- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
๑
ศุภมัศดุ จุลศักราชพันร้อยแปดสิบ ปีเถาะ เอกศกอาสาทมาศ ศุกกปักขอัฐมีดิถีคุรุวาระ พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน มีพระราชโองการดำรัสสั่งให้จัดข้าทูลละออง แปลเลียดก๊กพงศาวดารกรุงจีนนี้เป็นคำไทยไว้สำหรับแผ่นดิน
ข้าพระพุทธเจ้า กรมหมื่นนเรศโยธีหนึ่ง เจ้าพระยายมราชหนึ่ง เจ้าพระยาวงษาสุรียศักดิ์หนึ่ง พระยาโชดึกหนึ่ง ขุนท่องสื่อหนึ่ง จหมื่นไวยวรนาถหนึ่ง เล่ห์อาวุธหนึ่ง จ่าเรศหนึ่ง หลวงลิขิตปรีชาหนึ่ง หลวงญาณปรีชาหนึ่ง ขุนมหาสิทธิโวหารหนึ่ง
ห้องสินแลในเลียดก๊กนั้น ว่าด้วยองค์พระเจ้าบู๊อ๋องครองเมืองทั้งปวงคิดทำศึกกัน ข้าพเจ้าหลวงลิขิตปรีชา เจ้ากรมอาลักษณ์ ชำระขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ในเลียดก๊กหนังสือจีนแปลเป็นคำไทยได้ความว่า
แผ่นดินเมืองจีนนั้น เมืองโกเก๋งเป็นเมืองหลวง พระเจ้าซวนอ๋องเชื้อวงศ์พระเจ้าบู๊อ๋อง ได้เสวยราชสมบัติบำรุงอาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข หัวเมืองทั้งปวงมาขึ้นแก่เมืองโกเก๋ง เหมือนพระเจ้าบู๊อ๋องครั้งแผ่นดินห้องสิน แต่ชาเลเทเจ้าเมืองเกียงหยงหัวเมืองตะวันตกนั้นตั้งแข็งเมืองอยู่ พระเจ้าซวนอ๋องจึงจัดแจงทหารเอก ทหารเลวเป็นกระบวนทัพหลวง ยกไปตีเมืองเกียงหยง พระเจ้าซวนอ๋องเสียทีแก่ข้าศึก เสียทแกล้วทหารแลเครื่องสาตราวุธเป็นอันมาก จึงล่าทัพมาตั้งค่ายรวบรวมทแกล้วทหารอยู่ ณ เมืองไซง่วน ให้สำรวจข้าวขึ้นฉาง และจัดเครื่องสาตราวุธ แหลนหลาวลูกเกาทัณฑ์ใส่คลังไว้สำหรับจะได้จ่ายทหารเป็นอันมาก ตั้งเจ้าเมืองไซง่วนเป็นแม่ทัพ คุมทหารลาดตระเวนป้องกันกองทัพเมืองเกียงหยงอยู่ ณ ปลายแดนเมืองโกเก๋ง ครั้นแล้วพระเจ้าซวนอ๋องก็เสด็จกลับมา จะใกล้ถึงประตูเมืองหลวง พอเพลาคํ่าพระเจ้าซวนอ๋องได้ยินเสียงเด็กชาวบ้านตบมือร้องเพลงว่า หยิดเจียงบุตรฮอยเจียงเสงเอียบห่อกีหกกีบวงจิวก๊ก แปลว่า พระอาทิตย์จะตกตํ่า พระจันทร์จะขึ้น ตัดไม้ซองบกทำเกาทัณฑ์ เกี่ยวหญ้ามาสานเป็นซองใส่เกาทัณฑ์ เมืองจิวก๊กจะเสื่อมสูญ พระเจ้าซวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้นก็ให้หยุดรถแล้วสั่งทหารให้ไปพาพวกเด็กซึ่งร้องเพลงนั้นมาหน้าที่นั่ง จึงตรัสถามว่า ผู้ใดสอนให้พวกเองร้องเพลงนี้ พวกเด็กจึงกราบทูลว่า เมื่อวันก่อนมีเด็กคนหนึ่งนุ่งแดงมาร้องเพลงอันนี้เล่น ข้าพเจ้าชอบใจจึงจำเพลงไว้ร้องเล่นต่อมา แต่เด็กคนนั้นหารู้แห่งว่าบ้านอยู่แห่งใดไม่ พระเจ้าซวนอ๋องจึงตรัสว่า เพลงนี้เป็นคำหยาบช้าแช่งบ้านเมืองไม่ควรจะร้องเล่น แต่นี้ไปถ้าพวกเองร้องเพลงนั้นเล่นอีกจะได้ลงโทษแก่บิดามารดา พระเจ้าซวนอ๋องก็ให้ปล่อยเด็กนั้นเสีย แล้วเสด็จเข้าพระราชวังไม่สบายพระทัย ครั้นเพลาเช้าเสด็จออก จึงตรัสเล่าความเด็กทำเพลงนั้นให้ขุนนางทั้งปวงฟัง
