บันทึกว่าด้วยความจำเป็นที่ต้องควบคุมการปริวรรตเงิน

บันทึกที่ ๑๔๔/๒๔๘๙

เสนอท่านรัฐมนตรี

ท่านรัฐมนตรีได้เคยปรารภกับข้าพเจ้าว่า การควบคุมการปริวรรตเงินนั้นมีผู้ขัดข้องกันมาก ข้อนี้ย่อมเป็นความจริง แต่ในพฤติการณ์ปัจจุบันนี้ ถ้าจะรักษาค่าของบาทไว้ ให้ยืนที่อยู่ก็จำเป็นจะต้องควบคุมการปริวรรตเงิน ทางปฏิบัติเป็นอย่างอื่นหามีไม่ ข้าพเจ้าจึ่งขอเสนอบันทึกคำชี้แจงเหตุผลความจำเป็นมาเพื่อทราบ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

วิวัฒน

๓ กันยายน ๒๔๘๙

----------------------------

(๑) การดำรงไว้ซึ่งค่าปริวรรตของบาท

๑. เมื่อได้กำหนดค่าปริวรรตของบาทไว้แล้วในระดับใดระดับหนึ่ง เช่น ๕๐ บาทต่อหนึ่งปอนด์ ก็จะต้องดำรงค่านั้นไว้ให้จงได้ เพราะถ้าดำรงไว้ไม่ได้ การกำหนดก็ไร้ประโยชน์ และป่วยการกำหนด

๒. การดำรงค่าของเงินไว้นั้นต้องอาศัยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะกล่าวต่อไป วิธีการเหล่านี้แบ่งได้เป็น (ก) ปรกติ และ (ข) มิใช่ปรกติ

จะเสนอเรื่องวิธีการปรกติเสียก่อน ว่าวิธีการนั้นเป็นอย่างไร และใช้ได้ในพฤติการณ์อย่างไร แล้วจึ่งจะอธิบายถึงเรื่องวิธีการที่มิใช่ปรกติ

(๒) วิธีการปรกติสำหรับดำรงไว้ซึ่งค่าปริวรรตของบาท

๓. เมื่อก่อนสงครามได้กำหนดค่าปริวรรตของบาทไว้ในระดับ ๑๑ บาทต่อหนึ่งปอนด์ และเพื่อดำรงค่าไว้ในระดับนั้นคลังได้ซื้อและขายปอนด์ในระดับนั้นเสมอ กล่าวคือ เมื่อมีผู้มาขอซื้อปอนด์ คลังก็ขายให้ทันที ในอัตรายปอนด์ละ ๑๑ บาท และเมื่อมีผู้นำปอนด์มาเสนอขาย คลังก็รับซื้อทันทีในอัตราปอนด์ละ ๑๑ บาท ค่าของบาทจึ่งยืนที่อยู่ ๑๑ บาทต่อปอนด์ นี้เป็นวิธีการปรกติซึ่งใช้ได้ในพฤติการณ์ดังจะกล่าวต่อไป

หมายเหตุ ลายพระหัตถ์ที่ถ่ายจำลองเอามาตีพิมพ์ไว้ทั้ง ๒ หน้านี้ แสดงให้เห็นความละเอียดและละเมียดละไมในการทรงสั่งงานของพระองค์ท่าน

(๓) พฤติการณ์ที่พึงใช้วิธีการปรกติได้

๔. บรรดารายจ่ายในเมืองต่างประเทศ จะเป็นรายจ่ายของรัฐบาลหรือบุคคลอื่นก็ตาม หรือรายจ่ายในการอื่น ๆ ก็ตาม ย่อมต้องจ่ายเป็นเงินต่างประเทศ และเงินต่างประเทศนั้นมีทางได้มาก็แต่จากการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ (เงินต่างประเทศนั้นเพื่อสะดวกต่อไปจะเรียกว่า ปอนด์)

