๗
ครั้นฮ่องเต้หกองค์ล่วงไปแล้ว อิวเซ่าสีวงศ์พระเจ้าอีนถีกีได้เป็นฮ่องเต้ มีความเมตตาแก่มนุษย์ ๆ ก็รู้พระเดชพระคุณเป็นอันมาก อยู่มาพระเจ้าอิวเซ่าสีทรงพระวิตกว่า แต่ก่อนมนุษย์มีเมตตาจิตต่อสัตว์ทั้งหลาย สัตว์และมนุษย์ก็ปะปนกันอยู่ได้ กาลเดี๋ยวนี้ความเมตตาจิตนั้นขาดไป เพราะมนุษย์มีความโลภขึ้น สัตว์ก็เข้ามาทำร้ายแก่มนุษย์ และเมื่อครั้งแผ่นดินพระเจ้าง่วนหอง ได้สอนให้มนุษย์เอาไม้มาทำเป็นห้างและหอ ขึ้นอาศัยอยู่บนต้นไม้บ้างแผ่นดินบ้าง ก็ได้มีความสุขเมื่อฤดร้อน ครั้นฤดูหนาวแล้วให้ขุดดินทำเป็นถ้ำอาศัยอยู่ให้พ้นสัตว์อันร้าย ครั้งนั้นมนุษย์ยังไม่รู้จักปลูกสิ่งของต่าง ๆ เก็บแต่ลูกหญ้าและผลไม้ที่งอกขึ้นเองนั้นบริโภค แล้วไฟที่จะหุงต้มสิ่งของทั้งปวงให้เป็นของสุกนั้นยังหามีไม่ พากันกินแต่ของดิบและดื่มกินโลหิตสัตว์เป็นอาหาร และเก็บเอาขนสัตว์ต่าง ๆ มาทำเป็นเครื่องบังความละอาย
ขณะนั้นสัตว์ที่ร้ายก็เข้ามาทำร้ายมนุษย์ๆ พากันหนีขึ้นไปอยู่บนห้างและหอ ต่างคนต่างระวังรักษาตัวมิให้สัตว์ทำอันตรายได้ พระเจ้าอิวเซ่าสีฮ่องเต้ทรงเห็นว่ามนุษย์ทั้งปวงยังไม่รู้จักธรรมเนียมบ้านเมือง จึงสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักธรรมเนียมบ้านเมือง คำนับกันตามเด็กและผู้ใหญ่ กับให้ตั้งอยู่ในความสัตย์สุจริตต่อๆ กัน แล้วสอนให้มนุษย์เอาไม้มาทำโรงทำเรือนอาศัยให้ดีขึ้นกว่าแผ่นดินพระเจ้าง่วนทองฮ่องเต้ แล้วมนุษย์เหล่านั้นพากันสรรเสริญคุณพระเจ้าอิวเซ่าสีฮ่องเต้ว่า ทรงพระสติปัญญาคิดอ่านให้มนุษย์พ้นอันตรายได้ และคราวนั้นต้นไม้ทั้งปวงก็เกิดบริบูรณ์ขึ้นกว่าแต่ก่อน พระเจ้าอิวเซ่าสีฮ่องเต้อยู่ในราชสมบัติได้ประมาณห้าร้อยเก้าสิบปีก็สิ้นพระชนม์ ขุนนางทั้งปวงต่างคนมีความเศร้าโศกมาก ราษฎรพากันร้องไห้ดุจแผ่นดินจะไหว