๔๒

ครั้นพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้รับสั่งให้ประหารชีวิตชองเปกโหแล้ว จึงให้เจ้าพนักงานเขียนหนังสือไปถึงจูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งปวงว่า ถ้าหัวเมืองใดเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมมากก็ให้พากันขุดที่ดอนนั้นให้เป็นคลองเป็นลำธาร ไขน้ำที่ขังอยู่ในที่ลุ่มนั้นให้ไหลตกไปตามลำคลองลำธาร น้ำนั้นก็จะไหลตกไปในทะเลลึกและแม่น้ำกว้าง ก็จะลดแห้งไปหมดสิ้น ไม่ต้องเอาดินทิ้งถมให้ลำบากเหนื่อยอย่างชองเปกโหกระทำแต่ก่อนนั้นเลย ราษฎรก็จะได้ทำไร่ทำนาเป็นผาสุกเหมือนแต่ก่อน เจ้าพนักงานก็เขียนหนังสือทำตามรับสั่ง จูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งหลายได้ทราบรับสั่งในหนังสือนั้นแล้ว หัวเมืองใดน้ำท่วมก็ทำตามรับสั่ง น้ำนั้นก็เหือดแห้งลดไปมิได้ขังอยู่นาน ราษฎรชาวบ้านก็ทำไร่ทำนาและหว่านปลูกพืชผลไม้อันใด ๆ ก็มีดอกออกผลงอกงามบริบูรณ์ ตั้งแต่นั้นมาราษฎรได้มีความสุขทุกตำบล พากันสรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์ว่าทรงพระสติปัญญาและทรงพระเมตตาทะนุบำรุงไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขยิ่งกว่าแต่ก่อน การครั้งนั้นพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้เสวยราชสมบัติได้หกสิบแปดปี บรรดาไพร่บ้านพลเมืองก็มีความสุข ผลไม้ข้าวปลาอาหารก็บริบูรณ์มิได้บกพร่องทั่วพระราชอาณาเขต เจ้าเมืองประเทศราชก็นำเครื่องราชบรรณาการมาถวายทุกปีมิได้ขาด พวกจูเฮ้าทั้งหลายก็พากันสามิภักดิ์รักใคร่ มิได้มีใจคิดทรยศเป็นกบฏต่อแผ่นดินเลย แต่การครั้งนั้นประชาราษฎรมีความวิตกอยู่ ด้วยน้ำมักท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่เนือง ๆ ถึงพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้รับสั่งให้ราษฎรขุดคลองและลำธารนั้น น้ำก็ลดแห้งแล้วแต่ไม่เป็นปรกติ บางทีสองปีสามปีบ้างน้ำก็มากท่วมบ้านท่วมเรือนครั้งหนึ่ง ราษฎรได้ความลำบาก พวกจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งปวงบางทีก็มีหนังสือบอกข้อราชการที่ราษฎรร้องทุกข์ด้วยน้ำท่วมบ้าง บางทีก็มีหนังสือบอกข้อความสรรเสริญของราษฎรซึ่งได้ความสุขบ้าง ราษฎรจะมีความทุกข์ลำบากก็แต่เพียงน้ำมักท่วมบ้านท่วมเรือนอยู่บ่อย ๆ ฉะนี้ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ทรงพระวิตกด้วยไม่ทราบว่าบ้านเมืองจะเรียบร้อยเป็นปกติ ราษฎรจะมีสุขทั่วกันหรือประการใด เวลาวันหนึ่งเสด็จออกว่าราชการ จึงตรัสถามขุนนางว่า บ้านเมืองของเรานี้จะเรียบร้อยเป็นปกติแล้วหรือยังไง เรานี้มิได้มีใจเป็นสุขสบายเลย ทำไฉนเราจะรู้ว่าบ้านเมืองของเราเรียบร้อยเป็นปกติด้วยกัน พระองค์ตรัสดังนี้เพราะทรงพระเมตตาเอาพระทัยใส่ในราษฎร แล้วรับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดม้าจะเสด็จไปเที่ยวประพาสเล่นที่ตำบลตังคือ ตำบลตังคือนั้นไกลจากพระราชวังร้อยลี้ ครั้นเจ้าพนักงานจัดม้าพระที่นั่งแล้ว พระองค์ขึ้นทรงม้าเสด็จไปที่ตำบลตังคือ ได้ทอดพระเนตรเห็นฝูงเด็กเป็นอันมากพากันร้องเพลงเป็นหมู่ ๆ กัน ในคำเพลงนั้นมีความว่า ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทุกวันนี้ ท่านมีพระทัยสอดส่องเมตตากรุณาแก่ราษฎรนั้นลึกล้ำเหลือที่จะกำหนดพระเดชพระคุณได้ ถึงโดยบุคลผู้ใดที่มิได้รู้จักพระองค์ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าผู้นั้นได้เห็นพระองค์ก็คงว่าเป็นพระมหากษัตริย์โดยแท้ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังเด็กทารกเป็นหมู่ ๆ กันร้องเพลงดังนั้นก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า แต่เราได้ครองราชสมบัติมาช้านานประมาณถึงหกสิบแปดปีแล้ว เราก็เพิ่งรู้ว่าราษฎรไพร่บ้านพลเมืองของเรามีความสุขทั่วกันทั้งแผ่นดิน ตรัสดังนั้นแล้วจึงรับใช้ให้ขุนนางเอากะแปะไปพระราชทานเป็นรางวัลให้แก่ฝูงเด็ก พวกเด็ก ๆ ก็ดีใจพากันรับเอากะแปะจากมือขุนนางแล้วก็พากันแตกตื่นไปจากที่นั้น พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้จึงเที่ยวเสด็จประพาสต่อไปถึงเมืองหลังเหลง ๆ นั้นทุกวันนี้เรียกว่าเมืองเพ่งเอี้ยงฮู ได้ทอดพระเนตรเห็นผู้เฒ่าอายุประมาณเก้าสิบปี ท่านผู้นั้นเอาไม้เคาะคันนาทำจังหวะแล้วร้องเพลงว่า ตัวเราทุกวันนี้ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นมาเวลาแดดออกแล้ว ก็อุตส่าห์กระทำการไร่นาและการทั้งปวงไป ถ้าพระอาทิตย์อัสดงคตตกต่ำแล้วเราก็หยุดการเสีย และซึ่งจะกินน้ำนั้นเราก็ขุดบ่อขุดสระของเรากินเอง ซึ่งจะบริโภคอาหารนั้นเล่าเราก็ทำนาของกินเอง ซึ่งบุคคลใดได้เป็นกษัตริย์แล้วท่านก็อยู่ส่วนพระองค์ ท่านเป็นกษัตริย์มิได้ปะปนกัน กษัตริย์นั้นท่านมีคุณแก่ตัวข้าพเจ้าเป็นอันมากดุจภูขาใหญ่ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังท่านผู้เฒ่ากล่าวเป็นคำเพลงดังนั้น ก็สรรเสริญชมท่านผู้เฒ่าแก่ขุนนางทั้งปวงว่า ท่านผู้เฒ่าผู้นี้เหมือนดุจเป็นอาจารย์ของเรา ตรัสดังนั้นแล้วจึงรับสั่งให้ขุนนางเอาผ้าแพรไปรางวัลให้ท่านผู้เฒ่า ๆ นั้นก็มิได้รับเอาผ้าแพรไว้ แล้วก็หลีกไปเสียจากที่นั้น พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ทราบดังนั้นแล้วก็สรรเสริญว่าท่านผู้เฒ่าผู้นี้มีสติปัญญามากเป็นนักปราชญ์โดยแท้ ตรัสดังนั้นแล้วก็เสด็จพาขุนนางและข้าราชการทั้งปวงเสด็จไปถึงเมืองฮั่วฮอง ๆ นั้นไกลจากพระราชวังสองร้อยลี้ บรรดาราษฎรชาวเมืองฮั่วฮองแจ้งว่าพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้เสด็จมา ไม่ว่าหนุ่มสาวและแก่ชราพากันมาตั้งเครื่องบูชาทำคำนับ แล้วหมอบอยู่ริมถนนทั้งสองข้าง ล้วนแต่ราษฎรเบียดเสียดกันอัดแอไปทั้งนั้น พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรเห็นราษฎรตั้งเครื่องบูชาพากันมาคำนับหมอบอยู่เป็นอันมาก