๔๗

ฝ่ายจูเฮ้าเจ้าเมืองหนึ่งชื่อกุนตุนเฮา เมืองหนึ่งชื่อช่งกีเฮา เมืองหนึ่งชื่อเตาง่วนเฮา เมืองหนึ่งชื่อเฮาเจียนเฮา สี่เมืองนี้อยู่ทิศใต้ เมืองหนึ่งชื่อ กังกงเฮา เมืองหนึ่งชื่อเจงกุนเฮา เมืองหนึ่งชื่อฮวนเตา ผู้รักษาเมืองทั้งสามนี้แซ่ซำเงี่ยวสีอยู่ทิศตะวันออก พวกจูเฮ้าทั้งเจ็ดเมืองนี้ไม่ได้ขึ้นแก่พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้มาแต่เดิม พากันประพฤติเป็นพาลเที่ยวตีบ้านเล็กเมืองน้อย เบียดเบียนราษฎรในแขวงเมืองซึ่งขึ้นแก่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้เนือง ๆ จูเฮ้าที่เป็นเมืองขึ้นแก่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้มีหนังสือบอกเข้าไปให้เจ้าพนักงานทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ ได้ทราบความแล้วจึงตรัสแก่พวกขุนนางว่า เมื่อครั้งพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่นั้น ท่านทรงจัดแจงแต่การในเมืองหลวงและหัวเมืองเท่านั้น จึงไม่ได้คิดปราบปรามพวกจูเฮ้าทั้งเจ็ดเมืองนี้ พวกจูเฮ้าทั้งเจ็ดเมืองนี้จึงพากันกำเริบต่าง ๆ เราจะต้องคิดปราบปรามเสียให้ราบคาบจึงจะได้ นานไปเบื้องหน้าจึงจะไม่มีเสี้ยนศัตรู ท่านผู้ใดจะรับอาสาเป็นแม่ทัพออกไปกำจัดได้บ้าง พวกขุนนางจึงพากันกราบทูลว่า พระองค์ครองราชสมบัติมาได้ยี่สิบปีเศษแล้ว ราษฎรสรรเสริญว่าพระองค์ทรงประพฤติการยุติธรรมเหมือนพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ กิตติศัพท์เลื่องลือทั่วทุกนานาประเทศ ซึ่งพระองค์ทรงพระราชดำริจะให้ยกกองทัพไปปราบปราบพวกจูเฮ้าทั้งเจ็ดเมืองนั้น ขอพระองค์จงได้งดไว้ก่อน พวกจูเฮ้าซึ่งประพฤติเป็นพาลอยู่ข้างทิศใต้สี่เมืองนั้นต่างแซ่กัน เห็นจะไม่สู้แข็งแรงนัก พระองค์รับสั่งให้เจ้าพนักงานแต่งหนังสือไปตักเตือนสติเสียสักครั้งหนึ่งก่อน ให้กลับใจเสียใหม่อย่าให้เที่ยวเบียดเบียนราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนเหมือนที่เคยประพฤติ ให้ประพฤติตามอย่างธรรมเนียมหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่พระองค์ ถ้าดื้อดึงไม่กระทำตามหนังสือรับสั่งแล้วก็จะยกกองทัพไปกำจัดเสีย พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังขุนนางทูลดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงตรัสว่าท่านจะให้มีหนังสือไปว่ากล่าวก่อนนั้นก็ชอบอยู่ แต่พวกจูเฮ้าซึ่งแข็งเมืองอยู่ทิศตะวันออกอีกสามเมืองนั้นท่านจะคิดประการใดเล่า

ขณะนั้นอู๋ผู้เป็นที่ซีคงจึงทูลว่าเมืองทั้งสามซึ่งอยู่ข้างทิศตะวันออกนั้น ขอพระองค์ได้งดไว้ก่อน คิดผ่อนแต่การสี่หัวเมืองข้างทิศใต้นั้นเสียให้สงบเรียบร้อยก่อน ดูหรือจะกระทำตามหนังสือรับสั่งหรือ ๆ จะดื้อดึงขัดขืนไม่ทำตามประการใดนั้นก็ยังไม่แจ้ง ถ้าจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสี่ไม่ขัดขืนกระทำตามหนังสือรับสั่งของพระองค์แล้ว จึงมีหนังสือไปว่ากล่าวแก่จูเฮ้าสามเมืองข้างทิศตะวันออกต่อภายหลัง พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานแต่งหนังสือให้ขุนนางถือไปว่ากล่าวจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสี่ข้างทิศใต้ตามคำขุนนางทูล

