เรื่องควบคุมเครดิต (ส่วนที่เกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์)

๑. ตามกฎหมายธนาคารพาณิชย์จะต้อง

ก. มีเงินสดสำรองไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๕ ของเงินฝาก เงินร้อยละ ๒๕ นี้ต้องฝากไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง

และ ข. ไม่ให้บุคคลใดกู้ยืมเงิน เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

หรือ ค. ถือพันธบัตรไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๔๐ ของเงินฝาก

อนึ่ง โดยเฉพาะธนาคารไทยทั้ง ๔ กระทรวงการคลังได้ขอร้องให้เลือกปฏิบัติตามข้อ ค. และเมื่อได้ปฏิบัติแล้วก็ย่อมได้รับยกเว้นจากข้อ ข.

๒. ในการปฏิบัติตามกฎหมายและตามคำขอร้องของกระทรวงการคลัง ธนาคารจะต้องปฏิบัติตามตัวอย่างต่อไปนี้

  บาท   บาท
เงินฝาก ๑๐๐ เงินสดสำรอง (ไม่ต่ำกว่า) ๒๕
    พันธบัตร (ไม่ต่ำกว่า) ๔๐
    เงินสำหรับให้กู้ยืมและลงทุนหาผลประโยชน์ (ไม่เกิน) ๓๕
  ๑๐๐   ๑๐๐

๓. ในเวลาใดที่ธนาคารถูกถอนเงินมากกว่าที่ได้รับฝาก

ก. ถ้าธนาคารยังมิได้ให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์ไปแล้วเต็มจำนวนร้อยละ๓๕ ธนาคารอาจใช้เงินที่คงเหลืออยู่นั้นจ่ายให้ผู้ฝากได้

หรือ ข. ถ้าธนาคารใดให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์ไปแล้วเต็มจำนวนร้อยละ ๓๕ ธนาคารก็ขอเบิกเงินเกินบัญชีได้จากธนาคารแห่งประเทศไทย โดยนำพันธบัตรมามอบไว้เป็นประกัน ดอกเบี้ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะคิดเอานั้นจะต่ำกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรร้อยละ ๑/๒

จะแสดงตัวเลขเป็นตัวอย่างดั่งต่อไปนี้

ธนาคารในกรณี ก.

(๑)

  บาท   บาท
เงินฝาก ๑๐๐ เงินสดสำรอง ๔๐
    พันธบัตร ๔๐
    เงินให้กู้ยืม ๒๐
  ๑๐๐   ๑๐๐

ถ้าธนาคาร ก. ถูกถอนเงินมากกว่าที่ได้รับฝาก เป็นต้นว่าถอน ๕๐ บาท แต่ได้รับฝากในวันนั้นเพียง ๓๐ บาท และจำนวนสุทธิที่ถูกถอนเป็นเงิน ๒๐ บาท ผลจะเป็นดั่งต่อไปนี้

(๒)

  บาท   บาท
เงินฝาก ๘๐ เงินสดสำรอง ๒๐
    พันธบัตร ๔๐
    เงินให้กู้ยืม ๒๐
  ๘๐   ๘๐

จึ่งเป็นอันว่าธนาคาร ก. ยังมีเงินสดสำรองถูกต้องตามกฎหมาย ถือพันธบัตรไม่ต่ำกว่าที่กระทรวงการคลังขอร้อง เงินให้กู้ยืมคงเดิม

ธนาคารในกรณี ข.

(๑)

  บาท   บาท
เงินฝาก ๑๐๐ เงินสดสำรอง ๒๕
    พันธบัตร ๔๐
    เงินให้กู้ยืม ๓๕
  ๑๐๐   ๑๐๐

ถ้าธนาคาร ข. ถูกถอนเงินมากกว่าที่ได้รับฝาก เป็นต้นว่าถอน ๕๐ บาท แต่ได้รับฝากในวันนั้นเพียง ๓๐ บาท และจำนวนสุทธิที่ถูกถอนเป็นเงิน ๒๐ บาท ผลจะเป็นดั่งต่อไปนี้

(๒)

  บาท   บาท
เงินฝาก ๘๐ เงินสดสำรอง
    พันธบัตร ๔๐
    เงินให้กู้ยืม ๓๕
  ๘๐   ๘๐

ซึ่งทำให้ธนาคารมีเงินสดสำรองน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ถ้าธนาคารไม่มีพันธบัตรรัฐบาลก็จะไม่มีหนทางอื่นที่จะเพิ่มเงินสดสำรองให้ถูกกฎหมายได้ นอกจากจะเรียกเงินให้กู้ยืมขึ้นเสีย ๒๐ บาท ซึ่งจะทำให้ธนาคารขาดผลประโยชน์ไปบ้าง แต่โดยเหตุที่ธนาคารถือพันธบัตรอยู่ถึง ๔๐ บาท ธนาคารจึ่งมีหนทางเพิ่มเงินสดสำรองให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ๑๕ บาท มีพันธบัตรเป็นประกัน ฐานะของธนาคารจึ่งจะเป็นดั่งต่อไปนี้

(๓)

  บาท   บาท
เงินฝาก ๘๐ เงินสดสำรอง ๒๐
เป็นลูกหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ๑๕ พันธบัตร ๔๐
    เงินให้กู้ยืม ๓๕
  ๙๕   ๙๕

จึ่งเป็นอันว่าธนาคาร ข. ยังมีเงินสดสำรองถูกต้องตามกฎหมาย ถือพันธบัตรไม่ต่ำกว่าที่กระทรวงการคลังขอร้อง เงินให้กู้ยืมคงเดิม แต่เป็นลูกหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ๑๕ บาท หนี้รายนี้ต้องเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรร้อยละ ๑/๒ ธนาคาร ข. จึงยังคงมีรายได้จากพันธบัตรอีกร้อยละ ๑/๒ ทั้งดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมนั้นธนาคาร ข. ก็จะคงได้รับอยู่ตามเดิม.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