จึงรับสั่งให้ขุนนางไปบอกราษฎรทั้งนั้นให้พากันลุกขึ้นเสีย แล้วพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้รับสั่งถามราษฎรชาวเมืองฮั่วฮองว่า ตั้งแต่เราได้เป็นกษัตริย์นั้นเราได้ใช้สอยท่านด้วยราชการงานเดือน และเบียดเบียนพวกท่านทั้งหลายเป็นประการใดบ้าง พวกราษฎรทั้งหลายก็พร้อมเสียงกันกราบทูลว่า ตั้งแต่พระองค์ได้ครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์แล้ว พระองค์มิได้เบียดเบียนใช้สอยราชการงานเดือนสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย พวกข้าพเจ้าทั้งปวงนี้พากันยินดีเป็นอันมาก จึงตรัสถามต่อไปว่า ทุกวันนี้พวกท่านทั้งปวงมีความสุขสบายทั่วกันทั้งสิ้น หรือว่ามีความเดือดร้อนสิ่งใดบ้าง พวกราษฎรทั้งหลายทูลว่า พวกข้าพเจ้ามีความสุขสบายด้วยกันทั้งสิ้น จะได้มีความทุกข์เดือดร้อนสิ่งหนึ่งสิ่งใดหามิได้ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงพระสรวลเป็นอันดังแล้วตรัสว่า ถ้าพวกท่านมีความสุขสบายด้วยกันทั้งสิ้นแล้ว เราก็มีความสุขสบายด้วยเป็นอันมาก ถ้าพวกท่านมีความทุกข์เดือดร้อนแล้ว เราก็มีความทุกข์มากยิ่งกว่าท่านทั้งปวง ตรัสดังนั้นแล้วก็ประทานพระราชโอวาทสั่งสอนพวกราษฎรทั้งปวงว่า ธรรมดาเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถึงจะเป็นขุนนางก็ดีและเป็นเศรษฐีก็ดี เป็นพลเรือนก็ดี ไพร่ก็ดี ควรที่จะต้องเป็นคนกตัญญูรู้จักคุณท่านผู้มีคุณ ประการหนึ่งได้อุตส่าห์ประพฤติแต่การที่ดี ถึงจะทำราชการหรือจะทำการเลี้ยงชีวิตเป็นคนค้าขายทำไร่ทำนาเป็นต้น ก็ให้ละเว้นสิ่งที่ชั่วเสียให้แสวงหาแต่สิ่งที่ดีที่นักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นสุจริตธรรม ข้อหนึ่งจะทำการนั้นให้รู้จักว่าต่ำว่าสูงและปานกลาง ให้รู้จักว่าชั่วว่าดี ให้มีใจพร้อมเพรียงต่อกัน การนั้นจึงจะสำเร็จโดยเร็ว ข้อหนึ่งถึงจะมีผู้มาให้โอวาทสั่งสอนและสรรเสริญเยินยอประการใด ๆ ก็ดีก็ให้เพิกเฉยอยู่ ให้พิจารณาดูคำสั่งสอนสรรเสริญนั้นเป็นคำพาล เป็นของคนพาลประพฤติแล้วก็อย่าให้จดจำไว้ ถ้ามีอยู่บ้างในสันดานก็ให้ละเว้นเสียโดยเร็ว อย่าให้ตั้งอยู่ช้าจะพาใจกำเริบให้การต่าง ๆ นั้นเสียไป ถ้าเห็นว่าคำสั่งสอนและคำสรรเสริญนั้นเป็นคำนักปราชญ์ ๆ ประพฤติเสมอแล้วก็ให้จดจำไว้ แล้วหมั่นประพฤติจะได้มีคุณเจริญแก่ตัว ถ้ายังไม่เคยประพฤติตามคำสอนนักปราชญ์แล้วก็คงเจริญโดยแท้ ถ้าประพฤติได้ดังนี้แล้วก็จะมีแต่ความสุขจะมิได้มีทุกข์เลย เมื่อพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ประทานโอวาทสั่งสอนพวกราษฎรดังนี้ ราษฎรมีใจยินดีพากันน้อมศีรษะลงคำนับรับโอวาทแล้วทูลว่า ตั้งแต่พระองค์ได้เป็นกษัตริย์มานั้น พวกข้าพเจ้าทั้งปวงมีความสุขเป็นอันมาก ซึ่งพระองค์นั้นเปรียบดุจดังดวงอาทิตย์ที่สว่างโลกให้สว่างทั่วทิศานุทิศก็ว่าได้ อนึ่งเปรียบเหมือนฤดูทำนา ชาวนาตั้งหน้าคอยปรารถนาจะให้ฝนตก ฝนก็ตกลงมาได้สำเร็จที่ความปรารถนา ได้ทำนาก็ได้ผลเป็นอันมาก พระองค์ทรงพระเมตตาแก่ราษฎร ๆ สรรเสริญพระเดชพระคุณของพระองค์ว่าหาบุคคลที่จะยิ่งกว่าพระองค์นั้นหามิได้แล้ว แล้วพากันร้องถวายพรว่า ขอให้พระองค์เจริญอยู่ในสิ่งทั้งสามประการ คือ ให้พระองค์มีบุญวาสนามากหนึ่ง คือให้พระองค์มีพระชันษายืนยาวขึ้นไปจะได้ทะนุบำรุงแผ่นดินเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าหนึ่ง คือให้พระองค์มีพระราชบุตรแต่ล้วนเป็นนักปราชญ์ให้มากจะได้สืบเสวยราชสมบัติเป็นพระเกียรติยศต่อไป จะได้ตั้งอยู่ในยุติธรรมอย่างพระองค์ฉะนี้หนึ่ง พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้จึงตรัสถามราษฎรว่า เราทุกวันนี้มีบุญวาสนามากสักเท่าใด จึงจะได้เป็นถึงอย่างท่านพูดดังนี้ อนึ่งบุคคลผู้ใดถ้าและบุตรมากแล้วก็ย่อมมีทุกข์มาก ถ้ามีบุญมีทรัพย์มากก็มักจะมีกิจธุระมาก ถ้าและอายุยืนมากชราแล้ว ก็พูดจาหลงใหลใจคอก็จะไม่แน่นอน จะทำการสิ่งใดก็จะผิด ๆ ครั้นหลงใหลไปแล้วก็จะต้องอายแก่คนทั้งปวง ราษฎรจึงทูลว่า ธรรมดาว่าฟ้าและดินนั้น ก็เป็นที่เกิดแห่งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายอยู่เอง แล้วก็ย่อมมีที่ทางเป็นชั้น ๆ กันตามบุญวาสนาของมนุษย์และสัตว์ เหตุไฉนพระองค์จึงตรัสว่ามีบุตรมากจึงจะมีทุกข์มากเล่า ประการหนึ่งมีบุญมีทรัพย์มากแล้ว คนที่จะรับอาสาให้ใช้สอยนั้นก็จะมีมากอยู่ เมื่อมีกิจธุระมากแล้วก็แบ่งธุระนั้นให้แก่คนทั้งปวงรับจัดการแทนบ้าง ให้เป็นคนพนักงานแล้วก็จะเสร็จธุระได้ ก็จะไม่มีความกังวลวุ่นวายในใจ อนึ่งมีอายุมากอายุยืนนั้นก็เป็นการอันดี ถ้าคนไม่มีบาปกรรมแล้วก็ไม่ใหลหลง ถ้าและบ้านเมืองเรียบร้อยเป็นสุขแล้ว ราษฎรและสัตว์ทั้งหลายต่าง ๆ ก็เป็นสุข ถ้าบ้านเมืองไม่เป็นสุขก็พระองค์ตั้งพระทัยอุตส่าห์รักษาแต่พระองค์ไปให้เป็นสุขตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว ซึ่งการแผ่นดินนั้นก็แล้วแต่เสียงเต้คือพระอิศวรจะโปรด ครั้นชราแล้วก็จะได้เป็นเซียนไปอยู่สวรรค์ ทำไมพระองค์จึงตรัสว่าอายุมากชราแล้วนี้จะไม่ดีหรือ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า ซึ่งท่านทั้งหลายว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่เกลือกว่าตัวเราจะเผลอพลั้งพลาดไปไม่เหมือนเช่นท่านว่านั้น ราษฎรทั้งปวงทูลว่า พระองค์ทรงสติปัญญามากดุจทะเลอันใหญ่ อาจสามารถที่จะขังน้ำในพระมหาสมุทรได้ มาตรว่าน้ำในคลองจะมากสักเท่าใดก็คงอยู่ในทะเลได้ พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นแล้ว ก็รับสั่งให้ขุนนางเจ้าพนักงานเอาเงินและเสื้อผ้าไปพระราชทานเป็นรางวัลแก่ราษฎรแล้วก็เสด็จกลับเข้าพระราชวัง พวกราษฎรทั้งหลายก็พากันตามส่งเสด็จกลับพระองค์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