ฝ่ายจูเฮ้าเจ้าเมืองข้างทิศใต้ทั้งสี่เมืองนั้น ครั้นได้หนังสือรับสั่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้แล้วก็มีความวิตกไม่สบายใจ พวกราษฎรในแขวงทั้งสี่นั้นแจ้งความว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้ขุนนางถือหนังสือรับสั่งไปถึงจูเฮ้าเจ้าเมือง ก็อยากจะใคร่แจ้งเนื้อความพากันมาถามขุนนางผู้ถือหนังสือว่าจะเป็นเหตุประการใด ขุนนางผู้ถือหนังสือก็แจ้งความในหนังสือรับสั่งให้ราษฎรฟังทุกประการ พวกราษฎรก็พากันมีความยินดีพูดกันว่า บัดนี้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้มีพระทัยสอดส่องมาถึงพวกเรา ให้ขุนนางถือหนังสือมาว่ากล่าวแก่จูเฮ้านายเราให้ละความชั่วประพฤติเป็นยุติธรรม อย่าให้ข่มเหงราษฎรเหมือนแต่ก่อนนั้น ครั้งนี้พวกเราก็จะได้ความสุข

ฝ่ายจูเฮ้าทั้งสี่นั้นแจ้งความว่าพวกราษฎรรู้ความในหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้พากันมีความยินดีดังนั้น จูเฮ้าทั้งสี่ก็มาปรึกษากันว่า เราจะประพฤติตามหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ จะชุบเลี้ยงเราให้อยู่ดังนี้หรือ ๆ จะทำการโทษเราประการใดก็ยังไม่รู้ ด้วยพวกเราสี่คนนี้มีความผิดได้ข่มเหงเบียดเบียนราษฎรมากอยู่ ถ้าเราจะไม่ประพฤติตามหนังสือรับสั่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ ก็จะให้ยกกองทัพออกมารบพุ่งกับเราเป็นมั่นคง ตัวเราและพวกแปะแซ่จะหาความสุขที่ไหนได้ ประการหนึ่งราษฎรในเมืองของเราก็พากันมีความยินดีในหนังสือรับสั่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทั้งสิ้นแล้ว ซึ่งพวกเราจะคิดต่อสู้กันนั้นเห็นจะไม่ได้ จำเราจะต้องทิ้งบ้านเมืองพาครอบครัวไปอยู่กับเจ้าแผ่นดินสิอี้นอกเขตแดนจีนจึงจะพ้นภัย ด้วยเจ้าแผ่นดินสิอี้กับพวกเราก็ได้รู้จักคุ้นเคยกันทะนุบำรุงพวกเรา ครั้นปรึกษากันเห็นชอบพร้อมกันดังนั้นแล้ว จูเฮ้าเมืองทั้งสี่ก็พากันยกครอบครัวไปอยู่ด้วยเจ้าแผ่นดินสิอี้ ขุนนางผู้ถือหนังสือเห็นว่าจูเฮ้าทั้งสี่พาครอบครัวทิ้งบ้านเมืองหนีไปดังนั้น ก็กลับเข้ามาทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ แล้วพวกราษฎรในเมืองทั้งสี่นั้นก็พากันทำหนังสือเข้ามาให้ขุนนางทูลถวายพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ว่าจูเฮ้าเมืองเก่าหนีไปเสียแล้ว ขอให้ตั้งจูเฮ้าขึ้นใหม่ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ขุนนางผู้ถือหนังสือนั้น กลับไปป่าวร้องราษฎรให้ราษฎรประชุมเลือกหาผู้ที่มีสติปัญญาสัจธรรมทั้งสี่หัวเมือง ให้ยกกันขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่ง ถ้าได้แล้วจะได้พระราชทานตราตั้งให้ต่อภายหลัง ราษฎรทั้งสี่หัวเมืองก็เลือกหาผู้ที่มีสติปัญญาซื่อสัตย์ได้เมืองละคน จึงมีใบบอกไปเมืองหลวงให้ขุนนางทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ ทราบแล้วก็มีตราตั้งออกไปตั้งตามที่พวกราษฎรยกให้ผู้นั้นเป็นจูเฮ้า ตั้งแต่นั้นมาราษฎรในแขวงเมืองทั้งสี่เมือง และราษฎรในแขวงเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองทั้งสี่อีกเก้าสิบสองเมืองก็พากันได้ความสุข

ฝ่ายกังกงเฮาเจ้าเมืองกังกง และฮวนเตาเฮาเจ้าเมืองฮวนเตาซึ่งแข็งเมืองอยู่ทิศตะวันออกนั้น แจ้งความว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้ขุนนางถือหนังสือรับสั่งไปว่ากล่าวจูเฮ้าเมืองทั้งสี่ข้างทิศใต้ จูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสี่มีความตกใจกลัวพากันทิ้งเมืองหนีไปอยู่ด้วยเจ้าแผ่นดินสิอี้ กังกงเฮา ฮวนเตาเฮา สองคนมีความวิตกเพราะกลัวว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะมีหนังสือมาว่ากล่าวเหมือนดังนั้น จึงพากันไปหาเจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุน ซึ่งเป็นพวกพ้องของตัว ครั้นไปถึงแล้วต่างคนต่างคำนับกันตามธรรมเนียม