- คำนำ
- ลายพระหัตถ์ หม่อมเจ้าหญิง พัฒน์คณนา ไชยันต์
- พระประวัติ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย
- สดุดีพระเกียรติ
- การตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย
- บันทึกเรื่องการตั้งธนาคารกลาง
- – เรื่อง การตั้งธนาคารกลาง (CENTRAL BANK)
- –– ใบแนบ 1
- –– ใบแนบ 2
- ร่างพระราชบัญญัติธนาคารชาติแห่งประเทศไทย
- บันทึกคำอธิบายร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย
- เรื่อง การบังคับธนาคารต่างๆให้มีเงินฝากในธนาคารกลาง
- – 1. Royal Commission on Indian Currency and Finance
- – 2. Sir Otto Niemeyer, (Report on Re-organization of Brazilian National Finance)
- – 3. CENTRAL BANKS. (Sir Cecil Kisch & W.A. Elkin.)
- THE BANK OF THAILAND
- การควบคุมการปริวรรตเงิน
- การควบคุมเครดิต
- การควบคุมธนาคารพาณิชย์
- เสถียรภาพแห่งค่าของเงินบาท
- เรื่อง กันเงินเฟ้อ (ANTI-INFLATION)
- เรื่องธนบัตรขาดแคลน
- – เรื่อง ธนบัตรอาจขาดมือ
- – โครงการ บัตรเงินสด
- – โครงการตัดธนบัตรเป็นสองท่อน
- เรื่อง สถานการณ์การคลังและการเงินปัจจุบัน
- – สถานการณ์คลังปัจจุบัน
- – สถานการณ์เงินปัจจุบัน
- เรื่อง อัตราแลกเปลี่ยนเงิน
- นโยบายการเงิน
- บันทึกเรื่อง การปริวรรตเงินต่างประเทศ
- – ๑๕ มกราคม ๒๔๙๕
- – ๓๑ มกราคม ๒๔๙๕
- – ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๕
- Memorandum, 28 March 1952 (2495)
- ระบบเงินตรา
บันทึก เรื่อง วิธีเงินตราไทย
สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายไทย กระทรวงการคลัง
๒๘ ตุลาคม ๒๔๘๓
ขอประทานเสนอ
ตามที่ได้บัญชาให้ทำบันทึกเสนอเรื่องวิธีเงินตราว่า ถ้าเราตัดขาดจากสเตอร์ลิงก์และไม่โยงกับเงินตราประเทศอื่นใด จะมีผลอย่างไรนั้น ขอประทานเสนอบันทึกมา ๑ ฉบับ.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
วิวัฒนไชย
----------------------------
บันทึกนี้มีความเป็นสองตอน คือ
(๑) วิธีเงินตราในเวลานี้
(๒) การเปลี่ยนแปลงวิธีเงินตราเป็นอย่างอื่น
วิธีเงินตราในเวลานี้
๑. การค้าระหว่างประเทศดำเนินด้วยอาศัย (๑) การกำหนดค่าแห่งเงินตราในประเทศเทียบกับเงินตราต่างประเทศ และ (๒) การชำระหนี้ที่มีอยู่ในประเทศหนึ่งโดยจ่ายเงินตราในอีกประเทศหนึ่ง
วิธีการที่กล่าวนี้เรียกว่าการปริวรรตเงินต่างประเทศ (foreign exchanges)
