- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๓๕
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ตั้งแต่เสร็จการวิวาห์ในธานี | ภูมีสุขเกษมเปรมใจ |
ด้วยพระมเหสีทั้งเก้าองค์ | ฝูงอนงค์กำนัลน้อยใหญ่ |
แต่ระเด่นจินตะหราทรามวัย | นางมิได้มาเฝ้าสักเวลา |
พระแจ้งใจในนางโฉมตรู | ยังเคืองข้องแค้นอยู่นั้นหนักหนา |
จำจะไปไกล่เกลี่ยพูดจา | ให้หายโกรธาเสียสักที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางตรัสแก่บุษบา | พี่จะลาแก้วตามารศรี |
ไปหาจินตะหราวาตี | เทวีอย่าระคางหมางใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาค้อนขัดอัชฌาสัย |
มาบอกความใครห้ามมิให้ไป | จะแกล้งให้เขาว่านินทากัน |
น้องนี้เจียมตนเป็นพ้นคิด | ที่จริงจิตอยากจะใคร่ให้ผายผัน |
เชิญเสด็จภูธรจรจรัล | ทรงธรรม์อย่าถวิลกินใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีชอบอัชฌาสัย |
พระโลมลูบปฤษฎางค์นางทรามวัย | เจ้าดวงใจของพี่ผู้ยอดรัก |
ตรัสพลางทางทรงเครื่องหอม | แพรย้อมมะเกลือดำร่ำหนัก |
หอมตรลบอบองค์ทรงสะพัก | เสด็จตรงมาตำหนักกัลยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เข้าห้องสุวรรณชั้นใน | นั่งบนเตียงเคียงไหล่จินตะหรา |
จึงกล่าวเกลี้ยงเลี่ยงตอบวนิดา | ด้วยสุนทรวอนว่าให้อาลัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ดวงเอยดวงสมร | อย่าเคืองค้อนแค้นจิตคิดสงสัย |
ด้วยตัวพี่มีกรรมจึงจำไกล | อรไทอย่าระคางหมางเมิน |
พี่ตั้งจิตคิดมาหาน้อง | อย่าขุ่นข้องแค้นระคางให้ค้างเขิน |
ตรัสพลางสัพยอกหยอกเอิน | อย่าสะเทินเหินห่างอยู่อย่างนั้น |
พระกรกอดสอดรัดกระหวัดไว้ | นางปัดกรค้อนให้แล้วผินผัน |
พระปราศรัยไขว่คว้าเป็นเชิงชั้น | ทรงธรรม์วอนว่าให้อาลัย |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราแค้นขัดอัชฌาสัย |
มิได้ตอบพจมานประการใด | นางเมินพักตร์ผลักไสไม่ไยดี |
ฯ ๒ คำ ฯ
โลม
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏไม่เห็นหัวอกพี่ |
รักเจ้าเท่าเทียมดวงชีวี | จงปรานีพี่บ้างนางน้องรัก |
ตรัสพลางลูบไล้ไขว่คว้า | อุยหน่าหยิกเจ็บเล็บจะหัก |
ว่าไม่ฟังจริงจริงเจียวนงลักษณ์ | นี้ก็หักมือไม้ให้ร้องอึง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จินตะหรายังพิโรธโกรธขึ้ง |
คอยสะบัดปัดกรกระบอนกระบึง | หยิกทึ้งข่วนซ้ำทำท่วงที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
เห็นนางแค้นขัดตัดไมตรี | ไม่มีเมตตาอาลัย |
จะไค้แคะและเล็มเห็นเต็มติด | จนจิตคิดขัดอัชฌาสัย |
จะนั่งนิ่งเนิ่นนานรำคาญใจ | ภูวไนยเสด็จกลับมาฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงมนเทียรที่สถาน | อันโอฬารพรรณรายฉายฉัน |
