บทที่ ๘

สมส่วนอำลาโลกไปเงียบๆ ในวงแขนของมารดา รุ้งได้ถูกคนใช้ของคุณหญิงไปปลุกตัวมาจากที่นอนในเวลากลางดึก แต่เมื่อเขามาถึงนั้น สมส่วนกำลังระบายลมหายใจครั้งสุดท้าย เมื่อแพทย์ประกาศว่าสิ้นใจ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นทันทีจากสมทรงและจากคุณหญิง รุ้งพยายามกลั้นน้ำตาแต่ไม่สำเร็จ สมศักดิ์ดับความโศกเศร้าด้วยสุรา เขาชวนให้รุ้งทำตาม แต่รุ้งปฏิเสธ การรดน้ำศพจนกระทั่งนำศพไปวัดได้จัดทำพอเป็นพิธี หน้าของสมส่วนในเวลาดับชีพติดตารุ้งอยู่หลายวัน แล้วก็ค่อยลบเลือนไป เขากลับนึกในภายหลังเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะกลายเป็นผู้เสียอิสรภาพทางความรัก ถ้าหากสมส่วนมีชีวิตอยู่

ในเวลาสี่ปีครึ่งนี้ เขาได้เปลี่ยนแปลงไปมากทั้งรูปร่างและอัธยาศัย สมส่วนก็คงเช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดทรงตัวคงที่ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงแห่งสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นเหตุที่ทำให้คำมั่นสัญญาต้องถูกเพิกถอนไปบ่อยๆ ครั้งกระโน้นสมส่วนเป็นที่รักอย่างยิ่งของรุ้ง แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายห่างกันออกไปหลายปี จะหวังให้ทั้งสองมีอัธยาศัยเหมือนเดิมมิได้ เป็นความพยายามโดยความเขลาที่จะให้อัธยาศัยของบุคคลสองคนคบกันตลอดชีพ โดยตั้งประเพณีอันวิจิตรพิสดารคือแต่งงาน ความพยายามนั้นสำเร็จผลเฉพาะบางราย เมื่อฝ่ายหนึ่งซึ่งโดยมากเป็นฝ่ายหญิงยอมตนเป็นทาส โดยยอมรับอัธยาศัยของสามีมาเป็นของตน รุ้งเคยอุทิศตนเป็นทาสของสมส่วนในระหว่างที่เขาหลงว่าเธอเป็นเทพธิดา แต่เมื่อความหลงนั้นสิ้นไป เขาก็ดีใจที่ได้หลุดพ้นจากความผูกพันกับเธอ

เขาระมัดระวังเป็นอันดีที่จะไม่ให้ใครทราบความรู้สึกของเขาดังกล่าวแล้ว ในวันฝังศพ รุ้งช่วยเหลือเอาธุระดุจดังเป็นตัวเจ้าภาพเอง ซึ่งทำให้คนทั้งหลายคิดว่าเขาเป็นคู่รักที่ซื่อสัตย์ เมื่อกลับจากวัดคุณหญิงเรืองฤทธิ์ฯ นั่งร้องไห้มาในรถ ท่านจับมือรุ้งไปกำไว้แล้วขอให้รุ้งถือว่าท่านเป็นแม่ของเขา “อย่าทิ้งแม่นะ” ท่านพูด “เธอต้องมาหาแม่ทุกวัน ตั้งแต่นี้ไปแม่คงจะเหงา แม่อยากให้เธอมาอยู่กับแม่ด้วยซ้ำ”

นั่นเป็นเหตุที่ทำให้รุ้งยังคงไปบ้านที่ถนนหลานหลวงอยู่เนืองนิตย์ ในโลกนี้ค่าของคนเราก็คือน้ำหนักแห่งความนิยมที่ผู้อื่นมีต่อตน การที่คุณหญิงเรืองฤทธิ์ฯ ทอดตัวลงมาพึ่งรุ้งในยามทุกข์นี้ เป็นอาหารโอชารสของหัวใจซึ่งปรนปรือความหยิ่งลำพองในตัวเขา ตรงข้ามกับสภาพการณ์ในบ้านน้าสะอาด ได้ทำให้เขารู้สึกตัวแฟบเล็กเท่ากับเด็กๆ คนหนึ่ง เพราะไม่ได้รับความนับถือถึงหากได้รับความอุปการะ นอกจากนั้น ณ บ้านถนนหลานหลวงยังมีสมทรงซึ่งแสดงความเคารพเขายิ่งกว่าพี่ชาย บูชาเขายิ่งกว่าครู

