บทที่ ๒๙

“เรื่องมันเหลือเชื่อว่าจะเป็นไปได้” รุ้งนึกในใจเมื่อใคร่ครวญถึงข้อตกลงระหว่างเขากับอำนวยระหว่างเดินทางกลับบ้าน เขาไม่เคยคาดหมายเลยว่าเรื่องที่เขาเขียนขึ้นแล้วมิได้เอาใจใส่นี้จะทำให้เขากลายเป็นคนมีอันจะกินขึ้น

ที่เชิงบันไดเรือนเขาพบผ่องยืนคอยเขาอยู่ ความเบิกบานใจในโชคลาภที่จะได้รับ ประกอบกับความอิ่มใจที่ได้เห็นประพิมประภาความรักส่องจากหัวใจของอุไรวรรณทำให้เขาวิ่งเข้ากอดผ่อง แต่สีหน้าซึ่งแสดงความกระวนกระวายใจของผ่องทำให้อาการยิ้มแย้มของเขาละลายลง

“อะไรกัน ผ่อง” เขาถาม “แกทำหน้าราวกับเกิดเรื่องฆาตกรรม”

“กันมาคอยแกอยู่ที่นี่สามชั่วโมงแล้ว” ผ่องพูดเมื่อเดินขึ้นบันไดเรือนด้วยกัน “ถูกแล้วที่ว่าเกิดเรื่องฆาตกรรม มันจะเกิด...มันจะต้องเกิดแน่นอน”

รุ้งนั่งลงบนเก้าอี้เก่าๆ ของเขาตัวหนึ่ง ผ่องยังคงยืนอยู่โดยตื่นเต้นมากเกินไปจนนั่งไม่ลง

“นั่งซี แล้วเล่าเรื่องของแกไป ใครเป็นคนถูกฆ่า”

ผ่องเดินกลับไปกลับมาในห้องสองสามเที่ยวแล้วนั่งลงข้างรุ้ง “เปล่า ไม่มีใครถูกฆ่า” เขายิ้มแห้งๆ อย่างนึกละอาย “มันเป็นเพียงคำสมมติ แต่มันก็อาจเป็นจริงได้ ถ้ากันไม่สมหวังกันอาจฆ่าตัวตาย”

“สมหวังเรื่องอะไร”

“ก็เรื่องสมทรงน่ะซี กันเอาจดหมายไปให้เธอเมื่อเย็นนี้”

“โธ่ นี่หรือเรื่องฆาตกรรม ทำให้ตกใจไปเปล่าๆ”

“แกเห็นว่าความรักเป็นเรื่องไม่สำคัญยังงั้นซิ! แกช่างไม่เห็นใจกันบ้างเลย”

“แกเขียนไปว่าอย่างไร”

“โอ ยืดยาวห้าหน้ากระดาษ บอกเธอว่ากันเริ่มรักเธอตั้งแต่เห็นที่กระทรวงกลาโหม ชมว่าเธอสวยและน่ารัก แล้วก็บอกเธอว่าถ้ากันไม่ได้รับความกรุณาจากเธอ ชีวิตของกันก็จะหมดความสุข กันแทบจะพูดว่าจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ได้แต่งงานกับเธอ แต่เธอคงเข้าใจเช่นนั้น แกคิดว่ากันจะได้รับความกรุณาไหม?”

“ก็ไม่รู้น่ะซี ก็เธอตอบว่าอย่างไรล่ะ?”

“กันไม่ได้คอยรับคำตอบ พอส่งจดหมายให้เธอแล้วก็รีบลากลับ”

“ถ้าแกคอยอยู่ ป่านนี้คงรู้เรื่องแล้ว”

“กันเกรงว่าเธอจะตอบปฏิเสธ กันไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าเธอปฏิเสธ แหม รุ้ง กันรักเธอเหลือเกิน บูชาเธอเหลือเกิน กันจะทำอย่างไรดีนะจึงจะสมหวัง ช่วยแนะนำทีเถอะ”

“กันเกรง...กันไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไร? กันก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่อกหักด้วยความรักอย่างไม่มีหวัง”

ผ่องสบตารุ้ง “กันเคยนึกอยู่เหมือนกันว่าแกรักสมทรง แต่แกไม่ใช่คนที่จะรักใครจริง คนที่มีความรักจะต้องกระวนกระวายนั่งไม่ติด จะมานั่งยิ้มอย่างแกไม่ได้”

“กันก็เป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง ทำไมจะไม่รู้จักรัก แต่คนที่กันรักนั้นไม่ใช่สมทรง”

“งั้นใครล่ะ?”

“มีสตรีในนิยายผู้หนึ่งชื่อทมยันตี”

“อย่าพูดเป็นเล่นเลยน่า รุ้ง”

“กันพูดจริงๆ”

“จริงนะ แกจะช่วยกันให้ได้เธอจะได้ไหม?”

“ช่วยให้ได้เธอ! แหม ขอเสียที!” รุ้งตอบ “ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดได้ด้วยฝีมือมนุษย์ และผู้หญิงไม่ใช่ทรัพย์สำหรับยึดครอง แทนที่จะพยายามให้ได้เธอ แกควรสนใจว่าเธอนิยมชายชนิดใด แล้วก็พยายามทำตนให้เป็นชายชนิดนั้น แต่กันเกรงว่าเราจะเป็นอย่างอื่นนอกจากที่เราเป็นอยู่แล้วไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงหมดหวังในความรัก”

ผ่องจุดบุหรี่ แล้วนั่งนิ่งในท่าตรึกตรอง “จริง” เขาพูดขึ้นภายหลังที่ได้เงียบอยู่เกือบสองนาที “เราจะเป็นอย่างอื่นนอกจากที่เราเป็นแล้วไม่ได้ แต่เราต้องพยายามทุกทาง และแกก็จะต้องช่วยกันด้วย พรุ่งนี้แกจะไปหาเธอหน่อยได้ไหม เธออาจเอาเรื่องนี้มาหารือแก”

“ถ้าเธอทำเช่นนั้น กันก็จะรู้ว่าเธอไม่รักตอบ ความรักย่อมงอกงามในความลับ เบิกบานออกในอาการกึ่งปกปิด แล้วร่วงโรยในอาการเปิดเผย”

“เธอนับถือแกอย่างพี่ไม่ใช่หรือ? คำแนะนำของแกคงมีน้ำหนักบ้างไม่มากก็น้อย”

“ถ้าหากความรักเป็นเด็กตาบอดเหมือนที่กวีตะวันตกกล่าว” รุ้งพูดพลางยิ้มอย่างปลอบโยน “กันก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะจูงมือความรักรายนี้มาหาแก” แล้วรุ้งก็แสดงความคาดหมายของเขาว่า สมทรงคงมิใช่ปราศจากความสนใจผ่องเสียทีเดียว ซึ่งทำให้ความวิตกของผ่องคลายลง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