บทที่ ๓

ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้รุ้งนั่งเงียบเหงาเซาซึมระหว่างอยู่ในเรือซึ่งกำลังพาเขาจากเรือนจำไปสู่กระทรวงกลาโหมนั้น จึงมิใช่ความวิตกวิจารณ์ในทางการเมือง นับแต่รู้ตัวว่าจะได้รับอภัยโทษ แทนที่จะร่าเริงเบิกบานเหมือนเขาทั้งหลาย รุ้งกลับกลายเป็นคนขรึมซึมเซา ความหนักใจในการดำรงชีพบังคับให้เขาต้องพยายามคิดอยู่นั่นเอง ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นหนทางราบรื่นเสียเลย รุ้ง ณ บัดนี้เป็นคนไร้ญาติและปราศจากหลักฐาน หลังจากถูกตัดสินจำคุกแล้วไม่นาน แม่หม้ายมารดาของรุ้งผู้ทุพพลภาพและไม่มีทางอาชีพก็ถูกความจำเป็นบังคับให้ขายที่นาที่จังหวัดลพบุรีนั้นเสีย แล้วอพยพมาอยู่กับนางสะอาดน้องสาวที่กรุงเทพฯ ต่อมาไม่ถึงปีแม่ก็ถึงแก่กรรม นางสะอาดผู้นี้ดูเหมือนเป็นญาติคนเดียวของรุ้งที่มีชีวิตอยู่ และเป็นผู้ที่รุ้งหวังจะไปขออาศัย เขามองเห็นความจำเป็นด้วยว่าเขาจะต้องรบกวนเงินจากแกบ้างไม่มากก็น้อย แต่นางสะอาดเป็นหญิงหม้ายไร้บุตร และค่อนข้างยากจน รุ้งคาดว่าอาชีพรับจ้างตัดเสื้อคงไม่ทำให้แกมีรายได้มากกว่าเดือนละแปดสิบบาท ซึ่งจะไม่พอสำหรับชีวิตของคนชั้นกลางสองคน ยิ่งกว่านั้นเป็นการน่าละอายที่เขาจะต้องอาศัยน้ำพักน้ำแรงของผู้หญิง

“รุ้ง” เขาได้ยินเสียงผ่องเพื่อนรักตะโกนเรียกมาจากหัวเรือ “มาทางนี้เถอะ” พลางผ่องยกขวดสีดำให้เขาเห็น มันเป็นขวดเบียร์ รุ้งยังไม่มีใจยินดีในการดื่มน้ำมึนเมา เขาจึงสั่นศีรษะ เพื่อนอีกสองคนฉวยโอกาสรับเชิญของผ่องแทนรุ้ง เปิดโอกาสให้รุ้งนั่งใจลอยต่อไป

ใจของรุ้งลอยไปสู่ปัญหาอาชีพ ถ้าหากในเดือนแรกเขาจำเป็นต้องขอเงินจากน้าสะอาด เขาก็จะต้องไม่ขออีกในเดือนที่สอง แต่ปัญหาที่ว่าทำอย่างไรเล่าจึงจะได้เงินมาใช้สอย

มันเป็นเรื่องเศร้าใจที่ว่าชีววิทยาที่เขาได้ศึกษามาจะไม่เป็นที่พึ่งแก่เขา ในยามขัดสนนี้เลย รุ้งไม่ปรารถนาจะรับราชการอีก เขาได้ลาออกเมื่อก่อนกบฏ เพราะไม่เลื่อมใสในนโยบายการศึกษาของรัฐบาล และไม่มีทางใดที่ความเห็นของเขาจะได้รับความเอาใจใส่ เขาไม่สามารถทำงานในวิธีที่เขาไม่เลื่อมใสและจะเป็นการน่าละอายถ้าเขายอมเลิกล้มความเห็นเพิ่มเสียโดยเห็นได้ง่ายๆ ว่า เพื่อต้องการเงิน