เตียวเฮาเป็นที่ไทจงเปก พนักงานดูเหตุดีร้ายในแผ่นดินจึงทูลว่า ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเห็นว่าเด็กน้อยซึ่งนุ่งแดงห่มแดงนั้น จะเป็นเทวดาแปลงลงมาร้องเพลงให้เด็กชาวเมืองจำได้ หวังจะให้รู้เหตุดีแลร้าย ซึ่งว่าพระอาทิตย์ตกตํ่าพระจันทร์จะขึ้นนั้น เชื้อพระวงศ์ของพระองค์ซึ่งจะสืบกษัตริย์ไปภายหน้านั้น จะเสื่อมสูญเสียเกียรติยศลงทุกครั้งดังดวงอาทิตย์เมื่อบ่ายเย็น แซ่อื่นจะได้เป็นกษัตริย์สืบพระวงศ์ เปรียบเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ข้อซึ่งเอาไม้ซองบกทำเกาทัณฑ์ เป็นเหตุความห้ามการศึก พระเคราะห์เมืองร้ายนัก อาวุธเกาทัณฑ์จะเป็นปัจจามิตรแก่พระองค์ ขออย่าเพิ่งยกทัพหลวงไปจากพระนครเลย จงมีพระทัยโอบอ้อมอารีแก่ขุนนางอาณาประชาราษฎร์และตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว เหตุลางทั้งนี้ก็จะค่อยทุเลาลง
พระเจ้าซวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้นตกพระทัย จึงสั่งให้ขุนนางเมืองไซง่วนเอาลูกเกาทัณฑ์ซึ่งไว้สำหรับศึกนั้นเผาเสีย แล้วสั่งโจหยีให้มีกำหนดกฎหมายห้ามมิให้อาณาประชาราษฎร์ทำเกาทัณฑ์ขาย สั่งแล้วเสด็จเข้าสู่ที่ข้างใน นางเกียงฮองฮอมเหสีมาเฝ้าทูลว่า หญิงคนโทษเก่าต้องเวนจำอยู่ที่ตึกจำสงัด หาผัวมิได้ มีครรภ์แต่อายุสิบสองปี มาจนอายุห้าสิบสองปี แต่อยู่ในครรภ์สี่สิบปี เวลาคืนนี้คลอดบุตรเป็นหญิง ข้าพเจ้าเห็นจะเป็นอุบาทว์จัญไร จึงให้เอาบุตรหญิงนั้นใส่กระสอบไปทิ้งเสีย
พระเจ้าซวนอ๋องได้ฟังดังนั้นอัศจรรย์ใจนัก จึงให้ขันทีไปถามหญิงคนโทษว่า เมื่อจะมีครรภ์บุตรคนนี้มีเหตุประการใดบ้าง หญิงคนโทษจึงเล่าความว่า ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเลอ๋อง ข้าพเจ้าเป็นข้าอยู่ในวังอายุได้สิบสองปี อยู่มาวันหนึ่งมีผู้เห็นรัศมีสว่างขึ้นในคลัง เจ้าพนักงานไขหีบดู เห็นตะพาบนํ้าอยู่บนถาดทอง จึงยกถาดตะพาบนํ้ามาถวายพระเจ้าเลอ๋อง ข้าพเจ้าก็ได้แอบดูอยู่ที่ริมประตูเสด็จออก พระเจ้าเลอ๋องตรัสถามขุนนางทั้งปวงว่า แต่ก่อนถาดทองนี้ใส่สิ่งใดไว้ จึงบังเกิดเป็นตะพาบนํ้าฉะนี้ ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งกราบทูลว่า ข้าพเจ้าได้ยินคำผู้ใหญ่เล่าสืบมาว่า ถาดทองใบนี้ใส่นํ้าลายมังกรแต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเคียดอ๋อง เมื่อจะได้นํ้าลายมังกรนั้น วันหนึ่งพระเจ้าเคียดอ๋องเสด็จออกขุนนาง มีมังกรคู่หนึ่งมาพันกันตรงหน้าพระที่นั่ง พระเจ้าเคียดอ๋องตกพระทัยคิดว่าจะเป็นเหตุแก่ไพร่บ้านพลเมือง จึงให้ขุนนางพนักงานตั้งพลีกรรมบวงสรวงเสี่ยงทาย มังกรนั้นพูดได้ว่าเป็นปีศาจเสื้อเมือง จะมาให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข มังกรนั้นก็คายนํ้าลายออก พระเจ้าเคียดอ๋องจึงให้เอาถาดทองรองนํ้าลายมังกรไปใส่หีบลั่นกุญแจเก็บไว้ในคลัง มังกรนั้นก็หายไป ตั้งแต่แผ่นดินพระเจ้าเคียดอ๋องได้นํ้าลายมังกร สืบกษัตริย์มาถึงยี่สิบแปดชั่วกษัตริย์ นับเป็นปีได้หกร้อยสี่สิบปี ถึงแผ่นดินพระเจ้าบู๊อ๋องสืบกษัตริย์มาอีกสามร้อยปี ถึงแผ่นดินพระเจ้าเลอ๋อง ขณะเมื่อพระเจ้าเลอ๋องทอดพระเนตรนํ้าลายมังกรซึ่งกลายเป็นตะพาบนํ้านั้น ตะพาบนํ้านั้นก็โดดลงจากถาด คลานมาถึงประตูที่ข้าพเจ้าแอบอยู่แล้วตะพาบนํ้าหายไป ข้าพเจ้าตกใจตัวสั่น แต่เวลานั้นมาให้บังเอิญอาเจียนเหมือนดังจะมีครรภ์ ท้องข้าพเจ้าก็เติบขึ้นกว่าปรกติ คิดว่าจะเป็นโรค หาหมอรักษากินยาหลายขนานครรภ์ข้าพเจ้าก็ยิ่งโตขึ้นทุกวัน พระเจ้าเลอ๋องเห็นก็ทรงพระโกรธว่าข้าพเจ้าคบชาย มิได้ไต่ถาม ให้เอาตัวข้าพเจ้าคุมไว้ที่ตึกจำสงัด แต่อายุสิบสองปีมาจนอายุข้าพเจ้าทุกวันนี้ได้ห้าสิบสองปี