เข้าห้องบุษบาลาวัณย์ | ทรงธรรม์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ |
อยู่อยู่แล้วก็จู่ไคลคลา | ไปหาจินตะหรามารศรี |
เป็นหลายครั้งตั้งใจไม่ไยดี | ภูมีเคืองพระทัยไม่จรจรัล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาสาวสวรรค์ |
ครั้นรุ่งรางสร่างศรีรวิวรรณ | แสงจันทร์ลับพื้นอัมพร |
จึงสระสรงทรงเครื่องอำไพ | งามวิไลดังเทพอัปสร |
พร้อมด้วยฝูงอนงค์นิกร | บทจรขึ้นเฝ้าพระชนนี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงสุวรรณปราสาท | อันโอภาสจำรัสรัศมี |
ยอกรถวายอัญชลี | ด้วยความยินดีปรีดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางประไหมสุหรีดาหา |
เห็นราชบุตรีขึ้นมา | กัลยาจึงตรัสไปทันใด |
เป็นไฉนอะหนะบุษบา | จะพลอยให้ขายหน้าเขาว่าได้ |
หนักเบาเจ้าก็รู้อยู่เต็มใจ | ช่างนิ่งเสียได้ไม่เจรจา |
จะเตือนอิเหนาก็เป็นไร | ให้ไปหาระเด่นจินตะหรา |
เมื่อทิ้งเสียมิได้ไปมา | จะให้เขานินทาเป็นราคี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบามารศรี |
ชลเนตรคลอเนตรนางเทวี | จึงชลีกรสนองไปทันใด |
ลูกได้ทูลเตือนเป็นหลายครั้ง | กะกังเคืองขัดอัชฌาสัย |
เมื่อพระไม่เสด็จคลาไคล | ก็จนใจเป็นพ้นคณนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีดาหา |
จึงตอบอะหนะบุษบา | ช่างว่าฉันใดดังนี้ |
ไม่รู้หรือว่าผัวของเขา | จะชิงเอาไว้ได้ไม่บัดสี |
เสียชาติเสียวงศ์พงศ์พี | เสียศักดิ์ไม่มีความอาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาโฉมฉาย |
น้อยใจชลนัยน์ฟูมฟาย | นางถวายบังคมคลาไคล |
เดินตรงเข้าห้องไสยา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
ไม่ควรเป็นหรือมาเป็นเช่นนี้ไป | นางพิไรครวญคร่ำร่ำโศกี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ไม่สบายมาหลายราตรี | วันนั้นภูมีลีลา |
ไปหากันจะหนาดวงสมร | จนทินกรเลื่อนลับพฤกษา |
ราตรีเข้าที่นิทรา | ด้วยองค์วนิดาเยาวมาลย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม
๏ แต่คลึงเคล้าเฝ้าชมสมสอง | จนอุทัยไขส่องฉายฉาน |
จึงสระสรงทรงเครื่องอลงการ | ภูบาลตรัสสั่งกัลยา |
พี่จะเข้าไปเฝ้าพระชนนี | องค์ประไหมสุหรีดาหา |
สั่งเสร็จพระเสด็จไคลคลา | เข้ามายังปราสาทรูจี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวาท | แทบบาทองค์ประไหมสุหรี |
เฝ้าอยู่กลางอนงค์นารี | ภูมีไม่ว่าประการใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
เห็นอิเหนามาเฝ้าก็เคืองใจ | อรไทจึงมีวาจา |
ดูก่อนนัดดาช่างทำได้ | เหตุใดตัดรักจินตะหรา |
หลงอยู่มิได้ไปมา | จะให้เป็นฉันทาราคี |
เขาจะว่าบุษบานี้แสนชั่ว | หวงผัวเขาไว้ไม่บัดสี |
