ความจริงมันก็น่ากลัว ฉันก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีนกกระสาเลย มันจะควักตับไตไส้พุงเรากินหมด อย่างในเมืองจีนที่เธอเล่ามา นายพลหยางยู่ถิงแห่งแมนจูเรีย เขาโกยกันถึงปีละ ๒๐๐ ล้านเหรียญ ในเมืองไทยถ้ามีนายพลแบบนี้บ้านเมืองก็ล่มจม

ฉันยังจะต่อสู้ต่อไปเพื่อให้เมืองไทยเป็นประชาธิปไตย เราต้องการสิทธิของมนุษยชน ต้องการเสรีภาพในการพูด การเขียน และการโฆษณา ถ้าเราไม่ตั้งต้นเสียเดี๋ยวนี้ ประชาธิปไตยก็จะตั้งต้นไม่ได้ จริงอยู่มันจะต้องมีอุปสรรค มีข้อเสีย ข้อบกพร่อง แต่ไม่มีประเทศไหนที่ได้ประชาธิปไตยมาโดยไม่ต้องต่อสู้กับอะไรเลย

เท่าที่เธอเขียนเล่าไป ฉันเห็นว่าเธอได้ใช้เวลาในเมืองจีนอย่างมีประโยชน์ทีเดียว เธอทำให้พวกเราเข้าใจว่า คนจีนไม่ใช่พวกขายเฉาก๊วยหรือก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น คนจีนยุคนี้ก้าวไปไกลมาก เราจะประมาทไม่ได้ ลัทธิชาตินิยมกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้คนจีนเป็นคนที่น่ากลัว เมืองจีนใหญ่โตปานทวีป มีพลเมืองเป็นร้อย ๆ ล้าน อยู่ติดกับเราแค่เอื้อม เราเคยมองข้ามเมืองจีน ไม่แยแสสนใจ ฉันว่าวันแห่งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราควรจะได้สุดสิ้นลงแล้ว ต่อไปนี้เราจะต้องศึกษาเมืองจีนคนจีนให้เข้าใจ เพื่อกำหนดแนวทางลงไปว่า เราจะวางตัวอย่างไรและจะแก้ปัญหาเมืองจีนคนจีนอย่างไรในเรื่องที่เกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้หญิงสองคนที่เธอเล่าไป ฉันสนใจและอยากให้เธอเขียนชีวิตของเขาออกมาในวันหนึ่งข้างหน้า เธอไม่ต้องออกตัวก็ได้ว่าเธอไม่มีเจตนาจะแสดงบทรักกับใคร ฉันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเธอจะแสดงบ้างก็ไม่น่าประหลาด เวลานี้พวกเราก็แสดงกันไปแล้วหลายคน นายชัชของเราที่เธอพบเหมือนพบศพเดินได้ที่โรงพิมพ์เฮงหลี สะพานดำ เวลานี้ชื่อดังเป็นพลุ เขียนหนังสือคนติดกันทั้งเมือง เขาเพิ่งหัดเขียนข่าวที่โรงพิมพ์เฮงหลีเมื่อเธอจะออกมาเรียนนอก แต่เดี๋ยวนี้เขากลายเป็นนักประพันธ์ที่ทำท่าว่าจะไม่ตายแล้ว