ข้อที่รุ้งรู้สึกน้อยใจก็คือ ถ้าหากไม่รับจ้างรัฐบาล ก็คงไม่มีบริษัทหรือเอกชนใดเลยที่จะจ้างเขาในฐานะเป็นผู้รู้ชีววิทยา เจ้าของโรงงานในเมืองไทยยังไม่ต้องการบรรจุคนงานให้เหมาะสมกับหน้าที่โดยอาศัยวิธีตรวจความสามารถของมันสมอง สถานการแพทย์ของเอกชนยังไม่ได้เปิดแผนกรักษาโรคจิต ฉะนั้น จิตวิภาคจึงยังไม่เป็นความรู้ทั่วไปสำหรับสนทนาในสมาคม และการสะกดดวงจิตถูกเข้าใจว่าเป็นวิชาของนักแสดงกล การสอนชีววิทยาในมหาวิทยาลัยกำลังตั้งขึ้นคล้ายๆ กับจำเป็นต้องทำเพื่อให้สมชื่อมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีการสอนวิชานี้ในโรงเรียนราษฎร์หรือโรงเรียนหลวงแห่งอื่นใดเลย ถ้ารุ้งจะเปิดโรงเรียนชีววิทยา คนก็คงคิดว่าเขาเป็นบ้า เพราะพากันเข้าใจเสียว่าเรียนไปแล้วหาประโยชน์มิได้ และรุ้งกำลังรู้สึกว่าเป็นความจริงเช่นนั้น ด้วยว่าเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์จากชีววิทยา แม้แต่วิทยาอย่างอื่นที่รุ้งเคยเรียนหรือเคยสนใจ เช่นคำนวณ หรือ เศรษฐศาสตร์ หรือแม้ภาษาอังกฤษก็ไม่สามารถจะเป็นหนทางแห่งรายได้ของเขาได้ เพราะผู้ที่ต้องโทษจำคุกมาแล้วเป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ดำเนินอาชีพเป็นครู

ฉะนั้นหนทางอาชีพซึ่งประตูของมันเปิดอยู่สำหรับรุ้งก็คือการค้าขาย รุ้งมีเหตุผลที่เคยทำให้เขาหลีกจากอาชีพนี้ด้วยความรังเกียจ แต่รุ้งได้ประสบกับความขมขื่นอันมีน้ำหนักอย่างยิ่งแก่ชีวิต ซึ่งทำให้เขาตกลงใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นคนมั่งมี เพราะถ้ายังไม่มีเงินก็ยังไม่สามารถมีอย่างอื่นได้ สมัยนี้แม้แต่ความรักก็อาศัยเงิน การค้าขายเป็นอาชีพที่อาจมั่งคั่งได้เร็วที่สุด เขาชังในการที่ตนจะต้องค้ากำไรและหนักใจในวิธีการปฏิบัติเพราะไม่เคยมีความรู้มากไปกว่าที่ได้อ่านตำราบางเล่มเป็นการเตรียมตัวเท่าที่จะทำได้ในเวลาอันสั้น แม้กระนั้นเขาก็ตกลงใจเด็ดขาดแล้วว่าเขาจะเข้าแข่งขันเกมแห่งชีวิตอันมีมลทินโสมมนี้อย่างสุดฝีมือ

เมื่อมั่งมีแล้วจะเอาเงินมาทำไม? ตั้งปัญหานี้แก่พวกถ่อยปัญญา เขาก็จะพรรณนายืดยาวถึงความสุขสำราญ เป็นโลกียสุขพรั่งพร้อมด้วยเครื่องอุปโภคและบริโภค ข้อสำคัญคือกามบริโภค รุ้งไม่เคยปรารถนาจะได้มีชีวิต “แบบเจ้าสัว” หรือ “แบบเจ้าคุณ” เงินของเขาก็เพื่อประโยชน์สูงสุดสิ่งเดียวคือการค้นคว้าในเรื่องมันสมองต่อไปจนบรรลุความจริงอย่างใหม่ซึ่งจะเป็นคุณานุคุณแก่มนุษยชาติ ทั้งนี้ย่อมต้องใช้เงินมากจนแทบจะทำให้เขาหมดหวัง