ซึ่งเจ้าทิ้งเขาเสียดังนี้ | จินตะหราวาตีจะน้อยใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีบังคมไหว้ |
จึงทูลสนองไปทันใด | พระชนนีจงได้เมตตา |
อันนางจินตะหรานงลักษณ์ | ลูกรักก็ได้ไปหา |
นางตัดเยื่อใยไม่เจรจา | แต่พักตราจะดูก็ไม่มี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
จึงตรัสตอบอิเหนาไปทันที | เจ้านี้เห็นชายจะดีครัน |
เขาจึงดูหน้าไม่พาที | ต่อจะมีสิ่งขัดเป็นข้อขัน |
แต่นี้ไปแม้นไม่จรจรัล | งอนง้อนางนั้นให้ไยดี |
ก็จะพรากบุษบาลาวัณย์ | มิให้เห็นหน้ากันทั้งสองศรี |
ครั้นมิว่าโดยธรรม์ประเพณี | ข้างนี้ลูกนั่นก็หลานรัก ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ |
ได้ฟังเร่าร้อนฤทัยนัก | ก้มพักตร์ไม่ตอบพระวาจา |
ทั้งรักทั้งเกรงเป็นสุดคิด | ทั้งผิดใหญ่หลวงเป็นหนักหนา |
จึงยอกรประนมบังคมลา | มายังบุษบานารี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ นั่งลงแล้วเล่าความใน | ตามคำองค์ประไหมสุหรี |
น้องรักค่อยอยู่จงดี | วันนี้พี่จะลาคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาปัดกรแล้วค้อนให้ |
ใครหวงแหนไว้มิให้ไป | เชิญเสด็จภูวไนยให้สำราญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ |
รับขวัญบุษบายุพาพาล | แล้วภูบาลเสด็จมาสรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด
๏ ทรงกระแจะเจือจันทน์คันธรส | แป้งสดหอมฟุ้งจรุงศรี |
ทรงภูษาฉีกวิลาดชาติดอกดี | พวงมาลีสวมหัตถ์ทัดยาดม |
ทรงบุหรี่ใส่จันทน์ประจงจุด | แล้ววางชุดลงไว้ในพานถม |
เสด็จออกจากห้องพระบรรทม | หวังชมจินตะหราพลางคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฝรั่งรำเท้า
ร่าย
๏ กรายกรอ่อนระทวยนวยนาด | ขึ้นปราสาทแก้วมณีศรีใส |
เข้าห้องจินตะหรายาใจ | สนมในน้อยน้อยถอยออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ นั่งแนบแอบชิดสะกิดสะเกา | นี่แน่เจ้าจริงจังดังพี่ว่า |
พี่รักเจ้าเท่าเทียมดวงชีวา | แต่วาสนาอาภัพลับเหมือนปูน |
อุตส่าห์มางอนง้อที่ข้อผิด | ยังเบือนบิดจะให้ไมตรีสูญ |
อย่าเคืองขัดตัดใจให้อาดูร | จงเพิ่มพูนประดิพัทธ์กำหนัดใน |
ว่าพลางทางชมเชยพักตร์ | เอ็นดูเถิดน้องรักอย่าผลักไส |
ก่นแต่หยิกตีพี่ยาไป | เอออะไรว่าไม่ฟังน่าชังจริง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราเคืองค้อนแสนงอนหญิง |
คอยสะบัดปัดกรอ่อนพริ้ง | นางนิ่งนั่งเมินเขินขวยอาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โลม
๏ ดวงเอยดวงยิหวา | เฝ้าเคืองข้องพี่ยาไม่เหือดหาย |
พี่จะเล่าแต่ต้นไปจนปลาย | โฉมฉายคอยฟังสัจจังเจียว |
มีรับสั่งสมเด็จพระบิดา | ให้พี่ตามบุษบาในป่าเปลี่ยว |
