๓๒

ฝ่ายลูเบงอ๋องแม่ทัพจึงว่าแก่เกาเหลงอุยโท้วว่า ข้าพเจ้าพิจารณาตรวจตราดูฝีมือน้องชายข้าพเจ้ากับฝีมือน้องชายหลีทำนั้นดูเข้มแข็งว่องไวทั้งสองฝ่ายสันทัดกัน เราจะให้ออกรบกันด้วยฝีมือดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่พวกหลีทำก็พวกเราก็จะถึงปราชัยกันข้างหนึ่งเป็นแน่ จำเราจะต้องคิดหาอุบายที่จะเอาชัยชนะหลีทำฝ่ายเดียวจึงจะได้ ท่านจีนแสจะเห็นอุบายประการใดบ้าง เกาเหลงอุยโท้วจึงว่าแก่ลูเบงอ๋องว่า ท่านว่านี้ชอบแล้วข้าพเจ้าก็เห็นด้วยว่าพวกหลีทำพี่น้องนี้ เราจะต้องคิดอุบายด้วยกลข้าศึกให้ลึกซึ้งจึงได้ชัยชนะ ถ้าจะออกรบด้วยฝีมือก็ดูก้ำกึ่งกันอยู่ไว้ใจไม่ได้ แต่ท่านอย่าได้มีความวิตกเลย เราคิดเห็นอุบายอันหนึ่งแล้ว ลูเบงอ๋องจึงว่าท่านจีนแสเห็นอุบายประการใด จงได้บอกให้ข้าพเจ้าทราบด้วย เกาเหลงอุยโท้วจึงว่า เราจะต้องให้ไปสอดแนมดูลู่ทางซึ่งจะหนีจะไล่ให้รู้แน่นอนก่อนจึงค่อยคิดกลอุบาย แล้วจึงจะบอกให้รู้ต่อภายหลัง ครั้นปรึกษากันแล้ว เกาเหลงอุยโท้วก็ใช้ให้ทหารผู้หนึ่งแต่งตัวปลอมเป็นพรานเที่ยวไปดูทาง ทหารผู้นั้นก็รีบไปตามคำเกาเหลงอุยโท้วสั่ง

ฝ่ายหลีทำนั้นครั้นน้องชายทั้งหกคนกลับเข้าในค่ายแล้วจึงว่าฝีมือน้องเราและน้องชายลูเบงอ๋องนั้น พอจะต่อสู้ต้านทานฝีมือกันได้จริงเหมือนถ้อยคำเง่าหลีบอกแก่เรา ซึ่งเราจะทำสงครามแก่ลูเบงอ๋องให้ได้ชัยชนะโดยกำลังเห็นจะไม่ได้ น้องชายทั้งแปดจึงว่า ข้าพเจ้านี้อยากรบด้วยข้าศึกให้ถึงแพ้และชนะ หลีทำจึงว่าซึ่งเจ้าจะออกรบให้เห็นแพ้ชนะนั้น จะต้องดูให้รู้ท่วงทีลูเบงอ๋องนั้นก่อน

