๕๖

พระราชวงศานุวงศ์และบรรดาพวกขุนนางก็พากันเชิญพระศพพระเจ้าต้งกังเต้ใส่หีบไม้หอมแห่ไปฝังไว้ที่ตำบลอั้นอิบตามราชประเพณีพระศพกษัตริย์ เสร็จแล้วอื้อเอี๋ยนกับพวกขุนนางก็พากันยกไถจู๊เสียงขึ้นเป็นกษัตริย์ ขนานพระนามว่าพระเจ้าเสียงเต้ ๆ ครองราชสมบัติได้สองเดือน อื้อเอี๋ยนก็ถึงแก่กรรม

ฝ่ายโฮ่งี้แจ้งความว่า อื้อเอี๋ยนถึงแก่กรรมแล้วมีความยินดีนัก ด้วยคิดจะประทุษร้ายพระเจ้าเสียงเต้ได้โดยง่าย โฮ่งี้คิดเห็นอุบายได้ข้อหนึ่งแล้ว โฮ่งี้จึงเข้าไปทูลพระเจ้าเสียงเต้ว่า กำแพงเมืองและหอรบในเมืองหลวงนี้ชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังเป็นอันมาก ไม่ควรที่พระองค์จะอยู่ในพระนครนี้ ครั้นจะซ่อมแซมทำใหม่ก็จะลำบากแก่ไพร่บ้านพลเมือง ทั้งจะเปลืองพระราชทรัพย์หลวง ข้าพเจ้าเห็นว่าที่เมืองเสี่ยงคิวนั้นชัยภูมิที่ก็ดี กำแพงเมืองและหอรบก็แน่นหนามั่นคงสมควรจะตั้งเป็นเมืองหลวงได้ ขอพระองค์จงเสด็จไปอยู่ ณ เมืองเสี่ยงคิวนั้นเถิด เห็นจะมีความสุขแก่พระองค์มาก พระเจ้าเสียงเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงปรึกษาด้วยบรรดาขุนนางทั้งปวง ๆ จะทูลทัดทานไว้ก็กลัวโฮ่งี้จะมีใจอาฆาตพยาบาท เกลือกว่าจะมีอันตรายขึ้นเมื่อภายหลัง ก็พากันนิ่งอยู่มิได้มีผู้ใดทูลทัดทานประการใด ทูลแต่ว่าสุดแล้วแต่พระองค์จะชอบพระอัธยาศัยเถิด ขณะนั้นโฮ่งี้ทูลว่า ซึ่งข้าพเจ้าทูลดังนี้พระองค์อย่าได้สงสัยพระทัยเลย ขอเชิญเสด็จไปอยู่ที่เมืองเสี่ยงคิวเถิด พระเจ้าเสียงเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็รับสั่งให้โหรหาฤกษ์ ให้ขุนนางจัดแจงตระเตรียมครอบครัวจะได้ยกไปตามเสด็จ รับสั่งแล้วก็เสด็จเข้าข้างใน รับสั่งให้ฝ่ายในจัดการซึ่งจะไปเมืองเสี่ยงคิว

ฝ่ายโฮ่งี้นั้นคิดอุบายไว้ว่า ถ้าพระเจ้าเสียงเต้ไม่รู้ในกลอุบายเราแล้วและยกไปเมืองเสี่ยงคิว เราจะให้ทหารปลอมเป็นโจรไปคอยกลางทาง ออกสกัดจับตัวพระเจ้าเสียงเต้ให้ได้ ครั้นพระเจ้าเสียงเต้เชื่อถ้อยคำแล้วก็มีความยินดีออกจากที่เฝ้าไปถึงบ้าน บอกความซึ่งคิดไว้นี้แก่ ฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนสี่นาย ซึ่งเป็นคนสนิทให้คุมทหารไปซุ่มคอยทำร้ายพระเจ้าเสียงเต้ ฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนสี่นายพร้อมกันจึงว่าแก่โฮงี้ว่า ซึ่งท่านจะชิงราชสมบัติพระเจ้าเสียงเต้นั้น พระเจ้าเสียงเต้ชุบเลี้ยงท่านถึงขนาดได้เป็นใหญ่กว่าขุนนางทั้งปวงแล้ว พวกขุนนางก็มีความยำเกรงนับถือ มิได้มีผู้ใดหมิ่นประมาทท่าน ๆ ก็เปรียบเหมือนเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว ไม่ควรท่านจะทำลายพระเจ้าเสียงเต้ให้บ้านเมืองเกิดจลาจลมีความรำคาญแก่ราษฎรขึ้น ประการหนึ่งถึงโดยมาตรว่าท่านชิงเป็นฮ่องเต้ได้ทั้งนี้แล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านจะไม่มีความสุข เพราะพวกจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งปวงเขาทราบความแล้วจะไม่ยอม จะพากันยกกองทัพมากระทำอันตรายแก่ท่าน ก็จะเกิดลุกลามรบพุ่งเป็นศึกใหญ่ ไพร่บ้านพลเมืองจะมิพากันตายหรือ ถ้าท่านคิดทะนุบำรุงพระเจ้าเสียงเต้ไว้ให้เจริญอยู่ในราชสมบัติแล้วชื่อเสียงก็จะปรากฏไปภายหน้า ความสุขและชื่อเสียงก็จะมีสืบบุตรและหลานของท่านต่อไป จะมิดีกว่าคิดเป็นเจ้าอีกหรือ โฮ่งี้ได้ฟังดังนั้นก็มีความละอายจึงได้งดการอันนี้ไว้ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าโฮ่งี้ก็เข้าไปเตรียมรับพระเจ้าเสียงเต้ในพระราชวัง ครั้นขุนนางข้าราชการเตรียมพร้อมแล้ว พระเจ้าเสียงเต้ก็เสด็จไปเมืองเสี่ยงคิวพร้อมด้วยฝ่ายในและทแกล้วทหารข้าราชการทั้งปวง ตั้งแต่นั้นมาโฮ่งี้กังฉินไม่มีความสบายเลย ด้วยการที่คิดจะชิงสมบัติพระเจ้าเสียงเต้นั้นยังไม่สำเร็จสมคิดเป็นสองใจอยู่

ฝ่ายฮันฉกและเปกเหมงคนโกงเป็นคนสนิทของโฮ่งี้กังฉิน เห็นโฮ่งี้เศร้าโศกมีความไม่สบาย จึงพากันเข้าไปถามโฮ่งี้ ๆ จึงว่าเรามีความลับอยู่ในใจจะเล่าให้ท่านทั้งสองฟัง เจ้าอย่าได้พูดจาแพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ต่อไป ฮันฉก เปกเหมงจึงว่าตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้ามาสามิภักดิ์เป็นคนสนิทที่รักของท่านนั้น ท่านยังได้รู้เห็นว่าข้าพเจ้าได้ทำความที่ไม่ชอบใจของท่านสิ่งหนึ่งสิ่งใดบ้าง ท่านอย่าได้สงสัยกินใจข้าพเจ้าทั้งสองเลย โฮ่งี้ได้ฟังดังนั้นก็เห็นจริงด้วย จึงเล่าความที่ใช้ให้ฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนไปคิดร้ายพระเจ้าเสียงเต้นั้นให้ฮันฉกเปกเหมงฟัง ฮันฉกเปกเหมงจึงว่าท่านก็เป็นถึงผู้ใหญ่ได้ว่าราชการทั้งปวงแล้ว แต่คิดการนั้นหาสมการไม่ วิสัยธรรมดาจะหว่านข้าวก็ต้องพูดจาปรึกษาแก่ชาวบ้าน ถ้าจะทอผ้าก็ต้องปรึกษาช่างหูก ซึ่งท่านไปปรึกษาแก่ฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนนั้น คนเหล่านี้เป็นคนเรียนหนังสือไม่ใช่ทหาร ถ้าและท่านพูดจาปรึกษาแก่ข้าพเจ้าแต่เดิมนั้น การอันนี้ก็จะสำเร็จแล้ว ถึงท่านเดี๋ยวนี้ถ้าท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าแล้วก็คงจะสมความปรารถนา โฮ่งี้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงถามว่าท่านคิดเห็นอุบายประการใดจงพูดไปเถิด ควรเราจะเชื่อเราจะได้เชื่อ ฮันฉกเปกเหมงทั้งสองจึงว่า บัดนี้พระเจ้าเสียงเต้พึ่งแรกเสด็จมาอยู่เมืองเสี่ยงคิวใหม่ ท่านจงทูลเป็นอุบายให้พระเจ้าเสียงเต้เสด็จไปทอดพระเนตรเขตแดนเมืองเสี่ยงคิวได้แล้ว เราจึงลอบจับพระเจ้าเสียงเต้ที่กลางทาง แล้วท่านจะเป็นกษัตริย์เห็นจะไม่ขัดขวาง เพราะด้วยขุนนางทั้งหลายอยู่ในอำนาจท่านทั้งสิ้น โฮ่งี้ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย ครั้นรุ่งขึ้นเช้าโฮ่งี้จึงเข้าไปทูลพระเจ้าเสียงเต้ว่า บ้านเมืองราษฎรและชัยภูมิบ้านเมืองเสี่ยงคิวนี้พระองค์ก็ยังไม่ได้ทอดพระเนตร ขอเชิญพระองค์จงเสด็จไปเลียบพระนคร ราษฎรจะได้ชมเชยและจะได้ทอดพระเนตรบ้านเมืองนั้นด้วย พระเจ้าเสียงเต้ได้ทรงฟังดังนั้นไม่มีความสงสัย จึงรับสั่งให้ขุนนางจัดการตามเสด็จเสร็จแล้ว รุ่งขึ้นเช้าพระเจ้าเสียงเต้ก็เสด็จไปด้วยโฮ่งี้และขุนนางทั้งปวง ครั้นพระเจ้าเสียงเต้เสด็จไปได้ทางประมาณสิบลี้คือร้อยหกสิบหกเส้นเศษ ครั้นพระเจ้าเสียงเต้เสด็จไปถึงที่ประทับร้อนแล้ว ก็บังเกิดเป็นพระโรคลมปัจจุบันสวรรคตอยู่ที่นั้น พระเจ้าเสียงเต้ครองราชสมบัติได้ยี่สิบเจ็ดปี พระชนม์ได้สี่สิบสองปี

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