๒. การกำหนดค่าแห่งเงินตราในประเทศเทียบกับเงินตราต่างประเทศในสมัยที่ได้ระงับการใช้มาตราทองคำไว้ชั่วคราวแล้วนี้ ใช้วิธีกำหนดค่าแห่งเงินตราในประเทศเทียบโดยตรงกับเงินตราต่างประเทศ และมีทุนสำรองเป็นทองคำ และ/หรือ เงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาค่าเงินตราในประเทศให้ยืนที่อยู่เท่าที่กำหนดไว้ เช่นประเทศอังกฤษกำหนดค่าแห่งปอนด์เท่ากับ ๔.๐๓ ดอลลาร์อเมริกัน และเท่ากับ ๑๗.๗๐ แฟรงค์สวิสส์ ฯลฯ ก็มีทุนสำรอง (exchange equalisation fund) เป็นทองคำและดอลลาร์และแฟรงค์ ฯลฯ และจ่ายทุนสำรองนั้นเพื่อซื้อหรือขายดอลลาร์และแฟรงค์สวิสส์ ฯลฯ ตามค่าที่กำหนดเทีบบไว้กับปอนด์ ปอนด์จึ่งมีค่าเท่าที่กำหนดนั้นได้ สหรัฐอเมริกาก็ปฏิบัติตามวิธีการนี้
แต่ประเทศอื่นๆ ที่มิได้เป็นแหล่งกลางแห่งการเงินของโลกไม่มีการซื้อขายเงินตราสกุลต่างๆ มากมาย ก็ใช้วิธีกำหนดค่าแห่งเงินตราในประเทศเทียบกับปอนด์ (หรือดอลลาร์) และมีทุนสำรองเป็นปอนด์ (หรือดอลลาร์) เพื่อซื้อขายตามค่าที่กำหนดเทียบไว้กับเงินตราในประเทศ ด้วยอุบายนี้เงินตราในประเทศก็มีค่าเท่าที่กำหนดเทียยไว้กับปอนด์ (หรือดอลลาร์) อนึ่ง เมื่อได้โยงเงินตราในประเทศไว้กับปอนด์ (หรือดอลลาร์) เช่นนี้แล้ว เงินตราในประเทศก็มีค่าเทียบได้กับเงินตราประเทศอื่นๆ ด้วย เช่นญี่ปุ่นกำหนดค่าแห่งเย็นเทียบเท่ากับ ๐.๒๓ ๗/๑๖ ดอลลาร์ และเพราะ ๔.๐๓ ดอลลาร์ มีค่าเท่ากับ ๑ ปอนด์ เงิน ๑ เย็นจึ่งมีค่าเท่ากับ ๐.๐๕๘๑๓๒ ปอนด์ (๑ ชิลลิง ๒ เปนส์)
๓. ส่วนการชำระหนี้สินระหว่างประเทศนั้น พ่อค้าที่ส่งของไปขายในต่างประเทศย่อมต้องการเงินตราที่ใช้ในประเทศ จึ่งต้องขายเงินตราต่างประเทศที่ตนได้เป็นค่าของเพื่อรับเอาเงินตราในประเทศ ส่วนพ่อค้าที่ซื้อของจากต่างประเทศย่อมต้องการเงินตราต่างประเทศ จึ่งต้องซื้อเงินตราต่างประเทศด้วยเงินตราในประเทศ
การขายและซื้อเงินตราต่างประเทศดั่งกล่าวนี้ ย่อมอยู่ในบังคับแห่งกฎการประสงค์และการอำนวย (law of demand and supply) ขณะใดมีผู้ขายเงินตราต่างประเทศมากกว่าซื้อ ค่าของเงินตราต่างประเทศก็จะตกต่ำลง และค่าของเงินตราในประเทศจะสูงขึ้น และขณะใดมีผู้ซื้อเงินตราต่างประเทศมากกว่าขาย ค่าของเงินตราต่างประเทศจะสูงขึ้น และค่าของเงินตราในประเทศจะลดลง)
แต่ถ้าค่าของเงินตราในประเทศขึ้นๆ ลง ๆ มากอยู่เป็นนิตย์ การค้ากับต่างประเทศจะดำเนินไปไม่ได้ เพราะพ่อค้าที่ส่งของออกจะทราบไม่ได้ว่าในการขายของนั้นตนจะได้รับเงินตราในประเทศเป็นจำนวนเท่าใด และพ่อค้าที่นำของเข้าจะทราบไม่ได้ว่าในการซื้อของนั้นตนจะต้องจ่ายเงินตราในประเทศเป็นจำนวนเท่าใด การค้าจะเป็นการเสี่ยงภัยในเรื่องค่าแห่งเงินตรา
