๑๐๗

ฝ่ายกอเจียมหลีรู้ว่าเก๋งคอจะไปเมืองจิ๋นครั้งนั้น กอเจียมหลีก็จัดแจงนึ่งแพะตัวหนึ่ง ครั้นสุกแล้วกอเจียมหลีก็หาบแพะข้างหนึ่ง สุราข้างหนึ่ง จะไปส่งเก๋งคอ ณ แม่นํ้าเอ๊กจุยด้วย ครั้นมาถึงเก๋งคอก็พากอเจียมหลีเข้าไปหาไทจูตั๋น ไทจูตั๋นก็ให้กอเจียมหลีกินโต๊ะกับเก๋งคอและขุนนางทั้งปวงด้วยกัน ครั้นกินสุราเมาแล้วกอเจียมหลีก็ดีดกระจับปี่ เก๋งคอก็ทำเพลงขับว่า พระพายชายพัดมาเฉื่อยฉิวกระทบแม่นํ้าเอ๊กจุยหนาวเย็นเป็นเหน็บชายิ่งนัก แล้วว่าเราจะไปเมืองจิ๋นนี้เป็นที่สุดเห็นจะไม่ได้กลับคืนมา เก๋งคอทำเพลงขับดังนั้นเผอิญเข้าดลใจขุนนางทั้งปวงฟังก็ให้จับใจเยือกเย็นไปทุกคนด้วยสงสารเก๋งคอ บ้างก็มีนํ้าตาไหล เก๋งคอครั้นทำเพลงแล้วก็เงยหน้าขึ้นดูอากาศแล้วก็ถอนใจใหญ่ บันดาลเป็นสายรุ้งพุ่งเป็นสีขาวขึ้นไปจับเอาดวงอาทิตย์ คนทั้งปวงแต่บรรดาประชุมอยู่นั้นเห็นประหลาดอัศจรรย์ดังนั้นก็ตกใจ เก๋งคอก็กินสุราไปอีก ให้กอเจียมหลีดีดกระจับปี่ขึ้นใหม่ เก๋งคอก็ทำเพลงขับขึ้นอีกบทหนึ่งว่า เมื่อเราจะเข้าค้นคว้าในซุ้มเสือแม่ลูกอ่อนกับตัวเราจะเข้าไปในปล่องพญานาค ครั้นขับดังนั้นแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปดูบนอากาศแล้วทอดใจใหญ่ก็ปรากฏเป็นสายรุ้ง เพลงเก๋งคอซึ่งขับนั้นก็บันดาลเข้าดลใจให้คนทั้งปวงมีจิตกำเริบคิดแกล้วกล้าขึ้นทุกคน

ฝ่ายไทจูตั๋นจับเอาถ้วยใหญ่รินสุราคำนับส่งให้เก๋งคอ เก๋งคอก็รับเอาสุรามากินสิ้นถ้วยหนึ่ง แล้วจับเอามือฉินบูเอี๋ยงพาโดดขึ้นบนเกวียนขับม้าไปมิได้เหลียวหลัง ไทจูตั๋นก็ขึ้นบนที่สูงแลดูเก๋งคอไปจนสุดสายตา แล้วพาขุนนางทั้งปวงกลับเข้าเมืองเอี๋ยน ฝ่ายเก๋งคอกับฉินบูเอี๋ยงครั้นถึงเมืองจิ๋นแล้ว รู้ข่าวว่าเมาเกี้ยเป็นคนโปรดอยู่ในเจ๋งอ่อง เก๋งคอก็เอาทองคำเข้าไปให้เป็นการคำนับเมาเกี้ยแล้วบอกความแก่เมาเกี้ยสิ้นทุกประการ

เมาเกี้ยก็เอาข้อความเข้าทูลแก่เจ๋งอ๋องแล้วพาเก๋งคอเข้าไปเฝ้าเจ๋งอ๋อง เก๋งคอจึงทูลว่าเจ้าเมืองเอี๋ยนนี้มีความนับถือกลัวเกรงในท่านยิ่งนัก จึงให้ข้าพเจ้ามาทูลถวายเมืองเอี๋ยนให้ขึ้นในเมืองจิ้นโดยสุจริต ยอมเป็นจูเหาเมืองน้อย ถึงกำหนดปีแล้วจะแต่งเครื่องราชบรรณาการของถวายมาจิ้มก้องพระองค์โดยราชประเพณี จะขอรักษาแต่ศาลเทพารักษ์ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ในเมืองเอี๋ยนให้คงอยู่ตามอย่างตามธรรมเนียม แต่บัดนี้เกรงกลัวท่านยิ่งนักจึงให้ข้าพเจ้าเอาแผนที่ตกค้างกับศีรษะห้วมลีกีมาถวายก่อน และหนังสือฉบับนี้เจ้าเมืองเอี๋ยนให้ข้าพเจ้าเอาถวายขอพึ่งพระบารมีสืบไป เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นรู้ว่าห้วมลีกีตายก็มีความยินดีนัก จึงสั่งให้พนักงานแต่งโต๊ะเลี้ยงเก๋งคอตามธรรมเนียม แล้วสั่งว่าเวลาพรุ่งนี้ให้เก๋งคอเอาแผนที่กับศีรษะห้วมลีกีเข้ามาที่หํ้าเอี๋ยงเก๋ง เจ้าพนักงานก็มาจัดแจงเลี้ยงดูกันตามเจ๋งอ๋องสั่งทุกประการ

ครั้นเวลาเช้าเจ๋งอ๋องก็เสด็จออกที่หํ้าเอี๋ยงเก๋ง แล้วสั่งเก๋งคอเอาศีรษะห้วมลีกีกับแผนที่ตกค้างเข้ามาเราจะดู เก๋งคอจัดแจงตัวเอากระบี่ซ่อนในแขนเสื้อแล้วถือเอาหีบซึ่งใส่ศีรษะห้วมลีกีเอาเข้าไป แลแผนที่นั้นส่งให้ฉินบูเอี๋ยงถือตามไปด้วย พอเจ๋งอ๋องเรียกจะดูศีรษะและแผนที่ เก๋งคอก็ยกหีบซึ่งใส่ศีรษะนั้นเดินเข้าไปก้าวขึ้นบนอัฒจันทร์ ฉินบูเอี๋ยงซึ่งถือแผนที่ตามหลังนั้น ใจนึกขึ้นว่าจะเข้าไปทำร้ายแก่เจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องมีบุญมากเทวดารักษา หน้าฉินบูเอี๋ยงก็ขาวซีดลงทันใด