“ได้ยินว่า” ผ่องกล่าวขึ้นวันหนึ่งเมื่อมาหารุ้งเพื่อชวนไปดูภาพยนตร์ “แกไปบ้านสมส่วนแทบทุกวัน มีอะไรติดใจมากหรือเพื่อน”

“กันรักและนับถือคุณแม่ของสมส่วน เหมือนท่านเป็นแม่บังเกิดเกล้า”

“เพียงเท่านั้นหรือ”

รุ้งหัวเราะ “แกคิดว่ากันเอาความนับถือคุณแม่มาอ้างเป็นโล่บังหน้า กันรู้หรอก แต่ความจริงมีว่ากันรักสมทรงอย่างน้องสาว”

“บางคนก็แต่งงานกับน้องสาวของตนเอง”

“ซึ่งทำให้ชาติพันธุ์เจริญซ้า ธรรมชาติต้องการความหลากหลาย ในชาติมนุษย์นี้ กันจะไม่แต่งงานกับน้องสาว ถ้าหากกันมีน้อง ขอให้แกสารภาพมาเถอะว่าแกสนใจสมทรง กันจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่และด้วยความเต็มใจ”

“ยิ่งกว่าสนใจอีก” ผ่องสารภาพทันที “แกเชื่อในความรักเมื่อแรกเห็นหรือเปล่า กันรักเธอตั้งแต่แรกเห็นทีเดียว”

“เคยพูดกันบ้างหรือเปล่า”

“เปล่าเลย ก็แกไม่ให้โอกาสกันเสียบ้างเลย ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งเข้าใจว่าแกกันท่า”

“เปล่า ไม่ได้คิดกันท่าจนนิดเดียว ขอโทษที่ลืมแนะนำให้รู้จัก แต่กันจะชดใช้แกให้พอทีเดียว กันจะพาแกไปบ้านนั้น ไปรู้จักกับคุณแม่และพี่ชายของสมทรง แกอาจจะได้คุยกับสมทรงทุกวันถ้าแกต้องการ”

ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น คุณหญิงเรืองฤทธิ์ฯ ก็ได้เห็นหน้านายผ่อง เชิดเกียรติคุณ ผู้ซึ่งรุ้งแนะนำว่าเป็นสหายร่วมทุกข์รักใคร่กันมากที่สุด ท่านบอกอนุญาตทันทีว่าขอให้ถือเป็นกันเอง และเชิญให้เขาเข้ามาบ้านของท่านโดยไม่ต้องเกรงใจ

“ดิฉันดีใจมากที่ได้รู้จักคุณ” สมทรงกล่าว ซึ่งทำให้ผ่องหน้าแดงราวกับทาชาด “ดิฉันขอต้อนรับทุกคนที่เป็นเพื่อนของพี่รุ้ง”

ทีละน้อยๆ ผ่องค่อยชนะความเป็นกันเองจากสมทรงจนกระทั่งมีโอกาสสนทนากันสองต่อสอง หรือไปเดินเล่นด้วยกันในบริเวณบ้าน ผ่องกลายเป็นแขกประจำวันที่บ้านถนนหลานหลวงเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง และมิตรภาพระหว่างเขากับรุ้งก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รุ้งมิใช่เป็นเพียงเพื่อนของผ่องเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาของเขาด้วยในกิจการส่วนตัวแทบทุกประการ เขานับถือรุ้งเพียงใดจะเห็นได้จากการที่เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของรุ้งแม้แต่ในเรื่องอาชีพ

“เจ้าหน้าที่ทะเบียนบอกเมื่อเช้านี้เอง” ผ่องกล่าวกับรุ้ง “ว่าผู้รับการอบรมทุกคนแสดงความจำนงจะสมัครเข้ารับราชการ มีเราเพียงสองคนเท่านั้น ที่เขาบันทึกไว้ในทะเบียนว่าจะประกอบอาชีพทางค้าขาย”

“เราก็เดาล่วงหน้าไว้แล้วนี่นาว่าจะเป็นอย่างนี้” รุ้งตอบ “เขาจะเสนอบันทึกไปถึงท่านรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะฉุนเอาเราเข้าหน่อยว่าเราหัวแข็ง ท่านจะเลี้ยงก็ยังอวดดีไม่ยอมหันเข้าหา แต่แกกลัวรึ?”