๔. เพื่อป้องกันมิให้มีการเสียหายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่เงินตราในประเทศ (รัฐบาลหรือธนาคารกลาง) จึ่งต้องป้องกันมิให้เงินตราในประเทศมีค่าขึ้น ๆ ลง ๆ มากอยู่เป็นนิตย์ การป้องกันก็ปฏิบัติตามกฎการประสงค์และการอำนวยเหมือนกัน เมื่อมีผู้ขายเงินตราต่างประเทศมากกว่าซื้อ อันจะเป็นเหตุให้ค่าของเงินตราในประเทศสูงขึ้น เจ้าหน้าที่เงินตราก็ใช้ทุนสำรองที่กล่าวในข้อ ๒ ข้างบนนี้ซื้อเงินตราต่างประเทศเข้าไว้ และในทางตรงข้ามเมื่อมีผู้ซื้อเงินตราต่างประเทศมากกว่าขาย อันจะเป็นเหตุให้ค่าแห่งเงินตราในประเทศลดลง เจ้าหน้าที่เงินตราก็ขายเงินตราต่างประเทศจากทุนสำรองนั้น
การที่เจ้าหน้าที่เงินตราซื้อขายเงินตราต่างประเทศเช่นนี้ ย่อมเป็นการทำให้การประสงค์ (demand) เสมอกันกับการอำนวย (supply) เงินตราในประเทศจึ่งมีค่ายืนที่อยูได้ การค้าก็ดำเนินได้โดยไม่มีการเสี่ยงภัยในส่วนที่เกี่ยวกับค่าแห่งเงินตรา
๕. ในประเทศไทยพ่อค้าที่ส่งของออกและได้เงินตราต่างประเทศ ก็ขายเงินนั้นให้แก่ธนาคารเพื่อรับเงินบาท และพ่อค้าที่นำของเข้าต้องใช้เงินตราต่างประเทศ ก็ซื้อเงินนั้นจากกนาคารด้วยเงินบาท
การค้าของไทยกับต่างประเทศ ส่วนมากมีอยู่กับจักรภพอังกฤษ (ดูบัญชีหมาย ๑ ท้ายนี้) และอีกประการหนึ่ง ลอนดอนเป็นแหล่งกลางอันหนึ่งแห่งการเงินของโลก การค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ นอกจักรภพอังกฤษก็มักไปชำระหนี้สินกันในลอนดอน เช่นเมื่อก่อนเกิดสงครามครั้งนี้พ่อค้าในประเทศไทยขายข้าวไปเยอรมันนี ก็ชำระหนี้สินกันเป็นปอนด์ในลอนดอน
เมื่อการค้าและการชำระหนี้สินมีลักษณะเช่นนี้ การที่ธนาคารซื้อเงินตราต่างประเทศจากผู้ส่งของออกนั้น ธนาคารก็ได้รับปอนด์ไว้เป็นส่วนมาก และเมื่อธนาคารจะขายเงินตราต่างประเทศให้แก่ผู้นำของเข้า ธนาคารก็จ่ายปอนด์เป็นส่วนมากเหมือนกัน
๖. การปริวรรตเงินต่างประเทศจัดให้มีขึ้นก็เพื่อการค้าดำเนินได้สะดวก เมื่อการค้าของไทยกับต่างประเทศส่วนมากเป็นการค้ากับจักรภพอังกฤษ การค้านั้นก็เป็นเครื่องบังคับให้กำหนดค่าแห่งเงินบาทเทียบไว้กับปอนด์ (ต่างไปจากญี่ปุ่นซึ่งมีการค้ากับจักรภพอังกฤษและสหรัฐอเมริกาพอไล่เลี่ยกัน จึ่งอาจกำหนดค่าแห่งเย็นเทียบกับปอนด์หรือดอลลาร์ก็ได้)