ขุนนางซึ่งเฝ้าอยู่ริมเจ๋งอ๋องเห็นประหลาดจึงร้องว่าฉินบูเอี๋ยงนั้นเหตุไฉนจึงทำตาเหลือกลานขาวซีดอยู่ดังนั้น เก๋งคอเหลียวหน้ามาดูฉินบูเอี๋ยงแล้วก็หัวเราะ ครั้นเข้าไปใกล้เจ๋งอ๋อง เก๋งคอถวายบังคมแล้วทูลว่า อันฉินบูเอี๋ยงคนนี้เป็นคนบ้านนอก ชาวเมืองเหงเหนามิได้เคยไปมาในเมืองไม่รู้จักขนบธรรมเนียมในเมืองหลวง ครั้นมาเห็นดังนี้ก็ตกประหม่าเกรงพระอาชญา

เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงสั่งว่า ถ้าดังนั้นอย่าให้ฉินบูเอี๋ยงเข้ามาเลย ให้แต่เก๋งคอเข้ามาแต่ผู้เดียวเถิด คนใช้ก็ตวาดเอาฉินบูเอี๋ยงแล้วขับลงไปเสีย เจ๋งอ๋องจึงเรียกเก๋งคอให้ยกศีรษะห้วมลีกีเข้ามาดู เก๋งคอก็ยกเอาหีบศีรษะเข้าไป แล้วก็วางหีบนั้นลงตรงหน้าเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องก็เปิดหีบขึ้นดู จำได้ว่าเป็นศีรษะห้วมลีกีจริง เจ๋งอ๋องจึงว่าเหตุใดไม่ฆ่าห้วมลีกีเสียแต่แรกเล่านิ่งไว้ให้ช้านานจนปานนี้ เก๋งคอจึงทูลว่า อันห้วมลีกีคนนี้จากเมืองจิ๋นไปอยู่ป่าแดนเมืองเหงเหนา เจ้าเมืองเอี๋ยนจึงสั่งให้สืบเสาะว่าถ้าผู้ใดได้ตัวห้วมลีกีมาจะให้ทองคำพันตำลึง จึงมีผู้ล่อลวงเอาตัวห้วมลีกีมาได้ ครั้นจะเอาตัวห้วมลีกีมาถวายนั้นเกรงอยู่ว่ามากลางทางเกลือกจะเป็นอันตราย เจ้าเมืองเอี๋ยนจึงให้ฆ่าห้วมลีกีเสีย ตัดเอาแต่ศีรษะให้ข้าพเจ้ามาถวาย และเก๋งคอทูลความครั้งนี้โดยสะดวกมิได้ขัดสน เจ๋งอ๋องจะถามประการใด เก๋งคอก็แก้ไขทูลไปได้ทุกประการเป็นคำอ่อนหวานมิได้ขัดเคือง แล้วก็ทำกิริยาอันสนิท ครั้งนั้นฉินบูเอี๋ยงถือแผนที่คุกเข่าหมอบอยู่ที่อัฒจันทร์ข้างนอก เจ๋งอ๋องจึงสั่งเก๋งคอว่าให้ไปเอาแผนที่มาเราจะดู เก๋งคอก็ออกมาเอาแผนที่จากมือฉินบูเอี๋ยงเข้าไปส่งให้ เมื่อยื่นแผนที่เข้าไปทั้งสองมือ ปลายกระบี่ซึ่งเหน็บซ่อนไปในมือนั้นก็เลื่อนออกมา พอเจ๋งอ๋องแลเห็น เก๋งคอจะปิดซ่อนกระบี่ก็มิทัน เก๋งคอก็สะอึกเข้ายึดเอามือเสื้อซึ่งเจ๋งอ๋องทรง เจ๋งอ๋องตกใจลุกขึ้นสะบัด และฤดูนั้นเป็นฤดูร้อน เจ๋งอ๋องทรงเสื้อบางชั้นเดียวเสื้อนั้นก็ขาด เจ๋งอ๋องสะบัดออกได้ เก๋งคอจะเอากระบี่แทงมิทัน

เจ๋งอ๋องก็โดดหนีข้ามฉากลับแลเข้าไปข้างใน ฉากนั้นก็ล้มลง เก๋งคอถือกระบี่วิ่งตามเข้าไป และผู้รักษาองค์ซึ่งอยู่ใกล้ไม่มีอาวุธจะช่วยกันก็มิทัน ขุนนางซึ่งเฝ้าอยู่ที่นั้นก็มิได้มีอาวุธ ตกใจลุกขึ้นปะทะกันอยู่ หมอยาคนหนึ่งอยู่ในที่นั้นก็เอาห่อยาทิ้งเอาเก๋งคอทีหนึ่ง และเจ๋งอ๋องเหน็บกระบี่ติดพระองค์อยู่เล่มหนึ่งชื่อเต๊กหลู กระบี่นั้นยาวถึงสามศอก เจ๋งอ๋องถอดชักกระบี่ไปข้างหน้าหาทันชักไม่ ถอดออกมิได้ ในทันใดนั้นเตียวเกาคนใช้คนสนิทเจ๋งอ๋องคนหนึ่งจึงร้องทูลเจ๋งอ๋องไปว่าให้ไพล่กระบี่ไปถอดข้างหลัง

เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ได้สตินึกขึ้นได้ จึงไพล่กระบี่ไปข้างหลังถอดออกได้จากฝัก กลับพระองค์มาสู้เก๋งคอ เก๋งคอถือกระบี่สั้นแต่ศอกเดียว เจ๋งอ๋องก็ฟันถูกเท้าขวาเก๋งคอขาด เก๋งคอล้มลง เก๋งคอเอากระบี่ขว้างเอาเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องหลบได้ กระบี่เฉียดพระกรรณไป ถูกเสาท้องพระโรงซึ่งหุ้มทองแดงนั้น กระบี่ปักติดอยู่ เจ๋งอ๋องก็เอากระบี่ฟันเก๋งคอ เก๋งคอก็เอามือรับมือขาด เก๋งคอนั่งพิงเสาแล้วหัวเราะ จึงว่ากับเจ๋งอ๋องว่าครั้งนี้บุญของท่านหนักหนาจึงมิตาย ซึ่งเรามาทำการครั้งนี้ ทำเหมือนครั้งเช้ามวย จะให้ท่านคืนหัวเมืองทั้งปวงเสียให้สิ้น ก็หาสมความคิดของเราไม่ เป็นบุญของท่านแล้ว ซึ่งเที่ยวกระทำข่มเหงตีบ้านเมืองทั้งปวงให้ยับเยินไปนั้น ท่านก็จะหาตั้งอยู่ในสมบัติยืดยาวไปไม่ เก๋งคอว่าอยู่ดังนั้น ผู้รักษาองค์ซึ่งมีอาวุธเข้าไปทันก็ฆ่าเก๋งคอเสีย และฉินบูเอี๋ยงอยู่ข้างนอกเห็นวุ่นวายดังนั้นจะกระทำขึ้นบ้าง ผู้รักษาองค์ซึ่งอยู่ริมนั้นก็กรูกันเข้ามาฆ่าฉินบูเอี๋ยงตาย

ขณะนั้นเจ๋งอ๋องได้ราชสมบัติในเมืองจิ๋นได้ยี่สิบปี ครั้นเก๋งคอตายแล้ว แต่ตาทั้งสองลืมอยู่โดยปรกติด้วยกำลังโกรธ เจ๋งอ๋องเห็นดังนั้นก็กลัว จึงสั่งให้เอาศพเก๋งคอกับฉินบูเอี๋ยง และศีรษะห้วมลีกีไปเผาเสียที่หนทางสามแพร่ง และคนชาวเมืองเอี๋ยนซึ่งมาด้วยเก๋งคอนั้นหนีไปได้บ้าง ที่จับตัวได้เจ๋งอ๋องสั่งให้ฆ่าเสียสิ้น ตัดเอาศีรษะไปเสียบไว้ที่ตะแลงแกงนอกเมือง ครั้นสั่งแล้วเจ๋งอ๋องก็เสด็จกลับเข้าข้างใน นางห้ามทั้งปวงที่เป็นคนโปรดก็ชวนกันมารับเสด็จเจ๋งอ๋องและถามถึงเหตุการณ์ทั้งปวง เจ๋งอ๋องก็เล่าให้ฟังทุกประการ นางทั้งนั้นจึงจัดแจงเป็นของเสวยกับทั้งสุรามาถวายให้เจ๋งอ๋องเสวย และนางฮูกีคนหนึ่งเป็นภรรยาเตียวอ๋องเซียนเจ้าเมืองเตียว เจ๋งอ๋องตีเมืองเตียวได้จึงเอานางฮูกีมาไว้เป็นห้าม และนางฮูกีคนนี้ดีดกระจับปี่ดีขับร้องเพราะ เจ๋งอ๋องรักใคร่เรียกสบเสียอยู่ วันหนึ่งเจ๋งอ๋องเสวยสุราพลางแล้วให้นางฮูกีดีดกระจับปี่ นางฮูกีดีดพลางและขับกล่อมตามเพลง ในเพลงนั้นว่า เสื้อแพรที่ทรงนั้นบางจึงขาดออกได้ และฉากลับแลที่กั้นไว้สูงถึงหกศอก ก็เสด็จโจนข้ามเข้ามาได้โดยพระกำลัง และกระบี่ที่ทรงนั้นยาวถึงสามศอกถอดออกจากฝักได้โดยเร็ว คนซึ่งจะเข้ามากระทำร้ายก็พินาศฉิบหายโดยพระบารมี มันผู้คิดร้ายสู้มิได้มันก็ถึงแก่ความตาย บ้านเมืองมันก็จะฉิบหาย

เจ๋งอ๋องได้ฟังเพลงนางฮูกีขับดังนั้นก็ชอบพระอัชฌาสัย จึงตรัสชมว่านางฮูกีคนนี้เป็นคนฉลาดรู้ลำดับบทกลอนรวดเร็วดียิ่งนัก จึงให้พระราชทานแพรอย่างดีหีบหนึ่ง ครั้นเวลาคํ่าวันนั้น เจ๋งอ๋องก็บรรทมด้วยนางฮูกี นางฮูกีก็ปฏิบัติโดยประเพณีเป็นที่ชอบพระอัชฌาสัยในเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องก็เรียกหานางฮูกีอยู่เนืองๆ นางฮูกีคนนี้เกิดบุตรชายด้วยเจ๋งอ๋องคนหนึ่ง เจ๋งอ๋องรักใคร่ให้ชื่อว่าโอ๋ไฮ เวลาวันหนึ่งเจ๋งอ๋องเสด็จออกขุนนางจึงให้หาแห้บูจู๋หมอยามาแล้วตรัสว่า แห้บูจู๋รักใคร่เราเอาห่อยาขว้างเอาเก๋งคอ แห้บูจู๋มีความชอบเป็นอันมากจึงให้ทองคำสองร้อยตำลึงแล้วตรัสเรียกเตียวเกาเข้ามาว่า เราถอดกระบี่ออกได้ทันท่วงที เพราะเตียวเกาให้สติเรา เตียวเกาก็มีความชอบ จึงให้พระราชทานทองคำร้อยตำลึง และขุนนางทั้งปวงที่เข้าช่วยกั้นกางและได้ต่อสู้ด้วยเก๋งคอนั้นก็ให้พระราชทานบำเหน็จรางวัลตามความชอบมากและน้อยทุกคน และผู้รักษาองค์ซึ่งฆ่าฉินบูเอี๋ยงตายนั้น เจ๋งอ๋องก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้เป็นอันมาก และเมาเกี้ยซึ่งพาเก๋งคอเข้าไปเฝ้านั้น เจ๋งอ๋องก็สั่งให้ประหารชีวิตเสียทั้งโคตร และทรัพย์สินบุตรภรรยาเมาเกี้ยนั้นก็ให้ริบเอาเป็นหลวงให้สิ้นเชิง และเมาบู๊ซึ่งเป็นบุตรเมาเหงาผู้ตายนั้นเป็นญาติกับเมาเกี้ย เมาบู๊เป็นทหารอยู่ในเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องโปรดว่าเมาบู๊เป็นญาติแซ่เดียวกับเมาเกี้ยก็จริง แต่ทว่าเมาบู๊หารู้เห็นด้วยไม่ ให้ยกโทษเมาบู๊เสีย แล้วเจ๋งอ๋องสั่งให้อองพุ้นผู้บุตรอองเจี๋ยนคุมทหารยกไปตามอองเจี๋ยน ให้อองเจี๋ยนกับอองพุ้นเข้าตีเมืองเอี๋ยนให้จงได้ อองพุ้นรับสั่งแล้วก็คุมทหารยกไปตามอองเจี๋ยน ณ แม่นํ้าเอ๊กจุย อองเจี๋ยนครั้นแจ้งรับสั่งดังนั้น ก็จัดแจงทหารยกข้ามแม่น้ำเอ๊กจุยจะไปตีเมืองเอี๋ยน

