๒๒

ครั้นเสด็จไปถึงซัวไซริมทะเลข้างทิศเหนือนั้นเป็นป่าพงมีเขาและต้นไม้นั้นก็มาก ทรงทอดพระเนตรเห็นบุรุษผู้หนึ่งร้องเพลง มือถือจอบฟันดินทำนาพลาง พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ทรงพระดำริว่า บุรุษผู้นี้รูปร่างดีมีลักษณะสมควรที่จะเป็นนักปราชญ์ จึงรับสั่งให้ขุนนางไปถามชื่อและแซ่บุรุษผู้นั้นตามรับสั่ง บุรุษผู้นั้นจึงว่าธรรมดาเป็นมหากษัตริย์และเป็นขุนนางนั้นนิสัยต่าง ๆ ประพฤติการก็ไม่เหมือนกัน แต่ข้าพเจ้านี้เป็นคนทำไร่ทำนา หาควรที่ท่านจะมาถามชื่อและแซ่ข้าพเจ้า ขุนนางผู้นั้นก็นำเอาเนื้อความมากราบทูล พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ทรงพระดำริว่า บุรุษผู้นี้เห็นจะเป็นนักปราชญ์โดยแท้ ก็ทรงพระโสมนัสยินดีเสด็จลงจากรถ ทรงพระดำเนินเข้าไปริมบุรุษผู้นั้น ๆ เห็นแล้วจึงวางจอบคุกเข่าลงคำนับ พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ยื่นหัตถ์ทรงจับมือให้ยืนขึ้น แล้วจูงมือบุรุษผู้นั้นเสด็จกลับมารถพระที่นั่ง จึงตรัสถามว่าท่านนี้เป็นนักปราชญ์ทำไมจึงมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่ไปทำราชการช่วยรักษาแผ่นดิน บุรุษผู้นั้นจึงทูลว่า ธรรมดาผู้ซึ่งทำราชการก็ต้องประมาณตัวของตัวก่อน ถ้าวาสนาของตัวเพียงไหนก็ตั้งใจทำแต่เสมอเพียงนั้นอย่าให้เหลือเกินไป พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้จึงตรัสถามชื่อและแซ่บุรุษผู้นั้น ๆ ทูลว่า ข้าพเจ้าแซ่ฮวงชื่อโฮ เป็นคนไม่มีสติปัญญาจึงได้อุตส่าห์ทำไร่นาหาเลี้ยงชีวิตอยู่ที่นี่ พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ซักไซ้ไต่ถามไล่เลียงวิชาความรู้ของฮวงโฮ ๆ ก็กราบทูลแก้ไขได้ทุกสิ่ง พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ทรงว่าเป็นนักปราชญ์ จึงสั่งให้ขุนนางจัดรถให้ฮวงโฮรถหนึ่ง ตรัสว่าท่านจงไปทำราชการอยู่กับเราเถิด ครั้นเสด็จไปถึงฝั่งแม่น้ำตำบลหนึ่ง พระเจ้าอึ้งตี่ทอดพระเนตรเห็นชายอีกผู้หนึ่งหาบฟืนเดินออกมาจากป่า ชายผู้นั้นมีลักษณะโตใหญ่แข็งแรงรูปร่างสมที่จะเป็นนายทหาร พระองค์จึงเสด็จลงจากราชรถ ทรงพระราชดำเนินเสด็จไปตรัสด้วยชายผู้นั้นว่า เราดูลักษณะท่านควรจะเป็นทหารได้ เหตุใดจึงมาเที่ยวตัดฟืนอยู่ไม่ไปช่วยกันทะนุบำรุงรักษาแผ่นดิน ชายผู้นั้นคุกเข่าลงคำนับแล้วทูลว่า ข้าพเจ้ามีสติปัญญาน้อยจึงได้มาแอบแฝงตัดฟืนขายเลี้ยงชีวิตอยู่ที่ในป่าแถวนี้ พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้จึงตรัสถามว่าตัวท่านแซ่ใดชื่อใด ชายผู้นั้นทูลว่าข้าพเจ้าแซ่เหล๊กชื่อมอก พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็โสมนัส ด้วยได้สมดังพระทัยที่ทรงทำนายในข้อพระสุบินของพระองค์นั้น จึงผินพระพักตร์มาตรัสแก่ขุนนางทั้งปวงว่า คนทั้งสองนี้มีชื่อสมกับความฝันของเรา รับสั่งดังนั้นแล้วก็พาฮวงโฮกับเหล๊กมอกเสด็จกลับเข้าพระราชวัง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าจึงเสด็จออกข้างหน้า ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมาประชุมพร้อมกันแล้ว จึงรับสั่งให้หาตัวฮวงโฮ เหล๊กมอกเข้าเฝ้าพร้อมด้วยขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ก็ตั้งฮวงโฮให้เป็นที่ใจเสียง คืออุปราช ฝ่ายขวากับให้ว่าที่หลีซือ คือราชการฝ่ายทิศเหนือ ตั้งเหล๊กมอกให้เป็นเสี้ยงเสี่ยง คือเป็นแม่ทัพใหญ่ว่าฝ่ายทหาร แล้วตั้งไช้เซียเป็นที่หลมกัวผู้ชำนาญในชัยภูมิที่ตำบลบ้านเมือง