ฝ่ายทหารลูเบงอ๋องที่เกาเหลงอุยโท้วใช้ให้แต่งตัวปลอมเป็นพรานไปดูทางนั้น ครั้นไปดูเห็นลู่ทางแน่นอนแล้ว ก็กลับมาแจ้งความแก่เกาเหลงอุยโท้วตามที่ตนได้ไปดูรู้เห็น เกาเหลงอุยโท้วนั้นครั้นรู้หนทางประจักษ์แน่นอนแล้ว ก็ตรึกตรองในอุบายที่จะกระทำศึก ครั้นเห็นอุบายชัดแล้วจึงบอกอุบายนั้นแก่ลูเบงอ๋องแม่ทัพว่า เราจะต้องจัดนายทหารที่รูปเหมือนน้องของท่านสักสี่นาย ให้แต่งตัวปลอมออกไปรบพร้อมกับน้องชายของท่าน และน้องชายของท่านอีกสี่องค์นั้นให้คุมทหารองค์ละหมื่นไปซุ่มอยู่ริมค่ายหลีทำฝ่ายข้างทิศใต้ แล้วให้ตัดเถาวัลย์มาผูกกับต้นไม้ ขึงไว้ให้สูงพ้นดินประมาณศอกเศษ แล้วเมื่อเวลาจะออกรบกันนั้นให้คอยฟังประทัดสัญญาค่ายเราดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก็ให้ถือเครื่องศัสตราวุธเตรียมไว้ให้พร้อม ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาในค่ายเราดังนั้นอีกเป็นสองครั้ง ก็ให้แต่งทหารห้าพันเข้าตีค่ายหลีทำ ถ้าหลีทำออกจากค่ายหนีไป ก็ให้ทหารห้าพันซึ่งยังเหลืออยู่นั้นออกช่วยรบให้เป็นสองระยะ พวกหลีทำจะได้ตื่นตกใจ ถ้าไม่ได้ยินเสียงประทัดสัญญาในค่ายเราแล้ว ก็ให้สงบนิ่งไว้อย่าได้วี่แววให้พวกหลีทำรู้ตัว แล้วน้องชายของท่านยังอีกสามองค์นั้นให้คุมทหารสามหมื่นไปซุ่มอยู่ริมค่ายหลีทำฝ่ายทิศเหนือ ให้คอยฟังประทัดสัญญาในค่ายเราดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก็ให้ถือเครื่องอาวุธเตรียมไว้ ถ้าได้ยินประทัดสัญญาดังขึ้นเป็นสองครั้ง ก็ให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่ข้างด้านเหนือนั้นเอาไฟเข้าจุดเผาค่ายหลีทำให้ไหม้ขึ้นทุกค่าย ถ้าไม่ได้ยินประทัดสัญญาดังขึ้นแล้ว ก็ให้สงบเงียบไว้ทั้งสองกอง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า ฝ่ายท่านและน้องชายของท่านสี่องค์กับทหารสี่นายที่แต่งตัวปลอมเหมือนน้องของท่านนั้น จงพากันออกไปอยู่หน้าค่าย ให้พวกหลีทำเห็นว่าน้องของท่านอยู่พร้อมกัน ถ้าหลีทำนิ่งอยู่ในค่ายไม่ออกรบแล้ว เราจึงไปด่าว่าท้าทายให้หลีทำโกรธออกมารบแก่เรา แล้วเราแกล้งทำเป็นเสียทีถอยหนีให้หลีทำไล่ติดตามบุกรุกเข้ามาให้ห่างไกลค่ายของมัน แล้วเราจึงจุดประทัดสัญญาให้กองซุ่มของเราเอาไฟจุดเผาค่ายมันให้ไหม้ขึ้น แล้วจึงขับทหารกลับมาตีกระหนาบเข้าไปก็จะได้ชัยชนะเป็นมั่นคง ลูเบงอ๋องได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้น้องชายคุมทหารไปกระทำตามคำเกาเหลงอุยโท้วสั่งทุกประการ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าเกาเหลงอุยโท้วก็พาลูเบงอ๋องกับไถจู๊สี่องค์และทหารสี่นายซึ่งแต่งตัวปลอมเหมือนน้องลูเบงอ๋องนั้นออกไปนอกค่าย แล้วลูเบงอ๋องกับน้องชายนั้นชักม้าไปยืนเรียงกันอยู่หน้าทหาร ๆ สี่นายซึ่งแต่งตัวเหมือนน้องลูเบงอ๋องนั้นยืนเรียงถัดลูเบงอ๋องเข้ามาหว่างช่อง และเกาเหลงอุยโท้วนั้นยืนอยู่ข้างหลัง แล้วเกาเหลงอุยโท้วให้ตีม้าล่อตีกลองขึ้นให้หลีทำได้ยิน

ฝ่ายหลีทำกับน้องชายแปดคน ได้ยินเสียงม้าล่อกลองรบในกองทัพลูเบงอ๋องก็แต่งตัวถืออาวุธขึ้นขี่ม้า นำทหารออกไปนอกค่ายยืนเรียงกันอยู่ที่หน้าทหาร แต่ไม่รู้ในกลอุบายของลูเบงอ๋อง จึงปรึกษากันไว้ว่า วันนี้ลูเบงอ๋องพี่น้องออกมารบนั้นจะรบด้วยเราเป็นคู่ ๆ หรือจะให้แต่ทหารเข้ารบก็ยังไม่รู้ ถ้าได้รบกับเราเป็นคู่ ๆ แล้ว เราจึงให้ทหารตะลุมบอนเข้าไปก็จะได้ชัยชนะแก่ลูเบงอ๋อง

ฝ่ายลูเบงอ๋องเห็นหลีทำพี่น้องออกมาพร้อมกันแล้วจึงว่าแก่หลีทำว่า เจ้านายของเราก็ไม่ได้กระทำการข่มเหงเบียดเบียนแก่พวกเจ้าให้ได้รับความเดือดร้อน เหตุใดเจ้าจึงอุกอาจไม่เกรงพระราชอาญา บังอาจใจไปเที่ยวเบียดเบียนปลายเขตปลายแดนของพระราชบิดาเราให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน วันนี้ถ้าเจ้าออกรบกับเราปราชัยแพ้แก่เราแล้ว เจ้าก็จะมีความเศร้าโศกเสียใจว่าตัวผิดคิดล่วงพระราชอาญาพระบิดาเรา พวกเจ้าคงจะได้มีความคิดถึงตัวในเวลาวันนี้เป็นแท้ หลีทำจึงว่าแผ่นดินมีมาแต่ครั้งพนโกสีย์สร้างขึ้นมา ถึงเทียนอ่องลีฮ่องเต้ ตี่อ่องสีฮ่องเต้ ยี่นอ้องสีฮ่องเต้ สืบกษัตริย์ต่อ ๆ มาถึงสามพระองค์นั้น ท่านก็มิใช่เชื้อวงศ์แซ่เดียวกัน ท่านก็ยังตั้งอยู่ในยุติธรรม ซึ่งเจ้าว่าแผ่นดินเป็นของพ่อเจ้านั้นใครยกให้ เราแจ้งอยู่ว่าใครมีกำลังมีบุญวาสนามากก็ได้เป็นใหญ่ เดี๋ยวนี้พ่อเจ้าไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม ไม่ควรจะให้เป็นเจ้าแผ่นดิน เจ้าจงกลับไปบอกพ่อเจ้าจัดเครื่องบรรณาการมายอมขึ้นแก่เรา เราจะได้ละชีวิตพ่อเจ้าไว้ให้พ้นความตาย ราษฎรทั้งหลายก็จะได้พากันสรรเสริญว่าพ่อเจ้ารู้ในกาลปัจจุบัน และการซึ่งจะมีในภายหน้าต่อไป ลูเบงอ๋องจึงตอบว่าเจ้าอยากจะได้ราชสมบัติของพระบิดาเราแล้วเจ้าจงมารบด้วยเราให้แพ้และชนะแก่กันก่อนเถิด หลีทำได้ฟังดังนั้นก็พาน้องทั้งแปดคนออกรบด้วยลูเบงอ๋องกับน้องชายลูเบงอ๋องเป็นคู่ ๆ กันทั้งเก้าคู่ได้ประมาณยี่สิบเพลง