เมื่อไทยได้กำหนดค่าแห่งเงินบาทเทียบไว้กับปอนด์แล้ว การปฏิบัติก็เป็นไปตามทฤษฎีที่กล่าวในข้อ ๓ และ ๔ กล่าวคือเมื่อเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารซื้อจากผู้ส่งของออกมีจำนวนมากกว่าเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารขายแก่ผู้นำของเข้า ธนาคารก็นำปอนด์ที่ซื้อไว้เกินตัวนั้นมาส่งคลังแล้วรับเอาเงินบาทไป และเมื่อเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารซื้อจากผู้ส่งของออกมีจำนวนน้อยกว่าเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารขายให้แก่ผู้นำของเจ้า ธนาคารก็นำเงินบาทที่ได้จากผู้นำของเข้านั้นมาส่งคลังแล้วรับเอาปอนด์ไป
และโดยที่ธนาคารทราบแน่นอนว่าเมื่อจะขายปอนด์ให้แก่คลังหรือจะซื้อปอนด์จากคลัง คลังก็จะรับซื้อหรือขายให้ตามค่าที่กำหนดไว้นั้นเสมอไป ดั่งนี้ ธนาคารจึ่งสามารถซื้อเงินตราต่างประเทศจากผู้ส่งของออกและขายเงินตราต่างประเทศให้แก่ผู้นำของเข้าในอัตราอันยืนยงคงที่ การค้าของไทยก็ดำเนินไปได้โดยไม่ต้องมีการเสี่ยงในเรื่องค่าแห่งเงินบาท
ฝ่ายหน้าที่คลังที่รับซื้อหรือขายปอนด์ให้แก่ธนาคารอยู่เป็นนิตย์นั้นก็มีทุนสำรองไว้เป็นปอนด์ คือปอนด์ที่ซื้อไว้จากธนาคาร และอาจต้องขายให้แก่ธนาคารเมื่อไรๆ ก็ได้สุดแล้วแต่ธนาคารต้องการ
๗. อนึ่ง การค้าของประเทศไทยโดยปกติมีสินค้าขาออกมากกว่าขาเข้า (ดูบัญชีหมาย ๑) ปอนด์ที่คลังรับซื้อจากธนาคารจึ่งมีจำนวนมากกว่าที่ขายให้ธนาคาร (ดูบัญชีหมาย ๒) ปอนด์ที่ซื้อไว้เกินกว่าขายนี้คลังก็นำไปใช้จ่ายในราชการแผ่นดินได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งการอำนวยความสะดวกแก่การค้าโดยวิธีรักษาค่าแห่งเงินบาทให้ยืนอยู่เท่ากับที่กำหนดเทียบไว้กับปอนด์นั้น ย่อมเป็นทางให้รัฐบาลมีเงินจ่ายในราชการทางต่างประเทศด้วย
การเปลี่ยนแปลงวิธีเงินตราไทยเป็นอย่างอื่น
๘. ถ้าคลังจะไม่ใช้วิธีรับหรือจ่ายปอนด์ (หรือเงินตราต่างประเทศอย่างอื่นใด) แลกเปลี่ยนกับบาท ก็ได้ แต่จะต้อง (๑) ใช้วิธีรับและจ่ายทองคำแลกเปลี่ยนกับบาท หรือ (๒) ไม่รับหรือจ่ายสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับบาทเสียเลย
๙. การเปลี่ยนเป็นใช้วิธีรับและจ่ายทองคำแลกเปลี่ยนกับบาท จะเกิดผลเสียได้ดั่งต่อไปนี้ คือ
ในเวลาที่มีสินค้าขาออกมากกว่าขาเข้า ซึ่งธนาคารต้องซื้อปอนด์จากพ่อค้าเป็นจำนวนมากกว่าขาย ธนาคารจึ่งจะไม่มีเงินบาทพอจ่ายนั้น ธนาคารไม่มีทองคำจะนำมาส่งคลังเพื่อรับเงินบาท ก็เป็นอันไม่มีทางได้รับเงินบาทตามที่ต้องการ เมื่อการประสงค์ (demand) เงินบาทมีมากกว่าการอำนวย (supply) เงินบาทก็ต้องมีค่าสูงขึ้นเป็นธรรมดา หรืออีกนัยหนึ่งเมื่อธนาคารมีเงินบาทไม่พอจ่ายในการซื้อปอนด์ในอัตราเดิม ธนาคารก็ต้องลดอัตรานั้นลงไป แทนที่จะจ่ายเงน ๑๐.๘๗ บาทซื้อปอนด์ ๑ ปอนด์ ก็จะจ่ายเงินบาทน้อยกว่านั้น