ฝ่ายไทจูตั๋นรู้ว่าอองเจี๋ยนจะมาตีเมืองดังนั้น ก็จัดแจงทหารได้พร้อมแล้ว ไทจูตั๋นก็ยกทัพมารับทัพอองเจี๋ยน ณ แม่นํ้าเอ๊กจุยฟากตะวันตกเมืองเอี๋ยน ได้สู้รบกันกับอองเจี๋ยนเป็นสามารถ แห้หูกับซ่องอี่ทหารไทจูตั๋นตายในที่รบ ไพร่พลล้มตายลงเป็นอันมาก ไทจูตั๋นทานกำลังอองเจี๋ยนมิได้ ก็แตกพากันยกถอยทัพกลับเข้าเมือง

ฝ่ายอองเจี๋ยนได้ท่วงที ก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองเอี๋ยนไว้สิบเดือน ชาวเมืองเอี๋ยนสิ้นเสบียงอาหารลง ทหารไพร่พลอิดโรยเรรวนหาเป็นใจที่จะต่อสู้รบพุ่งต้านทานไม่ ฝ่ายเอี๋ยนอ๋องฮีผู้บิดาไทจูตั๋นจึงว่ากับไทจูตั๋นว่า เมืองเราจะเสียครั้งนี้ก็เพราะเจ้าคิดการ ไทจูตั๋นจึงตอบว่า เมืองเตียวเมืองหันเสียแก่เจ๋งอ๋องนั้น เพราะข้าพเจ้าคิดทำการด้วยหรือ และเจ๋งอ๋องคิดจะรวบรวมตีเมืองทั้งปวงให้ขึ้นอยู่ในเมืองจิ๋นให้สิ้น เจ๋งอ๋องจึงเกณฑ์ให้กองทัพยกมาตีเมืองเรานี้ ถึงข้าพเจ้าจะไม่คิดการเจ๋งอ๋องก็คงจะให้กองทัพยกมาตีเป็นมั่นคง และในเมืองเรานี้ก็ยังมีทหารที่รบพุ่งได้สักสองสามหมื่น และที่เลียวต๋งนั้นเป็นที่ชัยภูมิกว้าง มีภูเขาล้อมรอบพอจะตั้งบ้านเมืองรับรองข้าศึกได้ ข้าพเจ้ากับท่านจะพากันหนีไปตั้งมั่นอยู่ ณ ที่เลียวต๋งโดยเร็ว จะได้จัดแจงกองทัพอีกสักครั้งหนึ่ง เอี๋ยนอ๋องฮีได้ฟังดังนั้นก็เป็นความจนใจ จะคิดถ่ายเทอย่างอื่นมิได้ ก็ขึ้นเกวียนเปิดประตูฝ่ายทิศตะวันออกพาบุตรภรรยาหนีรีบออกไปก่อน

ฝ่ายไทจูตั๋นก็จัดแจงได้ทหารแล้ว ก็ยกตามเอี๋ยนอ๋องฮีไป ครั้นถึงเลียวต๋งพร้อมกันแล้ว ดูที่ทางเห็นที่เพ่งเยี้ยงเป็นที่ชัยภูมิดี เอี๋ยนอ๋องฮีก็ตั้งลงอยู่ที่นั้น ฝ่ายทหารในเมืองรู้ว่าเอี๋ยนอ๋องฮีกับไทจูตั๋นหนีไปแล้วก็ทิ้งหน้าที่เสียแตกตื่นวุ่นวายไปสิ้น กองทัพอองเจี๋ยนก็เข้าเมืองได้ เก็บเอาทรัพย์สิ่งของทองเงินของเอี๋ยนอ๋องฮีส่งไปเมืองจิ๋นเป็นอันมาก แล้วอองเจี๋ยนจึงมีหนังสือบอกไปถึงเจ๋งอ๋องว่า กองทัพข้าพเจ้ายกมาตีเมืองเอี๋ยนได้ แต่เอี๋ยนอ๋องฮีกับไทจูตั๋นนั้นพากันหนีไป ให้ติดตามอยู่ยังหาได้ตัวไม่ และข้าพเจ้ายกมากระทำสงครามครั้งนี้ก็ช้านานล่วงปีมาแล้ว ข้าพเจ้าเป็นคนแก่ชราบัดนี้ก็ป่วยลงด้วย จะขอกลับไปเมืองจิ๋นรักษาตัวก่อน เจ๋งอ๋องรู้ความว่าเมืองเอี๋ยนแตกไม่ได้ตัวไทจูตั๋นดังนั้นจึงว่าไทจูตั๋นคนนี้เป็นคนพยาบาทกับเรา ซึ่งจะมิตามเอาตัวให้ได้นั้นไม่ชอบ และอองเจี๋ยนเป็นคนชราแล้วก็ป่วยลงจะกลับมาเสียก็ตามเถิด เจ๋งอ๋องจึงสั่งให้หลีสิ้นไปผลัดอองเจี๋ยน แล้วให้ไปติดตามจับตัวไทจูตั๋นให้จงได้ หลีสิ้นรับสั่งแล้วก็ออกไปเมืองเอี๋ยน ให้อองเจี๋ยนกลับมาเมืองจิ๋น อองเจี๋ยนก็เข้าเฝ้าเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องก็ให้พระราชทานบำเหน็จรางวัลเป็นอันมาก อองเจี๋ยนก็ทูลลาไปรักษาตัวอยู่ ณ ที่พื้นเอี๋ยง

