๒๐

ฝ่ายเซียวเฮาซึ่งเป็นที่จอฮวยจงกุน คือทหารรักษาองค์ฝ่ายขวาจึงทูลว่า ขุนนางทั้งปวงเห็นว่าพระองค์มีพระทัยรวดเร็วดุร้าย จึงหามีผู้ใดที่จะอาจรับอาสาออกไปต่อสู้ด้วยข้าศึกไม่ พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้รับสั่งถามเซียวเฮาว่า ก็ตัวท่านจะคิดเห็นประการใด เซียวเฮาจึงทูลว่า ข้าพเจ้าจะขอรับอาสายกกองทัพออกไปต่อสู้ด้วยข้าศึก แต่ขออย่าให้พระองค์มีพระทัยเร็วเร่งรัดข้าพเจ้านัก ด้วยธรรมเนียมทำศึกสงครามนั้น ต้องคิดตรึกตรองดูทีละกระบวน ๆ ก่อน ถ้าว่าข้าศึกมีกำลังมาก จึงค่อยคิดอ่านแก้ไขไปตามการ พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้ฟังเซียวเฮาทูลดังนั้นก็มีความยินดี แล้วให้เกณฑ์ทหารสามหมื่นให้เซียวเฮาเป็นแม่ทัพแล้วจึงตรัสอีกว่า ซึ่งท่านเห็นว่าเราเป็นคนมีใจรวดเร็วนักนั้นท่านอย่าได้มีความวิตกเลย เราอนุญาตให้แก่ท่าน อนึ่งท่านจะออกไปรบครั้งนี้อย่าให้เสียทีแก่ข้าศึก จงตรึกตรองเอาชัยชนะให้จงได้ ถ้าท่านทำศึกชนะซีอิ้วกลับเข้ามาแล้ว เราจะให้ท่านเลื่อนที่ขึ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ท่านไปครั้งนี้จงให้มีชัยชนะแก่ข้าศึกเถิด แล้วพระราชทานสุราให้เซียวเฮาสามถ้วย เซียวเฮารับสุรามาแล้วก็รับประทานต่อหน้าที่นั่ง ครั้นรุ่งขึ้นเช้าเซียวเฮายกพลทหารออกไปตั้งค่ายอยู่นอกกำแพงเมือง และเซียวเฮานั้นมีลักษณะกายนั้นสูงสิบเอ็ดศอกหกนิ้ว คิ้วเล็กนัยน์ตายาวฟันขาวริมฝีปากแดงมือถือมีดใหญ่ ขี่ม้าสีเขียวออกไปนอกค่ายแล้วร้องด่าท้าทายว่า ไอ้พวกกบฏเราเห็นไม่มีหัวเลย พากันไปซ่อนอยู่ที่แห่งใดจึงไม่ออกมารบกับเรา และซีอิ้วมีลักษณะกายสูงสิบเอ็ดศอกเก้านิ้ว คิ้วโตปากกว้างหนวดมากขี่ม้าสีดำมือถือทวน ครั้นเห็นเซียวเฮามาร้องด่าท้าทายดังนั้นจึงออกมานอกค่ายทำเป็นหัวเราะเยาะเย้ยแล้วถามว่า ท่านที่เป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารออกมาจากเมืองหลวงจะมาสู้กับเรานั้นท่านชื่อใด เซียวเฮาบอกว่าเราชื่อเซียวเฮาเป็นจอฮวยจงกุนเป็นขุนนางในเมืองหลวง ก็ตัวท่านชื่อใดเล่า ซีอิ้วตอบว่าเราชื่อซีอิ้วเป็นเชื้อวงศ์กษัตริย์ แต่เห็นว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้มิได้อยู่ในยุติธรรม ราษฎรได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก เราจึงยกกองทัพมาจะกำจัดเสีย เหตุใดท่านจึงมาว่ากล่าวท้าทายเราดังนี้ ก็ท่านมิเข้าด้วยคนผิดหรือ จึงเจ็บร้อนยกพลออกมาจะรบพุ่งกับเรา ท่านอย่าได้เข้าด้วยคนผิดคิดรบพุ่งกับเราเลย ถ้าเราได้เป็นกษัตริย์ขึ้นแล้วก็จะชุบเลี้ยงท่านให้เป็นขุนนางเหมือนกัน