จึงคลอดบุตรด้วยเพลาคืนนี้ พระมเหสีทราบความเห็นว่าบุตรข้าพเจ้าเป็นอุบาทว์บ้านเมืองจึงให้เอาไปทิ้งเสีย ขันทีผู้รับสั่งก็จดหมายเอาถ้อยคำหญิงคนโทษขึ้นมากราบทูล พระเจ้าซวนอ๋องแจ้งดังนั้นจึงตรัสว่า เหตุทั้งนี้ด้วยเทวดาอาเพศจะให้เป็นวิปริตในการแผ่นดิน ครั้นจะให้มีโทษแก่หญิงนั้นเล่าก็ไม่ควร พระเจ้าซวนอ๋องจึงโปรดให้หญิงนั้นพ้นโทษ แล้วให้หาเป๊กเอียงอูเข้ามา ตรัสเล่าเหตุลางซึ่งหญิงมีครรภ์คลอดบุตรนั้นให้เป๊กเอียงอูฟัง แล้วตรัสว่าเหตุทั้งนี้จะดีหรือร้าย เป๊กเอียงอูจึงกราบทูลว่า บุตรหญิงคนโทษนั้นเป็นอุบาทว์เมือง เหตุลางทั้งนี้เห็นประกอบกันกับที่เด็กร้องเพลง นานไปหญิงทารกนั้นใหญ่ขึ้นจะทำให้บ้านเมืองวิบัติต่างๆ
พระเจ้าซวนอ๋องทรงฟังตกพระทัย จึงใช้ขันทีให้ไปถามนางเกียงฮองฮอว่า บุตรหญิงคนโทษนั้นเอาไปทิ้งไว้แห่งใด ให้เอามาจะฆ่าเสีย ถ้าละไว้ช้ามีผู้ได้ไปเลี้ยงไว้จะทำให้วิบัติบ้านเมือง ขันทีรับสั่งดังนั้นจึงเข้าไปแจ้งความแก่นางเกียงฮองฮอ นางเกียงฮองฮอแจ้งรับสั่งดังนั้นจึงสั่งหญิงคนใช้ว่าท่านเอาบุตรคนโทษไปทิ้งเสียที่ใด เร่งไปพามาถวาย หญิงคนใช้นั้นจึงว่า เมื่อเอาทารกไปทิ้งนํ้าเสียนั้นเป็นกลางคืน หารู้ว่าทารกจะลอยไปแห่งใดไม่ นางเกียงฮองฮอจึงเข้าไปทูลว่า ทารกนั้นเอาถ่วงนํ้าเสียแล้ว พระเจ้าซวนอ๋องได้ฟังยังไม่สิ้นความวิตก จึงส่งโตเบ๊กให้ไปสืบดูทารกบุตรหญิงคนโทษ ให้รู้ว่ารอดหรือตายให้เป็นแน่ สั่งแล้วเสด็จขึ้น โตเบ๊กก็ไปเที่ยวหาทารกไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งไว้แห่งใดแต่เฝ้าคอยเมื่อตรัสถามจึงจะทูล
ขณะนั้นมีผัวเมียสองคน ผัวชื่อซูตายเป็นคนเข็ญใจบ้านอยู่นอกเมือง เคยทำเกาทัณฑ์ขายมิได้ขาด ครั้งเพลารุ่งเช้าซูตายแบกเกาทัณฑ์ภรรยาหาบลูกเกาทัณฑ์เข้ามาในเมืองหลวง พบโจหยีเข้าที่ต้นตลาด โจหยีเห็นดังนั้นจึงคิดว่าเปกเอียงอูกราบทูลว่าบ้านเมืองจะเกิดเหตุเพราะผู้หญิง บัดนี้ผู้หญิงหาบลูกเกาทัณฑ์เข้ามาในเมืองสมกับคำทำนายต้องด้วยรับสั่งห้ามโทษถึงตาย โจหยีก็จับหญิงคนนั้นว่าขายของต้องห้าม ซูตายผู้ผัวตกใจทิ้งอาวุธเสียวิ่งหนีไป โจหยีก็มัดหญิงผู้นั้นเข้าไปกราบทูลพระเจ้าซวนอ๋อง พระเจ้าซวนอ๋องก็สั่งให้เอาตัวหญิงนั้นไปตัดศีรษะเสีย โจหยีก็พาไปตามรับสั่ง ฝ่ายซูตายคอยฟังข่าวภรรยาอยู่นอกกำแพงเมือง ได้ยินคนเดินไปมาพูดกันว่าคนขายลูกเกาทัณฑ์ที่โจหยีจับไปกราบทูล มีรับสั่งให้ฆ่าเสียแล้ว ซูตายตกใจกลัวเขาจะตามมาจับก็รีบเดินร้องไห้ไปตามริมคลอง ครั้นพ้นบ้านคนจึงเห็นกระสอบขึ้นเกยตลิ่งอยู่ใบหนึ่ง ฝูงนกกาลงล้อมอยู่เป็นอันมาก ซูตายเดินเข้าไปใกล้นกกาก็บินไปสิ้น จึงแก้กระสอบดูเห็นหญิงทารกยังหายใจอยู่ก็รู้ว่ายังไม่ตายมีความสงสัยนัก จึงคิดว่าทารกนี้มีวาสนา เขาเอาใส่กระสอบมาทิ้งเสียแล้วยังหาตายไม่ บัดนี้ภรรยาเราก็ตายแล้วบุตรก็ไม่มี จะพาเด็กนี้ไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมเถิด นานไปเมื่อหน้าถ้าบุญของเด็กจะได้ดีบ้างเราจะได้พึ่ง ซูตายก็อุ้มเด็กออกจากกระสอบ อาบนํ้าชำระให้สดใสแล้วก็พาไปบ้านโปเสีย