กังกงเฮา ฮวนเตาเฮาสองคนจึงพูดจาปรึกษากับเจงกุนเฮาว่า ครั้งนี้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้ขุนนางถือหนังสือไปว่ากล่าวพวกจูเฮ้าทั้งสี่เมืองข้างทิศใต้ จูเฮ้าเมืองทั้งสี่ก็พากันทิ้งเมืองหนีไปอยู่ด้วยเจ้าแผ่นดินสีอี้ บัดนี้ข้าพเจ้าเกรงว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะมีหนังสือมาบังคับเรา ๆ จะคิดประการใด ฝ่ายเจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุนจึงว่า จูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสี่ข้างทิศใต้พากันทิ้งเมืองหนีไปอยู่ด้วยเจ้าแผ่นดินสีอี้นั้น ก็เพราะราษฎรไม่สมัครรักใคร่จึงแข็งเมืองอยู่ไม่ได้ ถ้าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะมีหนังสือมาบังคับเรา ๆ ก็ไม่ยอม ด้วยเราไม่ได้เบียดเบียนราษฎรฝ่ายเราให้ได้ความเดือดร้อนเหมือนกับจูเฮ้าเจ้าเมืองข้างทิศใต้ทั้งสี่นั้น ราษฎรและทแกล้วทหารของเราก็คงจะมีใจรักใคร่ช่วยเรารักษาบ้านเมือง ประการหนึ่งเสบียงอาหารของเราก็บริบูรณ์ กำแพงและหน้าที่เชิงเทินของเราก็มั่นคง เมืองเราก็อยู่ไกลกับพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทางแปดพันลี้หนทางจะไปกันดาร ถ้าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้ยกกองทัพมาทำร้ายแก่เรา ๆ จงพากันเกณฑ์ทหารและราษฎรเข้ามาช่วยกันรักษาบ้านเมือง และรักษาที่เขาช่องแคบไว้อย่าให้กองทัพเข้ามาได้ เป็นแต่รักษาตัวไว้ไม่สู้รบต่อตีให้กองทัพแตกไปกองทัพ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้สิ้นเสบียงอาหารลงแล้วก็คงจะกลับไปเอง ถ้าจะสู้รบต่อกันจนถึงแก่ล้มตายให้กองทัพแตกกลับไปนั้น พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็คงจะมีความโกรธพยาบาทแก่เรามากขึ้น เมืองเราก็จะยับเยินไปเหมือนพวกหลีทำแต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้นั้น กังกงเฮาเจ้าเมืองกังกง กับฮวนเตาเฮาเจ้าเมืองฮวนเตาได้ฟังเจงกุนเฮาว่าดังนั้นจึงว่า ท่านคิดดังนี้ก็เห็นชอบอยู่ แต่พวกราษฎรและทหารของเรานั้นจะสามิภักดิ์รักใคร่เราโดยสุจริตหรือ ๆ จะไม่รักเราประการใดเราก็ยังไม่รู้แน่ จำจะทำหมายประกาศลองใจทแกล้วทหารและราษฎรในเมืองเราและเมืองขึ้นของเราว่า พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ปราบปรามพวกจูเฮ้าเจ้าเมืองซึ่งแข็งเมืองอยู่ทิศใต้สี่เมืองนั้นหนีไปสิ้นแล้ว บัดนี้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะให้กองทัพยกมาปราบปรามพวกเรา ๆ จะคิดสู้รบกับกองทัพพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็กลัวจะต้านทานกำลังไม่ได้ ครั้นจะทิ้งบ้านเมืองหนีเอาตัวรอดเหมือนกับจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสี่นั้นก็มีความสงสารทแกล้วทหารและราษฎรทั้งปวง ด้วยเคยได้พึ่งได้อาศัยกันมาแต่ก่อน ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด เจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุนจึงว่า ซึ่งท่านทั้งสองคิดดังนี้ก็ชอบอยู่ แต่ทหารและราษฎรของข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าไว้ใจได้ไม่ต้องทดลอง แต่ทหารและราษฎรของท่านทั้งสองนั้น ท่านสงสัยแคลงใจอยู่ก็ต้องทดลองน้ำใจดูเสียให้รู้ก่อน ถ้าได้ความประการใดจงมาบอกแก่ข้าพเจ้าให้รู้ด้วย จะได้ช่วยกันคิดแก้ไขในความนี้ ครั้นพูดจาปรึกษากันแล้ว ฝ่ายกังกงเฮา ฮวนเตาเฮา ก็พากันลาเจงกุนเฮากลับไปเมืองของตัว แล้วก็ทำหมายประกาศลองใจทหารและราษฎรในเมืองและเมืองขึ้นของตัวให้รู้ทั่วกัน