แล้วตั้งชังเหลงให้เป็นที่ชื่อซือผู้ชำนาญในฝ่ายทิศตะวันออก ตั้งจอกเอียงให้เป็นที่จือถูผู้ชำนาญในฝ่ายทิศตะวันตก ครั้นพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ตั้งขุนนางเสร็จแล้ว ก็พระราชทานพรให้บรรดาขุนนางเหล่านั้นรับพรแล้วมีความยินดี สามิภักดิ์ช่วยทะนุบำรุงแผ่นดินโดยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งแต่นั้นมาบ้านเมืองก็เรียบร้อยเป็นปกติ ราษฎรมีความสุขเจริญขึ้นเป็นอันมาก ครั้นอยู่มาคืนหนึ่งเวลายามสาม พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้บรรทมหลับอยู่ในที่ ทรงพระสุบินว่ามีมังกรสองตัวขึ้นมากลางพระมหาสมุทร ยื่นกระดาษขาวมีตัวอักษรให้พระองค์ ครั้นตื่นจากบรรทมแล้วจึงทรงดำริในพระสุบินว่า ฝันครั้งก่อนนั้นก็ได้ถูกต้องสมดังความฝันครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งฝันครั้งนี้จะมีเหตุดีร้ายประการใดก็ไม่แจ้ง และมังกรนั้นก็เป็นสัตว์อยู่ในน้ำให้อักษรแก่เราก็เห็นจะเป็นการมงคลอันดี พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ทรงพระดำริฉะนี้แล้ว ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าก็ทรงพระชำระสรีรกายให้บริสุทธิ์ เสวยพระกระยาหารบวชคือรักษาศีล แล้วเสด็จออกที่ว่าราชการ ทรงเล่าพระสุบินของพระองค์ให้ขุนนางทั้งปวงฟัง

ขณะนั้นเทียนเหลาขุนนางผู้หนึ่งจึงทูลว่าซึ่งพระองค์ทรงพระสุบินว่ามังกรให้กระดาษขาวนั้น ขอเชิญพระองค์เสด็จไปที่ริมฝั่งแม่น้ำก็จะได้สิ่งของสำคัญดังที่พระองค์ทรงพระสุบินนั้นเป็นแน่ พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงเสด็จไปพร้อมด้วยขุนนางข้าราชการทั้งปวง ครั้นถึงริมฝั่งแม่น้ำชุยงุ่ยซอนทอดพระเนตรเห็นปลาใหญ่ตัวหนึ่งว่ายตามน้ำมาจึงตรัสกับเทียนเหลาว่า ท่านแลเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่ เทียนเหลาทูลว่า ครั้งนี้จะสมดังพระสุบินของพระองค์ พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้จัดโต๊ะเครื่องบูชาแล้วพระองค์คำนับแล้วประกาศว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ได้ขุนนางหกคนมาเป็นผู้ใหญ่ให้ว่าราชการแผ่นดิน ข้าราชการและราษฎรก็มีความสุขด้วยกัน เมื่อเวลาคืนนี้ข้าพเจ้าฝันเห็นเป็นอัศจรรย์จึงได้มาตั้งโต๊ะเครื่องบูชา ถ้าแม้นอันตรายจะเกิดมีแก่ข้าพเจ้าประการใด หรือว่าจะเป็นการสวัสดีมงคลด้วยข้าพเจ้าได้ทะนุบำรุงให้ราษฎรมีความสุขทั้งแผ่นดินนั้น ขอเทพยดาจงได้สำแดงซึ่งความดีความชั่วให้เห็นประจักษ์แก่ข้าพเจ้าในคราวนี้เถิด ครั้นพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ประกาศดังนั้นแล้วปลาใหญ่ตะพายหีบมีกระดาษเขียนอักษรอยู่ในหีบว่ายเข้ามาริมฝั่งโดดขึ้นบนบก ถวายหีบที่ใส่กระดาษมีอักษรนั้นให้พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ ๆ ทรงพระดำริว่า ของอันนี้เห็นจะเป็นการมงคลเป็นแน่ พระองค์จึงคำนับแล้วรับเอาหีบไว้ ปลาใหญ่นั้นก็กระโดดลงน้ำหายไป พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้เปิดหีบออกทอดพระเนตร เห็นจารึกอักษรอยู่ในกระดาษว่า โตลก ก็ทรงทราบว่าเป็นตำราละยิดมีพระทัยโสมนัสว่าเป็นของวิเศษ จึงรับสั่งให้พวกขันทีถือตามเสด็จไป พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ก็พาข้าราชการเสด็จกลับเข้าพระราชวัง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