บางคนกล่าวว่า “นักวิทยาศาสตร์ยอมแต่งงานกับขวดทดลอง” แต่เราก็ได้เห็นมาแล้วว่าเมื่อละจากขวดทดลองมาหาเรื่องรัก บุคคลจำพวกนี้จะรักอย่างจ่อจิตจ่อใจเหมือนกับที่เขาทำงานนั้นเอง ประวัติของโอมาคัยยัมและอีกหลายรายเป็นพยานอยู่ ชีวิตด้านความรักของรุ้งก็คล้ายกับเป็นส่วนย่อของท่านบุพพาจารย์ที่กล่าวนามมาแล้ว รุ้งได้เคยพบความรักมาแล้วเมื่อก่อนเข้าคุก แต่คุกได้ทำลายความรักนั้นเสีย และรุ้งก็สลัดตัดใจได้สำเร็จจนเรื่องแต่หนหลังค่อยๆ ลบเลือนจากความทรงจำ วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เรื่องรักเหล่านั้นมา ปรากฏขึ้นในความคำนึง ซึ่งดูราวกับว่าการพ้นโทษได้ทำให้ความรักที่ถูกฝังนั้นคืนชีพขึ้นใหม่

เมื่อสมัยที่หนุ่มหัวนอกผู้นี้เป็นดาราดวงเด่นอยู่ในกระทรวงธรรมการ เขาได้พบเทพธิดาองค์หนึ่ง เธอเป็นแขกที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงและเต้นรำที่บ้านสวนแก้ว เป็นงานทำบุญวันเกิดของผู้มีบุญ เป็นงานเพื่อประกาศความเป็นใหญ่ เป็นงานที่เจ้าภาพมุ่งหมายจะต้อนรับบุคคลในสมาคมชั้นสูงทั่วพระราชอาณาจักร เป็นงานที่ตั้งงบประมาณค่าอาหารหนึ่งหมื่นบาท วิสกี้ของสก๊อตในขวดตราดำและตราขาวนอนเรียงแถวคอยเวลาถูกเปิดนับจำนวนพัน และเหล้าองุ่นจากเบอกันดี อิตาลี ปอร์ตุเกส และแชมเปญก็ได้มาประชุมพร้อมหน้ากันอยู่ที่บ้านสวนแก้ว สุภาพสตรีพูดถึงงานนี้และเตรียมตัวล่วงหน้าตั้งเดือนๆ เทพธิดาของรุ้ง นามกร “สมส่วน” เครื่องแต่งกายชุดแพรสีหมอก สายฟ้าแลบสี ทองคำ เกล้าผมเหมือนเบทเดวิท ติดช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อทที่ไหล่ซ้าย ซึ่งเสื้อตรงนั้นทำกระบิดไว้ชอบกล เป็นแยบยลของช่างตัดเสื้อที่จะเผยเนื้ออันอวบเต็มและนวลละออที่ต้นแขน ชวนให้นึกลึกซึ้งไปถึงเนื้อนูนรูปทรงกลมที่อยู่ใกล้กัน “ฟอร์เก็ตมีน็อท” ดูประดุจมุ่งหมายติดมาเตือนใจรุ้ง ภาพที่ได้เห็นในวันนั้นติดตาตรึงใจเขามานานหลายปี พอได้เห็นเธอ ถ่านแห่งความรักในอกของเขาก็ถูกจุดเป็นไฟฉับพลันเหมือนสายฟ้าแลบ เป็นครั้งแรกที่อกของเขาร้อนวูบ โลหิตกระจายพล่านที่ผิวหน้า ติดตามด้วยความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งยากจะหาผู้ชี้แจงได้ชัดว่าเป็นอย่างไร ในจิตสำนึกของเขามีความคำนึงอยู่ข้อเดียวว่า “ทำไฉนจะได้รู้จักเธอ” หล่อนนั่งดื่มค็อกเทลอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งห่างจากเขาไม่เกินห้าวา ร่วมโต๊ะกับชายแก่หนึ่งหญิงแก่หนึ่ง ชายหนุ่มหนึ่งเด็กหญิงหนึ่ง และจะมีใครอีกรุ้งก็ไม่ได้สังเกต คนเหล่านั้นทั้งหนุ่มและแก่กลายเป็นบริวารของเธอผู้มีราศีแจ่มใส งามสง่าผิดสามัญมนุษย์ ท่าทางที่เธอยกแก้วขึ้นชูยิ้มละไมให้แก่นายทหารหนุ่มที่โต๊ะถัดไปแล้วจิบให้พรแก่เขา ดูเหมาะสมแก่จะเป็นท่วงทีของมหาราชินี แต่องค์เอกขัตติยานีแห่งประเทศไทยขณะนี้หาใช่เธอไม่ ฉะนั้นเธอจะต้องครองตำแหน่งอื่น เช่นมหาราชินีแห่งความน่ารัก เธอกวาดสายตามาทางรุ้ง หลบสายตาอยู่ที่หน้าเขานิดหนึ่งเพราะรู้ว่ารุ้งกำลังจ้องมองดูเธอ แล้วเธอก็มองผ่านไป เขาผลุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ กล่าวขอโทษเพื่อนร่วมโต๊ะแล้วก็เดินไปหาเธอ