แต่พร้อม ๆ กับงานที่อาจจะไม่ตายนี้ ชีวิตของเขาก็ทำท่าจะไม่ยั่งยืนเพราะเขากินแอลกอฮอล์แทนน้ำแทนข้าว เพื่อนฝูงตักเตือนเขาก็ว่ากินยอดข้าวแล้วไม่ต้องกินข้าวก็ได้ ฉันก็อยากให้เขาได้มีชีวิตอยู่นาน ๆ เพราะแน่ใจว่าเขามีพรสวรรค์ในการเขียนหนังสือ อยากให้อยู่เขียนให้คนอ่านให้นานที่สุดที่จะนานได้ เขาแหวกทางขึ้นมายืนอยู่โดดเด่นไม่มีใครจะตามทันเวลานี้ หนังสือของเขาขายดีที่สุดในตลาด แต่เขาก็ไม่มีเงินติดตัวเลย เพราะเขาเป็นผู้มีน้ำใจกว้างขวางที่สุดในหมู่เพื่อนฝูง ให้ทุกอย่างแก่เพื่อนที่ไม่มีแม้แต่รองเท้าที่เขาสวมอยู่ ใครมาขอเงินเขาก็ควักให้จนเกลี้ยงกระเป๋า ถ้าไม่มีก็เที่ยวหยิบยืมใครต่อใครให้ไปจนได้ วันไหนเขาได้ค่าเขียน วันนั้นเขาก็ประกาศเลี้ยงใหญ่ เพื่อนฝูงมาออกันเต็มห้อง กินกันเป็นวัน ๆ คืน ๆ จนกระทั่งเงินหมด เป็นอาบูหะซันแห่งพระมหานครกรุงเทพ ฯ ชีวิตสมรสของเขา (ซึ่งไม่เคยสมรส) เป็นชีวิตรักแท้แต่รักด้วยอารมณ์รุนแรงตามแบบของอาร์ติส แต่เมื่ออารมณ์ได้หมดไปก็เหลืออยู่แต่ความหวง เขาหวงเมียของเขาทุกคน แต่ความหวงอย่างเดียวมันไม่มีประโยชน์อะไรแก่ผู้หญิงที่รักเขา เขาเป็นคนมีเสน่ห์อย่างมหัศจรรย์ เสน่ห์ในคำพูดและกิริยาท่าทางซึ่งสุภาพอ่อนโยน เขาเอาใจผู้หญิงเก่งที่สุด ผู้หญิงแทบทุกคนที่เขาได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิด เกือบไม่มีผู้ใดที่ไม่หลงรักเขา เสน่ห์ของเขาทำให้ผู้หญิงบางคนสละตึกไปอยู่กับเขาได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขามีแต่เสื่อกับหมอน มุ้งก็ไม่มี ต้องจุดยากันยุงไว้ทั้งสี่ทิศ (เวลานั้นหนังสือเขายังขายไม่ดีเพราะเพิ่งเริ่มเขียน) นี่แหละรักแท้ รักของผู้หญิงเป็นรักแท้จากหัวใจ ส่วนรักของเขาเป็นรักแท้จากอารมณ์ ฉันสงสารผู้หญิงและก็เห็นใจเขา ที่เห็นใจเขาก็เพราะว่าเขาเป็นยีเนียส คนที่เป็นยีเนียสก็มักจะเป็นแบบนี้ ระเบียบของชีวิตมักไม่ค่อยมี ความสำเร็จของงานที่เขาทำให้แก่โลกมันเกิดจากยอดสุดของอารมณ์ซึ่งต้องเป็นอิสระ ถ้าอารมณ์ไม่อิสระงานที่เป็นอมตะก็เกิดได้ยาก