ฝ่ายหลีสิ้นก็คุมทหารในกองทัพยกไปตามไทจูตั๋น ณ ที่เลียวต๋ง และเอี๋ยนอ๋องฮีเมื่อยกไปตั้งอยู่ ณ ที่เลียวต๋งครั้งนั้น จึงใช้ให้คนไปขอกองทัพตั้วอ๋องเกียเจ้าเมืองตั้วให้ยกมาช่วย ตั้วอ๋องเกียครั้นแจ้งดังนั้นจึงมีหนังสือบอกมาถึงเอี๋ยนอ๋องฮีว่า ซึ่งกองทัพเมืองจิ๋นยกมาตีเมืองเอี๋ยนครั้งนี้ เพราะเจ๋งอ๋องโกรธแก่ไทจูตั๋น ให้เอี๋ยนอ๋องฮีตัดเอาศีรษะไทจูตั๋นไปคำนับเจ๋งอ๋องเสีย เจ๋งอ๋องก็จะคลายความโกรธ เอี๋ยนอ๋องฮีก็จะได้เป็นเจ้าเมืองเอี๋ยนรักษาเมืองและญาติสืบไป และเมืองตั้วนี้ก็ต้องรักษาบ้านเมืองอยู่จะให้กองทัพยกไปช่วยนั้นมิได้ อย่าให้เอี๋ยนอ๋องฮีมีความน้อยใจเลย เอี๋ยนอ๋องฮีครั้นแจ้งในหนังสือดังนั้นไม่รู้ที่จะคิดอ่านประการใด ก็คิดเรรวนสองใจ ฝ่ายไทจูตั๋นครั้นแจ้งว่าตั้วอ๋องเกียมีหนังสือมาดังนั้นก็ตกใจกลัวความตาย ก็พาสมัครพรรคพวกหนีไปอยู่ ณ ที่ท้อฮวยเตา

ฝ่ายหลีสิ้นก็ยกทหารมาตั้งอยู่ ณ เขาสือซัว จึงให้คนถือหนังสือไปกล่าวโทษไทจูตั๋น ซึ่งได้ไปกระทำแก่เจ๋งอ๋องนั้นให้เอี๋ยนอ๋องฮีแจ้งทุกประการ แล้วว่าให้เอี๋ยนอ๋องฮีเร่งส่งไทจูตั๋นออกมาให้แก่เรา ถ้าไม่ส่งไทจูตั๋นออกมา เราจะให้ทหารตีเข้าไปจับเอามาฆ่าเสียให้จงได้ เอี๋ยนอ๋องฮีครั้นแจ้งในหนังสือดังนั้นก็ตกใจ จึงใช้ให้คนไปบอกกับไทจูตั๋นว่าให้ไทจูตั๋นมาช่วยกันจัดการรับทัพเมืองจิ๋นเถิด

ฝ่ายไทจูตั๋นครั้นแจ้งว่าเอี๋ยนอ๋องฮีให้หาตัวนั้น ก็มาหาเอี๋ยนอ๋องฮี ณ ที่เพ่งเยี้ยง เอี๋ยนอ๋องฮีก็เอาผ้ารัดคอไทจูตั๋นจนตายก็ตัดเอาศีรษะไว้แล้ว เอี๋ยนอ๋องฮีก็ร้องไห้รักไทจูตั๋นผู้บุตรหาความสบายมิได้ ขณะนั้นเป็นเทศกาลฤดูร้อนก็บันดาลวิบัติให้นํ้าค้างตกลงมาในแผ่นดินแข็งอยู่สูงประมาณสองศอกเศษ ให้หนาวเย็นยิ่งนัก แล้วบังเกิดเป็นเมฆหมอกมืดกลุ้มไป มิได้เห็นดวงพระอาทิตย์

ฝ่ายเอี๋ยนอ๋องฮีก็เอาศีรษะไทจูตั๋นใส่หีบ ส่งออกไปให้หลีสิ้นกับหนังสือ เอี๋ยนอ๋องฮีคำนับมาในเจ๋งอ๋องด้วยฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า พระเจ้าเจ๋งอ๋ององค์นี้มีบุญญาธิการเป็นอันมากเปรียบเหมือนเทพยดา และไทจูตั๋นเป็นคนกระด้างกระเดื่องมิได้รู้จักฟ้าสูงดินตํ่ากำเริบใจห้ามก็มิฟัง จึงได้ความเดือดร้อนกับไพร่บ้านพลเมืองทั้งนี้ก็เพราะไม่มีอัธยาศัย ข้าพเจ้าเป็นบิดาจะนิ่งไว้มิได้ จึงตัดเอาศีรษะไทจูตั๋นผู้กระทำผิดมอบให้หลีสิ้นคุมมาถวาย หลีสิ้นครั้นได้ศีรษะไทจูตั๋นกับหนังสือเอี๋ยนอ๋องฮีแล้ว ก็แต่งคนให้เอาศีรษะไทจูตั๋นกับหนังสือไปถวายเจ๋งอ๋อง แล้วหลีสิ้นบอกหนังสือมาด้วยฉบับหนึ่ง ว่าเลียวต๋งให้เกิดวิบัตินํ้าค้างตกหนาวยิ่งนัก และคนในกองทัพนั้นก็ป่วยเจ็บลงเป็นอันมาก จะขอถอยทัพกลับมาเมืองจิ๋น

