บทที่ ๓๓

เพื่อจะตื่นแต่เช้าตรู่ รุ้งจึงเข้านอนแต่หัวค่ำและหลับได้เร็วดังใจ แล้วก็เริ่มฝัน

ในฝันนั้นว่าเขาได้กลับไปอยู่บ้านเดิมที่ลพบุรี ในกระท่อมซึ่งเป็นที่อาศัยของบิดามารดา บัดนี้ผู้ที่เข้าไปอาศัยมิใช่เพียงตัวของเขา แต่ยังมีภรรยาของเขาอีกด้วย เขากลับจากทำงานในนาพบภรรยายืนคอยต้อนรับอยู่ที่ประตูเรือน หล่อนเป็นชาวชนบท เขาจะได้รักใคร่กันมาแต่ครั้งไหนและแต่งงานกันอย่างไรไม่ปรากฏ เขามีบุตรกับหล่อนคนหนึ่งแล้วอายุประมาณ ๑ ขวบ ซึ่งบัดนี้หล่อนอุ้มอยู่ อายุของหล่อนประมาณ ๒๐ ปี อ่อนการศึกษาและไม่สวย เขาไม่รักหล่อน แต่เขาแต่งงานกับหล่อนก็เพราะหล่อนรักเขา

เขาจูบบุตรน้อยในอ้อมแขนของหล่อน บุตรแหงนหน้าขึ้นหัวเราะ และเรียกเขาว่า “บอ”

เขากำลังจะจูบหล่อนแต่ยับยั้งเสีย เพราะรูปโฉมของหล่อนไม่ติดตาต้องใจเขาเสียเลย

หล่อนสงสัยในกิริยาของเขา “หมดรักฉันเสียแล้วหรือจ๊ะ?” หล่อนถาม แล้วก็เขย่งเท้าขึ้นมาจูบเขาที่แก้มอย่างขลาดๆ

เขาจูงมือหล่อนเข้าไปในห้องเล็กๆ ซึ่งรกรุงรังด้วยเครื่องมือและหลอดแก้วสำหรับใช้ในการทดลองทางชีววิทยา หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนเขายังยืนอยู่ มองดูหล่อนอย่างใจลอย

“ทำไมหน้าตาพี่จึงดูเศร้าไปล่ะจ๊ะ?” หล่อนถามพลางจับมือของเขามาบีบเบาๆ อย่างใคร่จะเตือนให้รู้ว่าหล่อนเป็นยอดมิตรของเขา

“ฉันไม่สบายใจ” เขาสารภาพ

“นั่นแน่! พี่รักผู้หญิงอื่นละซี ฉันรู้แล้วว่ามีผู้หญิงอื่นที่พี่รักมากกว่าฉัน”

เขาบอกหล่อนว่าเขารักผู้หญิงอื่นจริง แต่หล่อนไม่ควรเอาใจใส่ เพราะความรักเป็นของเหลวไหล ไม่มีตัวตนให้จับต้อง ไม่มีใครนับถือความรักว่าเป็นความสำคัญในชีวิต แต่หล่อนไม่ฟังคำอธิบายของเขา แล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ประดุจรู้สึกปวดร้าวในใจอย่างสาหัส

เขาตื่นขึ้น รู้สึกเศร้าใจและใจเหี่ยวแห้ง เขาดูนาฬิกา เห็นเวลาเพียงล่วงยี่สิบสี่นาฬิกา เขาดื่มน้ำเย็นหนึ่งแก้วแล้วก็หลับต่อไป และความฝันเรื่องที่สองก็เกิดขึ้น

ความฝันนั้นว่า เขามาอยู่ในห้องโถงของบ้านใหญ่อันจัดไว้สำหรับงานพิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวเขาเองแต่งกายโอ่อ่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน และมีคนอื่นอีกมากหลาย ล้วนแต่งกายเรียบร้อยในเครื่องแบบพลเรือนและทหารเหล่าต่างๆ เขาพยายามนึกว่าที่บ้านนี้มีงานอะไร แต่นึกไม่ออก

“ที่นี่มีงานอะไรครับ?” เขาถามนายทหารผู้หนึ่ง

ผู้ถูกถามมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับ? ก็งานแต่งงานของคุณน่ะซีครับ”