๕. เมื่อก่อนสงครามประเทศไทยส่งสินค้าออกมากกว่าซื้อสินค้าเข้า ปอนด์ที่ได้จากสินค้าขาออกจึ่งมีจำนวนสูงกว่าปอนด์ที่ต้องจ่ายเป็นค่าสินค้าขาเข้า และจำนวนที่สูงกว่ากันนั้นก็พอคุ้มรายจ่ายอย่างอื่นๆด้วย แต่ข้อที่พึงสังเกตไว้มีอยู่ว่า ที่ได้ปอนด์คุ้มรายจ่ายทั้งสิ้นนั้นหมายถึงการได้และจ่ายในระยะเวลานานนับปี มิใช่ว่าได้คุ้มรายจ่ายอยู่ทุกวันหรือทุกเดือน ในระยะเวลาหนึ่งอาจได้ปอนด์น้อยกว่าที่ต้องจ่าย เพราะมิใช่เป็นฤดูที่มีสินค้าออกไปมาก แต่อีกระยะเวลาหนึ่งอาจได้ปอนด์มากกว่าที่ต้องจ่าย เพราะเป็นฤดูส่งข้าวออกเป็นต้น

๖. ในฤดูที่ได้ปอนด์น้อยกว่าที่ต้องจ่าย ธนาคารพาณิชย์ย่อมไม่มีปอนด์พอแก่ความต้องการของประเทศ ซึ่งต้องการจ่ายปอนด์เป็นค่าสินค้าเข้าและอื่นๆ ธนาคารพาณิชย์จึ่งจำต้องนำบาทมาขอซื้อปอนด์จากเจ้าหน้าที่เงินตรา และเมื่อเจ้าหน้าที่มีทุนสำรองและขายปอนด์ให้ทันทีในอัตราที่กำหนดไว้ บาทก็มีค่ายืนที่อยู่ได้ในอัตรานั้น ครั้นเมื่อถึงฤดูที่ได้ปอนด์มากกว่าที่ต้องจ่าย ธนาคารพาณิชย์มีปอนด์เกินความต้องการแล้ว ก็นำปอนด์มาขายให้แก่เจ้าหน้าที่เงินตรา เจ้าหน้าที่ก็รับซื้อปอนด์ไว้ทันทีในอัตราที่กำหนดไว้ บาทจึงคงมีค่ายืนที่อยู่ตามเดิม และปอนด์ที่เจ้าหน้าที่ได้ขายไปก่อนนั้นก็กลับคืนเข้ามาใหม่ สำหรับไว้ใช้ใหม่ในฤดูที่ได้ปอนด์น้อยกว่าที่ต้องจ่าย

๗. ข้อความที่กล่าวมาแล้วจึงสรุปลงได้ว่า จะดำรงค่าของบาทไว้ ให้ยืนที่อยู่นั้น ในประการแรกจะต้องมีสินค้าขาออกคุ้มค่าสินค้าขาเข้าและรายจ่ายอื่นๆ ในต่างประเทศ (ซึ่งเรียกว่าการชำระเงินระหว่างประเทศเป็นดุลภาพ) และเมื่อพฤติการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าหน้าที่เงินตราจะต้องมีปอนด์เป็นทุนสำรองไว้พอเพียงด้วยเป็นประการที่สอง จึ่งจะใช้วิธีการปรกติดำรงค่าของบาทไว้ได้

(๔) ในพฤติการณ์ปัจจุบันจะใช้วิธีการปรกติไม่ได้

๘. พฤติการณ์ปัจจุบันนี้ต่างไปจากในสมัยก่อนสงคราม กล่าวคือ ความต้องการสินค้าต่างประเทศมีอยู่มากมาย คาดได้ว่าปอนด์ที่จะได้จากสินค้าขาออกนั้นจะมีจำนวนต่ำกว่าที่ต้องการจ่ายเป็นค่าสินค้าขาเข้าและรายจ่ายอย่างอื่น ๆ นั้นมาก ฉะนั้น ธนาคารพาณิชย์จึ่งจะต้องขอซื้อปอนด์จากเจ้าหน้าที่เงินตราร่ำไป และหากจะมีปอนด์มาขายให้บ้าง ก็จะเป็นจำนวนต่ำกว่าที่ต้องการซื้อนั้นอยู่มาก ถ้าจะใช้วิธีการปรกติในการดำรงไว้ซึ่งค่าของบาท เจ้าหน้าที่จะต้องถอนปอนด์จากทุนสำรองเพื่อเอามาขายเรื่อยไป และเมื่อต้องปฏิบัติเช่นนี้แล้วปอนด์ในทุนสำรองจะหมดไปในวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อไม่มีปอนด์ที่จะขายได้อีกแล้ว ก็เป็นอันหมดทางที่จะดำรงค่าของบาทไว้ได้ ผลเสียจะมีอย่างไรบ้างจะไม่พรรณนาในที่นี้