เขาคำนับ ท่วงทีราวกับเจ้าชายแห่งนิยาย “ผมกระหายเกียรติยศ” เขาพูดช้าๆ “ที่จะได้เต้นรำกับคุณในเพลงแรกหลังจากรับประทานอาหารแล้ว”

“อุ๊ย” เธอร้องขึ้นด้วยความตกใจอันน่าเอ็นดู “ดิฉันเต้นไม่เป็นหรอกค่ะ รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะต้องมาเป็นคนเปิ่นที่สุดในงานนี้”

คอของรุ้งค่อยๆ อ่อนลงไป แต่เขาเผอิญสังเกตเห็นท่อนขาของเธอซึ่งเหยียดตรงและเรียวงามราวกับต้นกล้วย ความสวยของเธออยู่ที่ความมีร่างกายสมส่วนอันเป็นชื่อของเธอ ท่อนขาเช่นนี้แม้แต่ดาราเต้นรำแห่งจอเงินของฮอลลีวู้ดก็ต้องริษยา

“บอกผมว่าคุณเดินไม่เป็น” เขาเงยหน้าขึ้นพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ก่อนที่จะบอกว่าคุณเต้นรำไม่เป็น เพราะสุภาพสตรีที่...ที่มีลักษณะอย่างนี้ ชำนาญเต้นรำมากกว่าเดินเสียอีก”

“ตายจริง หาว่าดิฉันขี้ปด”

“ผมเชื่อว่าคุณเดินเพียง ๑๐ นาทีเท้าก็จะแพลงเดินต่อไปไม่ได้ แต่คุณอาจเต้นรำได้ตั้งครึ่งชั่วโมงโดยไม่เหน็ดเหนื่อย”

“โธ่ คุณ...” พลางชายตาเป็นเชิงถาม

“ผมชื่อรุ้ง จิตเกษม”

หญิงแก่ที่นั่งอยู่ใกล้เธอเอามือป้องหูแล้วถามว่า “ชื่อยุ่งหรือ?”