ละนางร้างรักไว้ผู้เดียว | กระสันเสียวถึงเจ้าทั้งเช้าเย็น |
ครั้นเสร็จสรรพรับน้องมาครองสวาท | นุชนาฏน้อยจิตไม่คิดเห็น |
แสนลำบากยากเหลือเหื่อกระเด็น | ไม่วางเว้นราชการท่านใช้เลย |
จึงมิได้กลับไปเมืองหมันหยา | เพราะเป็นกรรมทำมาดอกน้องเอ๋ย |
ตั้งแต่นี้ดีกันเสียฉันเคย | จงปรายเปรยเปรมปรีดิ์กับพี่ยา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราแค้นขัดสหัสสา |
แต่อดกลั้นคันปากอยากพูดจา | จึงตอบรสพจนาวาที |
พระต้องตามหาคู่ตุนาหงัน | ยังจะมาพัวพันอยู่ที่นี่ |
เชิญเสด็จภูธรจรลี | ไปสมศรีที่พงศ์วงศ์เทวา |
น้องนี้ต่ำศักดิ์รักตัว | ทั้งคิดกลัวจะได้อายขายหน้า |
ถ้าพระองค์ยังทรงพระเมตตา | อย่าอยู่ช้าเชิญไปให้สำราญ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โลม
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | ไม่พอที่ว่ากล่าวให้ร้าวฉาน |
ตัวพี่ไปใจคะนึงถึงนงคราญ | พี่ว่าขานทั้งนี้มีแต่จริง |
ก่นแต่ขับไล่ไปทีเดียว | เจ้าหยิกซ้ำช้ำเขียวเจียวยอดมิ่ง |
เสียแรงได้ง้องอนวอนวิง | เฝ้าแต่ชิงชังพี่ไปทีเดียว |
ตรัสพลางอิงแอบแนบชิด | จุมพิตกรสอดกอดเกี่ยว |
พระเชยแก้มแนมนมกลมเกลียว | อุยหน่าขาเขียวไปสิ้นแล้ว ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราเคืองข้องไม่ผ่องแผ้ว |
นางปัดกรค้อนคมข่วนเป็นแนว | เชิญเสด็จคลาดแคล้วคลาไคล |
ปานนี้บุษบามิบ้าบ่น | จะปะปนคนชั่วให้มัวไหม้ |
อย่าเฝ้าเซ้าซี้พิรี้พิไร | ขัดใจนิก็หยิกให้ยับเยิน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีนึกขวยเขิน |
นางกล่าววาจาว่าก้ำเกิน | ภูมีม่อยเมินเดินออกมา |
พระทัยฉุนขุ่นข้องหมองจิต | ให้แค้นคิดเคืองขัดสหัสสา |
จึงเสด็จลีลาศยาตรา | กลับมาขึ้นตำหนักสำนักใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เข้าห้องบุษบายุพาพักตร์ | นั่งแนบนงลักษณ์ด้วยรักใคร่ |
แล้วเล่าความแต่ต้นจนปลายไป | ทีนี้ไม่ขอเห็นคนเช่นนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบามารศรี |
ได้ฟังพระภัสดาพาที | เทวีตอบรสพจนา |
เมื่อแรกเริ่มเดิมไซร้ใครใช้เล่า | จึงไปเฝ้าสมสู่อยู่หมันหยา |
บัดนี้นี่ใครให้เจรจา | เขาจะค่อนนินทาสารพัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีตอบนางจอมขวัญ |
พี่ก็ได้ไปแล้วเป็นหลายวัน | นางนั้นหยิกข่วนทำลวนลาม |
อุตส่าห์ไปไกล่เกลี่ยว่ากล่าว | นางพูดจาก้าวร้าวหยาบหยาม |
พี่เกรงตรึกนึกประหวั่นครั่นคร้าม | นี่แน่งามอยู่ดอกหรือมือเป็นริ้ว |
ว่าพลางทางทำยียวน | ให้นิ่มนวลได้แคะแกะสิว |
พระก่ายเกยเชยปรางนางหักนิ้ว | พลิกพลิ้วสรวลสันต์จำนรรจา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โลมปี่พาทย์
๏ เมื่อนั้น | ระตูปันจะรากันเชษฐา |