ฝ่ายทหารและราษฎรกับผู้รักษาซึ่งเมืองขึ้น แจ้งความในหมายประกาศของจูเฮ้านายของตัวแล้ว ก็พากันมาหาจูเฮ้านายของตัวแล้วว่า พวกข้าพเจ้าก็ได้พึ่งบุญท่านมีความสุขด้วยกันทั้งสิ้น ทุกข์ของท่านก็เหมือนทุกข์ของข้าพเจ้าทั้งปวงเหมือนกัน ท่านจะใช้ประการใดพวกข้าพเจ้าจะพากันฉลองคุณท่านจนสิ้นชีวิต ท่านอย่าได้สงสัยแคลงใจพวกข้าพเจ้าเลย

ฝ่ายกังกงเฮา ฮวนเตาเฮาผู้รักษาเมืองทั้งสอง แจ้งความว่าทหารและราษฎรของตัวรักใคร่ปกติดีดังนั้นก็มีความยินดี จึงมีหนังสือไปแจ้งความแก่เจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุน ๆ ทราบแล้วมีความยินดี เจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุนนี้มีสติปัญญามากกว่าจูเฮ้าทั้งสอง ถ้าจูเฮ้าทั้งสองนั้นมีทุกข์ประการใดก็มาปรึกษาหารือด้วยเนือง ๆ เมื่อกังกงเฮา ฮวนเตาเฮา ทั้งสองทำหมายประกาศลองใจทแกล้วทหารและราษฎรนั้น พวกราษฎรซึ่งขึ้นอยู่ในเมืองขึ้นของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ มาค้าขายอยู่ในแขวงเมืองกังกงเมืองฮวนเตา ครั้นรู้ความดังนี้ก็พากันไปแจ้งความแก่จูเฮ้านายของตัว จูเฮ้าทราบความแล้วก็มีหนังสือบอกไปให้ขุนนางทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ ได้ทรงทราบในหนังสือบอกแล้ว จึงตรัสกับพวกขุนนางว่า ซึ่งจูเฮ้าทั้งสามเมืองฝ่ายทิศตะวันออกตระเตรียมทแกล้วทหารไว้ต่อสู้กองทัพเราดังนี้ ครั้นเราจะเพิกเฉยเสียไม่จัดแจงกองทัพไปปราบปรามก็จะมีใจกำเริบมากขึ้นไป จำจะต้องจัดกองทัพไปปราบปรามจึงจะควร ตรัสดังนั้นแล้วก็รับสั่งให้หาอู๋ผู้เป็นที่ซีคงกับเอียะจอเคงผู้เป็นที่ซือฮูสองคนนั้นเข้าไปเฝ้าแล้วตรัสว่า เราจะให้ท่านทั้งสองยกกองทัพไปปราบปรามพวกซำเงี่ยวสีให้ราบคาบ ท่านทั้งสองไปได้หรือไม่ได้ อู๋กับเอียะจอเคงจึงทูลว่า ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาฉลองพระเดชพระคุณไม่ให้เสียราชการ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงตั้งอู๋เป็นที่เกาปิดเฮาแม่ทัพ ตั้งเอียะจอเคงเป็นซีคงปลัดทัพ แล้วพระราชทานดอกไม้ทองคำปักหมวกให้คนละสองกิ่งกับสุราคนละสามถ้วย ให้คุมทหารม้าสองหมื่น ทหารเกาทัณฑ์หมื่นหนึ่ง ทหารเดินเท้าถืออาวุธต่าง ๆ อีกสองหมื่น รวมห้าหมื่นยกไปปราบปรามพวกซำเงี่ยวสี แล้วพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ตรัสแก่เกาปิดเฮาว่า ยกกองทัพไปถึงเมืองซำเงี่ยวสีเมื่อใดก็ให้พูดจาว่ากล่าวกันโดยดีก่อน ถ้าเขาดื้อดึงประการใดจึงค่อยรบกันต่อภายหลัง เกาปิดเฮากับซีคงได้รับสั่งดังนั้นแล้ว ก็ถวายคำนับลาออกมาจัดขบวนทัพ พอได้ฤกษ์ดีก็ยกกองทัพเดินทางตามระยะทางไป ครั้นยกกองทัพไปถึงกลางทาง เกาปิดเฮาแม่ทัพจึงว่าแก่ซีคงปลัดทัพว่า พวกซำเงี่ยวสีสามเมืองนี้อยู่ถึงปลายเขตแดน ซึ่งเรายกกองทัพมาปราบปรามพวกซำเงี่ยวสีครั้งนี้ถ้าเรามีชัยชนะได้เมืองทั้งสามนี้ไว้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่เมืองหลวงสิ่งใด ถึงจะรักษาไว้ก็เห็นจะไม่ได้ ด้วยเป็นเมืองปลายเขตแดนกันดารนัก ถ้าเราเสียทีปราชัยก็จะเสียพระเกียรติยศเจ้านายของเรา อุปมาดังเอาหยกไปแลกกับศิลา ครั้นจะนิ่งเสียไม่ปราบปรามหรือ พวกซำเงี่ยวสีสามเมืองนี้ก็จะกำเริบมากขึ้น ซึ่งเรายกกองทัพมากระทำสงครามครั้งนี้ ถ้าพวกซำเงี่ยวสีออกสู้รบกับเรา ๆ ก็คงจะได้ชัยชนะโดยง่าย แต่เราเห็นว่าพวกซำเงี่ยวสีสามเมืองนี้มีปัญญาอยู่คนหนึ่ง คือเจงกุนเฮาผู้รักษาเมืองเจงกุน คงจะพากันคิดตั้งมั่นอยู่ในเมืองไม่ออกต่อสู้ด้วยเรา ๆ เข้าหักหาญเอาก็เหลือกำลัง กำแพงเมืองของเขาก็หนาแน่นมั่นคงอยู่ เสบียงอาหารก็บริบูรณ์มาก ถึงโดยเราจะล้อมเข้าไว้สักสามปีเขาก็ไม่คับแคบฝืดเคืองด้วยเสบียงอาหาร ซีคงปลัดทัพได้ฟังอู๋ผู้เป็นที่เกาปิดเฮาแม่ทัพว่าดังนั้นจึงถามว่า ท่านแม่ทัพจะยกไปตีเมืองไหนก่อนจึงจะได้ชัยชนะโดยง่าย อู๋เกาปิดเฮาแม่ทัพจึงว่า เราจะต้องไปทำสงครามแก่เจงกุนเฮาผู้รักษาเมืองเจงกุนก่อน ถ้าได้ตัวเจงกุนเฮาผู้รักษาเมืองเจงกุนแล้ว ก็จะได้ให้เกลี้ยกล่อมกังกงเฮาผู้รักษาเมืองกังกง ฮวนเตาเฮาผู้รักษาเมืองฮวนเตานั้นต่อไป ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด ซีคงกับนายทหารทั้งปวงจึงว่า ท่านแม่ทัพคิดดังนี้ชอบแล้ว ครั้นปรึกษากันดังนั้นแล้วก็รีบยกกองทัพไปถึงเขตแดนเมืองเจงกุน ม้าใช้ก็ไปแจ้งความแก่เจงกุน เจงกุนผู้รักษาเมืองเจงกุนก็ให้เกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินเมืองไว้เป็นสามารถ กังกงเฮากับฮวนเตาเฮาผู้รักษาเมืองทั้งสองทราบความทั้งนี้ ก็เกณฑ์ทหารรักษาหน้าที่และเชิงเทินเมืองไว้มั่นคงแล้วก็คุมทหารคนละสองพันยกไปช่วยเจงกุนเฮาเจ้าเมืองเจงกุน

ฝ่ายอู๋เกาปิดเฮาแม่ทัพยกกองทัพไปถึงเมืองเจงกุนแล้ว ก็ให้ทหารตั้งค่ายลงไว้ใกล้กำแพงเมืองเจงกุนทางยี่สิบลี้คือสามสิบสามเส้น แล้วอู๋เกาปิดเฮาก็ให้ทหารถือหนังสือไปนัดรบกับเจ้าเมืองเจงกุน ๆ ได้หนังสือแล้วก็ไม่ออกมาสู้รบนิ่งอยู่ได้สิบวัน อู๋เกาปิดเฮาจึงว่าแก่ซีคงปลัดทัพว่า เรามาครั้งนี้ก็ได้เห็นกำแพงเมืองของเขาจริงเหมือนคำเราว่าหรือไม่ ซีคงจึงว่า กำแพงเมืองของเขาหนาแน่นมั่นคงจริงเหมือนคำของท่านว่าทุกประการ บัดนี้เขาตั้งมั่นอยู่ในเมืองไม่ออกมารบด้วยเรา ๆ จะเข้าหักหาญก็เหลือกำลัง ท่านจะคิดประการใด อู๋เกาปิดเฮาแม่ทัพจึงว่า ซึ่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้เรายกกองทัพมาทำสงครามแก่พวกจูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งสามนี้ ใช่ท่านจะต้องพระราชประสงค์บ้านเมืองนั้นหามิได้ แต่พระองค์ยังไม่ได้ครองราชสมบัติ พระองค์ก็ประกอบไปด้วยความกตัญญูไม่สู้จะมีความปรารถนาด้วยสมบัติบ้านเมือง ซึ่งรับสั่งให้เรายกกองทัพมาครั้งนี้ ก็เพราะท่านมีความปรารถนาจะไม่ให้ไปตีบ้านเล็กเมืองน้อยในเขตแดนของท่านให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน เวลาพรุ่งนี้เราจะไปว่ากล่าวแก่เจงกุนเฮาแต่โดยดีไม่ให้ไปตีบ้านเล็กเมืองน้อยกระทำให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนต่อไป ถ้าเขายอมตามคำเราโดยดีแล้ว ก็เหมือนเราทำสงครามมีชัยชนะเหมือนกัน เราจะเลิกทัพกลับไปก็เห็นจะไม่มีความผิด ซีคงได้ฟังอู๋เกาปิดเฮาว่าดังนั้นจึงว่าท่านแม่ทัพคิดดังนี้ชอบแล้ว ครั้นพูดจาปรึกษากันแล้ว รุ่งขึ้นเช้าอู๋เกาปิดเฮาแม่ทัพก็แต่งตัวสวมเกราะชั้นในสวมเสื้อตามธรรมเนียมชั้นนอก ขึ้นม้านำทหารที่แม่นเกาทัณฑ์ห้าสิบคนไปที่หน้าหอรบเจงกุนเฮา แล้วอู๋เกาปิดเฮาให้ทหารร้องบอกแก่ทหารเจงกุนเฮาซึ่งอยู่บนหอรบนั้นว่าอย่าได้ยิงเกาทัณฑ์และทิ้งก้อนศิลาลงมาเลย เราจะมาพูดจาด้วยเจงกุนเฮานายของท่าน ๆ จงไปแจ้งความแก่นายท่านด้วยเถิด ทหารเจงกุนเฮาได้ฟังทหารอู๋เกาปิดเฮาร้องบอกดังนั้น ก็ไปแจ้งความแก่เจงกุนเฮา ๆ ทราบดังนั้นแล้ว ก็ชวนกังกงเฮาและฮวนเตาเฮาขึ้นไปบนหอรบ แล้วเจงกุนเฮาก็ร้องถามอู๋เกาปิดเฮาว่า ท่านยกกองทัพใหญ่มาทั้งนี้นี่ท่านจะมีความประสงค์สิ่งใดหรือ แล้วท่านพาทหารมาถึงหน้าเมืองเรา ท่านจะให้พูดจาสิ่งใดก็ให้พูดเถิดหาเป็นไรไม่ อู๋เกาปิดเฮาแม่ทัพได้ฟังดังนั้นจึงร้องบอกเจงกุนเฮาว่า