ฝ่ายทหารสี่นายซึ่งแต่งตัวเหมือนน้องชายลูเบงอ๋องนั้นต้านทานกำลังน้องชายหลีทำไม่ได้ก็ขับม้าหนีจากที่รบ แล้วหลีทำนั้นสำคัญว่าน้องลูเบงอ๋องสี่คนหนีแล้ว หลีกือน้องหลีทำก็ตีรุกไล่เข้าไปในกองทัพลูเบงอ๋อง ๆ ก็ล่าทัพถอยเข้าไปในค่าย แล้วเลยออกไปหลังค่าย

ฝ่ายหลีทำก็ชักม้าไล่ติดตามไปแล้วร้องประกาศว่า ถ้าผู้ใดจับได้ตัวลูเบงอ๋องและน้องชายลูเบงอ๋องมาส่งให้เรา ๆ จะให้เงินพันตำลึง ฝ่ายพวกทหารหลีทำอยากจะได้ความชอบ ก็พากันจะเข้าไปจับลูเบงอ๋องให้ได้ ฝ่ายหลีทำเข้าไปในค่ายลูเบงอ๋องไม่เห็นมีผู้คนจึงบอกแก่น้องชายว่า เราจงพากันถอยทัพรีบกลับไปเถิด เกลือกว่าเราจะต้องอุบายลูเบงอ๋อง ขณะนั้นเกาเหลงอุยโท้วให้ทหารจุดประทัดสัญญาขึ้น ให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่นั้นรู้เป็นสำคัญ

ฝ่ายทหารลูเบงอ๋องซึ่งซุ่มอยู่นั้นได้ยินเสียงประทัดสัญญาดังขึ้นสองนัดตามสัญญา ก็พากันออกจากป่าเอาไฟไปจุดเผาค่ายหลีทำไหม้ขึ้นทั้งเก้าค่าย แล้วลูเบงอ๋องขับทหารเข้าตีกระหนาบกองทัพหลีทำ

ฝ่ายน้องชายลูเบงอ๋องสี่องค์ซึ่งคุมทหารซุ่มอยู่นั้น ก็ขับทหารออกรบสกัดทัพ หลีทำเสียทีทหารหนีแตกกระจัดกระจายไป หลีบุน หลีเนียม หลีบู๊ หลีโฟ หลีฮู น้องชายหลีทำกับทหารสองพันหนีไปตามทางซึ่งพังหังอ๋อง เท่งเกียงอ๋องน้องชายลูเบงอ๋องทั้งสองซุ่มทหารอยู่นั้น พังหังอ๋อง เท่งเกียงอ๋อง ก็ขับทหารไล่ติดตามไป หลีบุน หลีเนียม หลีบู๊ หลีโฟ หลีฮู น้องชายหลีทำห้าคนก็ขับม้าพาทหารหนีพังหังอ๋องเท่งเกียงอ๋อง ไปถึงที่ซึ่งทหารห้าพันขึงเถาวัลย์ไว้กับต้นไม้ซุ่มอยู่นั้นพวกทหารห้าพันซึ่งซุ่มอยู่ในป่านั้น ครั้นเห็นน้องชายหลีทำห้าคนยกกองทัพหนีมาทางนั้น ก็ออกช่วยสกัดรบกองทัพน้องชายหลีทำไว้แน่นหนา พังหังอ๋องเท่งเกียงอ๋องก็ขับทหารไล่ตามรบประชิดเข้าไป น้องชายหลีทำทั้งห้านั้นจะหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ ด้วยสองข้างทางล้วนแต่เถาวัลย์ขึงสกัดเท้าม้า และไปข้างหน้าก็มีกองทัพ ข้างหลังก็มีกองทัพ จนทางจวนตัวหนีไปไม่ได้ พอพังหังอ๋อง เท่งเกียงอ๋องไล่ประชิดเข้ามาถึงจับตัว หลีบุน หลีเนียม หลีบู๊ หลีโฟ หลีฮู และทหารเลวในกองทัพได้ประมาณสองร้อยเศษ ส่งไปให้แก่ลูเบงอ๋อง ๆ จึงให้ตัดศีรษะน้องชายหลีทำทั้งห้าคนไปเที่ยวประกาศแก่พวกทหารซึ่งหนีกระจัดกระจายนั้นว่า หลีทำพี่น้องนั้นเป็นคนอันธพาล ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน บัดนี้เราจับได้ตัวหลีบุน หลีเนียม หลีบู๊ หลีโฟ หลีฮู น้องชายหลีทำฆ่าเสียแล้ว พวกทแกล้วทหารหลีทำที่หนีอยู่นั้นจงมาสามิภักดิ์กับเราโดยดีเราจึงจะไม่ทำโทษ