ระตูปักมาหงันอนุชา | กษัตรายี่สิบเอ็ดเวียงชัย |
แต่มาช่วยแต่งการสยุมพร | ในนครกาหลังกรุงใหญ่ |
อันโอรสธิดายาใจ | ก็ไปมาหากันอยู่อัตรา |
ต่างโอวาทราชบุตรแลบุตรี | ด้วยใจรักภักดีเสนหา |
อยู่มาคำนึงถึงพารา | จะอยู่ช้าเกรงจะเกิดภัยพาล |
จึงปรึกษาพร้อมกันทุกองค์ | สระสรงทรงเครื่องฉายฉาน |
พากันบทจรมิทันนาน | ขึ้นเฝ้าพระผู้ผ่านธรณี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวันท์ | ทูลศรีปัตตาหวันทั้งสี่ |
อีกองค์ระเด่นมนตรี | อันมีอานุภาพมหิมา |
แต่ข้ามาทูลบทมาลย์ | พระผู้ผ่านพิภพนาถา |
กำหนดได้สามเดือนตรา | แต่เสร็จการวิวาห์ก็หลายวัน |
ขอลาพระองค์ผู้ทรงเดช | คืนไปนัคเรศเขตขัณฑ์ |
ถึงปีจะมาบังคมคัล | ถวายบรรณาการนานา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่พระองค์วงศ์อสัญแดหวา |
ฟังระตูทั้งปวงทูลลา | ก็ปรีดาในราชหฤทัย |
จึงตรัสอำนวยอวยพร | ดัสกรอย่าต้านทานได้ |
ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย | อันตรายสิ่งใดอย่ารู้มี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
จึงมีสุนทรวาที | แก่กษัตริย์ธิบดีทุกพารา |
ซึ่งท่านจำนงจงรัก | ภักดีขอบใจเป็นหนักหนา |
จะกลับไปไพรีอย่าบีฑา | จงบำรุงไพร่ฟ้าให้สำราญ |
แม้นข้าศึกย่ำยีนัครา | จงบอกมาจะไปช่วยหักหาญ |
มิให้เดือดร้อนรำคาญ | ด้วยการณรงค์ชิงชัย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูทั้งผองก็ผ่องใส |
ก้มเกล้ารับพรท้าวไท | รับสั่งภูวไนยด้วยยินดี |
จึงกราบถวายบังคมลา | ทั้งสี่ปัตหราเรืองศรี |
ต่างสั่งโอรสแลบุตรี | แล้วมาที่ประชุมทัพฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ต่างขึ้นรถรัตน์อัสดร | คลายคลี่นิกรพลขันธ์ |
รอนแรมโดยทางพนาวัน | แยกกันไปยังพารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์นาถา |
จึงทูลเชิญทั้งสองพระพี่ยา | ไปประพาสคูหาให้สำราญ |
ชื่อว่าปันจะหราคิรี | มีทั้งที่เทวสถาน |
เป็นหลักกาหลังมาช้านาน | ศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญมหิมา |
อยู่ริมฝั่งฟากทะเลทราย | รอบรายล้วนพรรณบุหงา |
เคยไปสักการะบูชา | ล่าไล่มฤคามาแต่ไร |
บัดนี้จะไปพลีกรรม์ | เทวัญสถิตกุหนุงใหญ่ |
เมื่อครั้งศึกจะมาหราได้ว่าไว้ | ให้มีชัยชนะแก่ไพรี |
จะแก้บนเนื้อเบื้อแลกระทิง | ทั้งมหิงส์เขาสุวรรณให้ถ้วนถี่ |
อีกทั้งดุริยางค์ดนตรี | จะมีบวงสรวงให้ครบครัน |
อนึ่งซึ่งโอรสแลนัดดา | ได้ทำการวิวาห์เฉลิมขวัญ |
น้องจะพาออกไปบังคมคัล | ตามจารีตเทวัญแต่ก่อนมา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองพระบรมเชษฐา |
ครั้นได้ฟังพระอนุชา | แสนโสมนัสสาในพระทัย |
ซึ่งเจ้าจะไปไหว้วันทา | องค์ปะตาระกาหลาเป็นใหญ่ |
จะใช้บนให้สิ้นมลทินใน | ฝ่ายพี่ก็จะไปให้พร้อมกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
จึงตรัสสั่งยาสาเสนาพลัน | ให้เตรียมพลขันธ์ตามตำรา |
ทั้งสัตว์สิงสิ่งละพันเครื่องบวงสรวง | จงสั่งกันทุกกระทรวงให้พร้อมหน้า |
ให้อิเหนากับระเด่นสียะตรา | เป็นทัพหน้านำพลสกลไกร |
ให้สุหรานากงพงศ์กษัตริย์ | กับกะหรัดตะปาตีศรีใส |
ให้เป็นทัพหลังรั้งพลไป | เตรียมไว้ให้พร้อมบัดนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งใส่เกศี |
ถวายบังคมคัลอัญชลี | ออกมานั่งยังที่ทิมชาววัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ให้เสมียนเขียนหมายรายบอก | ทั้งข้างในข้างนอกตามรับสั่ง |
ใช้ทนายวิ่งไปในคลัง | สั่งให้ตั้งเครื่องพลีที่ประทับ |
พวกตำรวจรองงานการมาก | เร่งเบิกจากในกลางคืนสักหมื่นตับ |
ล่วงไปมุงหลังคาฝาเฝืองยับ | ทำห้องหับนอกในเสียให้ดี |
เกณฑ์เลกข้าเจ้าที่เฝ้าศาล | ให้ถากทายดายลานเผาจี่ |
ทำให้เสร็จจะเสด็จพรุ่งนี้ | ในเพลาราตรีนี้ให้แล้ว ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กำนัลในทั้งผองผ่องแผ้ว |
ดีใจจะได้ไปเหมือนคราวแล้ว | ก็ชวนกันคลาดแคล้วลงไปเรือน |
บ้างรื้อไข้หาตะไกรจะตัดผม | มันไม่คมเดือดใจไปหาเพื่อน |
เขาไม่ให้เฝ้าสำออยตะบอยเตือน | ให้แล้วเหมือนทำบุญคุณมากมาย |
ที่ขัดสนจนไร้ไม่มีเพลาะ | เที่ยวปะเหลาะซุกซุนขวนขวาย |
บ้างถ่ายของต้องเถียงกันวุ่นวาย | เขาคิดปลายดอกเบี้ยเสียรายวัน |
บ้างไขตู้กระจกยกถาดหมาก | เครื่องนากออกมาขัดจัดสรร |
หวีกระจกซ้อนใส่ไปในนั้น | ของสำคัญจะได้ส่องทำนองเรา |
บ้างเปิดหีบจัดจีบห่มนอนตาด | เห็นรอยขาดอยู่นิดติดจะเก่า |
ยังอีกผืนเยียรบับซับจินเจา | แต่ว่าเขายืมไปให้บ่าวทวง |
บ้างมีเพื่อนชอบอารมณ์ชมชิด | จะต้องไปใจจิตคิดเป็นห่วง |
จะเริศร้างห่างรักหนักทรวง | นั่งง่วงกอดเข่าเฝ้าทุกข์ |
ที่ไม่มีเพื่อนเตือนแต่งตัว | หวีหัวแต่ดึกนึกสนุก |
ร้องเรียกบ่าวไพร่ให้ลุก | ที่หัวจุกเร่งเกล้าเช้าไม่ทัน |
พนักงานเชิญเครื่องมาเนืองแน่น | ตั้งบนแท่นริมประตูดูเป็นหลั่น |
มหาดเล็กเด็กชาเข้ามาพลัน | ตรวจกันกลัวจะหายจดหมายไว้ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีน้อยใหญ่ |
แต่สองยามย่ำฆ้องกลองชัย | เข้ามาในราชวังตั้งกระบวน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ จัดเป็นพยุหบาตรประพาสป่า | กองหน้าพลรบครบถ้วน |
ถือธงเรียงรายปลายทวน | แต่ล้วนใส่เสื้อปัศตู |
พลเขนถือเขนเขียนทอง | ใส่เสื้อสีตองเดินเป็นคู่ |
บ้างใส่เสื้อม่วงมือถือธนู | มลายูถือหอกปลอกทอง |
พลง้าวถือง้าวขาวปลาบ | ใส่เสื้อเขียวขาบแขนปล้อง |
ทนายปืนพื้นเสื้อดำทั้งกอง | ลูกดินหินสำรองสองสำรับ |