ขณะเมื่อซูตายได้หญิงทารกไป พระเจ้าซวนอ๋องเสด็จเข้าไปบรรทม ในราตรีวันนั้นเวลาประมาณสามยามเศษ ทรงพระสุบินนิมิตว่าอิสตรีผู้หนึ่งรูปงามเข้ามาถึงหน้าที่นั่งหัวเราะแล้วร้องไห้ วิ่งขึ้นไปพารูปพระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ซึ่งทำไว้บูชา ณ หอไทเบี้ยว หนีไปทิศตะวันออก พระเจ้าซวนอ๋องตกพระทัยตื่นจากที่บรรทม พอเวลายํ่ารุ่งจึงเสด็จไปเปิดประตูหอไทเบี้ยว ทอดพระเนตรรูปพระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ก็ปรกติอยู่สิ้น จึงให้เจ้าพนักงานสมโภชตามธรรมเนียม แล้วเสด็จออกขุนนาง จึงตรัสเล่าความตามสุบินให้เปกเอียงอูฟังทุกประการ เปกเอียงอูพิจารณาดูในลักษณะสุบินแล้วทูลว่า พระสุบินนี้พิเคราะห์ดูเนื้อความต้องกันกับหญิงทารกซึ่งเป็นอุบาทว์เมือง เบื้องหน้านานไปเมืองโกเก๋งจะเกิดวิบัติเพราะอิสตรี เมืองหลวงจะต้องยักย้ายไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก พระเจ้าซวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้นยิ่งไม่สบายพระทัยนัก จึงตรัสว่า โตเบ๊กเราให้ไปสืบดูลูกหญิงที่เป็นอุบาทว์เอาไปลอยน้ำนั้น จะเป็นหรือตาย ได้หรือมิได้ประการใดก็มิได้บอก โทษตัวก็ถึงตาย พระเจ้าซวนอ๋องก็สั่งโปซูให้เอาตัวโตเบ๊กไปฆ่าเสีย โปซูเข้าผูกมัดโตเบ๊กออกไปจากที่เฝ้า โจหยีจึงทูลว่า พระองค์จะให้ฆ่าโตเบ๊กเสียเพราะข้อผิดด้วยรับสั่งให้ไปเที่ยวสืบทารกนั้น โตเบ๊กก็ไปเที่ยวสืบแสวงหามิพบ ได้เข้ามาเฝ้าอยู่ทุกเวลา พระองค์ไม่ตรัสถามจึงมิได้ตรัสทูลให้ทราบนั้น โตเบ๊กมีความผิดแต่เพียงนี้จะให้ลงโทษถึงตายประหารชีวิตนั้น ข้าพเจ้าเห็นกิตติศัพท์จะลือเลื่องไปแก่หัวเมืองทั้งปวง จะมีผู้นินทาว่าแต่ความผิดนิมิตฝันไม่สู้ดีเท่านี้ก็ให้ฆ่าขุนนางเสีย ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานชีวิตโตเบ๊กไว้ ทรงตรึกตรองก่อน แม้นพระองค์มิฟังข้าพเจ้าทัดทานจะให้ฆ่าโตเบ๊กเสียจงได้ ก็ขอให้ฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยเถิด
พระเจ้าซวนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ทรงพระโกรธ จึงให้ขับโจหยีไปเสียจากที่เฝ้า ฝ่ายทหารคุมตัวโตเบ๊กออกไปถึงตะแลงแกงที่พิฆาตคน ก็ฆ่าโตเบ๊กเสียตามคำสั่ง โจหยีครั้นมาถึงบ้านมีความน้อยใจพระเจ้าซวนอ๋องไม่ฟังคำ ถอดกระบี่ออกจากฝักเชือดคอตาย ในขณะนั้นมีผู้นำเนื้อความขึ้นกราบทูลแก่พระเจ้าซวนอ๋อง พระเจ้าซวนอ๋องครั้นทราบความว่าโจหยีตายก็มีความอาลัยนัก ด้วยโจหยีเป็นคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ฝ่ายโตสิบชกเมื่อพระเจ้าซวนอ๋องให้ฆ่าโตเบ๊กผู้บิดาเสียแล้ว ก็หนีไปทำราชการอยู่ด้วยเจ้าเมืองจิ้น เจ้าเมืองจิ้นเห็นว่าโตสิบชกมีสติปัญญา จึงตั้งโตสิบชกเป็นเสียงไตหูขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน และเมื่อพระเจ้าซวนอ๋องเสวยราชสมบัติได้สี่สิบหกปี ให้ฆ่าขุนนางสองคนเสียไม่สบายนัก ครั้น ณ เดือนเก้าเป็นฤดูเคยเสด็จไปเที่ยวป่า จึงสั่งอืนเกียดอูกับเตียวเอาให้ตรวจเตรียมทหารพร้อมแล้ว พระเจ้าซวนอ๋องขึ้นรถเทียมม้าเสด็จออกจากเมืองหลวงไปประพาสป่าตำบลตังเก๋า ประทับแรมอยู่ ณ ตำหนักไพร พระเจ้าซวนอ๋องเสด็จเที่ยวชมเนื้อนกกับขุนนางจนเวลาเย็นตะวันยอแสง ขณะนั้น ทอดพระเนตรเห็นโตเบ๊กกับโจหยีขี่เกวียนตรงมาหน้ารถแล้วโก่งเกาทัณฑ์จะยิง พระเจ้าซวนอ๋องตกพระทัยกลัวปีศาจ ตรัสร้องให้ขุนนางทั้งปวงดู ขุนนางทั้งปวงต่างแลดูไปมิได้เห็นก็พากันยืนตะลึงอยู่สิ้น