“คุณแม่ของดิฉันค่ะ” เธอบอกเขา และเขาก็รีบยกมือไหว้ “และนั่นคุณพ่อ นั่นพี่สมศักดิ์ นั่นยายจิ๋วสมทรงค่ะ น้องของดิฉัน” แล้วเธอหันไปหาคุณแม่ ซึ่งรุ้งทราบภายหลังว่าคือคุณหญิงเรืองฤทธิ์ฯ “ไม่ใช่ชื่อยุ่งค่ะคุณแม่ ชื่อ รุ้ง...รุ้งบนฟ้า”

สมทรงหัวเราะ รุ้งถือโอกาสนั่งลงในเก้าอี้ว่างใกล้สมทรง แล้วพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทอดสนิทกับคนทั้งหมดที่เพิ่งรู้จักใหม่นี้

นั่นเป็นการตั้งต้นแห่งมิตรภาพซึ่งงอกงามเร็วน่าอัศจรรย์ แม้ว่ามิใช่ปราศจากการขัดขวางเสียทีเดียว นักวิทยาประชาคมอธิบายว่าบุรุษเพศมีสันดานหึงหวงอิตถีลึงค์เพศในความคุ้มครองของตนอย่างรุนแรง จนเป็นต้นเหตุแห่งประเพณีหลายประการที่เกี่ยวกับการสมรสและขยายชาติพันธุ์ สมศักดิ์แสดงความรังเกียจรุ้งอย่างเปิดเผย พระยาเรืองฤทธิ์ฯ แสร้งทำเฉยเหมือนไม่เอาใจใส่ แต่จ้องดูความเคลื่อนไหวอยู่ด้วยความระแวง ถ้าหากพระยาเรืองฤทธิ์ฯ มิได้ถึงแก่อสัญกรรมลงโดยพลันด้วยโรคไข้รากสาด รุ้งอาจไม่มีโอกาสเลยที่จะได้พาสมส่วนไปเที่ยวสองต่อสอง ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาแสดงความรักต่อเธอ

คืนหนึ่งในเฉลิมกรุง ระหว่างภาพยนตร์เรื่องทาร์ซาน แสดงโดย จอนนี ไวส์มุลเล่อร์ กำลังฉายอยู่ โดยเกิดอารมณ์รักพลุ่งโพลงขึ้นจนเหลือระงับ และอาจเป็นไปได้ว่าคืนนั้นสมส่วนน่ารักกว่าเคย อีกทั้งใช้น้ำหอมที่ยั่วยวนกวนใจอยู่ตลอดเวลา รุ้งจึงจับมือของเธอโดยค่อยแตะหลังมืออย่างขลาดกลัวจนค่อยได้ใจ เพราะเธอมิได้ดึงมือหนีจึงกุมมือไว้อย่างถนัด เธอสั่นสะท้านไปทั่วร่าง คล้ายลูกนกที่ถูกนายพรานตลบข่ายคลุมเอาตัวไว้ ตระหนกตกใจแม้ว่าเป็นเพียงข่ายแห่งความรัก เขามิได้ปล่อยมือเธอ ซึ่งเย็นเฉียบและอ่อนเปียกอยู่ในมือของเขาจนกระทั่งไฟเปิด ครั้นไฟปิดแล้วก็คว้ามือเธอมากุมอีก เขาดูภาพยนตร์ไม่รู้เรื่อง และเธอก็เช่นเดียวกัน ดังที่เธอสารภาพในภายหลัง ตั้งแต่คืนนั้นมาเขาก็กลายเป็นคู่รัก และมารดาผู้คอยสังเกตการณ์อยู่ ก็ดูเหมือนจะพลอยเอออวย ความรักของเขาแม้ไหลเรียบ ก็ดูจะเป็นความรักแท้ รุ้งได้พาเธอเข้าไปในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กระทำสัตย์ปฏิญาณต่อกันเฉพาะพระพักตร์พระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตว่าทั้งสองจะต้องครองความรักโดยซื่อสัตย์จนตลอดชีวิต

หลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน และเป็นเวลาระหว่างที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ตระเตรียมการที่จะมาสู่ขอตามประเพณี ก็พอดีเกิดกบฏ รุ้งถูกจับแล้วถูกตัดสินจำคุก ความรักเป็นอันต้องร้าง นักโทษชายรุ้งได้เขียนจดหมายถึงสมส่วน ขอคลี่คลายเธอจากความผูกพันสัญญาทั้งปวง สมส่วนตอบมาด้วยถ้อยคำของวีรสตรีความว่าเป็นเด็ดขาดในชาตินี้จะไม่ขอรักใครอีก จะตั้งใจคอยเวลากว่าเขาจะได้พ้นโทษ และได้เห็นเหตุผลว่าเธอได้พบบุรุษอันประเสริฐเลิศกว่าชายทั้งปวงซึ่งสามารถเป็นผู้นำชีวิตของเธอได้ดีที่สุด แล้วไฉนเธอจะมีใจยินดีกับคนที่ต่ำกว่า เป็นคำตอบที่ชื่นใจของหนุ่มนักโทษจนทำให้เขาน้ำตาไหลกอดจดหมายไว้เหมือนกอดแก้วกัลยาณี ต่อมาอีกหกเดือนเขาได้รับจดหมายฉบับที่สองจากเธอ ถ้าหากข้อความในฉบับที่หนึ่งนั้นเปรียบได้ด้วยยาทิพย์ ฉบับที่สองนี้มันกลายเป็นยาพิษ เธอได้กล่าวเท้าความถึงการที่เขาขอคลี่คลายเธอจากพันธกรณีแห่งความรัก แล้วขอบใจเขาพร้อมด้วยสรรเสริญว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจกว้างขวาง สมควรแก่ความเป็นสุภาพบุรุษและเป็นผู้มีการศึกษาสูง แล้วเธอจึงเปิดเผยข้อความสองสามบรรทัดว่าเธอบังเอิญได้พบชายหนุ่มอีกคนหนึ่งชื่อนายอำไพ ผู้ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับรุ้งแทบทุกประการ และเดี๋ยวนี้นายอำไพก็คือคู่หมั้นของเธอ ตั้งใจจะแต่งงานกันเร็วที่สุดที่จะทำได้ ขอให้รุ้งอำนวยพรแก่เธอในฐานะพี่ชายที่น่านับถือ

รุ้งรำพึงว่าเป็นธรรมดาที่สมส่วนจะต้องปฏิบัติไปอย่างนี้ สตรีเป็นเพศที่มี “ความคิดธรรมดา” ดีกว่าบุรุษ ลินยูถังได้ให้คำอธิบายไว้อย่างน่าฟัง ซึ่งสรุปว่าความคิดธรรมดาก็คือความฉลาดรู้จักเลือกปฏิบัติในทางที่เป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิตของตน ประโยชน์แก่การดำรงชีวิตนั้นเมื่อมีความหมายลงไปอีกขั้นหนึ่งก็คืออุปกรณ์การกิน การอยู่ และการสืบพันธุ์ ถ้าหากสตรีโง่เหมือนบุรุษ ผู้ฝ่าฝืนอุปสรรคแห่งชีวิตเพื่อรักษาเกียรติยศ ประพฤติความซื่อ ถือวาจาสัตย์ และปฏิบัติบำเพ็ญความโง่เง่าอื่นๆ ชาติมนุษย์อาจสูญสิ้น หรืออย่างน้อยก็เสื่อมทรามลงกว่านี้ สตรีจำเป็นต้องฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ และคำมั่นสัญญาต่างๆ เป็นเพียงสิ่งซึ่งควรสลัดทิ้งเสียทันทีในเมื่อเกิดเป็นปัญหาแก่การดำรงชีพ เมื่อเวลาเอาจริงเอาจังกันแล้ว สิ่งอื่นจะมาสำคัญกว่าชีวิตของตนไม่ได้ทั้งนั้น ก็เพราะว่ามนุษย์จะสืบชาติกันต่อๆ ไปได้ก็ด้วยอาศัยครรภ์ของสตรี

