๑๘
ขณะนั้นมีขุนนางผู้หนึ่งทูลว่า ซอกซัวสีซึ่งเป็นจูเฮ้าผู้รักษาเมืองฝ่ายเหนือคิดกบฏ เบียดเบียนไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน กิบุนขุนนางได้ว่ากล่าวทัดทานซอกซัวสี ๆ ก็ให้ฆ่ากิบุนเสีย ข้าพเจ้าเห็นว่าซอกซัวสีคนนี้ไม่มีเมตตาจิตแก่ราษฎร ขอพระองค์จงให้ยกกองทัพไปกำจัดซอกซัวสีเสียจึงจะชอบ พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า ซึ่งซอกซัวสีเบียดเบียนราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนนั้น ก็เพราะทุกวันนี้เราตั้งเมตตาจิตรักษายุติธรรมน้อยอยู่ หาได้เผื่อแผ่ไปถึงซอกซัวสีไม่ ซอกซัวสีจึงได้กระทำความชั่วและทำการที่ผิด ๆ ไปเช่นนี้ ครั้นเราจะยกกองทัพไปกำจัดซอกซัวสีเสีย ทแกล้วทหารทั้งปวงก็จะได้ความลำบากเป็นอันมาก เราจะต้องประพฤติสุจริตและรักษายุติธรรมตั้งมั่นอยู่ในเมตตาจิตให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขุนนางและราษฎรได้เป็นสุขเจริญขึ้นแล้ว ถ้าซอกซัวสีรู้ว่าเรามิได้มีจิตโกรธ เรากลับประพฤติสุจริตธรรมยิ่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว ซอกซัวสีก็จะกลับใจเสียใหม่มิได้ประพฤติซึ่งความชั่วต่อไป ราษฎรจะได้มีความสุขเหมือนแต่ก่อน รับสั่งแก่ขุนนางผู้นั้นว่าพระองค์มิได้ยกกองทัพไปปราบปรามซอกซัวสี
ขณะนั้นราษฎรชาวเมืองซอกซัวสี ประชุมกันพร้อมแล้วจึงปรึกษากันว่า ทุกวันนี้พวกเรามีความเดือดร้อนมาก พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้ก็ทรงทราบซึ่งความเดือดร้อนของเราทั้งหลาย แล้วมิได้ยกกองทัพมาปราบปรามซอกซัวสี ๆ ก็ยิ่งมีใจกำเริบมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เที่ยวข่มเหงราษฎรอยู่ฉะนี้ เราทั้งหลายได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ครั้นเราจะทำเพิกเฉยละเลยเสีย มิได้ช่วยกันคิดอ่านกำจัดซอกซัวสีซึ่งเป็นคนอันธพาลหาปัญญามิได้นี้ ที่ไหนตัวเรากับบิดามารดาและบุตรภรรยาพี่น้องจะมีความสุขต่อไป เราคิดกันว่าเดือนสิบขึ้นสิบห้าค่ำ เราทั้งปวงนัดพร้อมกัน มือถืออาวุธจุดคบเพลิงช่วยกันจับตัวซอกซัวสีฆ่าเสียให้จงได้ ครั้นราษฎรทั้งปวงปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันแล้ว ต่างคนต่างก็กลับไปบ้านตระเตรียมอาวุธ ตั้งใจคอยวันที่สัญญานัดกันไว้ทุกตัวคน ในเมื่อเวลาราษฎรชาวเมืองทั้งหลายคิดการใหญ่นัดพร้อมกันนั้น ซอกซัวสีก็มิได้รู้ตัวยังประพฤติทำความชั่วอยู่เสมอเหมือนแต่ก่อน ราษฎรยิ่งมีความโกรธมากขึ้น ครั้นถึงเดือนสิบห้าค่ำเป็นวันที่ราษฎรสัญญานัดกันไว้นั้น ราษฎรก็พร้อมกันถืออาวุธจุดคบเพลิงเข้าไปในเมือง เผาที่อยู่และครอบครัวของซอกซัวสีเสียสิ้น ซอกซัวสีเห็นราษฎรทำดังนั้นก็แต่งตัวถืออาวุธออกต่อสู้กับราษฎร ซอกซัวสีต้านทานฝีมือและกำลังราษฎรมิได้ ราษฎรก็เอาทวนแทงถูกซอกซัวสีตาย แล้วตัดศีรษะซอกซัวสีกับเอาแผนที่บ้านเมืองมาถวายพระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้ยังเมืองหลวง แล้วทูลว่าพระองค์ได้เป็นกษัตริย์ พวกข้าพเจ้าและราษฎรก็ย่อมสรรเสริญพระเดชพระคุณพระเกียรติยศอยู่เป็นนิจ แต่พวกข้าพเจ้านี้เป็นคนบุญน้อยวาสนาน้อย จึงได้ไปอยู่ที่เมืองซอกซัวสี ๆ ไม่เมตตาเวทนาแก่พวกข้าพเจ้าเลย เที่ยวทำข่มเหงชาวบ้านต่าง ๆ และฆ่ากิบุนขุนนางที่พูดทัดทานนั้นเสีย พวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก จึงได้ช่วยกันจับตัวซอกซัวสีฆ่าเสีย แล้วตัดเอาศีรษะและนำแผนที่บ้านเมืองมาถวาย ขอพระองค์จงได้โปรดยกโทษให้แก่พวกข้าพเจ้าด้วย พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า ธรรมดาเป็นเจ้าเมืองมิได้อยู่ในยุติธรรมแล้วราษฎรก็ไม่มีความสุข ซึ่งพวกท่านฆ่าซอกซัวสีเสียนั้นมีความชอบต่อแผ่นดินหามีความผิดไม่ พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้ตรัสแล้วก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้แก่ราษฎรตามความชอบ แล้วให้กลับไปบ้านเมืองตามเดิม ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้ ยิ่งประพฤติยุติธรรมยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน หัวเมืองต่างประเทศก็พากันมาสามิภักดิ์ มีเขตแดนข้างทิศใต้ไปถึงเมืองเกาจิ ข้างทิศเหนือไปถึงเมืองฮิวโต ข้างทิศตะวันออกไปถึงเมืองเอียงก๊ก ข้างทิศตะวันตกไปถึงเมืองซำงุ่ย และผู้รักษาเมืองซึ่งขึ้นอยู่นั้นก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรมีความสุข อยู่มาพระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้เสด็จเที่ยวทอดพระเนตรตรวจดูหัวเมืองฝ่ายทิศใต้ เสด็จไปพักอยู่ที่ตำบลบ้านจือถูแขวงเมืองเซียงซา ประชวรสิ้นพระชนม์อยู่ที่ตำบลนั้น พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งสีฮ่องเต้พระชันษาได้ร้อยแปดสิบปี อยู่ในราชสมบัติได้ร้อยยี่สิบปีสิ้นพระชนม์