ฝ่ายหลีทำกับน้องชายสามคนรวบรวมได้ทหารประมาณสามร้อยสี่ร้อยคนพากันหนีไปได้ครึ่งทาง หลีทำจึงว่าแก่น้องชายว่า พี่น้องเราห้าคนหนีไปจะเป็นจะตายประการใดก็ไม่รู้ และเมื่อกองทัพลูเบงอ๋องกับกองทัพหลีทำรบกันนั้น ทหารหลีทำเหลือสองส่วน ตายเสียแปดส่วน ซากศพเกลื่อนกลาดอยู่ตามทาง โลหิตนั้นไหลนองในแผ่นดินที่ลุ่มเอิบอาบไปดังน้ำขังอยู่ในห้วงอยู่ในบ่อ

ฝ่ายพวกทหารหลีทำพูดกันว่า เราพ้นข้าศึกมาครั้งนี้เปรียบเหมือนปลาหลุดออกจากอวน และดุจนกหลุดจากบ่วงแร้ว ฝ่ายพวกทหารลูเบงอ๋องพูดกันว่า กองทัพหลีทำหนีไปครั้งนี้ เปรียบเหมือนสุนัขศีรษะเน่าเที่ยววิ่งซุกซ่อนไป

ฝ่ายเกาเหลงอุยโท้วนั้นจึงว่าแก่ลูเบงอ๋องว่า น้องชายหลีทำห้าคนนั้นเราจับได้ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่หลีทำกับพี่น้องสามคนหนีไปได้ เราจะทิ้งไว้ก็เหมือนตัดต้นไม้ไม่ขุดราก ก็จะงอกงามขึ้นอีกเหมือนดังเก่า ลูเบงอ๋องจึงถามว่าจะไปตามแห่งใดจึงจะจับตัวหลีทำได้ เกาเหลงอุยโท้วจึงว่าหลีทำนั้นสิ้นความคิดแล้ว คงจะหนีไปเมืองจอกกอกเป็นมั่นคง ลูเบงอ๋องได้ฟังดังนั้นก็พากันยกกองทัพไปตามจับหลีทำ

ฝ่ายหลีทำกับน้องชายสามคนพากันหนีข้าศึกไปใกล้จะถึงเมือง พอทหารสองร้อยคนซึ่งแตกหนีกองทัพลูเบงอ๋องรีบตามมาทันหลีทำแล้ว จึงแจ้งความแก่หลีทำว่า ข้าศึกจับได้หลีบุน หลีเนียม หลีบู๊ หลีโฟ และหลีฮูน้องชายของท่านกับทหารเลวสองร้อยเศษ ก็ให้ฆ่าแต่น้องชายของท่านห้าคน แล้วตัดศีรษะให้ไปเที่ยวประกาศเกลี้ยกล่อมพวกทหารฝ่ายเราซึ่งแตกตื่นหนีนั้น เข้าสามิภักดิ์บ้างไม่เข้าสามิภักดิ์บ้าง แต่ข้าพเจ้านี้คิดกตัญญูต่อท่าน จึงได้รี้บตามมาแจ้งความอันนี้แก่ท่าน หลีทำกับน้องชายได้ฟังดังนั้น พี่น้องเสียใจกอดคอกันร้องไห้ แล้วหลีทำจึงพูดว่า ถ้าข้าศึกติดตามมาทันเรา ๆ ก็จะต้องเข้าสามิภักดิ์ หลีปิดผู้น้องได้ฟังดังนั้นมีความโกรธจึงตอบว่า พี่น้องเก้าคนได้ทำศึกสงครามมาถึงห้าสิบปีแล้ว ไม่ได้พึ่งบุญผู้ใดไม่เคยแพ้ใคร ครั้งนี้เราเห็นจะเสียทีจงรีบไปเข้าเมืองเสียให้ได้ก่อน ประการหนึ่งทแกล้วทหารและเสบียงอาหารเราสะสมไว้มีอยู่มาก ควรที่จะคิดต่อสู้ด้วยข้าศึกต่อไป ไม่ควรจะเข้าสามิภักดิ์เป็นเชลยให้เสียเกียรติยศ

