๕๘
ฝ่ายฮันฉกทราบความว่าเซียวคังพระราชโอรสพระเจ้าเสียงเต้เติบใหญ่ขึ้นก็มีความวิตก กลัวว่าเซียวคังจะมาชิงเอาราชสมบัติ จึงปรึกษาแก่พวกขุนนาง ๆ ก็พากันนิ่งอยู่มิได้ว่ากล่าวประการใด ฮันฉกก็กลับเข้าข้างใน กิตติศัพท์อันนี้รู้ไปถึงเซียวคัง ๆ กำลังและพาหนะยังน้อยอยู่กลัวฮันฉกจะยกมาตามประทุษร้าย ก็หนีไปอยู่ด้วยอีวง่อเฮ้าเจ้าเมืองอีวง่อก๊ก เจ้าเมืองอีวง่อก๊กไม่รู้ว่าเซียวคังเป็นพระราชโอรสพระเจ้าเสียงเต้ก็ตั้งเซียวคังเป็นที่เจียเภาสำหรับดูแลว่ากล่าวในการพ่อครัว ครั้นอีวง่อเฮ้าเห็นเซียวคังมีลักษณะดีคงจะมีวาสนา จึงยกบุตรหญิงสองคน ๆ หนึ่งชื่อนางซอกเอ๋ง คนหนึ่งชื่อนางเต๊กอ๋องให้เป็นภรรยาเซียวคังทั้งสองคน แล้วตั้งเซียวคังให้เป็นผู้รักษาเมืองอีลุนซึ่งเป็นเมืองขึ้นอีวง่อก๊ก แล้วจัดที่นาให้เซียวคังกว้างลี้หนึ่งยาวลี้หนึ่ง คือกว้างสิบเส้นยาวสิบเส้น กับคนห้าสิบคนสำหรับทำนาให้เซียวคัง ๆ มีความยินดี จึงพาบุตรภรรยาไปอยู่ ณ เมืองอีลุน เกลี้ยกล่อมทะนุบำรุงไพร่บ้านพลเมืองไว้เป็นอันมาก ปรารถนาจะกำจัดฮันฉกกังฉิน คือเอาราชสมบัติของพระเจ้าเสียงเต้ผู้เป็นพระราชบิดาให้ได้
ฝ่ายฮูมีขุนนางในพระเจ้าเสียงเต้ ซึ่งหนีโฮ่งี้ออกมาอยู่ที่เมืองอิวจอกสีนั้น ทราบความว่าซึ่งเซียวคังพระราชบุตรพระเจ้าเสียงเต้เติบใหญ่ ได้บุตรหญิงอีวง่อเฮ้าเจ้าเมืองอีวง่อก๊กเป็นภรรยา แล้วก็เกลี้ยกล่อมราษฎรไว้เป็นอันมาก ฮูมีก็มีความยินดี จึงไปบอกความแก่อีวจอกเฮ้าเจ้าเมืองอีวจอกสี ขอให้ยกกองทัพไปช่วยกำจัดฮันฉกกังฉิน คืนเอาราชสมบัติให้แก่เซียวคัง
ฝ่ายอีวจอกเฮ้าทราบความอันนี้ก็มีความยินดี จึงว่าซึ่งเราจะยกกองทัพไปแต่เมืองเดียวนั้นกลัวจะทำการไม่สำเร็จได้โดยสะดวก จะต้องมีไปถึงเซียวคัง ให้เซียวคังชักชวนอีวง่อเฮ้าเจ้าเมืองอีวง่อก๊กซึ่งเป็นบิดาภรรยาเซียวคัง ให้ยกกองทัพไปช่วยด้วย แล้วเราจะมีหนังสือไปถึงอีวเย่งเฮ้าเจ้าเมืองอีวเย่งก๊ก ซึ่งเป็นตาของเซียวคัง ให้ยกกองทัพมาที่เมืองอีวง่อก๊ก จะได้เข้าสมทบบรรจบกันยกกองทัพไปกำจัดฮันฉกกังฉินออกเสียจากราชสมบัติ ฮูมีจึงว่าท่านคิดดังนี้ข้าพเจ้าเห็นชอบด้วย ครั้นพูดจากันแล้ว อีวจอกเฮ้าเขียนหนังสือตามซึ่งคิดไว้กับฮูมีให้คนใช้ถือไปให้เซียวคัง และอีวเย่งเฮ้าแล้วอีวจอกเฮ้ากับฮูมีก็คุมทหารห้าพันยกกองทัพไปเมืองอีวง่อก๊ก
ฝ่ายเซียวคัง ครั้นคนใช้อีวจอกเฮ้านำหนังสือมาคำนับแล้วส่งให้อ่านหนังสือแจ้งความแล้วก็มีความยินดี จึงนำผู้ถือหนังสือกับหนังสือนั้นไปแจ้งความแก่อีวง่อเฮ้าซึ่งเป็นบิดาของภรรยา
ฝ่ายอีวง่อเฮ้าคลี่หนังสืออ่านดูแจ้งความว่า เซียวคังนี้เป็นพระราชโอรสพระเจ้าเสียงเต้ก็มีความสะดุ้งตกใจ ด้วยเดิมหารู้ว่าเซียวคังเป็นพระราชบุตรกษัตริย์ไม่ จึงคิดว่าซึ่งเราดูลักษณะเซียวคังนานไปภายหน้าจะมีวาสนาและยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยาเซียวคังนั้น ก็ไม่เสียทีที่ได้ดูลักษณะมาแต่ก่อน คิดแล้วก็ยิ่งมีความยินดีนัก จึงนึกแต่ในใจว่า ปลูกเม็ดถั่วก็ได้ถั่วเม็ดมาก ปลูกเม็ดแตงก็ได้ผลแตงมาก