เมื่อเงินบาทมีค่าสูงขึ้นเช่นนี้ ชาวนาและผู้ผลิตของอื่นๆ ย่อมจะได้เงินค่าข้าวและค่าของอื่น ๆ นั้นเป็นจำนวนลดน้อยลง และถ้าเงินบาทมีค่าสูงยิ่งขึ้นเท่าใด ราคาสินค้าไยในต่างประเทศจะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น การส่งของออกนอกประเทศอาจชะงักลงได้บ้าง ทั้งนี้ล้วนจะมีผลกระทบกระเทือนเงินรายได้ของรัฐบาลด้วย
ส่วนในเวลาที่มีสินค้าขาเข้ามากกว่าขาออกและธนาคารต้องขายปอนด์แก่พ่อค้าเป็นจำนวนมากกว่าที่ซื้อ จึ่งจะไม่มีปอนด์พอจ่ายนั้น ธนาคารก็จะเอาเงินบาทที่ได้เป็นค่าขายปอนด์มาส่งคลังเพื่อรับทองคำแล้วส่งทองคำไปขายเอาปอนด์ที่ต้องการ ทองคำที่ธนาคารขายไปนั้นคงไม่มีทางที่ธนาคารจะได้คืน เพราะเวลานี้การซื้อทองคำในประเทศต่างๆต้องถูกจำกัด จึ่งเป็นอันว่าทองคำที่คลังจ่ายนั้นคงจะไม่กลับมาอีก ทองคำที่มีอยู่จะลดน้อยลงเป็นลำดับ
๑๐. อนึ่ง ถ้าคลังเลิกรับปอนด์แลกเปลี่ยนกับบาทเสียแล้ว เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจ่ายเงินในต่างประเทศ คลังก็จะต้องเอาทองคำไปซื้อเงินตราต่างประเทศตามที่ต้องการ ซึ่งจะเป็นทางให้ทองคำที่มีอยู่ลดลงเร็วขึ้นอีก หรือถ้าคลังจะเอาเงินบาทไปซื้อเงินต่างประเทศจากธนาคาร เงินบาทนั้นธนาคารก็จะนำมาส่งคลังเพื่อรับทองคำ แล้วนำทองคำไปขายเพื่อเอาเงินตราต่างประเทศ ผลจะเท่ากับคลังเอาทองคำซื้อเงินตราต่างประเทศนั่นเอง
๑๑. ส่วนการเปลี่ยนเป็นวิธีไม่รับจ่ายสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับเงินบาทนั้นย่อมเป็นการปล่อยให้ค่าของเงินบาทเป็นไปตามกฎการประสงค์และการอำนวย เงินบาทจะมีค่าขึ้น ๆ ลง ๆ มากอยู่เป็นนิตย์ดั่งกล่าวในข้อ ๓ คือในเวลาที่มีสินค้าขาออกมากกว่าขาเข้า จึ่งมีผู้ต้องการเงินบาทจากธนาคารมากกว่าที่ขายให้แก่ธนาคาร เงินบาทก็จะมีค่าสูงขึ้น และในเวลาที่มีสินค้าขาเข้ามากกว่าขาออก จึ่งมีผู้ต้องการปอนด์จากธนาคารมากกว่าที่ขายให้แก่ธนาคาร ปอนด์ก็จะมีค่าสูงขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งเงินบาทจะมีค่าลดต่ำลง เมื่อเงินบาทมีค่าขึ้น ๆ ลง ๆ มากเช่นนี้ การค้ากับต่างประเทศจะดำเนินไม่ได้สะดวก เพราะจะต้องเสี่ยงในเรื่องค่าแห่งเงินบาท การค้าทรุดโทรมลงก็ย่อมนำมาซึ่งผลเสียอีกหลายประการทั้งแก่ราษฎรและรัฐบาล