เซียวเฮาตอบว่าธรรมดาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ต้องเป็นคนกตัญญูรู้คุณเจ้านายจึงจะชอบ ท่านผู้ใดได้เป็นกษัตริย์เป็นเจ้าเป็นนายแล้วก็ต้องนับถือท่านพระองค์นั้น ถึงจะชั่วจะดีก็ตามบุญวาสนาของท่าน และคนที่เป็นขุนนางนั้นก็ต้องเป็นขุนนางทำราชการอยู่ จะยกตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้นั้นไม่ได้ ผู้ใดที่เป็นบิดาแล้ว ก็ต้องนับถือผู้นั้นว่าเป็นบิดา ผู้ที่เป็นบุตรก็ยอมเป็นบุตรจึงจะชอบ ทำไมท่านจึงไม่ถือตามอย่างธรรมเนียม กลับคิดใจใหญ่ใฝ่สูงจะตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ เราเห็นว่าท่านจะเป็นไปไม่ตลอด ซีอิ้วได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้มิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ขุนนางทั้งปวงเห็นว่าทูลทัดทานไม่ได้ก็ต้องทำเพิกเฉยเสีย เราจึงได้ยกกองทัพมาปรารถนาจะกำจัดคนร้ายเสียให้สิ้น ราษฎรจะได้มีความสุขเจริญต่อไป เหตุใดท่านยังกลับมาว่าเราให้ทำผิดอย่างธรรมเนียมเล่า ท่านจงกลับไปเสียเถิด อย่าได้คิดมาสู้รบกับเราเลย ถ้าท่านเชื่อถ้อยคำเราแล้วตัวท่านจึงจะรอดชีวิตกลับคืนไป ถ้าท่านไม่เชื่อถ้อยคำเราแล้วก็จะพลอยตายไปด้วย เซียวเฮาได้ฟังดังนั้นก็ร้องด่าว่าไอ้โจรป่ามึงอย่าลองฝีปากอยู่เลย มึงจงมารบกับกูเถิด เซียวเฮาว่าแล้วก็ขับม้าเข้าไปใกล้ยกมีดขึ้นฟันซีอิ้ว ๆ รับด้วยทวน แล้วรบกันได้ประมาณหกสิบเพลง ซีอิ้วเห็นว่าจะไม่ชนะจึงทำวิชาให้อากาศมืดคลุ้ม แล้วให้เห็นเป็นน้ำนั้นไหลท่วมมา เซียวเฮากับทหารตกใจก็พากันหนีเข้าเมืองแล้วปิดประตูเมืองไว้แน่นหนา ซีอิ้วก็ขับทหารเข้าล้อมเมืองไว้แน่นหนา เซียวเฮาเมื่อหนีเข้าเมืองแล้วเห็นซีอิ้วขับทหารล้อมเมืองไว้ดังนั้นก็เข้าไปทูลพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ ๆ ตกพระทัยจึงรับสั่งว่า การเป็นดังนี้แล้วท่านจะคิดประการใด เซียวเฮาทูลว่าซีอิ้วเป็นคนมีฤทธิ์และมีวิชาต่าง ๆ ซึ่งจะคิดต่อสู้กับซีอิ้วนั้นเห็นไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าเมืองซอกเต๊กที่ซีอิ้วอยู่นั้นจะมีทหารรักษาอยู่น้อย ด้วยซีอิ้วเอาทหารมารบกับเราเป็นอันมาก ขอพระองค์ยกทหารอพยพเสด็จไปตีเมืองซอกเต๊กของซีอิ้วเกี่ยวไว้เห็นจะชอบ ด้วยครอบครัวซีอิ้วก็อยู่ในเมืองซอกเต๊ก ถึงโดยว่าซีอิ้วตีเมืองหลวงได้แล้ว จะกลับไปตีเมืองของตัวคืนคงจะอาลัยด้วยครอบครัวของตัวที่อยู่ในเงื้อมมือซองเรา ซีอิ้วจะทำการก็เห็นไม่ถนัด พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้เซียวเฮาตระเตรียมพลทหารไว้พร้อมแล้ว พอเวลาสามยามก็ยกครอบครัวอพยพพาเซียวเฮากับพลทหารเปิดประตูเมืองด้านข้างทิศตะวันตกรบฝ่าหักหาญหนีออกจากเมืองไปได้ ซีอิ้วทราบความว่าเซียวเฮาพาพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้กับครอบครัวและพลทหารหนีไปแล้ว ก็ยกกองทัพเข้าเมืองหลวงตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้นายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวง และจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อย แล้วก็ให้ไปสืบดูว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้อพยพไปพักอยู่ที่เมืองใด ครั้นสืบได้ความว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้เสด็จไปอยู่เมืองซอกเต๊กก็ตกใจ จึงคิดว่าการครั้งนี้เรายกกองทัพมาตีเมืองหลวงก็ได้สำเร็จ แต่ยังจับตัวพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้หาได้ไม่ พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้รู้ว่าครอบครัวของเรายังตกอยู่ในเมืองซอกเต๊กเป็นอันมาก จึงคิดกลอุบายอพยพหลบไปตีเมืองซอกเต๊กเกี่ยวเข้าไว้หวังจะมิให้เราทำการได้ถนัด ด้วยครอบครัวของเราตกอยู่ในเงื้อมมือ ซีอิ้วยิ่งคิดก็ยิ่งมีความวิตกมาก แล้วจึงคิดต่อไปอีกว่าจำจะต้องยกกองทัพติดตามไปโดยเร็วอย่าให้ทันตั้งตัว คิดอ่านจับตัวพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ให้ได้ แล้วจะได้รับครอบครัวของเรากลับเมืองหลวง ซีอิ้วคิดเห็นสองประการนี้แล้วจึงได้รีบเกณฑ์พลทหารยกกองทัพติดตามพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ไป

ฝ่ายพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้กับเซียวเฮานั้นหนีข้าศึกออกได้แล้วรีบเดินทางไปทั้งกลางวันกลางคืนไปถึงเมืองซอกเต๊กก็ตีเมืองซอกเต๊กได้แล้วเข้าอยู่ในเมือง

ฝ่ายซีอิ้วก็ยกกองทัพมาล้อมเมืองเข้าไว้ และเมื่อพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้เป็นกษัตริย์แล้วมิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ครั้งนั้นบ้านเมืองขุ่นเคืองยุคเข็ญเป็นอันมาก ราษฎรชาวเมืองทั้งหลายมิได้มีความสุขมาช้านาน จูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งหลายก็มีใจเจ็บแค้นว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้มิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ข่มเหงเบียดเบียนราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ จูเฮ้าทั้งปวงก็กระด้างกระเดื่องแข็งเมืองขึ้นหลายตำบลมิได้นับถือพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ว่าเป็นเจ้าเป็นนาย เมื่อซีอิ้วเป็นกษัตริย์ขึ้นครั้งนั้น จูเฮ้าทั้งหลายจึงเพิกเฉยเสีย ต่างคนต่างรักษาหน้าที่เขตแดนของตัวไว้แน่นหนา มิได้ยกกองทัพมาช่วยพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้สักเมืองหนึ่งเลย ซีอิ้วทำการแต่ลำพังตัวเองจึงได้มีใจกำเริบมากขึ้น เมื่อซีอิ้วยกกองทัพมาล้อมเมืองซอกเต๊กไว้ช้านานนั้น ฮืนฮวงผู้รักษาเมืองอีกตำบลหนึ่งทราบความว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้เสียเมืองหลวงแก่ข้าศึก แล้วหนีมาอยู่เมืองซอกเต๊ก ข้าศึกก็ตามมาล้อมเมืองไว้ ฮืนฮวงยังมีใจสงสารพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้อยู่ จึงจัดทหารสามหมื่นยกมาช่วยพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ ครั้นมาถึงเมืองซอกเต๊กแล้ว เห็นพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ออกรบด้วยซีอิ้วแล้วขับม้าหนี ซีอิ้วขับม้าไล่ติดตามไป ฮืนฮวงก็ขับม้าเข้ากั้นไว้แล้วร้องตวาดซีอิ้วว่า ไอ้กบฏ มึงอย่าทำให้ใจกำเริบหนักไป ถึงพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ไม่อยู่ในยุติธรรม พระองค์ก็ยังเป็นกษัตริย์อยู่ ตัวเองก็เป็นแต่จูเฮ้าผู้รักษาเมืองมาคิดกบฏ ทำให้ไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อนไปดังนี้หาชอบไม่ ซีอิ้วได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้าเข้าไปใกล้เอาทวนแทงฮืนฮวง ๆ รับด้วยทวนแล้วก็เข้ารบได้ประมาณร้อยเพลง ไม่แพ้ไม่ชนะแก่กัน ซีอิ้วทำกลอุบายชักม้าหนี ฮืนฮวงขับม้าไล่ติดตามซีอิ้ว ๆ ก็อ่านมนต์ทำวิชาให้มืดครึ้มขึ้น ฮืนฮวงเห็นดังนั้นก็ชักม้ากลับมิได้ติดตามไป ถอยมาตั้งค่ายมั่นอยู่ แล้วฮืนฮวงจึงคิดว่าซีอิ้วจะต่อสู้กับเราด้วยกำลังนั้นก็คงจะปราชัยแก่เรา แต่ซีอิ้วมีวิชาจึงมีใจกำเริบ ถือตัวว่าเป็นคนดีไม่มีผู้ใดเสมอ เราจะต้องคิดอ่านแก้วิชาซีอิ้วเสียก็จะจับตัวได้โดยสะดวก คิดแล้วจึงสั่งทหารรักษาประตูค่ายไว้ให้มั่นคง แล้วฮืนฮวงให้ตัวอย่างนายช่างทำเกวียนขึ้นแปดเล่มเรียกว่าจีนำเชีย และในเกวียนนั้นมีเข็มวิเศษสำหรับหันตรงไปสู่ทิศใต้ฝ่ายเดียวมิได้แปรผันยักเยื้องไปสู่ทิศอื่น ๆ เหตุว่ากองทัพพวกซีอิ้วนั้นตั้งมั่นอยู่ฝ่ายทิศใต้ ทหารพวกฮืนฮวงนั้นตั้งอยู่ทิศเหนือ ครั้นช่างทำเกวียนจีนำเชียพร้อมทั้งแปดเล่มแล้ว ฮืนฮวงจึงสั่งทหารทั้งปวงให้สวมเสื้อสีเหลืองและโบกธงเหลืองเป็นสำคัญทุกคน แล้วสั่งอีกว่าเมื่อเวลาออกรบนั้นถ้าซีอิ้วทำให้มืดครึ้มขึ้นประการใด