เมื่อคิดได้ดังนี้ รุ้งก็อภัยให้สมส่วน ถึงแม้ว่าหลับลงในคืนแรกและคืนต่อๆ มาราวหนึ่งสัปดาห์ เขาละเมอร้องผวาดิ้นเหมือนถูกผู้ร้ายเอามีดกรีดควักเอาดวงใจ แต่เขาก็พยายามบังคับจิตให้เลิกคิดถึงสมส่วนจนลืมเธอได้ทีละนิด ล่วงเวลามาอีกหนึ่งปี เขาก็รำพึงว่าป่านนี้สมส่วนคงแต่งงานแล้วและกำลังมีความสุขเต็มที่ อีกปีหนึ่งเขาก็นึกถึงเธอว่าป่านนี้มิตั้งครรภ์หรืออาจคลอดแล้วก็เป็นได้ แล้วเขาก็มิได้นึกถึงเธออีก

วันนี้แหละ เมื่อกำลังจะได้พบอิสรภาพ ความระลึกถึงสมส่วนได้แทรกแซงเข้ามาในระหว่างความคิดกำลังดำเนินถึงงานอาชีพ เขาเกือบจะพูดออกมาดังๆ พร้อมกับระบายลมหายใจว่า “อนิจจาเธอแต่งงานไปเสียแล้ว” สมส่วนคงมิได้คาด และใครเล่าจะคาดถูกว่าเพียง ๔ ปีเศษเท่านั้นเขาก็ออกจากคุก ถ้าเธอคาดถูกเธอก็คงคอยเขา และถ้ากระนั้นเขาคงขยันขันแข็งมิใช่น้อยในงานอาชีพ เมื่อพบเคราะห์ร้ายมาแล้วสิบทีก็คงประสบโชคดีเข้าสักหนหนึ่ง ถ้าร่ำรวยและได้แต่งงานกับสมส่วน เขาก็คงเป็นสุขแสนสุข เขาไม่ต้องการความสุขเกินกว่านี้อีกแล้ว

“โธ่เอ๋ย ชีวิตของเรานี่ช่างบกพร่องมากมายเสียจริงๆ” เขาพึมพำคนเดียว

ดังนั้น เขาก็เห็นจะต้องแต่งงานกับขวดทดลองเสียจริงๆ แล้ว การค้นพบความลับของมันสมองนั้นจะเป็นชัยชนะอันประเสริฐ ซึ่งควรค่าแก่การเสียสละทั้งปวง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ต้องอยู่ในโลกียวิสัย รุ้งจึงถูกธรรมชาติบีบบังคับให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการสืบพันธุ์ แต่ดวงจิตของนักวิทยาศาสตร์ย่อมมีกระแสความคิดเป็นเส้นตรง พุ่งไปโดยเรี่ยวแรงยังที่หมายอันไกลตา เมื่อผูกความคิดกับสิ่งใดแล้ว ก็ยากนักที่จะเปลี่ยนแปลงตาม

มโนภาพของรุ้งนั้น ภรรยาของเขาก็คือสมส่วน เขาสามารถเห็นภาพเธอถนัดเมื่อเธอปฏิบัติหน้าที่ภรรยาในการรับแขกและอำนวยการบ้านเรือน เขาสามารถได้ยินเสียงเธอหัวเราะกับเขา สามารถรู้สึกลมหายใจของเธอที่ระรวยอยู่ที่หน้าของเขาในเวลาจุมพิต สามารถรู้สึกความสัมผัสของแขนอันนุ่มนิ่มที่จะโอบรอบคอของเขาเมื่อกอดรัดกันหลังจากแต่งงานแล้ว ภาพเหล่านี้เขารู้สึกได้ถนัดเท่ากับความจริง แต่ความรู้สึกของเขาว่าสมส่วนไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ ทำให้ภาพนึกและความรู้สึกดังกล่าวแล้วกลายเป็นความหลอกหลอนของปีศาจ อิสรภาพของเขาจะได้มาพร้อมด้วยปีศาจอันน่ากลัวนี้ และเขาไม่รู้เลยว่ามันจะหลอกหลอนรังแกเขาต่อไปด้วยความรุนแรงเพียงใด

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