บันทึกเรื่องสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุมัติ พ.ร.ก. ควบคุมเครดิต

๑. ด้วยสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุมัติพระราชกำหนดควบคุมเครดิตในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๖ จึ่งควรต้องพิจารณาโดยด่วนว่าการไม่อนุมัตินั้นจะมีผลอย่างไรบ้าง ในการพิจารณาข้อนี้จะต้องระลึกถึงจุดประสงค์ของกฎหมาย เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ เพราะพระราชกำหนดฉบับนั้นตกไปก็ด้วยเรื่องธนาคารพาณิชย์ ในบันทึกฉบับนี้จึงจะอธิบายจุดประสงค์ของกฎหมาย นโยบายของคลังเกี่ยวกับกฎหมายนั้น และผลของการที่สภาไม่อนุมัติให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ

(๑) จุดประสงค์ของพระราชกำหนด

๒. พระราชกำหนดฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งโครงการควบคุมเงินเฟ้อ (inflation) คือภาวะที่ราคาสินค้าทั่วไปสูงขึ้นรวดเร็วไม่มีที่สิ้นสุด หรืออีกนัยหนึ่งเงินอันเป็นปัจจัยที่จะให้ได้มาซึ่งเครื่องอุปโภคบริโภคนั้นมีค่าลดลงในการแลกเปลี่ยนกับสินค้า และยิ่งลดต่ำลงทุกที โดยไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน

๓. พระราชกำหนดนี้มุ่งหมายจะควบคุมเงินเฟ้อ โดยป้องกันการกู้ยืมเงินไปเพื่อเป็นทุนกักกันสินค้า หรือซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร หรือทำธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ของแพง การป้องกันนี้ใช้วิธี (ก) บังคับให้ธนาคารมีเงินสดสำรองไว้เท่าที่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว (ร้อยละ ๒๕ ของเงินฝาก) และ (ข) ห้ามมิให้ธนาคารให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต

๔. วิธีบังคับให้มีเงินสดสำรองนั้นย่อมจะเกิดผล ๒ ประการ คือ เมื่อธนาคารต้องมีเงินสดสำรองไว้มากพอควรแล้วเงินที่ธนาคารอาจเอาไปให้กู้ยืมได้ก็จะลดน้อยลง เช่นเมื่อต้องมีเงินสดสำรองร้อยละ ๒๕ ของเงินฝาก เงินที่จะเอาไปให้กู้ยืมได้ก็คงเหลือเพียงร้อยละ ๗๕ อีกประการหนึ่งเมื่อพิจารณาเหตุการณ์ทั่วไปก็เห็นว่าประเทศไทยอาจตกในที่คับขันยิ่งไปกว่าขณะนี้มากถ้าเกิดความปั่นป่วนในเรื่องเงิน เช่นประชาชนตกใจและพากันถอนเงินฝากที่ธนาคาร เมื่อธนาคารมีเงินสดสำรองไว้มากพอควร ธนาคารนั้นก็น่าจะทรงตัวอยู่ได้ และไม่ถึงต้องหยุดการจ่ายเงิน ซึ่งนอกจากจะเสียหายแก่ผู้ฝากเงินแล้วยังจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือในระบบธนาคารไทยด้วย ถ้าความเชื่อถืออันนี้เสื่อมเสีย การธนาคารในกาลต่อไปก็จะกลับไปตกอยู่ในมือชนต่างด้าวตามเดิม

ส่วนการจำกัดการให้กู้ยืมเงินนั้นเป็นการป้องกันเงินเฟ้อโดยตรง เพราะมีหลักว่าจะห้ามการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนกักสินค้าหรือทำการอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ของแพง แต่จะอนุญาตให้กู้ยืมกันได้เพื่อผลิตสินค้าและเพื่อการค้าขายโดยสุจริต

๕. อนึ่ง การป้องกันเงินเฟ้อนั้นมีข้อสำคัญอยู่ที่ว่า จะต้องเอาเงินจากมือราษฎรมาเข้าคลังโดยวิธีเพิ่มภาษีอากรหรือกู้เงิน เมื่อเงินมาสู่คลังโดยวิธีกู้ และรัฐบาลไม่ต้องเพิ่มภาษีอากรขึ้นอีกมาก ราษฎรก็จะไม่สู้เดือดร้อน ฝ่ายคลังได้เงินเข้ามาแล้วก็ไม่จำต้องพิมพ์ธนบัตรออกจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก และเมื่อธนบัตรออกจำหน่ายไม่เพิ่มขึ้นโดยเร็ว ระดับราคาสินค้าก็จะสูงขึ้นรวดเร็วมิได้ ในพระราชกำหนดจึ่งได้มีบทว่า ถ้าธนาคารให้รัฐบาลกู้เงินเสียร้อยละ ๔๐ ของเงินฝาก ธนาคารก็จะให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินได้โดยมิต้องรับอนุญาต เพราะเมื่อธนาคารจะต้องมีเงินสดสำรองร้อยละ ๒๕ และถ้าให้ถือพันธบัตรอีกร้อยละ ๔๐ แล้ว เงินที่จะเหลือให้บุคคลอื่นกู้ยืมได้ก็เพียงร้อยละ ๓๕ เท่านั้น