พวกเจ้าจงเอาเกวียนจีนำเชียนี้ขับไปข้างหน้าบ่ายเข็มให้ตรงไปข้างทิศใต้จะได้เป็นที่สังเกต แล้วจึงขับทหารรบตามไปข้างหลัง พวกทหารทั้งหลายก็ทำตามฮืนฮวงสั่งทุกประการ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าซีอิ้วยกทหารมาถึงสนามรบ แล้วร้องท้าทายว่าไอ้พวกที่อวดฝีมือดีเข้ามากั้นกลางก็รบแพ้กูแล้ว ทำไมจึงไม่ถอยทัพกลับไป ยังจะขืนอยู่สู้รบให้ถึงแก่ชีวิตหรือ ถ้ายังจะขืนอยู่อีกแล้วก็ให้ออกมารบกัน ฮืนฮวงได้ฟังดังนั้นขับม้าออกมายืนอยู่หน้าค่ายหัวเราะแล้วตอบว่า เมื่อเวลาวานนี้ถ้าไม่มีเมฆหมอกมืดครึ้มแล้ว ที่ไหนตัวเองจะรอดชีวิตมาพูดอวดฝีปากทักทายอยู่ฉะนี้ได้ เอ็งก็เห็นจะตายเสียแต่เวลาวานนี้แล้ว วันนี้เอ็งกับเราสู้กันให้ถึงแก่ชีวิตแล้วจึงเลิกทัพกลับไป ซีอิ้วได้ฟังจึงหัวเราะแล้วตอบว่า เรากลัวเอ็งจะหนีไปก่อนอีก ว่าแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับฮืนฮวงได้สามสิบเพลง ซีอิ้วก็ทำขับม้าหนีแล้วทำวิชาให้มืดครึ้มขึ้น ฮืนฮวงสั่งให้ทหารโบกธงและให้กับเกวียนไปข้างหน้าแล้วให้ทหารไล่ตามไปข้างหลัง ครั้นซีอิ้วทำวิชาให้มืดครึ้มขึ้นแล้วก็ชักม้ากลับมาหมายจะฆ่าทหารฮืนฮวง ครั้นเห็นทหารฮืนฮวงไล่ติดตามมาก็ตกใจกลัว คิดว่าวิชาที่เราทำนี้ฮืนฮวงเห็นจะแก้ได้เป็นแน่ พอฮืนฮวงตามมาทันซีอิ้ว ๆ ก็ขับม้าเข้ารบกัน ฮืนฮวงเห็นซีอิ้วเสียทีก็เอาทวนแทงถูกอกซีอิ้วเจ็บปวดเป็นสาหัสเหลือกำลัง ก็ขับม้าหนีไปถึงตำบลตงเองแขวงเมืองซอกเต๊กก็สิ้นกำลังตายอยู่ที่นั่น ฮืนฮวงตามไปตัดเอาศีรษะซีอิ้วแขวนประกาศไว้ให้ราษฎรทั้งปวงรู้ทั่วกันแล้ว ก็เข้าไปคำนับพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ ๆ รับสั่งให้จัดโต๊ะเลี้ยงฮืนฮวง แล้วพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้ฮืนฮวงและนายทัพนายกองทแกล้วทหารของฮืนฮวงตามความชอบ ฮืนฮวงก็คำนับลาพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้กลับไปเมืองเดิมของตัวดังเก่า พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้เสวยราชสมบัติอยู่ที่เมืองซอกเต๊กต่อไป พระองค์ก็มิได้อยู่ในยุติธรรมยังกระทำความชั่วทุจริตเหมือนแต่ก่อนอยู่อีก ฮืนฮวงจึงคิดแต่ในใจว่า ซึ่งพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ประพฤติการผิดพระราชประเพณีอยู่ดังนี้ก็เป็นกรรมของราษฎร คิดแล้วก็ทำเป็นเรื่องราวไปถวายให้พระสติแก่พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ ๆ มิได้กระทำตามคำฮืนฮวง ๆ จึงคิดว่าพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้มิได้กระทำตามคำในเรื่องราวที่เราทำไปถวายเตือนพระสตินั้น จำจะต้องยกกองทัพไปเองจึงจะได้ ถ้าพระทัยของพระองค์นั้นรวดเร็วไม่ทันคิดให้รอบคอบ คงจะยกกองทัพออกมาต่อสู้ เราจึงค่อยว่ากล่าวเตือนพระสติต่อภายหลัง คิดแล้วฮืนฮวงก็ยกกองทัพไปถึงเมืองซอกเต๊ก