พระเจ้าซวนอ๋องจึงแข็งพระทัยร้องตวาดปีศาจว่า ท่านทั้งสองตายมิดี เหตุใดจึงเข้ามาขวางหน้ารถเราอยู่ฉะนี้จงไปเสียให้พ้น โตเบ๊กปีศาจจึงว่าเราหามีผิดไม่ ท่านไม่อยู่ในยุติธรรมให้ฆ่าเราเสีย บัดนี้ท่านถึงกำหนดจะสิ้นบุญแล้วเราจะฆ่าท่านเสียบ้าง ว่าแล้วปีศาจทั้งสองก็ยิงเกาทัณฑ์มาถูกพระทรวงพระเจ้าซวนอ๋องล้มลงบนรถสลบลง ขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้นต่างคนตกใจ บ้างขึ้นไปบนรถอยู่งานนวดเฟ้นแก้ไขอยู่ช้านาน พระเจ้าซวนอ๋องจึงได้สมประดีขึ้นมาให้เจ็บพระทรวงเป็นกำลัง ก็กลับรถที่นั่งเข้าพระนคร ครั้นถึงพระราชวัง ขุนนางพยุงพระองค์เข้าไปถึงที่บรรทม พระเจ้าซวนอ๋องประชวรอยู่ในที่ให้เห็นแต่รูปปีศาจทั้งสองติดพระเนตรอยู่ ก็ประชวรหนักลงทุกเวลา แพทย์ทั้งปวงถวายยาก็มิได้เสวย จึงให้หาอืนเกียดอูกับเตียวเอาเปกเอียงอูขุนนางผู้ใหญ่สามคนเข้ามาเฝ้า จึงตรัสว่าเราได้ยินเด็กทำเพลงด้วยลูกเกาทัณฑ์ ท่านทำนายว่าลูกเกาทัณฑ์จะเป็นศัตรูแก่เราก็ถูกต้องดังคำท่าน ตั้งแต่นี้ไปเราจะมิได้เห็นหน้าท่านต่อไปแล้ว ซึ่งเราได้เป็นสุขอยู่ในราชสมบัติมาได้สี่สิบหกปีแล้วเพราะท่านช่วยทะนุบำรุง แม้นเราสิ้นชีวิตไปแล้ว ราชสมบัติทั้งนี้ท่านจงให้ไทจูจงเลียบเถิด ท่านจงเมตตาช่วยสั่งสอนให้ว่าราชการบ้านเมืองให้เป็นยุติธรรม อย่าให้อย่างธรรมเนียมแผ่นดินนั้นผิดไป
ขุนนางทั้งสามได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็ชวนกันร้องไห้รำพันไปต่างๆ แล้วเป๊กเอียงอูจึงทูลว่า เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับพระองค์ก็ตกแล้ว ซึ่งไทจูจงเลียบพระราชบุตรจะได้ครองราชสมบัติแทนพระองค์ต่อไปนั้น ข้าพเจ้าทั้งสามจะช่วยทะนุบำรุงอย่าได้ทรงพระวิตกเลย พระเจ้าซวนอ๋องก็สวรรคต ขุนนางทั้งปวงก็ทำการฝังพระศพตามอย่างกษัตริย์แต่ก่อน แล้วยกไทจูจงเลียบขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมืองโกเก๋งทรงพระนามว่าพระเจ้าอิวอ๋อง ตั้งนางสินฮองฮอบุตรสินเฮาเจ้าเมืองสินเป็นพระมเหสี แลเมื่อพระเจ้าอิวอ๋องเสวยราชสมบัตินั้น มืเมืองขึ้นเป็นเมืองนอก เมืองจิ้น กิสินเป็นเจ้าเมืองอยู่ทิศเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเชียงโต เมืองจิ๋น จินเองเป็นเจ้าเมืองอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเอาเอียงอูเป็นเมืองโท เมืองฌ้อ ฌ้อจงก๋งเป็นเจ้าเมืองอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้เป็นเมืองเอก แลหัวเมืองน้อยซึ่งมีชื่อในแผ่นดินขึ้นกับเมืองหลวงบ้าง ขึ้นกับเมืองเอกบ้าง ตามระยะไกลแลใกล้ เป็นหัวเมืองน้อยร้อยสามสิบ ในหนังสือหากำหนดว่าขึ้นกับเมืองหลวงและเมืองเอกมากน้อยเท่าไรไม่ และเมืองน้อยร้อยสามสิบนั้น เมืองฬ่ออยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้เป็นเมืองเอกหนึ่ง เมืองโอยอยู่ทิศใต้แผ่นดินพระเจ้าเกียเค่ง ทุกวันนี้เป็นเมืองหลวงชื่อเมืองปักกิ่งหนึ่ง เมืองแต้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองอันอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองต้นทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองชัวอยู่ริมแม่น้ำโอลำทิศเหนือ ทุกวันนี้ชื่ออ๋องเอียงอ เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองโจ๋ทุกวันนี้ชื่อเมืองเตงโต เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองฆัวทุกวันนี้ชื่อเมืองฆัวจิว เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองปักเอี๋ยงอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองหง่ออยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อไซ้จี๋วเซียงไฮ้หนึ่ง เมืองอวดอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเจ๊ดอุนเลงโผ เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองจิ้นทุกวันนี้ชื่อเมืองชัวตัว เป็นเมืองเอกหนึ่ง เมืองซืออยู่ทิศใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองชีเสียจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองจูอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเจหลำอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองจู๋ทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองจั๋นทุกวันนี้ชื่อเมืองชวงจิวอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองปักเอี๋ยงอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเตียบกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองคอกอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองชวงจิวอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเหมาอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อเมืองห้อกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองจูทุกวันนี้ชื่อเมืองเตงโตกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองซุยทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองยิมทุกวันนี้เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองซีทุกวันนี้ชื่อเมืองเจเหลงจิวอยู่ทิศใต้ เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองซูกีทุกวันนี้ชื่อเมืองกุนจิวอยู่ทิศตะวันออก เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองเอียงอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อเมืองตังเปงจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองชองอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองเสงทุกวันนี้ชื่อเมืองบุนเสงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอูอยู่ทิศเหนือ ทุกวันนี้เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเอี้ยมทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเหยืออยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอูอิขูหนึ่ง เมืองเคกหนึ่ง เมืองจวนหนึ่ง สามเมืองทุกวันนี้เป็นเมืองร้างหาเจ้าเมืองมิได้ เมืองวำอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อเมืองจีลำอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองบัวอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองไทฮั้นจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองกี้อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองสิวกงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองลี้ทุกวันนี้ชื่อเมืองลี้จิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองอยู่ทิศใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเอียงเสียง เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองกิมบัวอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเฉียซิกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเอียงหนึ่ง เมืองไต้หนึ่ง ทุกวันนี้ชื่อเมืองโกแปะกวนอยู่ทิศตะวันตก เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอี๋ทุกวันนี้ชื่อเมืองจงเปงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองไหลอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อเมืองไลจิวอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเกียงทุกวันนี้เป็นเมืองอุยกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองออกอยู่ทิศตะวันตกฺเฉียงใต้ ทุกวันนี้เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองหยงทุกวันนี้ชื่อเมืองสิวอูกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอุ๋นทุกวันนี้ชื่อเมืองอุนกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองหงวนอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองจีออนกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองกำอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองกำเสียหนึ่ง เมืองคยงทุกวันนี้ชื่อเมืองฉงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองกุดอยู่ทิศใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเอียงซูกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเหลาทุกวันนี้ชื่อเมืองอุยเอากวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเค๊กอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อไซเค๊ก เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเจียวอยู่ทิศใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองโหจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองอี๋นอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองอี๋นหนึ่ง เมืองติอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองกีกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเบียดกวนทุกวันนี้ชื่อเมืองเบียดกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอางทุกวันนี้ชื่อเมืองคางเซียกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองตุนอยู่ทิศตะวันตกหนึ่ง เมืองกัดอยู่ทิศเหนือชื่อเมืองกัด เมืองใต้ทุกวันนี้ชื่อเมืองเคาเสียกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง ทุกวันนี้ชื่อเมืองลิเก็งดู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเปกทุกวันนี้ชื่อเมืองไซเปกกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองปั๋งทุกวันนี้ชื่อเมืองซุยเปงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอึ่งอยู่ทิศตะวันตก ทุกวันนี้ชื่อเมืองอึงเสียหนึ่ง เมืองชิตทุกวันนี้ชื่อเมืองชิตกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเหียนทุกวันนี้ชื่อเมืองเอียนกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเจียวอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองกีชเลียวหนึ่ง