วิธีการป้องกันเงินเฟ้อโดยอุบายต้อนเงินจากมือราษฎรเข้ามาสู่คลังโดยผ่านทางธนาคารเช่นว่านี้ แม้เป็นของใหม่ในประเทศไทย ก็เป็นวิธีที่ต่างประเทศปฏิบัติอยู่แล้วในขณะนี้

(๒) นโยบายของคลังที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชกำหนด

๖. เพื่อส่งเสริมให้ได้ผลดียิ่งขึ้น กระทรวงการคลังได้ดำเนินการไปแล้วบางอย่างดังต่อไปนี้

(ก) การจ่ายเงินแผ่นดินได้พยายามให้จ่ายเป็นเช็ค และให้ความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้เช็คชำระภาษีอากร ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนฝากเงินกับธนาคาร เงินนั้นจะได้หมุนเข้ามาสู่คลังโดยธนาคารมีเงินซื้อพันธบัตรได้มาก

(ข) ได้ออกพันธบัตรทองคำกู้เงิน ๓๐ ล้านบาท และพันธบัตรเงินกู้อุตสาหกรรม ๑๘ ล้านบาท พันธบัตรเหล่านี้ได้คาดไว้ว่าจะจำหน่ายได้หมด เพราะนอกจากธนาคารต่างๆ แล้วก็ยังมีองค์การอื่นๆ ที่มีเงินและจะต้องซื้อพันธบัตรตามพระราชกำหนด

(๓) ผลของการไม่อนุมัติพระราชกำหนด

๗. เมื่อพระราชกำหนดฉบับนี้ไม่ได้เป็นพระราชบัญญัติแล้ว ก็เห็นว่าจะมีผลเสียหายดั่งต่อไปนี้

(ก) ธนาคารและองค์การอื่น ๆ เช่นบริษัทประกันภัย ฯลฯ ย่อมจะให้กู้เงินได้โดยเสรี ก็อาจมีผู้กู้เงินไปกักกันสินค้าและทำการอื่นๆ อันเป็นเหตุให้ของแพง

(ข) ถ้าธนาคารและองค์การอื่น ๆ ไม่ให้รัฐบาลกู้เงิน เงินที่จะมีเป็นทุนให้บุคคลอื่นกู้ยืมได้ก็ย่อมจะมีจำนวนมากขึ้น การกู้เงินเพื่อกักกันสินค้า ฯลฯ ที่กล่าวแล้วก็อาจจะมีได้มากขึ้น

(ค) ถ้ารัฐบาลกู้เงินได้น้อยและไม่อาจเพิ่มภาษีอากรขึ้นได้อีกมาก ก็จำเป็นจะต้องจำหน่ายธนบัตรเพิ่มขึ้นอีกจึงจะมีเงินพอจ่าย เมื่อมีธนบัตรจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นโดยเร็วก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เงินยิ่งเฟ้อขึ้นไป อีกประการหนึ่ง เวลานี้เราจำต้องจำหน่ายธนบัตรออกไปเพื่อการทหารญี่ปุ่นปีหนึ่งนับร้อยล้าน หากไม่สามารถดึงเอาธนบัตรเหล่านี้กลับเข้าคลังโดยวิธีกู้เงินหรือเก็บภาษีอากรก็เป็นข้อที่น่าวิตกอย่างยิ่งในเรื่องเงินเฟ้อ

(ง) การปล่อยให้กู้ยืมเงินกันได้โดยเสรีนั้น เปิดทางให้ชนต่างด้าวได้ประโยชน์ดียิ่ง เพราะธนาคารที่มีเงินจะให้กู้ยืมได้มากที่สุดก็เป็นธนาคารต่างด้าว พ่อค้าที่เป็นผู้สั่งของเข้ามาได้ก็เป็นชนต่างด้าว จึ่งมีโอกาสกักของได้ก่อนพ่อค้าไทย ถ้าเงินเฟ้อมีอาการรุนแรงประชาชนชาวไทยก็เป็นผู้เสียหาย ฝ่ายธนาคารไทยซึ่งทำการได้โดยเสรีแม้จะได้ประโญชน์บ้างก็จะน้อยกว่าธนาคารต่างด้าว เพราะมีกำลังเงินน้อยกว่าเขา

๘. การไม่อนุมัติพระราชกำหนดย่อมเปิดโอกาสให้บางธนาคารทำธุระโดยไม่ระมัดระวัง คือถ้ามุ่งแต่จะเอาดอกเบี้ยเงินกู้

ให้ได้มาก ก็อาจจะให้กู้ยืมเงินไปมากมาย เงินสดสำรองจะเหลือน้อย ถ้าเหตุการณ์เข้าที่คับขันจริง ถึงแก่ผู้ฝากพากันถอนเงิน ธนาคารนั้นจะต้องปิดและจะเสียหายแก่ผู้ฝากเงิน ทั้งเสื่อมเสียแก่ระบบการธนาคารไทยด้วยดั่งกล่าวแล้ว สำหรับบางธนาคารที่ไม่ระมัดระวังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่มีทางช่วยเหลือได้เมื่อจำเป็น เพราะเมื่อควบคุมไว้แต่ต้นมือไม่ได้ เมื่ออาการหนักเสียแล้วก็อาจจะเยียวยาไม่ได้เหมือนกัน.

๖ สิงหาคม ๒๔๘๖

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