เจียงเหมยที่เธอเขียนเล่าไปฉันสนใจมากกว่าวารยา

ที่ต้องสนใจมากก็เพราะว่าเจียงเหมยเป็นตัวแทนของสตรีจีนยุคใหม่ที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ที่ทางสองแพร่ง แพร่งหนึ่งคือทางประชาธิปไตยที่เสรี อีกแพร่งหนึ่งคือทางคอมมิวนิสต์ แต่สถานการณ์ของเมืองจีนขณะนี้ฉันรู้สึกว่า การเป็นประชาธิปไตยที่เสรีค่อนข้างจะยากเสียแล้ว เพราะพวกนายพลแกรบกันเอง หาประโยชน์ใส่กระเป๋า ประชาชนเลยเบื่อหน่าย ความทุกข์ยากของประชาชนยิ่งเพิ่มขึ้น โอกาสที่คอมมิวนิสต์จะเข้าครอบครองเมืองจีนก็ย่อมมีมากขึ้น เธอว่าเวลานี้รัสเซียส่งเอเย่นต์มาเต็มเมืองจีน และคอมมิวนิสต์ก็ตั้งรัฐคอมมิวนิสต์ซ้อนขึ้นมาในประเทศจีนใต้แล้ว กินอาณาเขตหลายเท่าของเมืองไทย ฉันเห็นว่า ดร. ซุนยัดเซน ก้าวผิดที่ยอมให้คอมมิวนิสต์เข้าร่วมกับพรรคก๊กมินตัง พอ ดร. ซุนตาย เจียงไคเช็คก็ต้องรบคอมมิวนิสต์ และก็ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือชนะ ฉันมาคิดถึงเมืองไทย พวกที่คิดจะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบอบกษัตริย์เขาจะเอากันยังไงก็ไม่รู้ ถ้ายกเลิกระบอบกษัตริย์เมืองไทยก็ต้องเป็นเมืองจีนแน่ ๆ ถ้าฉลาดก็ควรเป็น Constitutional monarchy แต่ถึงจะเป็นกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญ ฉันก็ยังวิตกอยู่เพราะประชาชนยังไม่ตื่น มันก็อยู่ที่พวกผู้ก่อการเขาจะซื่อตรงต่อตัวเองสักแค่ไหน ถ้าเขาไม่โกง, ไม่กอบโกย, ไม่แสวงแต่อำนาจ, ไม่แตกแยกกัน ฉันก็ว่าเราอาจพบทางสำเร็จ เพราะเราควรจะมีเวลาปลุกประชาชนให้ตื่นรับระบอบประชาธิปไตยได้ทัน แต่ถ้าเขาโกง, กอบโกย, แสวงแต่อำนาจ, แตกแยกฆ่ากันเอง, แย่งอำนาจกันเองแบบที่เธอเห็นอยู่ในเมืองจีน เขาก็จะเปิดช่องให้ “พวกฉวยโอกาส” กับพวกคอมมิวนิสต์แทรกแซงเข้ามายึดอำนาจแทนต่อไป แล้วอีทีนี้แหละมันก็จะโกงกินกันเป็นการใหญ่ นายพลแบบนายพลหยางยู่ถิงแห่งแมนจูเรียที่เธอเคยเล่าไปว่าโกงกินเลือดเนื้อของประชาชนถึงปีละ ๒๐๐ ล้านเหรียญเพียงคนเดียว มันก็จะต้องออกแสดงบทบาท แล้วมันก็จะต้องเผด็จการแบบเอาหัวโขนประชาธิปไตยมาครอบหัวเล่นละครพรางตาไว้ก่อน ฉันอาจวิตกเกินขอบเขตไปก็ได้ แต่ฉันเป็นประชาชน ฉันก็ต้องคิดอย่างประชาชน คือต้องคิดว่าประชาชนจะเสียอะไรเสียก่อน ฉันจะไม่คิดว่าประชาชนจะได้อะไร เพราะถ้าประชาชนได้ ฉันถือว่าเป็นผลกำไรที่ควรได้ แต่ถ้าประชาชนเสีย ฉันถือว่าประชาชนไม่ควรเสีย ในฐานะของประชาชนเราจึงต้องมองกันในแง่ไม่ดีไว้ก่อนจะได้ไม่ประมาท

ฉันจะเขียนถึงเธออีก จะรายงานให้เธอทราบว่าฉันจะติดคุกหรือไม่เพราะบทความเรื่อง “มนุษยภาพ” ความจริงมันก็อะไรที่แสลง ฉันพูดถึงสิทธิของมนุษยชน ความเสมอภาคของมนุษย์ ความเป็นธรรมในสังคม รัฐบาลควรจะใจกว้างพอที่จะรับฟังเพื่อปรับปรุงบ้านเมืองให้ดีขึ้นทันกับสมัยเวลา แท้ที่จริงแล้ว รัฐบาลควรจะขอบใจฉันที่ฉันได้ข้อบกพร่องให้เห็นเพื่อจะได้แก้ ไม่ต้องให้พวกนักปฏิวัติเขาเข้ามาแก้ มันจะยุ่งกันใหญ่ แต่นั่นแหละ, ช่วยไม่ได้ เมื่อชีวิตเป็นเพียงลิขิตของกรรม เราต้องเดินไปตามทางแห่งกรรม

ฉันไปเยี่ยมคุณแม่กับน้องสาวของเธอเสมอ ท่านสบายดีแข็งแรงและเป็นสุข เธออย่าเป็นห่วง พวกเราถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องไปดูแลเยี่ยมเยียนท่าน

คิดถึงเธอที่สุด

รัก

เทวัน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