๑๒. เพราะเหตุที่กล่าวมาแล้ว จึ่งไม่มีประเทศใดที่ปล่อยให้ค่าแห่งเงินตราของตน เป็นไปตามการประสงค์และการอำนวย หากต้องจัดหาเงินตราต่างประเทศไว้เป็นทุนสำรอง และรับหรือจ่ายเงินตราต่างประเทศนั้นแลกกับเงินตราในประเทศ เป็นการรักษาค่าแห่งเงินตราในประเทศให้ยืนที่อยู่ หรือถ้าไม่มีทุนสำรองพอแก่การรักษาค่าแห่งเงินตราไว้ได้ การค้ากับต่างประเทศก็ต้องเปลี่ยนวิถีทางไปเป็นอย่างอื่น คือจะต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้า (barter) แทนการซื้อขายกันอย่างธรรมดา และมีการอื่นๆ เป็นเครื่องประกอบไปด้วย เช่นการจำกัดสินค้าขาเข้าและการควบคุมการปริวรรตเงิน ดั่งที่เยอรมันนีปฏิบัติอยู่เป็นต้น.
วันที่ ๒๘ ตลาคม ๒๔๘๓
----------------------------
บัญชีหมาย 1
ราคาสินค้าขาออก
พ.ศ. | ราคาสินค้าขาออกทั้งสิ้น | ราคาสินค้าส่งไปจักรภพอังกฤษ | ราคาสินค้าส่งไปประเทศอื่น ๆ | ราคาสินค้าส่งไปจักรภพอังกฤษคิดเป็นส่วนร้อยของราคาสินค้าขาออกทั้งสิ้น |
บาท | บาท | บาท | ร้อยละ | |
2477 | 172,594,000 | 140,358,000 | 32,236,000 | 81.32 |
2478 | 158,218,000 | 130,397,000 | 27,821,000 | 82.42 |
2479 | 184,361,000 | 145,029,000 | 39,332,000 | 78.67 |
2480 | 169,492,000 | 144,463,000 | 25,029,000 | 85.23 |
2481 | 204,422,000 | 148,658,000 | 55,764,000 | 72.72 |
2482 | 208,267,000 | 170,403,000 | 37,864,000 | 81.82 |
ราคาสินค้าขาเข้า
พ.ศ. | ราคาสินค้าขาเข้าทั้งสิ้น | ราคาสินค้ามาจากจักรภพอังกฤษ | ราคาสินค้ามาจากประเทศอื่น ๆ | ราคาสินค้ามาจากจักรภพอังกฤษคิดเป็นส่วนร้อยของราคาสินค้าขาเข้าทั้งสิ้น |
บาท | บาท | บาท | ร้อยละ | |
2477 | 101,726,000 | 34,551,000 | 67,172,000 | 33.97 |
2478 | 108,754,000 | 34,058,000 | 74,696,000 | 31.32 |
2479 | 110,043,000 | 34,716,000 | 75,327,000 | 31.55 |
2480 | 111,824,000 | 39,705,000 | 72,119,000 | 35.51 |
2481 | 129,630,000 | 47,732,000 | 81,898,000 | 36.82 |
2482 | 191,685,000 | 130,910,000 | 63,775,000 | 67.24* |
* รวมทั้งทองคำแท่งที่สั่งจากอังกฤษ
----------------------------
บัญชีหมาย 2
บัญชีแสดงจำนวนปอนด์ (จำนวนสุทธิ)
ที่คลังรับจากและจ่ายให้ธนาคาร
พ.ศ. | ปอนด์ ที่รับจากธนาคาร | ปอนด์ ที่จ่ายให้ธนาคาร |
2477 | 4,193,000 | - |
2478 | 1,001,000 | - |
2479 | 3,051,000 | - |
2480 | 617,000 | - |
2481 | 230,000 | - |
2482 | 2,875,000 | - |