บัดนี้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ครองราชสมบัติแทนพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ทรงทราบแล้ว ท่านกับกังกงเฮาฮวนเตาเฮาพากันคิดประพฤติเป็นพาลไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม เที่ยวตีบ้านเล็กเมืองน้อยในเขตแดนเมืองหลวง กระทำให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน จึงรับสั่งให้เรายกกองทัพออกมาปราบปรามพวกท่านไม่ให้เบียดเบียนแก่ราษฎรทั่วไป เราได้มีหนังสือนัดรบแก่ท่านก็หลายเวลามาแล้วท่านก็ไม่ออกรบด้วยเรา ถ้าท่านมีความกลัวอยู่ก็ให้ประพฤติใจเสียใหม่ เจงกุนเฮาได้ฟังอู๋เกาปิดเฮาว่าดังนั้นจึงตอบว่า ตัวท่านก็เป็นขุนนางมีสติปัญญาเป็นอันมาก ซีงักก็เป็นขุนนางผู้ใหญ่ของพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ ๆ สิ้นพระชนม์แล้ว เหตุใดพวกท่านจึงไม่ยกพระราชโอรสพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ขึ้นเป็นกษัตริย์ พากันยกไต้ซุ่นขึ้นเป็นกษัตริย์ แล้วยกกองทัพมากระทำย่ำยีแก่เราดังนี้ท่านเห็นดีแล้วหรือ อู๋เกาปิดเฮาได้ฟังแล้วจึงตอบว่า การทั้งนี้พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ทรงเห็นว่าไถจู๊ตันจูพระราชโอรสของพระองค์นั้นเป็นคนเขลาไม่มีสติปัญญา จะมอบราชสมบัติให้ก็กลัวราษฎรจะได้ความเดือดร้อน พระองค์จึงได้มอบราชสมบัติให้แก่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ผู้มีสติปัญญาเมตตาจิตตั้งอยู่ในยุติธรรม พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็ได้ครองราชสมบัติสืบมาถึงยี่สิบปีเศษ ไม่ได้เบียดเบียนไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดเนื้อร้อนใจ อนึ่งพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้พระองค์เห็นว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ควรจะรับราชสมบัติได้ พระองค์จึงได้มอบให้ว่าราชการฮ่องเต้ต่อไปหามีผู้ใดยกย่องขึ้นไม่ เจงกุนเฮาได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่าไถจู๊ตันจูพระราชโอรสพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้เป็นคนเขลา จะยกขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่ได้นั้นก็ชอบอยู่ พวกจูเฮ้าผู้รักษาเมืองที่มียศมีตระกูลดีกว่าไต้ซุ่นนี้ก็มีอยู่เป็นอันมาก เหตุใดจึงไม่ยกขึ้นเป็นกษัตริย์เล่า พากันยกไต้ซุ่นคนต่ำตระกูลขึ้นเป็นกษัตริย์ดังนี้ผู้ใดจะนับถือ เกาปิดเฮาจึงตอบว่า เมื่อพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ยังไม่ได้เป็นกษัตริย์นั้น ท่านก็ได้ทำราชการอยู่ด้วยพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ ๆ ก็ได้ตั้งท่านเป็นอ๋องแล้ว ๆ ท่านก็เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ เหตุใดท่านจึงกล่าวว่าเจ้านายของเราต่ำตระกูล เมื่อขณะเราเชิญเจ้านายของเราขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น บรรดาพวกจูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งปวงกับพวกขุนนางก็ยินดียอมพร้อมใจกันทั้งสิ้น แม้นหากว่าผู้ใดจะต่ำตระกูลและสูงตระกูลก็ดี ถ้ามีเมตตาจิตตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว พวกเราก็นับถือว่าเป็นคนดี ผู้ใดมีตระกูลอันดีแต่ประพฤติเป็นพาลไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว พวกเราก็ไม่ได้นับถือ ท่านอย่าได้พูดจาให้มากความไปเลย จะนัดรบกับเราวันใดก็ให้กำหนดวันมาเถิด เราจะปราบปรามท่านให้เหมือนไถจู๊ลูเบงอ๋อง