(๕) ในพฤติการณ์ปัจจุบันต้องใช้วิธีการที่มิใช่ปรกติ

๙. ได้กล่าวแล้วในข้อ ๗ ว่า การดำรงไว้ซึ่งค่าของบาทนั้นจะต้องมีสินค้าขาออกคุ้มค่าสินค้าขาเข้าและรายจ่ายอื่น ๆ ในต่างประเทศเป็นประการทีหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าจะมีสินค้าขาออกไม่คุ้ม การที่จะดำรงค่าของบาทไว้ก็ได้แต่จะต้องจำกัดการจ่ายเงินในต่างประเทศ โดยวิธีตัดทอนรายจ่ายค่าสินค้าขาเข้าและอื่นๆ ลงให้คงเหลือไม่เกินค่าสินค้าขาออก การตัดทอนเพื่อให้การชำระเงินระหว่างประเทศเป็นดุลภาพจึงเป็นกิจการขั้นแรกที่ต้องกระทำ

๑๐. อนึ่ง ได้กล่าวแล้วในข้อ ๕ ว่า การได้ปอนด์เข้ามาคุ้มรายจ่ายทั้งสิ้นนั้น หมายถึงการได้และจ่ายในระยะเวลานาน ไม่ใช่ได้คุ้มรายจ่ายทุกวันหรือทุกเดือน การจำกัดรายจ่ายเพื่อมิให้เกินกว่าปอนด์ที่ได้ก็หมายถึงระยะเวลานานเหมือนกัน ในบางขณะจึงจะต้องยอมให้จ่ายปอนด์ไปก่อนที่ได้ปอนด์เข้ามา โดยได้คำนวณไว้แล้วว่าในไม่ช้าก็จะได้ปอนด์เหล่านั้นกลับคืน อนึ่ง ปอนด์ที่จะยอมให้จ่ายไปก่อนได้นั้นต้องถอนเอามาจากทุนสำรอง ฉะนั้น จะให้จ่ายไปก่อนได้มากน้อยเพียงไรก็สุดแล้วแต่จำนวนปอนด์ในทุนสำรอง

(๖) การดำรงไว้ซึ่งค่าของบาทโดยวิธีการที่มิใช่ปรกติ

๑๑. การดำรงค่าของบาทไว้ โดยวิธีการที่มิใช่ปรกติจึงสรุปลงได้ว่า ในประการที่หนึ่งจะต้องตัดทอนรายจ่ายในต่างประเทศให้คงเหลือไม่เกินจำนวนปอนด์ที่ได้เป็นค่าสินค้าขาออก หรืออีกนัยหนึ่งคือกระทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศเป็นดุลภาพ แต่การเป็นดุลภาพนั้นหมายถึงะยะเวลานาน ฉะนั้น การปฏิบัติเป็นประการที่สองจึ่งมีอยู่ว่า ในบางครั้งคราวที่จำเป็นก็ต้องเอาปอนด์ในทุนสำรองจ่ายไปก่อน แต่จะกระทำเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นที่แน่นอนแล้วว่าปอนด์ที่จ่ายไปแล้วนั้นจะกลับเข้ามาใหม่ ทุนสำรองจึ่งจะคงเหลืออยู่สำหรับใช้ในคราวจำเป็นได้

การปฏิบัติสองประการที่กล่าวนี้คือการควบคุมการปริวรรตเงิน.

๓ กันยายน ๒๔๘๙

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