เจ๋งอ๋องครั้นได้เห็นศีรษะไทจูตั๋นก็ยินดี จึงปรึกษากับอ้วยเหลียวว่า บัดนี้หลีสิ้นบอกว่าผู้คนและทหารในกองทัพเจ็บป่วยลงเป็นอันมาก จะขอเลิกทัพกลับมาเมือง ท่านจะเห็นประการใด อ้วยเหลียวจึงทูลว่าซึ่งเอี๋ยนอ๋องฮีหนีไปตั้งอยู่ที่เลียวต๋ง ฝ่ายตั้วอ๋องเกียก็เข้าไปตั้งอยู่ในเมืองตั้วทิ้งเมืองเดิมเสียแล้ว ก็เหมือนปีศาจไปเที่ยวอาศัยอยู่คงจะกลับเข้าร่างกายมิได้ นานไปก็จะสาบสูญสิ้นไปเอง และเมืองฌ้อ เมืองงุย สองเมืองตั้งมั่นอยู่ จำเราจะไปตีเอาเมืองฌ้อเมืองงุยเสียให้ได้ก่อน เอี๋ยนอ๋องกับตั้วอ๋องเกียก็จะไม่พ้นเงื้อมมือเรา ซึ่งหลีสิ้นจะถอยทัพกลับมาเมืองนั้นก็ให้เลิกทัพกลับมาเถิด เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้หากองทัพหลีสิ้นกลับมาเมืองจิ๋น เจ๋งอ๋องยกความชอบหลีสิ้นเป็นอันมาก จึงสั่งให้อองพุ้นคุมทหารสิบหมื่นยกไปตีเมืองงุยให้ยกไปทางด่านหํ้าก๊ก อองพุ้นก็คุมทหารยกไปตามเจ๋งอ๋องสั่ง

ฝ่ายงุยอ๋องเกียเจ้าเมืองงุยแจ้งข่าวว่า เจ๋งอ๋องให้อองพุ้นเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองงุยก็ตกใจ จึงใช้ให้คนไปบอกกับเจ้าเมืองเจ๋ว่า อันเมืองเจ๋กับเมืองงุยทุกวันนี้อุปมาเหมือนฟันกับริมฝีปาก ถ้อยทีถ้อยอาศัยปกปิดกันอยู่ บัดนี้กองทัพเมืองจิ๋นจะมาตีเมืองงุย ถ้าเมืองงุยเสียแล้ว กองทัพเมืองจิ๋นก็จะถึงเมืองเจ๋ด้วย เมืองเจ๋ก็จะเสีย ให้ท่านแต่งกองทัพมาช่วยเมืองงุยไว้ก่อน กองทัพเมืองจิ๋นก็จะหาถึงเมืองเจ๋ไม่ ครั้นเจ๋อ๋องเกี๋ยนเจ้าเมืองเจ๋รู้ความดังนั้นจึงปรึกษาด้วยขุนนางทั้งปวงว่าเราจะยกกองทัพไปช่วยเมืองงุยดีหรือประการใด

ฝ่ายเห้าเส้งซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งเจ๋งอ๋องได้ให้คนเอาทองมาให้เห้าเส้งเป็นสินบนไว้หลายครั้ง เห้าเส้งจึงว่ากับเจ๋อ๋องเกี๋ยนว่า อันเมืองจิ๋นนี้หาได้ให้กองทัพมาตีเมืองเราไม่ ซึ่งท่านจะให้กองทัพไปช่วยเมืองงุยนั้น ถ้าเจ๋งอ๋องรู้ก็จะโกรธ จะให้กองทัพยกมาตีเมืองเราด้วย ท่านจะได้ใครผู้ใดมาช่วยเล่า เจ๋อ๋องเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็เชื่อถ้อยคำเห้าเส้งมิได้ให้กองทัพไปช่วยเมืองงุย

ฝ่ายอองพุ้นยกกองทัพมาครั้งนั้น ก็ตีหัวเมืองรายทางเข้ามาได้หามีผู้ใดที่จะต้านทานไม่ อองพุ้นก็ยกทัพล่วงเข้ามาจนถึงชานเมืองงุย ก็ให้กองทัพล้อมเมืองเข้าไว้เป็นสามารถ ครั้งนั้นเป็นเทศกาลฝนตกหนักนํ้าท่วมบ่าไหลนองไป อองพุ้นจึงขึ้นเกวียนหลังคาขี้ผึ้งไปเที่ยวดูทางนํ้าจะไหลไปแห่งใดตำบลใด จึงเห็นแม่นํ้าอึงโหอยู่ฝ่ายตะวันตกเฉียงเหนือ และแม่น้ำเปียนโหไหลมาจากทียงเอี๋ยนแล้วไหลไปสู่ตะวันตก อองพุ้นเห็นดังนั้นแล้วจึงให้ทหารทั้งปวงไปขุดคลองแวะมาจากแม่น้ำอึงโหคลองหนึ่ง แล้วขุดแวะมาจากแม่นํ้าเปียนโหอีกคลองหนึ่ง และน้ำสองคลองนี้ให้ไหลเข้าไปในเมือง แล้วให้ลงทำนบและรอปิดแม่น้ำอึงโหกับแม่นํ้าเปียนโหเสีย ให้สายนํ้าแทงเข้าคลองใหม่ทั้งสองคลองให้ท่วมเมืองขึ้นให้จงได้ ทหารทั้งปวงก็ทำตามอองพุ้นสั่งทุกประการ

ฝ่ายอองพุ้นก็กั้นร่มระย้าออกมาตรวจตราดูแลให้ทหารเร่งขุดคลองในกลางฝน ฝนก็ตกหนักทั้งกลางวันกลางคืนถึงสิบวัน อองพุ้นก็ออกไปเร่งทหารมิให้หยุดทำงาน นํ้าก็เซาะรากกำแพงเมืองลึกลงทุกวัน ฝ่ายงุยอ๋องเกียก็ปรึกษากับขุนนางทั้งปวงว่า กองทัพยกมากระทำเมืองเราครั้งนี้ก็เป็นเทศกาลฝน ข้าศึกขุดคลองไขนํ้าเข้ามาจะให้กำแพงเมืองพังทลาย ทหารฝ่ายเราจะต้านทานก็มิได้ จำเราจะทำหนังสือยอมถวายเมืองให้ขึ้นเสียกับเมืองจิ๋นเถิด ปรึกษากันยังมิทันจะขาดคำพอกำแพงเมืองทลายลงเป็นหลายแห่ง กองทัพอองพุ้นก็เข้าไปในเมืองได้ งุยอ๋องเกียครั้นจะหนีก็มิทัน อองพุ้นให้ทหารเข้าจับงุยอ๋องเกียได้ แล้วก็จับขุนนางผู้น้อยผู้ใหญ่ทั้งปวงได้เป็นอันมาก อองพุ้นก็เอาตัวงุยอ๋องเกียกับขุนนางทั้งปวงใส่เกวียนแต่งคนให้คุมตัวไปส่ง ณ เมืองจิ๋นแล้วก็บอกข้อราชการทั้งปวงนั้นมายังเจ๋งอ๋องสิ้นทุกประการ ครั้นงุยอ๋องเกียมาตามทางยังมิทันถึงเมืองจิ๋น งุยอ๋องเกียป่วยลงก็ถึงแก่ความตาย