ขณะนั้นทหารหลีทำซึ่งแตกหนีข้าศึกมานั้น ตามมาถึงอึกพวกหนึ่งสี่สิบคนพากันเข้าไปคำนับ แล้วเล่าความแก่หลีทำว่า ท่านจงรีบไปโดยเร็วเถิด กองทัพลูเบงอ๋องยกตามมาใกล้จะถึงท่านอยู่แล้ว หลีปิดได้ฟังดังนั้นจึงว่าพี่ทั้งสามจงรีบไปเข้าเมืองเถิด แต่ตัวข้าพเจ้านี้จะคุมทหารไปสกัดทัพลูเบงอ๋องอยู่ที่ตำบลเล่าเค้า คือต้นทางที่เขาฮอหงายเป็นทางแคบ ข้าพเจ้าจะรบปะทะปะทังไว้กว่าพี่จะไปเข้าเมืองได้ ถ้าพี่เข้าเมืองได้แล่ว จงรวบรวมทแกล้วทหารไว้ให้พร้อม จะได้ต่อสู้รบด้วยข้าศึก หลีทำได้ฟังดังนั้นจึงว่า ซึ่งเจ้าคิดดังนี้พี่เห็นว่าเจ้ามีฝีมือและกำลังก็จริงอยู่ แต่เห็นว่าทแกล้วทหารของเราตายถึงแปดส่วน ยังเหลืออยู่แต่สองส่วนก็ไม่พร้อมมูลกันแล้วก็พากันอิดโรย เกลือกว่าจะต้านทานกำลังข้าศึกไม่ได้ ถ้าเจ้าสิ้นกำลังแล้วจงหนีเอาตัวรอดเถิด ครั้นพูดปรึกษากันแล้ว พอกองทัพลูเบงอ๋องใกล้เข้ามา หลีปิดจึงตักเตือนพี่ชายทั้งสามให้รีบหนีไป หลีทำ หลีกือ หลีลอกได้ฟังน้องชายตักเตือน จำใจพากันขึ้นม้ารีบหนีไป

ฝ่ายหลีปิดนั้นครั้นกองทัพลูเบงอ๋องตามมาถึง หลีปิดก็เข้ารบพลางหนีไปพลางจนถึงเขาฮอหงาย ลูเบงอ๋องเห็นที่ช่องแคบและมีต้นไม้ใหญ่ คิดกลัวว่ากองทัพหลีปิดจะเข้าซุ่มอยู่ จึงไม่ได้ยกติดตามหลีปิดไป แล้วลูเบงอ๋องจึงว่าแก่น้องชายว่า พวกหลีทำนี้เปรียบเหมือนสุนัขคลั่งโลหิต พวกเราอย่าได้เข้าใกล้รบด้วยอาวุธสั้นเลย จงพากันยิงแต่เกาทัณฑ์ระดมเข้าไปเถิด พวกทหารได้ฟังดังนั้นก็พากันยิงเกาทัณฑ์ระดมเข้าไปดุจเม็ดฝน ถูกทหารหลีปิดตายบ้างหนีไปได้บ้าง แต่หลีปิดนั้นใจกล้าหยุดม้ายืนอยู่ที่ปากทาง แกว่งทวนปัดป้องไม่ให้ลูกเกาทัณฑ์ถูกประมาณครู่หนึ่ง พอม้าที่ขี่นั้นถูกลูกเกาทัณฑ์โดดโลดโผนไป หลีปิดแข็งในกระบวนขี่ม้าไม่ตกแล้วก็แกว่งทวนปัดป้องลูกเกาทัณฑ์จนถอยกำลัง แกว่งทวนนั้นช้าลงทุกที ลูกเกาทัณฑ์ถูกม้าและถูกตัวหลีปิด ๆ และม้าขาดใจตายยืนอยู่ที่นั้น ฝ่ายลูเบงอ๋องขับทหารไปเห็นหลีปิดต้องลูกเกาทัณฑ์ตายอยู่บนหลังม้า ก็สรรเสริญว่าหลีปิดมีทิฐิมานะมากดังนี้ ไม่เสียทีที่เป็นชาติทหาร และการสงครามนี้ ถ้าเข้าสู้รบกันแล้วก็คงจะตายข้างหนึ่ง และซึ่งทหารเรายิงเกาทัณฑ์ถูกหลีปิดตายดังนี้ เวรกรรมอย่าได้มีต่อกันไปอีกเลย

ฝ่ายหลีทำหลีกือหลีลอกพี่น้องหนีเข้าเมืองได้แล้ว ก็ให้เกาทัณฑ์ทหารรักษาหน้าที่ปิดประตูเมืองไว้ ฝ่ายทหารหลีปิดสามสิบคนกับนายกองคนหนึ่งหนีกองทัพลูเบงอ๋องมาถึงกำแพงเมืองของตัวพอเวลากลางคืน เห็นประตูเมืองปิดอยู่นายกองก็ร้องบอกแก่ทหารในเมืองว่า เราเป็นทหารหลีปิดสู้รบต้านทานข้าศึกไม่ได้ เหลือจากตายแล้วพากันหนีมาได้บ้าง แต่หลีปิดนั้นถูกลูกเกาทัณฑ์ตายที่เขาฮอหงาย บัดนี้ข้าศึกนั้นตามมาอีกสักครู่หนึ่งก็จะมาถึงเมืองเราแล้ว ท่านจงเปิดประตูเมืองมารับเราโดยเร็วเถิด ทหารในเมืองได้ฟังดังนั้นคิดสงสัยจะเป็นอุบายข้าศึก จึงตอบว่าเวลาค่ำมืดเราจะเปิดประตูเมืองรับไม่ได้ เราจะต้องไปบอกแก่เจ้านายก่อน ถ้าเจ้านายให้เปิดประตูจึงจะเปิดได้ ครั้นพูดกันดังนั้นแล้ว กองทัพลูเบงอ๋องยกตามมาถึง นายกองพวกทหารหลีปิดก็ตกใจกลัวพากันหนีเข้าป่าไป นายกองพูดกับทหารสามสิบคนว่าเราหมายใจว่าหนีมาถึงประตูเมืองแล้วคงพ้นความตาย ครั้นมาถึงประตูเมืองแล้วเข้าเมืองก็ไม่ได้ ซึ่งเราหนีเข้าป่ามาเช่นนี้คงจะถึงความตายเป็นแน่