และเกาเหลงอุยโท้วปราบปรามพวกหลีทำ เจงกุนเฮาได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ท่านจะทำสงครามแก่เราให้เหมือนไถจู๊ลูเบงอ๋อง เกาเหลงอุยโท้วปราบปรามพวกหลีทำพี่น้องเก้าคนนั้นเห็นจะขัดอยู่ ด้วยพวกหลีทำพี่น้องเก้าคนนั้นมีปัญญาต่าง ๆ กัน จึงได้เสียเมืองแก่ไถจู๊ลูเบงอ๋อง และเกาเหลงอุยโท้ว ถ้าพวกหลีทำพี่น้องเก้าคนพากันตั้งมั่นอยู่ในเมืองเหมือนเราทั้งนี้ ไถจู๊ลูเบงอ๋องและเกาเหลงอุยโท้วก็คงจะตีเมืองไม่ได้ เกาปิดเฮาจึงตอบว่า พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้รับสั่งให้เรายกกองทัพมาทำสงครามแก่ท่านครั้งนี้ ใช่ว่าพระองค์จะมีพระราชประสงค์ด้วยอยากจะได้บ้านเมืองของท่านเป็นอาณาประโยชน์นั้นก็หามิได้ โดยพระทัยพระเจ้าแผ่นดินของเราทรงพระเมตตาจิต คิดแต่จะให้ราษฎรได้ความสุขทั่วกันทั้งแผ่นดิน เปรียบเหมือนน้ำค้างซึ่งตกลงมาแต่อากาศให้เป็นที่เย็นใจ ถ้าท่านละความชั่วกลับใจเสียใหม่ อย่าได้พากันตีบ้านเล็กเมืองน้อยกระทำให้ราษฎรในเขตแดนของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ความเดือดร้อนต่อไปอีกแล้ว เราก็จะทำไมตรีไว้แก่ท่านสักครั้งหนึ่ง เราจะยกกองทัพกลับไปทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ขอโทษท่านเสีย พระองค์ก็คงจะโปรดให้ ถ้าท่านไม่กลับใจยังดื้อดึงอยู่ ท่านกับเราก็จะได้ทำสงครามกัน ทหารและไพร่พลเมืองของท่านก็จะได้ความเดือดร้อน ท่านก็เป็นคนมีสติปัญญาจงตรึกตรองดูให้ดีเถิด เจงกุนเฮาได้ฟังดังนั้นจึงปรึกษาแก่กังกงเฮาและฮวนเตาเฮาว่า ซึ่งเกาปิดเฮาจะทำข่มเหงแก่พวกเรานั้นหามิได้ จำเราจะต้องยอมคำเกาปิดเฮา ด้วยเมืองเราก็เป็นแต่เมืองน้อยควรจะต้องรักษาตัวไว้ แล้วเกาปิดเฮาพูดจาว่ากล่าวแต่เราแต่โดยดีก่อนนั้นก็พอจะฟังได้ ท่านทั้งสองจะเห็นประการใด เจ้าเมืองทั้งสองได้ฟังเจงกุนเฮาปรึกษาดังนั้นจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่าพวกเราเป็นแต่เมืองน้อยจะต้องรักษาตัวไว้ ไพร่บ้านพลเมืองของเราก็จะไม่ได้ความเดือดร้อน ท่านคิดดังนี้ดีแล้ว ถ้าเกาปิดเฮาให้ถ้อยคำสัญญาไว้ต่อเราเป็นที่เชื่อฟังได้เราจึงจะยอม ถ้าไม่ทำสัญญาแล้วก็เห็นว่าเป็นคำล่อลวง เจงกุนเฮาเห็นว่าจูเฮ้าทั้งหลายพร้อมใจด้วยแล้วจึงพูดตอบเกาปิดเฮาว่า ซึ่งท่านจะทำไมตรีไว้แก่เรานั้น เราขอบคุณท่านเป็นอันมาก บัดนี้กังกงเฮาฮวนเตาเฮาเจ้าเมืองทั้งสองก็อยู่พร้อมกันที่นี้แล้ว ขอให้ท่านทำหนังสือสัญญาว่าไม่มาเบียดเบียนเราแล้วเราก็ยอมไม่ไปตีบ้านเมืองในเขตแดนของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ต่อไป ท่านจงเลิกกองทัพกลับไปทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้ทรงทราบเถิด เกาปิดเฮาได้ฟังเจงกุนเฮาว่าดังนั้นก็มีความยินดีแล้วตอบว่า ซึ่งท่านพากันยอมรับคำของเราดังนี้เราก็เห็นว่าท่านมีความเมตตาทแกล้วทหารของท่าน สมควรที่ท่านเป็นจูเฮ้าผู้รักษาเมืองมีสติปัญญา ครั้นพูดจากันดังนั้นแล้ว ฝ่ายเกาปิดเฮาแม่ทัพก็ลาจูเฮ้าทั้งสามกลับมา แจ้งความซึ่งได้ไปพูดจาว่ากล่าวแก่จูเฮ้าทั้งสามนั้นให้ซีคงปลัดทัพและนายทัพนายกองฟังทุกประการ ซีคงปลัดทัพจึงว่า ท่านแม่ทัพไปว่ากล่าวจูเฮ้าทั้งสามรับเป็นไมตรีต่อกันไม่กระทำเบียดเบียนบ้านเมืองของเราต่อไปนั้น ก็เหมือนกับเราได้ทำสงครามมีชัยชนะเหมือนกัน เราคงจะยกกองทัพกลับไปเมืองหลวง นายทหารผู้ใหญ่ผู้หนึ่งจึงว่าแก่เกาปิดเฮาแม่ทัพว่า เรายกกองทัพมาจนถึงกำแพงเมืองเขาแล้วก็ไม่ตีเอาเมืองให้ได้ ซึ่งจะยกกองทัพกลับไปนั้นจะมิขาดทุนเสบียงอาหารเปล่าหรือ ประการหนึ่งข้าพเจ้ากลัวว่าถ้าเรายกกองทัพกลับไปแล้ว พวกจูเฮ้าทั้งสามก็จะพากันทิ้งคำสัญญาอันนี้เสีย จะมิต้องยกกองทัพกลับมาทำสงครามอีกหรือ ซีคงปลัดทัพได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่นายทหารผู้ใหญ่นั้นว่า ท่านแม่ทัพก็เป็นคนดีมีสติปัญญามากและเห็นการตลอดแล้ว ท่านอย่าได้พูดขัดขวางเลย เกาปิดเฮาจึงทำหนังสือใจความว่า ถ้าจูเฮ้าทั้งสามเมืองไม่ยกกองทัพเข้าไปเบียดเบียนในอาณาเขตของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้แล้ว ก็จะไม่ยกกองทัพหลวงมากวนทำศึกเอาบ้านเมืองต่อไป ทำหนังสือเสร็จแล้วก็ให้นายทหารผู้หนึ่งเข้าไปส่งให้เจงกุนเฮา

ฝ่ายเจงกุนเฮาผู้รักษาเมืองเจงกุน เห็นเกาปิดเฮากลับไปค่ายแล้ว ก็พากังกงเฮาและฮวนเตาเฮาเจ้าเมืองทั้งสองลงจากหอรบกลับเข้าในเมืองแล้ว เจงกุนเฮาก็พูดแก่จูเฮ้าทั้งสองว่า เกาปิดเฮาคนนี้แต่ก่อนเราก็ได้ยินแต่ชื่อพึ่งรู้จักตัว วันนี้เขาพูดจาหลักแหลมคมสันสมควรเป็นแม่ทัพ ดูท่วงทีจะไปจะมาก็งดงาม เมื่อจูเฮ้าพูดกันอยู่นั้น นายทหารของเกาปิดเฮาแม่ทัพก็นำหนังสือของเกาปิดเฮาเข้าไปส่งให้ เจงกุนเฮาก็รับหนังสือไว้แล้วฉีกผนึกออกอ่านดูรู้ความถูกต้องเหมือนที่พูดกันไว้แล้วก็มีความยินดี จึงทำหนังสือทานบนส่งไปให้เกาปิดเฮาใจความในหนังสือเหมือนกันทั้งสองฉบับ แล้วให้ทหารจัดข้าวสารสิบเกวียนกับโคห้าสิบตัวไปด้วยผู้ถือหนังสือเป็นของกำนัลเลี้ยงกองทัพ ทหารคนใช้ก็คำนับลารีบไปถึงค่ายเกาปิดเฮา แล้วส่งหนังสือและสิ่งของให้แก่เกาปิดเฮา ๆ เห็นความในหนังสือแล้วมีความยินดี เกาปิดเฮาว่าเสบียงอาหารในกองทัพของเราก็ไม่ขัดสน ซึ่งเจงกุนเฮานายของท่านตั้งใจจัดข้าวและโคมาให้แก่เราเป็นทางไมตรีดังนี้ เราไม่รับไว้ก็จะขาดไมตรี เราจะต้องรับข้าวและโคไว้แต่ครึ่งหนึ่ง ๆ นั้นท่านจงนำกลับคืนให้แก่นายท่านเถิด แล้วท่านบอกแก่นายท่านให้พากันรักษาถ้อยคำไว้ให้มั่นคง เปรียบเหมือนโคกระบือตายเขาก็ยังอยู่ อีกข้อหนึ่งคนตายถ้อยคำอย่าให้สูญ จึงจะมีผู้สรรเสริญว่าเป็นคนดี เกาปิดเฮาว่าดังนั้นแล้ว ก็ให้เงินแก่นายทหารผู้นั้นร้อยตำลึง แล้วนายทหารเลวที่คุมโคและเกวียนข้าวสารมานั้น เกาปิดเฮาก็ให้เงินคนละห้าตำลึง แล้วก็สั่งให้ทหารของตัวรับข้าวและโคไว้ครึ่งหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้นเกาปิดเฮาก็เลิกทัพกลับไปเมืองหลวง

ฝ่ายทหารเจงกุนเฮาก็นำข้าวและโคครึ่งหนึ่งนั้นกลับมาเมือง แจ้งความแก่เจงกุนเฮาตามคำเกาปิดเฮาสั่งทุกประการ เจงกุนเฮาจึงว่าแก่กังกงเฮาและฮวนเตาเฮาเจ้าเมืองทั้งสองว่า เกาปิดเฮายกกองทัพกลับไปครั้งนี้ก็เพราะเขาเชื่อถ้อยคำเราตามในหนังสือสัญญา ท่านทั้งสองจงพากันรักษาถ้อยคำไว้ให้มั่นคง อย่าให้เสียชื่อเสียงได้ ฮวนเตาเฮากังกงเฮาจึงตอบว่าท่านอย่าได้มีความวิตกเลย ข้าพเจ้าทั้งสองนี้จะรักษาความสัตย์อันนี้ไว้มิให้เสียสัตย์ได้ ครั้นพูดจากันแล้วกังกงเฮาฮวนเตาเฮาก็พากันคำนับลาเจงกุนเฮาผู้รักษาเมืองเจงกุนกลับไปเมืองตัว

ฝ่ายเกาปิดเฮายกกองทัพกลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว ก็พากันเข้าเฝ้าทูลความตามซึ่งได้ทำหนังสือสัญญาต่อกันกับจูเฮ้าทั้งสามให้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ฟัง พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังทราบดังนั้นแล้วชอบพระทัย จึงพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้เกาปิดเฮาและซีคงกับนายทัพนายกองตามสมควร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