ฝ่ายอองพุ้นเข้าเมืองงุยได้แล้วก็จัดแจงบ้านเมืองให้ขุนนางอยู่รักษา เปลี่ยนชื่อเมืองงุยเสียให้เรียกว่าเมืองซำชวนกุ๋น แล้วอองพุ้นก็ยกกองทัพไปกวาดเอาที่เอี๋ยนอ๋องได้แล้วก็ถอดเจ้าเมืองออกเสียเป็นไพร่ แล้วอองพุ้นก็เลิกทัพกลับมา เมืองจิ๋นขณะนั้นเจ๋งอ๋องได้ราชสมบัติในเมืองจิ๋นยี่สิบสองปี อยู่มาวันหนึ่งเจ๋งอ๋องจึงปรึกษากับอ้วยเหลียวว่า บัดนี้เราได้เมืองงุยแล้ว เราจะคิดไปตีเมืองใดอีกเล่า อ้วยเหลียวจึงทูลว่า อันเมืองฌ้อนี้เป็นเมืองใหญ่ ครั้งนี้จำเราจะยกไปตีเมืองฌ้อเสียให้ได้ก่อน เมืองทั้งปวงก็จะได้โดยง่าย เจ๋งอ๋องก็เห็นด้วย จึงสั่งให้หลีสิ้นเป็นแม่ทัพคุมทหารไปตีเมืองฌ้อ เจ๋งอ๋องจึงถามหลีสิ้นว่า ซึ่งเราจะให้ท่านเป็นแม่ทัพยกไปครั้งนี้ ท่านจะเอาทหารไปสักเท่าใดจึงจะกระทำการตีเมืองฌ้อได้

หลีสิ้นจึงทูลว่าเมืองฌ้อเป็นเมืองใหญ่ ไพร่พลก็มาก ข้าพเจ้าจะขอทหารและพวกไพร่ไปสักยี่สิบหมื่น จึงจะทำการกับเมืองฌ้อได้ เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นยังมีความสงสัยอยู่ จึงใช้ให้คนไปที่พื้นเอี๋ยง ให้หาอองเจี๋ยนมาถามว่าเราจะให้หลีสิ้นเป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองฌ้อครั้งนี้ หลีสิ้นว่าจะเอาทหารไปสักยี่สิบหมื่นจึงจะทำการได้ ท่านจะเห็นว่ามากหรือน้อยประการใด อองเจี๋ยนจึงทูลว่า เมืองฌ้อเป็นเมืองใหญ่ทหารรี้พลก็มาก ซึ่งหลีสิ้นว่าจะเอาทหารไปแต่ยี่สิบหมื่นนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าจะกระทำหาได้ไม่ คงจะเสียกลับมา แต่ในใจข้าพเจ้าประมาณการเห็นว่าจะไปตีเมืองฌ้อนี้ จะต้องเอาทหารไปสักหกสิบหมื่นจึงจะเอาชัยชนะได้ เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่าอองเจี๋ยนเป็นคนแก่หลงลืมว่ากล่าวเกินการไป และหลีสิ้นนี้เป็นทหารดีมีฝีมือซึ่งจะเป็นแม่ทัพคุมทหารไปแต่ยี่สิบหมื่นนั้นก็เห็นพอจะได้ควรกับการอยู่แล้ว เจ๋งอ๋องจึงสั่งให้หลีสิ้นเป็นแม่ทัพ ให้เมาบู๊เป็นเกียกกายปลัดทัพ คุมทหารยี่สิบหมื่นยกไปตีเมืองฌ้อ หลีสิ้น เมาบู๊ก็ยกไปตามเจ๋งอ๋องสั่ง ครั้นไปถึงปลายแดนเมืองฌ้อหลีสิ้นก็แบ่งทหารออกเป็นสองกอง ให้เมาบู๊คุมทัพยกไปตีฉิมคิวทัพหนึ่ง หลีสิ้นก็คุมทหารยกไปตีเพงอื้อทัพหนึ่ง หลีสิ้นตีเพงอื้อได้แล้วก็ยกไปตีซินเสียได้อีกเมืองหนึ่ง แล้วให้คนถือหนังสือไปถึงเมาบู๊ว่า ให้เมาบู๊ยกทัพไปบรรจบกันที่เซียฮู จะได้มาสมทบกันเข้าตีเมืองจูเสีย คนใช้ก็ถือหนังสือไปให้เมาบู๊ที่ฉิมคิว หลีสิ้นก็ตั้งทัพอยู่ที่ซินเสีย

ฝ่ายฮูซูเป็นฌ้ออ๋องเจ้าเมืองฌ้อได้สามปี ครั้นรู้ว่ากองทัพเมืองจิ๋นยกมาตีหัวเมืองขึ้นปลายแดนมาหลายเมืองแล้ว ฮูซูจึงสั่งให้ฮังเอียนเป็นแม่ทัพคุมทหารยี่สิบหมื่นเศษยกมาทางบกทางเรือเป็นสองทัพ ฮังเอียนรู้ว่ากองทัพหลีสิ้นจะยกออกมาจากซินเสียในวันนี้ ฮังเอียนจึงสั่งให้คุดเต๋งนายทหารคุมทหารไปซุ่มอยู่ทางเขาหลูไถเจ็ดกองให้คอยสกัดตีหลีสิ้น คุดเต๋งนายทหารก็คุมทหารไปซุ่มอยู่ตามฮังเอียนสั่ง