ฝ่ายลูเบงอ๋องให้ทหารตั้งค่ายอยู่ใกล้เคียงกำแพงเมือง พวกทหารในเมืองก็ไปแจ้งความแก่หลีทำ หลีกือ หลีลอกว่าหลีปิดถูกลูกเกาทัณฑ์ตายอยู่บนหลังม้า

ฝ่ายหลีทำ หลีกือ หลีลอกได้แจ้งความแล้วเอามือทุบอกร้องไห้คิดถึงหลีปิดเป็นอันมาก หลีทำว่าแก่น้องชายทั้งสองว่า เราพี่น้องพากันไปรบกับลูเบงอ๋องที่ตำบลตี้คี้ว พวกลูเบงอ๋องจับได้น้องเราห้าคนฆ่าเสียแล้ว หลีปิดนั้นก็ถูกลูกเกาทัณฑ์ตายไปอีก เราทุกวันนี้อุปมาเหมือนลูกเกาทัณฑ์ปักอยู่ในอกสักร้อยดอก ถ้ามิเช่นนั้นเราพี่น้องทั้งสามคนนี้เปรียบเหมือนคนไข้หนักเกือบจะตายอยู่แล้ว ซึ่งเราจะรักษาให้หายนั้นเห็นจะไม่ได้ ว่าแล้วร้องไห้จนเวลารุ่งสว่าง ครั้นสิ้นร้องไห้แล้ว หลีทำจึงพูดว่าเห็นจะต้องเข้าสามิภักดิ์ หลีลอกน้องชายจึงตอบว่า ข้าศึกฆ่าน้องชายเราตายถึงหกคน เราจะต้องแก้แค้นเสียให้จงได้ โดยจะตายด้วยฝีมือข้าศึกก็จะได้ไปเห็นหน้ากับพี่น้องของเราที่ตายไป ซึ่งพี่จะเข้าสามิภักดิ์กับข้าศึกนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย ด้วยทหารของเราก็ยังมีอยู่มากถึงสามหมื่น ข้าพเจ้าจะรับอาสาคุมทหารหมื่นหนึ่งออกไปต่อสู้แก่ข้าศึกแต่พี่ทั้งสองจงคอยดูเห็นว่าข้าพเจ้าได้ทีแก่ข้าศึกแล้ว พี่จงขับทหารออกไปช่วยกันระดมรบ ถ้าข้าพเจ้าเสียทีแก่ข้าศึกแล้ว พี่ทั้งสองจงช่วยกันรักษาเมืองไว้ให้มั่นคง ถ้าข้าศึกสิ้นเสบียงอาหารเลิกทัพกลับไปเหมือนครั้งก่อน ภายหลังเราจึงค่อยคิดอ่านต่อไป หลีทำจึงตอบว่าใจพี่คิดว่าจะออกไปสามิภักดิ์กับเขาโดยดีอย่าให้มีอันตรายแก่ราษฎร หลีลอกจึงว่าพี่จะออกไปสามิภักดิ์กับเขานั้นข้าพเจ้ากลัวว่าเขาจะไม่รับ ด้วยน้องชายเราก็ตายเสียถึงหกคน ซึ่งเราจะเข้าสามิภักดิ์กับเขา ถ้าเขาไม่รับแล้ว เราก็คงเป็นอันตรายเป็นแน่ ถ้าเราตายด้วยฝีมือรบพุ่งให้ชื่อเสียงปรากฏไปภายหน้านั้นเห็นจะดีกว่าเข้าสามิภักดิ์ หลีทำนึกว่าได้พูดถึงสองครั้งแล้วเหลือปัญญาที่จะว่ากล่าว จึงว่าซึ่งเจ้าไม่ยอมเข้าสามิภักดิ์กับเขา เจ้าจะออกไปต่อสู้แก่ข้าศึกนั้นก็ตามแต่ใจเถิด ครั้นปรึกษากันแล้ว รุ่งขึ้นเวลาเช้าหลีลอกก็แต่งตัวถืออาวุธมาคำนับลาหลีทำพี่ชายแล้ว ก็ขึ้นม้าพาทหารหมื่นหนึ่งเปิดประตูเมืองออกไปรบด้วยข้าศึก

ฝ่ายทหารลูเบงอ๋องเห็นกองทัพพวกหลีทำยกออกมาจากเมืองดังนั้น ก็ไปแจ้งความแก่ลูเบงอ๋อง ๆ กับน้องชายทั้งแปดก็ชวนเกาเหลงอุยโท้วแต่งตัวถืออาวุธขึ้นม้านำทหารออกไปอยู่หน้าค่าย