ฝ่ายพระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้ทรงทราบว่าฮืนฮวงยกกองทัพมาถึงเมือง ก็ทรงพระโทมนัสด้วยพระทัยดำริว่า ฮืนฮวงเป็นแต่หัวเมืองขึ้นของเรา ไม่ควรจะยกกองทัพมาถึงเมืองเรา ใช่ว่าเราจะไม่รู้กำลังและฝีมือฮืนฮวงนั้นเมื่อไร ยิ่งทรงคิดแล้วยิ่งน้อยพระทัย ไม่ทันที่จะตรึกตรองให้รอบคอบจึงได้มีพระทัยหุนหัน จึงรับสั่งให้เซียวเฮาคุมพลทหารเป็นทัพหน้า พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้เป็นทัพหลวง เสด็จยกกองทัพออกไปนอกเมือง

ฝ่ายเซียวเฮาซึ่งเป็นแม่ทัพหน้านั้นขี่ม้าออกไปยืนอยู่ แล้วร้องพูดกับฮืนฮวงว่า ตัวท่านได้ช่วยกำจัดซีอิ้วซึ่งเป็นกบฏนั้นก็มีความชอบอยู่ในแผ่นดิน พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้แล้วก็สรรเสริญท่านเป็นอันมาก เหตุใดท่านกลับยกกองทัพมาทำดังนี้อีกเล่า ฮืนฮวงจึงตอบว่า ธรรมดาเป็นพระมหากษัตริย์มิได้ตั้งอยู่ในพระราชธรรมเนียมแล้ว ราษฎรก็ได้ความเดือดร้อนดุจดังอยู่บนกองถ่านเพลิง ตัวท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ทำไมจึงไม่ทูลทัดทานห้ามปรามเล่า ตั้งแต่เราฆ่าซีอิ้วตายแล้ว ก็ได้มีหนังสือมาถวายเตือนพระสติเป็นหลายครั้งหลายหน พระองค์ก็มิได้เชื่อฟังคำเราจึงได้ยกกองทัพมาปรารถนาจะเตือนพระสติ ท่านกลับมาว่ากล่าวกับเราดังนี้หาควรไม่ ท่านจงกลับไปเชิญพระเจ้ายุซวยฮ่องเต้ให้เสด็จมาพบกับเรา จะได้ทูลว่ากล่าวเตือนพระสติให้เห็นผิดและชอบ เราก็จะได้กลับไปบ้านเมือง เซียวเฮาได้ฟังจึงตอบว่า ท่านก็เป็นขุนนาง เอาความไม่ดีมาใส่ให้แก่เจ้านายนั้นหาควรไม่ ว่าแล้วเซียวเฮาชักมีดใหญ่จะฟันฮืนฮวง ๆ ถือทวนขับม้าเข้ารบกับเซียวเฮาได้ยี่สิบเพลง เซียวเฮาสู้กำลังและฝีมือฮืนฮวงไม่ได้ก็ขับม้าหนีไป ฮืนฮวงขับม้าไล่ติดตามไปทันเซียวเฮาที่ตำบลปันจัว แทงด้วยทวนถูกเซียวเฮาตกม้าตาย พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ครั้นเห็นเซียวเฮาตายก็เสียพระทัย พระองค์เสด็จรีบหนีไปตามทาง ครั้นสิ้นพระกำลังก็ล้มลงแล้วสิ้นพระชนม์อยู่ในที่นั้น ตั้งแต่พระเจ้ายุฮวยฮ่องเต้ได้ครองราชสมบัติมาจนถึงสิ้นพระชนม์นั้นได้ห้าสิบห้าปี

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