ฝ่ายฮังเอียนก็ให้ทหารไปคอยจะตีหลีสิ้นที่ไซหลิน พอกองทัพหลีสิ้นยกมาปะทะกันเข้า หลีสิ้นกับฮังเอียนได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ ฮังเอียนทำเสียทีถอยหลังมา หลีสิ้นไม่ทันรู้ก็ติดตามฮังเอียนมาจนถึงเชิงเขาหลูไถ ทหารคุดเต๋งซึ่งซุ่มอยู่นั้นก็ออกขนาบตีหลีสิ้นทั้งเจ็ดกอง หลีสิ้นรับรองเป็นสามารถเหลือกำลังจะรับมิได้ ทัพหลีสิ้นก็แตกทหารทั้งปวงก็หนี ฮังเอียนก็ไล่ฆ่าฟันทหารในกองทัพหลีสิ้นล้มตายลงในที่รบเป็นอันมาก หลีสิ้นแตกไปครั้งนั้นเสียขบวนยับเยินไม่เป็นกอง จึงถอยไปพักอยู่เมงเอะรวบรวมทหารซึ่งเหลือตายตามได้ พอฮังเอียนยกทัพตามมาทันก็ให้ทหารเข้าล้อมหลีสิ้นไว้ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ

หลีสิ้นก็ฝ่าฟันทหารออกมาได้ ก็พาทหารที่เหลือตายนั้นหนีไป ฮังเอียนก็คุมทหารไล่ตามไปจนถึงที่เพงอื้อ ได้ที่เพงอื้อและหัวเมืองทั้งปวงคืนสิ้น ฝ่ายเมาบู๊ซึ่งยกไปตีฉิมคิวได้แล้วก็ยกทหารจะไปหาหลีสิ้นที่เซียฮู ครั้นรู้ว่ากองทัพหลีสิ้นเสียกับฮังเอียน เมาบู๊ก็ถอยทัพกลับมาตั้งอยู่ในแดนเมืองเตียว จึงให้คนถือหนังสือบอกไปถึงเจ๋งอ๋องว่า กองทัพหลีสิ้นแตกยับเยินถอยกลับมา เจ๋งอ๋องครั้นรู้ในหนังสือดังนั้นก็โกรธ พอหลีสิ้นมาถึงเมืองจิ๋น เจ๋งอ๋องก็ให้ถอดหลีสิ้นเสียจากราชการ ให้คนเอาที่ส่วยซึ่งขึ้นนั้นเสียสิ้นแล้ว เจ๋งอ๋องก็ออกไปหาอองเจี๋ยนที่พื้นเอี๋ยง อองเจี๋ยนก็มาเฝ้าเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องจึงตรัสกับอองเจี๋ยนว่า ซึ่งท่านว่าหลีสิ้นคุมทหารไปตีเมืองฌ้อ ทหารแต่ยี่สิบหมื่นนั้นหาได้ไม่คงจะเสียการกลับมาบัดนี้ก็จริงเหมือนคำท่านว่า เราได้รับความอัปยศกับเมืองฌ้อเป็นอันมาก ตัวท่านเป็นคนชราก็จริงแต่เคยได้ทำการศึกมามาก ท่านจงเอ็นดูช่วยธุระเราไปตีเมืองฌ้ออีกสักครั้งหนึ่งเถิด อองเจี๋ยนจึงทูลว่า ข้าพเจ้าเป็นคนแก่เฒ่าชราและป่วยเจ็บอยู่เนืองๆ กำลังก็น้อยลงหาเหมือนแต่ก่อนไม่ พระองค์จะให้ผู้อื่นที่มีสติปัญญากล้าแข็งนั้น ไปกระทำอีกครั้งหนึ่งเถิด

เจ๋งอ๋องจึงตรัสว่า อันเมืองฌ้อนี้พ้นจากท่านแล้วเราไม่เห็นผู้ใดที่จะเอาชัยชนะได้ อองเจี๋ยนจึงทูลว่าถ้าพระองค์จะใช้ข้าพเจ้าไปครั้งนี้จะขอทหารหกสิบหมื่นจึงจะทำการได้ เจ๋งอ๋องจึงตอบว่าซึ่งท่านจะเอาทหารไปหกสิบหมื่นนั้นก็หมดเมือง เราเห็นว่ามากนัก แต่ก่อนก็ยังไม่เคยได้ยินผู้ใดว่ายกทัพไปถึงหกสิบหมื่นดังนั้นก็หาไม่ อองเจี๋ยนจึงทูลว่าประเพณีกษัตริย์แต่ก่อนนั้นจะรบพุ่งกันก็เป็นสัตย์เป็นธรรมหาเหมือนครั้งนี้ไม่ และทุกวันนี้เมืองใหญ่ข่มเหงเมืองน้อย อาศัยเอาแต่คนมากเข้าหักหาญกัน ซึ่งจะทำอย่างแต่ก่อนนั้นหาได้ไม่ และเมืองฌ้อนี้เป็นเมืองใหญ่ ไพร่พลทหารก็มาก ซึ่งข้าพเจ้าว่าจะเอาทหารไปหกสิบหมื่นนี้จะหมายว่าได้เปรียบโดยแท้นั้นก็ยังไม่ได้ ซึ่งจะให้ทหารน้อยลงไปกว่านี้ข้าพเจ้าไม่ยอมไป เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงว่าท่านชำนาญในการสงครามโดยแท้ จึงว่ากล่าวชี้แจงได้ดังนี้ เราก็จะทำตามสุดแท้แต่ท่านเถิด ว่าแล้วก็ให้อองเจี๋ยนขึ้นนั่งบนท้ายรถแล้วพากลับเข้ามาเมือง พอเมาบู๊มาถึงเมืองจิ๋น เจ๋งอ๋องก็ให้จัดแจงกะเกณฑ์ทหารได้หกสิบหมื่นให้อองเจี๋ยนเป็นแม่ทัพ ให้เมาบู๊เป็นปลัดทัพ แล้วเจ๋งอ๋องสั่งเจ้าพนักงานให้จัดแจงโต๊ะและสุราไปไว้ ณ ป่าเสียง จะได้เลี้ยงอองเจี๋ยนและทหารทั้งปวงเมื่อวันจะยกทัพไปนั้น เจ้าพนักงานก็จัดแจงกระทำตามเจ๋งอ๋องสั่งทุกประการ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