เมืองก๋งทุกวันนี้ชื่อเมืองคัยชัวกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองโตอยู่ทิศเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองคัดซันกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองสินทุกวันนี้ชื่อเมืองลำเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองหลกอยู่ทิศใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองโหลำกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเต๊งทุกวันนี้ชื่อลำเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเหยียดทุกวันนี้ชื่อเมืองไลเลี้ยวเอียวกุยอยู่ทิศตะวันตก เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเองอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองอูเซงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเหลทุกวันนี้ชื่อเมืองเหลเสียกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเอียวทุกวันนี้ชื่อเมืองเปงเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองอุยอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเปกเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองเก๊งทุกวันนี้ชื่อเมืองโหจีนกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองกี้ทุกวันนี้ชื่อเมืองกีเหียว เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองสุนทุกวันนี้ชื่อเมืองชีกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองคัดทุกวันนี้ชื่อเมืองคัดจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองแกอยู่ทิศตะวันตก ทุกวันนี้ชื่อเมืองไซเกงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองจองทุกวันนี้ชื่อเมืองไซอันอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองหวงอยู่ทิศตะวันออก ทุกวันนี้ชื่อเมืองงักกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองปิกทุกวันนี้ชื่อเมืองอำเอียงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองโยยทุกวันนี้ชื่อเมืองเปกเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองหันทุกวันนี้ชื่อเมืองทังจิวหันเสียกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเหลียงทุกวันนี้ชื่อเมืองอันเสียกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองเตียวทุกวันนี้ชื่อเมืองอองเสียอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองก๊กทุกวันนี้ชื่อเมืองอู้ก้องเสียงเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองตองทุกวันนี้ชื่อเมืองโจเอียงกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองโหลอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันนี้ชื่อเมืองลำเจียวกวน เป็นเมืองจัตวาหนึ่ง เมืองอิวอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวันนี้ชื่อเมืองเอียงอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองหวงทุกวันนี้ชื่อเต๊กอันอู เป็นเมืองโทหนึ่ง เมืองสุยทุกวันนี้ชื่อเมืองซุยจิว เป็นเมืองตรีหนึ่ง เมืองซุนเทียนอู ทุกวันนี้ชื่อเมืองเทียนจิน เป็นเมืองปากนํ้าเมืองซุนเทียนอูหนึ่ง เข้ากันทั้งเมืองเอกและเมืองน้อยขึ้นแก่เมืองหลวงร้อยสามสิบห้าหัวเมือง แต่เมืองเกียงหอง เมืองเขียงหยง จะได้ขึ้นแก่เมืองหลวงนั้นหามิได้