ประกาศสถาปนาพระราชวงศ์

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิดลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชอนุสรคำนึงถึงพระราชจริยานุวัตร ที่ได้ทรงประพฤติปฏิบัติเพื่อเป็นสวัสดิมงคลแก่พระบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมนเฑียรครั้งนี้ เป็นต้นว่าการบูชาพระศรีรัตนตรัย และเทพยพลี ทักษิณานุประทานอุทิศสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบุรพการี และพระราชกรณียกิจทั้งปวงก็ได้ทรงบำเพ็ญแล้ว บัดนี้ทรงพระราชปรารภถึงพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทรงพระคุณเป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศของพระราชวงศ์ และที่ได้มีพระคุณูปการมาแก่พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรจะเฉลิมพระเกียรติยศสนองพระคุณเนื่องในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามราชประเพณีซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน

...ฯลฯ...

...ฯลฯ...

...ฯลฯ...

อนึ่ง โดยที่ทรงพระราชดำริว่า หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ โอรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เดิมได้ศึกษาอักขรสมัยในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง และโรงเวียนราชวิทยาลัย ครั้นสำเร็จชั้นมัธยมปีที่ ๖ แล้ว ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นนักเรียนส่วนพระองค์ออกไปศึกษาวิทยาการ ณ ประเทศอังกฤษ ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนชั้นต้นจนถึงมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สำเร็จได้รับเกียรติปริญญาของมหาวิทยาลัยนั้น แล้วกลับเข้ามายังกรุงเทพ ฯ ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๓

ครั้นแล้วได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ดำเนินตามรอยพระบิดาซึ่งได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนี้มาแต่ก่อน เริ่มเข้ารับตำแหน่งเลขานุการกระทรวง แล้วเลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง และทำการแทนปลัดทูลฉลอง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ก็ได้ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณโดยเต็มสติปัญญาสามารถ ประกอบด้วยความอุตสาหะวิริยภาพอย่างแรงกล้า มิได้ย่อท้อ เป็นเหตุให้กิจการในหน้าที่เจริญก้าวหน้าเป็นลำดับไป จึงในปีพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรรมการองคมนตรีเป็นเกียรติยศพิเศษอีกโสดหนึ่งด้วย

ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๓ ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรและกรมสุราว่างลง ทรงพระราชดำริเห็นว่า หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยยันต์ มีปรีชาสามารถได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยดีเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งไปเป็นอธิบดีกรมสรรพากรและกรมสุรา ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ ได้รวมกรมฝิ่นและกรมสุรา เข้าเป็นกรมเดียวกันเรียกว่ากรมสรรพสามิต ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิตอีกตำแหน่งหนึ่งเป็นการชั่วคราว ซึ่งต่อมาเมื่อมีตัวอธิบดีกรมสรรพสามิตแล้ว ก็ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรแต่ตำแหน่งเดียว ซึ่งในขณะนี้จะต้องปรับปรุงการภาษีอากร ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมนี้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้รัดกุมทันสมัยเปลี่ยนจากระบบเก่ามาเป็นระบบใหม่ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ได้อุตส่าห์พยายามจัดการวางระเบียบแบบแผนวิธีปฏิบัติราชการไว้มากมายซึ่งเป็นหลักปฏิบัติการเก็บภาษีอากรตลอดมาจนบัดนี้ เมื่อได้จัดระบบการเก็บภาษีอากรในกรมสรรพากรเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว ครั้นถึงปีพุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร ก็ได้ปรับปรุงวิธีเก็บอากรศุลกากร และได้วางระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรไว้หลายอย่าง ซึ่งยังคงใช้เป็นระเบียบปฏิบัติราชการของกรมศุลกากรตลอดมาจนบัดนี้ ราชการในกรมศุลกากรดำเนินก้าวหน้าด้วยดีตลอดมา และโดยที่หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เป็นผู้ประกอบด้วยคุณวุฒิปรีชาสามารถรอบรู้กิจการต่าง ๆ ในกระทรวงการคลังเป็นอย่างดีเยี่ยมผู้หนึ่ง จึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากระทรวงการคลัง ก็ได้ปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณในหน้าที่ด้วยปรีชาสามารถเป็นผลดีแก่ราชการ และเป็นที่ยกย่องนับถือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุกคนตลอดมา

ในส่วนราชการพิเศษ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ได้รับปฏิบัติหน้าที่กิจการอันสำคัญซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นอเนกประการ กล่าวคือ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ ได้ร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เริ่มจัดตั้งสำนักงานธนาคารชาติขึ้น อันเป็นแนวทางให้ได้ตราพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นใช้เมื่อปี พุทธศักราช ๒๔๘๕ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นคนแรก ได้วางระเบียบแบบแผนและดำเนินการจนธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำรงอยู่เป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดมาจนในปัจจุบันนี้ อนึ่ง เมื่อคราวสงครามมหาเอเซียบูรพาได้อุบัติขึ้นเมื่อปลายปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ การคลังของประเทศย่อมตกอยู่ในภาวะขัดข้องยุ่งยากเป็นอย่างที่สุด ดังเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปแล้ว หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เป็นผู้หนึ่งซึ่งได้ดำเนินการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ จนผลที่สุดปรากฏว่า แม้ประเทศไทยจะต้องจ่ายเงินไปมากมาย ก็ยังได้รับทองคำตอบแทนคืนมาเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นการบรรเทาความเสียหายลงไปได้เป็นอันมาก ในปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ สงครามมหาเอเซียบูรพาได้สงบลง และมีการเปิดการเจรจาเลิกสถานะสงครามในระหว่างประเทศคู่สงคราม ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เป็นหัวหน้าคณะทูตไปเจรจาทำสัญญาเลิกสถานะสงครามกับประเทศอังกฤษ อินเดีย และออสเตรเลีย ณ เมืองแกนดี และสิงคโปร์ ในการนี้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ได้บากบั่นฟันฝ่าอุปสรรคใหญ่หลวง ดำเนินการเป็นผลดีแก่ประเทศชาติเป็นอันมาก คงปรากฏอยู่แล้ว พุทธศักราช ๒๔๘๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เดินทางไปประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เพื่อฟื้นความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่การคลังและการธนาคารในสองประเทศนั้นขึ้นใหม่ ก็ได้ปฏิบัติการอันนี้สำเร็จเป็นผลดี ต่อมาเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานรัฐธรรมนญฉบับใหม่แล้ว ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๐ ครั้งหนึ่งและเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๑ อีกครั้งหนึ่ง ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ได้เสด็จไปประชุมกับผู้แทนนานาประเทศ ในฐานะผู้ว่าการในองค์การทุนระหว่างประเทศและธนาคารระหว่างประเทศ ได้เจรจาในเรื่องการเงินบางเรื่องให้เป็นผลดีแก่ราชการ ในปัจจุบันได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา และกรรมการในสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กับทั้งยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการองค์การทุนระหว่างประเทศ และผู้ว่าการธนาคารระหว่างประเทศอยู่ด้วย

เมื่อพิจารณาถึงการที่หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ได้รับราชการมาในกระทรวงการคลังในตำแหน่งสำคัญๆ ได้ผลดีแก่ราชการโดยลำดับ ทั้งได้ปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการเศรษฐกิจแห่งชาติ มีความสามารถที่จะวางพระองค์ให้เป็นที่ยำเกรงนับถือในนานาสันนิบาตระหว่างประเทศชาติ ด้วยอาศัยสติปัญญาสุขุมรอบคอบและอัธยาศัยสุภาพอย่างยิ่ง สมที่เป็นกุลทายาทของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย พระบิดา ผู้ซึ่งได้เคยดำรงตำแหน่งเสนาบดี เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาแล้วแต่กาลก่อนนั้น และบัดนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ทรงเจริญด้วยวัสสายุกาลดำรงมั่นอยู่ในสุจริตสัมมาจารี มีความจงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่โดยปรากฏ สมควรที่จะได้รับอิสสริยยศฐานันดรศักดิ์เป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ให้เป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศแด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย พระองค์หนึ่งได้

จึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ขึ้นเป็นพระองค์เจ้า มีคำนำพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย คชนาม ทรงศักดินา ๓,๐๐๐ ตามอย่างธรรมเนียมพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทั้งปวง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลทุกประการ

...ฯลฯ...

...ฯลฯ...

ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นปีที่ ๕ ในรัชกาลปัจจุบัน.

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

นายกรัฐมนตรี

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