ฝ่ายหลีลอกเห็นลูเบงอ๋องขึ้นม้าถืออาวุธนำทหารออกมาอยู่หน้าค่าย กำลังโกรธก็ตรงไปใกล้ แล้วสะอึกเข้าไปแทงด้วยทวนไม่ถูกลูเบงอ๋อง ๆ ปัดด้วยทวนแล้วก็รบกันตั้งแต่เช้าจนบ่ายได้หกสิบเพลงไม่แพ้ไม่ชนะกัน ทหารลูเบงอ๋องฆ่าทหารหลีลอกตายเป็นอันมาก

ฝ่ายพังหังอ๋องน้องชายลูเบงอ๋อง กลัวว่าลูเบงอ๋องจะถอยกำลังก็ขับม้าเข้ารบด้วยหลีลอกได้ประมาณสิบเพลง แล้วพังหังอ่องจึงว่าแก่หลีลอกว่า มึงนี้กูจะฆ่าเอง กลัวเลือดมึงจะติดอาวุธกู ว่าแล้วก็ร้องบอกให้ทหารเข้าล้อมหลีลอกไว้ หลีลอกเห็นว่าหนีไปไม่ได้ จึงร้องว่าผู้ใดไม่กลัวตายก็ให้เข้ามาให้ใกล้เรา ลูเบงอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ให้ทหารที่ล้อมนั้นยิงเกาทัณฑ์ไป หลีลอกก็แกว่งทวนปิดป้องลูกเกาทัณฑ์ไว้ไม่ถูกตัวหลีลอก ประมาณครู่หนึ่งหลีลอกสิ้นกำลังลงแล้วก็ชักกระบี่เชือดคอตาย พวกทหารลูเบงอ๋องก็เข้าตัดศีรษะหลีลอกไปส่งให้ลูเบงอ๋อง ๆ ให้จับทหารหลีลอกนั้นได้สิ้นแล้ว ก็ให้ทหารหิ้วศีรษะหลีลอกไปประกาศแก่หลีทำซึ่งอยู่ในเมืองว่า หลีลอกตายแล้วจงเปิดประตูเมืองออกมาสามิภักดิ์แก่เราโดยดี ถ้าไม่ออกมาสามิภักดิ์แก่เราโดยดีแล้ว เราจะให้กองทัพพังเมืองเข้าไปจับได้ก็จะตัดศีรษะให้เหมือนหลีลอกดังนั้น