“ผมน่ะรึแต่งงาน?” รุ้งกล่าวด้วยความฉงน ทันทีนั้นสุภาพบุรุษพลเรือนอีกผู้หนึ่งเข้ามาบอกด้วยกิริยานอบน้อมว่าเจ้าสาวของเขาคอยอยู่ในห้องรดน้ำ

รุ้งเดินไปยังห้องที่สุภาพบุรุษนั้นชี้ให้ด้วยอาการงงงวย หญิงสาวผู้หนึ่งแต่งกายหรูตามแบบไทยสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ ประดับเพชราภรณ์อันส่อว่าเป็นเจ้าสาวกำลังยืนอยู่คนเดียว ณ กลางห้องอันตกแต่งไว้ดีด้วยฉาก ม่านและดอกไม้ เสียงฝีเท้าของเขาทำให้เธอหันหน้ามา แล้วถลาแล่นเข้ามาหาเขา เขาร้องเรียกชื่อเธอขึ้นเต็มเสียงด้วยความดีใจจนลืมตัว แล้วกอดเธอไว้ ประหลาดใจที่เขามิได้ประหม่าตื่นกลัวเธอตั้งแต่ก่อน

“แหม! รุ้งขา” เธอพูด ศีรษะพิงอยู่กับไหล่ของเขา “ดิฉันมองหาคุณทั่วทุกหนทุกแห่ง คุณหายไปไหนมาคะ? อย่าทิ้งดิฉันไปอีกนะ เดี๋ยวนี้เราก็ได้แต่งงานกันแล้ว ดิฉันจะไม่ยอมให้คุณพลัดพรากไปจากดิฉันอีก”

เขามองดูเธอด้วยพะวงสงสัย “คุณพูดว่ากระไรนะ อุไรวรรณ? เราแต่งงานกันแล้วจริงๆ หรือนี่?”

“ทำไมจะไม่จริงล่ะคะ? เมื่อสักครู่นี้เองและในห้องนี้ทีเดียว ในหลวงได้เสด็จมาพระราชทานน้ำสังข์ในการแต่งงานของเรา พระองค์ทรงเป็นเจ้าภาพในงานนี้เสียด้วยซ้ำ”

“แหม นี่มันคล้ายกับความฝัน” รุ้งเอ่ยวาจาแล้วเหลียวมองรอบตัว แล้วมองดูที่ดวงตาของเจ้าสาว “บอกพี่ตรงๆ เถอะอุไรวรรณ ตามความจริงน่ะ เธอแต่งงานกับใคร?”

“ก็ใครล่ะคะที่ดิฉันรัก?”

“แต่เธอเคยพูดว่าจะไม่เอาความรักมาคำนึงในการแต่งงาน”

“ดิฉันรับผิดแล้ว ชีวิตจะแห้งแล้งไม่มีความสุขเลยจริงไหมคะ? ถ้าไม่มีความรัก”

เขาโอบรัดกายอันอ้อนแอ้นอรชร จูบเธอที่แก้ม แล้วพึมพำว่าเขาปรารถนาเธอมานานนักหนาแล้ว

“แต่เรื่องนี้มันเป็นความจริงแน่ละหรือ?” เขาย้อนถาม “นี่เธอเป็นภรรยาพี่จริงๆ หรือ?”

เธอหัวเราะเพราะพริ้ง “ดิฉันจะให้พี่แตะต้องอย่างนี้ได้หรือคะ? ถ้าไม่เป็นความจริง”

เขาหัวเราะ แล้วจูบเธอที่ริมฝีปาก

“แต่นี่มันดีเกินไปจนเชื่อไม่ได้ว่าจริง” เขาพูดขึ้นอีก “พี่ยังสงสัยว่าเธอและใครๆ พากันล้อพี่เล่น หรือมิฉะนั้นพี่อาจกำลังฝันไป ลองหยิกพี่ดูสักทีหรืออุไรวรรณ เพื่อที่จะได้ตื่นถ้าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงความฝัน”

เธอหยิกเขาที่แขน

“เรามิใช่กำลังฝันอยู่แน่แล้ว” เขาบอกเธอ “เออแน่ะ ช่างวิเศษแท้ที่เราได้แต่งงานกัน พี่มีความสุขเหลือเกินละอุไรวรรณ” แล้วเขาก็กอดเธอแน่นกว่าเดิม และจูบเธอหนักหน่วง แสนจะชื่นใจ และเธอหัวเราะเบาๆ ชอบใจที่รู้ได้ด้วยการจูบนั้นว่าเขารักเธอ

เขาตื่น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