“ไม่เชิงกลัว แต่ไม่ค่อยจะสบายใจ ถ้าทำอะไรผิดเพื่อนฝูงละก็ช่วยให้รู้สึกว่าเราทำผิด”

“นั่นเป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับของกันทีเดียว กันไม่ชอบทำตามคนหมู่มาก เพราะสิ่งที่คนหมู่มากนิยมนั้นไม่เคยเป็นของดีเลย”

“ว่าตามจริง กันยังนึกไม่ออกว่ากันจะมั่งมีได้ด้วยการค้าขาย แต่เห็นพ้องด้วยกับแกว่าทำงานตามห้างได้เงินมากกว่ารับราชการ เพราะนอกจากเงินเดือนแล้วยังมีรายได้พิเศษอีกมาก แต่ห้างไหนล่ะที่จะจ้างคนอย่างเรา”

“นั่นกันได้คิดเตรียมไว้แล้ว แต่กันอยากให้เราตั้งใจตรงกันว่าเราจะต้องเป็นเศรษฐีกับเขาสักวันหนึ่งให้จงได้ การที่จะพอใจเพียงเป็นลูกจ้างเขาตลอดชีวิตนั้น ก็คือการยอมแพ้ในเกมแห่งชีวิต กันยอมเป็นลูกจ้างก็เพื่อเรียนวิชาจากเขา การทำงานตามคำสั่งของเขาก็คือการศึกษาวิชาจากเขา เมื่อได้ความรู้พอแล้ว นายรุ้งก็จะเป็นนายห้างบ้างละ”

“กันอยากได้เงินเดือนๆ ละพันบาทมากกว่าอยากเป็นนายห้าง” ผ่องพูด “กันไปสมัครงานมาแล้วหลายแห่ง โดยมากถูกปฏิเสธ มีแห่งเดียวที่จะให้ ๒๐ บาท กันก็เลยบอกลา”

“แกเคยขอสมัครงานทางจดหมายหรือเปล่า”

“เปล่า”

“ลองทำดูบ้างชี เมื่อวานซืนกันพิมพ์จดหมายขึ้น ๔๐๐ ฉบับ ส่งไปถึงผู้จัดการห้างร้านใหญ่ๆ ทุกแห่งในกรุงเทพฯ คงมีสักแห่งหนึ่งดอกที่ต้องการใช้เราโดยให้รายได้พอสมควร แกอยากอ่านสำเนาจดหมายนั้นไหม? กันมีติดตัวมาด้วยหนึ่งฉบับ”

ผ่องตอบรับคำด้วยความยินดี และรับสำเนาจดหมายมาจากรุ้ง ซึ่งมีความว่า

๔๑๖ บางขุนพรหม

๕ เม.ย. ๑๘

เรื่อง ขอสมัครงาน

จาก นายรุ้ง จิตเกษม

เรียน ผู้จัดการ

ผมขอแนะนำตนเองต่อท่าน เพราะขาดผู้ที่จะแนะนำให้ ผมเป็นนักโทษการเมืองที่เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ เดิมเคยรับราชการในกระทรวงธรรมการ มีความรู้สอบไล่ได้ชั้นมัธยมปีที่ ๘ ของโรงเรียนเทพศิรินทร์ แล้วไปศึกษาในมหาวิทยาลัยลอนดอนโดยสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวง ได้ปริญญา B.Sc. F.G.S. บัดนี้มีความสนใจในการค้า และปรารถนาที่จะได้ทำงานในห้างของท่าน แต่ขาดความรู้และคุ้นเคย จึงไม่ขอเรียกร้องสินจ้างรางวัลอย่างใด คงให้เป็นไปสุดแต่ความกรุณาของท่าน เพราะเพียงแต่ท่านจะรับสมัครและทดลองใช้งานดูบ้างก็จะถือว่าเป็นพระคุณอย่างสูง

โดยความนับถือ

รุ้ง

“เป็นความคิดที่ดีมาก” ผ่องกล่าวชมพลางพับสำเนาจดหมายสอดใส่ในกระเป๋า “ถ้ากันเป็นนายห้างสักแห่งหนึ่ง เมื่อได้รับจดหมายเช่นนี้ก็คงอยากได้แกมาใช้ พูดจาอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ตีราคาตัวเองสูง ขอสำเนานี้ให้กันเถอะ กันจะเอาไปเป็นตัวอย่าง กันจะทำอย่างแกบ้าง”

และผ่องก็ได้เลียนแบบรุ้งทุกประการ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