ฝ่ายหลีทำหลีกือรู้ว่าน้องชายตายก็พากันร้องไห้แล้วพวกทหารและราษฎรก็เข้ามาเร่งให้สามิภักดิ์แก่ข้าศึก หลีทำจึงว่ากับราษฎรว่า ข้าศึกฆ่าน้องชายเราตายถึงเจ็ดคน พวกเจ้าจะให้เราสามิภักดิ์แก่ข้าศึกนั้น จะให้เราเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ว่าแล้วก็ปรึกษาหลีกือน้องชายว่า ราษฎรและทหารของเราพากันกลัวข้าศึก ซึ่งเราจะคิดรักษาเมืองและต่อสู้ข้าศึกต่อไปนั้นเห็นจะไม่ได้ ซึ่งเราจะนิ่งไว้ให้ข้าศึกจับเราไปฆ่านั้น เราก็จะได้ความอัปยศ เราจงฆ่าตัวเราตายเองดีกว่า แล้วบุตรภรรยาของเรานั้น พวกข้าศึกมันจะเอาไปทำประจานเล่นต่าง ๆ ให้ได้ความเจ็บอาย เราพากันไปฆ่าบุตรภรรยาของเราเสียให้สิ้นห่วงใยก่อน ครั้นปรึกษากันแล้วต่างคนไปฆ่าบุตรภรรยาตาย แล้วเอากระบี่เชือดคอตัวตายเสียทั้งสองพี่น้อง ครั้นหลีทำหลีกือตายแล้ว พวกทหารและราษฎรเปิดประตูเมืองและตั้งเครื่องบูชาออกมาถึงประตูเมือง แล้วพากันคำนับพร้อมกับแจ้งความแก่ลูเบงอ๋องว่า หลีทำ หลีกือ พี่น้องฆ่าบุตรภรรยาของตัวตายแล้ว ๆ เชือดคอตัวตายเสียทั้งสองคน ลูเบงอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ให้ทแกล้วทหารเข้าไปในเมือง ครั้นเข้าไปในเมืองแล้วสั่งให้เอาเงินและสิ่งของซึ่งอยู่ในเมืองนั้นแจกจ่ายให้แก่ราษฎร แล้วประกาศแก่พวกทหารมิให้แย่งชิงทรัพย์สิ่งของราษฎร แล้วเขียนหนังสือบอกข้อราชการให้คนใช้ถือหนังสือขึ้นม้าไปให้ขุนนางกราบทูลพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ คนใช้ก็รับหนังสือแล้วก็ขึ้นม้ารีบไปเมืองหลวง แล้วลูเบงอ๋องทราบว่าขุนนางของหลีทำมีอยู่สองนาย ชื่อเอียมบู๊เป็นนายทหารคนหนึ่ง ชื่อเพ่งเจียบุ๋นคนหนึ่งเป็นคนมีสติปัญญา จึงตั้งให้เป็นขุนนางฝ่ายพลเรือนคนหนึ่ง ตั้งให้เป็นขุนนางฝ่ายทหารคนหนึ่ง ให้อยู่ช่วยกันรักษาเมืองจอกกอก แล้วก็ให้เลิกทัพกลับเข้าไปเมืองหลวง และเมื่อลูเบงอ๋องยกกองทัพออกจากเมืองจอกกอกนั้น ราษฎรชาวเมืองชวนกันดาดเพดานด้วยผ้าสีต่าง ๆ แล้ว ตั้งโต๊ะเครื่องบูชาเรียงรายไปตามทางคำนับลูเบงอ๋องออกไปถึงประตูเมือง ที่ประตูเมืองนั้นคนเฒ่าคนแก่บอกกันมาประชุมกันคำนับลูเบงอ๋อง ๆ เดินกองทัพออกจากเมืองจอกกอกตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาบ่ายจึงสิ้นกระบวนทัพ ภายหลังนักปราชญ์จึงทำเป็นคำโคลงสรรเสริญเกียรติยศพระราชโอรสทั้งเก้าพระองค์กับเกาเหลงอุยโท้ว และติเตียนพวกกีวหลีพี่น้องเก้าคนไว้มีความว่า ลูเบงอ๋องแม่ทัพกับเจ้าน้องแปดองค์นั้นก็เป็นไถจู๊ คือเป็นถึงพระราชโอรสของพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ ก็เจริญอยู่ในความสุขเป็นอันมาก เป็นสุขุมาลชาติอันสูงศักดิ์ ใช่จะควรที่พระราชโอรสทั้งเก้าพระองค์จะต้องตากลมตากแดดไปกระทำสงครามให้ได้ความลำบากนั้นเมื่อไร แต่หากว่าพระราชโอรสทั้งเก้าพระองค์นี้มีความอุตส่าห์ที่จะช่วยพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ผู้เป็นพระราชบิดา ปราบปรามพวกศัตรูอันเป็นปัจจามิตรคือพวกกีวหลีพี่น้องที่เป็นกบฏ ทำให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนนั้น จึงได้อุตส่าห์เสด็จยกกองทัพไปปราบปรามพวกหลีทำถึงเมืองจอกกอก และเกาเหลงอุยโท้วนั้นก็เป็นคนมีปัญญาฉลาดทำราชการ เป็นขุนนางมาถึงสองแผ่นดินแล้ว ควรที่จะแสวงหาแต่ความสุขอยู่ในบ้านเมืองก็มิได้เห็นแก่ความสุขความสบาย อุตส่าห์รับอาสาไปช่วยปราบปรามหลีทำ มิได้คิดที่ว่าจะเหนื่อยยาก ทั้งนี้ก็เพราะจะให้ราษฎรเป็นสุขด้วยกันทั้งแผ่นดิน จึงได้ไปกับพระราชโอรสคิดอ่านการยกกองทัพไป ก็ได้ชัยชนะล้างเหล่าพวกหลีทำเสียหมดสิ้นแล้วจึงได้กลับมา ก็สมควรแก่ความอุตสาหะที่จะทะนุบำรุงแผ่นดิน และมิได้เสียพระเกียรติยศ มีแต่ความสรรเสริญ ทั้งนี้ก็เพราะบารมีพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้อยู่ในยุติธรรม แต่พวกหลีทำพี่น้องนั้นเป็นคนอันธพาลหาปัญญามิได้ ไม่รู้จักประมาณตัวว่าจะดีจะชั่วประการใด ใจกำเริบรักษาแต่บ้านเมืองเขตแดนของตัวไว้ให้มั่นคง เที่ยวทำข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ แล้วคิดจะตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์จะชิงสมบัติของพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ ก็ไม่สมความปรารถนาตายเสียทั้งเก้าคนพี่น้องดังนั้น ก็เพราะเหตุที่เป็นพาลไม่รู้จักประมาณตัวและไม่รู้จักประมาณในการทั้งปวง ก็เพราะคนจะสิ้นวาสนาแล้วให้เห็นผิดเป็นชอบไป ครั้นหลีทำพี่น้องตายแล้วราษฎรและทหารพวกหลีทำจึงได้เปิดประตูเมืองรับและตั้งโต๊ะเครื่องบูชาคำนับลูเบงอ๋องทุกคน แล้วสรรเสริญสติปัญญาบารมีลูเบงอ๋อง ติเตียนพวกหลีทำว่าเป็นคนทรยศจึงได้ถึงแก่ความตาย แล้วลูเบงอ๋องก็ยกกองทัพกลับมายังเมืองหลวง

ฝ่ายคนใช้ถือหนังสือบอกมาถึงเมืองหลวง พอเวลาค่ำลงคนใช้ก็เอาหนังสือบอกให้แก่ไทฮูขุนนางในเวลากลางคืนวันนั้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