นึกดังนั้นแล้วจึงว่ากับเซียวคังพระราชโอรสว่า ท่านจงตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อมคอยท่าจูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งสองยกกองทัพมาสมทบถึงเมื่อใด ก็จะได้พากันยกไปปราบพวกกังฉินเมื่อนั้น จะได้แก้แค้นพวกกังฉินสักครั้งหนึ่ง แล้วก็ได้ราชสมบัติคืนมาด้วย เซียวคังพระราชโอรสได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี ออกมาจัดทหารไว้ได้หมื่นสองพัน พร้อมเสร็จด้วยเครื่องสรรพศัสตราวุธ
ฝ่ายอีวเย่งเฮ้า ครั้นคนใช้อีวจอกเฮ้านำหนังสือมาส่งให้แจ้งความแล้วก็จัดทหารห้าพันรีบยกไปถึงเมืองอีวจอกก๊ก พบกับอีวจอกเฮ้าและฮูมีก็คำนับกันตามธรรมเนียม
ฝ่ายเซียวคังพระราชโอรสกับอีวง่อเฮ้านั้นออกมาต้อนรับให้เข้าไปในเมืองแล้วจัดโต๊ะเลี้ยง และเมื่อกำลังกินโต๊ะอยู่นั้น อีวเย่งเฮ้าซึ่งเป็นตาเซียวคังนั้นร้องไห้เพราะด้วยตัวไม่สู้ชำนาญในการศึก ฮูมีเห็นดังนั้นจึงว่าจะพากันไปกำจัดฮันฉกกังฉินครั้งนี้เป็นการใหญ่ ซึ่งท่านจะมาทำใจเสาะและร้องไห้ดุจดังสตรีดังนี้หาควรไม่ จะได้พูดจาปรึกษาจัดการทัพศึกไปปราบปรามพวกคิดกบฏที่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน หารือกันในการทัพศึกทำสงครามรบพุ่งจึงจะชอบ ธรรมดาเกิดมาเป็นชายได้ทำราชการตำแหน่งทหารแล้ว บ้านเมืองเกิดเป็นจลาจลขึ้นโจรผู้ร้ายวิ่งราวแย่งชิงกันและกันก็มากชุกชุมขึ้น จนถึงเจ้านายได้ความลำบากยากแค้น ขุนนางและราษฎรมีความร้อนรนวุ่นวายไปทั่วทั้งสี่ทิศ เมื่อท่านทำใจคอย่อท้อดังนี้ หาควรแก่การที่เกิดเป็นยุคเข็ญขึ้นในคราวนี้ไม่ ต้องคิดปราบปรามพวกกังฉินให้ราบคาบเสียแล้ว จะได้ยกไถจู๊เซียวคังขึ้นเป็นกษัตริย์ ขุนนางและราษฎรจะไม่ได้แตกตื่นไป อีวเย่งเฮ้าจึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าจะได้ขี้ขลาดในการรบพุ่งนั้นหามิได้ ด้วยข้าพเจ้าได้ร่ำเรียนหนังสือและอักษรนั้นจะยากและผันแปรลึกซึ้งประการใด ข้าพเจ้าก็อุตส่าห์ศึกษาร่ำเรียนให้ชัดเจนทุกสิ่งทุกข้อ แต่หนังสือตำราพิชัยสงครามนั้นไม่ได้ศึกษาร่ำเรียนเลย เพราะดังนี้จึงได้มีความเสียใจร้องไห้ พูดแล้วอีวเย่งเฮ้าก็หยุดร้องไห้ แต่อิวเย่งเฮ้านั้นมีความละอายอยู่ จึงพูดว่าเราพากันยกเข้าไปคิดกำจัดฮันฉกโดยเร็วอย่าทันให้ฮันฉกรู้ตัว เวลาพรุ่งนี้เป็นวันขึ้นค่ำหนึ่งเดือนเก้า ฤกษ์ดีเป็นมหาพิชัยฤกษ์ เราจงพากันยกกองทัพไปโดยเร็วเถิด จูเฮ้าทั้งสองกับฮูมีเห็นชอบด้วย แล้วอิวเย่งเฮ้าอีวจอกเฮ้ากับฮูมีก็คำนับลาอีวง่อเฮ้ากับเซียวคังไปที่อยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าก็พากันยกกองทัพสมทบไปพร้อมกัน รวมเป็นทหารสองหมื่นสามพัน ยกไปตั้งค่ายอยู่ห่างเมืองหลวงประมาณสามสิบลี้ คือห้าร้อยเส้นแล้วเขียนหนังสือนัดรบให้คนใช้ถือเข้าไปให้ฮันฉก
ฝ่ายฮันฉกทราบความในหนังสือนัดรบนั้นแล้วก็ตกใจ จึงตรัสแก่ขุนนางว่า เซียวคังพระราชบุตรพระเจ้าเสียงเต้กับพวกจูเฮ้าผู้รักษาเมืองพากันยกกองทัพเข้ามารบเราครั้งนี้ ขุนนางทั้งปวงจะคิดเห็นประการใด พวกขุนนางได้ฟังดังนั้นก็พากันนิ่งอยู่