เอารถามาเตรียมเทียมเทียบ | โดยระเบียบตามหลั่นเป็นอันดับ |
รถสนมกรมในคั่งคับ | คอยรับเสด็จพระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่กษัตริย์ปัตหรารังสรรค์ |
ครั้นรุ่งรังสีรวีวรรณ | ก็จรจรัลไปสรงชลธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ต่างชำระสระสนานสำราญสกนธ์ | ทรงสุคนธ์ปนทองผ่องศรี |
สอดใส่สนับเพลาอย่างดี | ภูษาทรงนุ่งหยี่สีต่างกัน |
สอดทรงฉลององค์โหมดตาด | เจียระบาดปั้นเหน่งสายกระสัน |
ตาบทิศสร้อยสนสังวาลวรรณ | ทองกรกุดั่นฝังพลอย |
ต่างทรงธำมรงค์เรือนครุฑ | กุณฑลมงกุฎกรรเจียกห้อย |
อุบะทำด้วยเพชรเม็ดไม่น้อย | เหน็บกริชสายสร้อยกระสันองค์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จเสด็จจรลี | ต่างชวนมเหสีนวลหง |
ยุรยาตรนาดกรมาเกยทรง | ฝูงอนงค์นางในไสวมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ขึ้นเกยชาลาหน้าปราสาท | ต่างองค์ทรงราชรถา |
จึงสั่งให้เคลื่อนพยุหโยธา | ออกจากทวาราเวียงวัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กลองโยน
โทน
๏ รถเอยรถทรง | ดุมวงวิจิตรปิดทองปะหัง |
เทพประนมรายเรียงรอบบัลลังก์ | มีกระจังฝังพลอยพรอยพราย |
แอกงอนอ่อนงามปลายสะบัด | เทียมกัณฐัศว์ชักรถผันผาย |
รถประเทียบเป็นระเบียบเรียบราย | ตามกันดังสายธารา |
เครื่องสูงหักทองขวางกวางตุ้ง | สำหรับใช้ไปกุหนุงปันจะหรา |
ฆ้องกลองกึกก้องอรัญวา | ตำรวจซ้ายขวาแห่เป็นทิว |
บ้านกำนันรายทางวางของถวาย | แจกจ่ายเกณฑ์แห่ให้แก้หิว |
ทุ่งกว้างทางไกลแลตะลิว | บ้างหาบหิ้วน้ำท่าหาไปกิน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ เข้าดงพระยาไฟใจพรั่น | พื้นพรรณยูงยางอยู่หว่างหิน |
พ่างพื้นปัถพีไม่มีดิน | เป็นถิ่นศิลาลาดสะอาดตา |
ลางแห่งเป็นห้วยเหวธาร | ดูสนุกสนานนักหนา |
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา | ธารท่าชอบกลเป็นพ้นไป |
ที่เหน็ดเหนื่อยหยุดพักตักอาบ | เห็นแท่นร่มรื่นราบหยุดอาศัย |
พอหายเหนื่อยเลื่อยล้าพากันไป | ตามเสด็จภูวไนยจะให้ทัน |
เข้าแดนปันจะหราบรรพต | เขาใหญ่ใสสดดังแสร้งสรรค์ |
ยอดเงื้อมเลื่อมพรายหลายพรรณ | เป็นน้ำพุดุดั้นไหลริน |
ศิลางอกออกระย้าดังว่าพู่ | พิศดูแต่ไกลใกล้เป็นหิน |
บ้างเป็นเสาตรวยตรงลงถึงดิน | ดูไม่สิ้นเลยล่วงหนทางมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงที่ประทับยับยั้ง | ริมตระพังสิงขรปันจะหรา |
จึงให้หยุดรี้พลโยธา | เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี |
พร้อมพระประยูรวงศ์พงศา | โอรสนัดดามเหสี |
อำมาตย์มาตยามนตรี | โยธีพรั่งพร้อมล้อมวง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีดาหานวลหง |
จึงชวนราชบุตรีทั้งสี่องค์ | จะไปสรงชลธีที่ลำธาร |
ทั้งจะได้ชมพรรณบุหงา | งอกงามดาษดาตามริมศาล |
ต่างองค์ทรงเครื่องอลงการ | เหล่าสนมบริวารก็ตามมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงแท่นแผ่นผาริมวารี | เทวีมีจิตหรรษา |
ต่างองค์เรียกทรงผลัดมา | เหล่ากำนัลกัลยาพากันลง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ มะเดหวีขัดสีฉวีวรรณ | ระเด่นทั้งนั้นลงสระสรง |
พระพี่เลี้ยงเคียงข้างสี่องค์ | ฝูงอนงค์แหวกว่ายเล่นไล่กัน |
บ้างดำด้นค้นคว้าในวารี | หยอกกันซิกซี้แล้วสรวลสันต์ |
บ้างเก็บดอกโกมุทบุษบัน | บัวเผื่อนบัวผันลินจง |
เห็นบัวหลวงช่วงชิงกันเก็บมา | ถวายองค์บุษบานวลหง |
มะเดหวีชี้บอกนางอนงค์ | เจ้าจงเก็บฝักหักเอามา |
บ้างซัดสาดวารีเป็นคู่คู่ | ตามหมู่อนงค์ในซ้ายขวา |
สรวลระริกซิกซี้ปรีดา | หยอกกันไปมาในท้องธาร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ สรงเสร็จเสด็จขึ้นแท่นศิลา | ทรงสุคนธ์ปนบุหงาหอมหวาน |
แล้วชวนกันจรจรัลมาริมธาร | จวนจะถึงซึ่งศาลเทพา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ปะวะหลิ่ม
๏ เดินพลางทางชมรุกขชาติ | เดียรดาษเรียงรายซ้ายขวา |
มะเดหวีชี้บอกดอกจำปา | บุษบาโน้มกิ่งลงชิงกัน |
สาวหยุดยื่นย้อยห้อยระย้า | วิยะดาเก็บใส่ลงในขัน |
บุษบารากาลาวัณย์ | เก็บดอกปะหนันริมบรรพต |
นางสการะหนึ่งหรัดรัศมี | เก็บดอกมลุลีสีสด |
ดะราหวันสั่นสอยคันธรส | เอาไปบดแป้งไว้จะได้ทา |
เหล่าบุตรีกษัตริย์ทั้งนั้น | พี่เลี้ยงกำนัลก็หรรษา |
บ้างเที่ยวไปเก็บได้มะลิลา | ซ่อนมาจะเอาไปให้เพื่อนกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
สมิงทอง
๏ ลางนางบ้างเก็บผลมะม่วง | ผูกเป็นพวงรวบรัดจัดสรร |
บ้างหาไม้น้อยน้อยสอยลูกจันทน์ | ผลนั้นสุกงอมหอมดี |
นางกำนัลสั่นเก็บลูกลำไย | ที่ผลใหญ่มาถวายมะเดหวี |
มะตูมตาดกลาดเกลื่อนปัถพี | น้อยหน่าสาลี่กินดีครัน |
บ้างโน้มกิ่งปริงปรางประยงค์ชิด | พลางสะกิดเพื่อนมาพากันสั่น |
สุขเกษมเปรมใจไปด้วยกัน | ทุกหน้ากำนัลอนงค์ใน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
กับกะหรัดตะปาตีชาญชัย | ชวนกันว่าจะไปเชิงคิรี |
อีกทั้งสียะตราสุริย์วงศ์ | กับสุหรานากงเรืองศรี |
สังคามาระตาผู้ภักดี | พี่เลี้ยงเสนีก็ตามมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ชมดง
๏ เดินมาพากันชมพฤกษาสูง | ยางยูงแก้วเกดกฤษณา |
กระลำพักสักสนคนทา | ต้นพะวาขานางยางทราย |
ตะขบข่อยโคนดีมีหลายต้น | ประสันตาสั่งคนให้ขุดถวาย |
ตะโกกุ่มพุ่มดีแต่ทีคลาย | เอาไว้หลายปีไปเห็นได้การ |
เห็นโมกใหญ่ห้ากำลำต้น | โตพ้นไม้ในราชฐาน |
เรียกหารักษาองค์ลนลาน | มีดพร้าจอบขวานเอามาพลัน |
บ้างขุดบ้างคุ้ยบ้างขน | ประสันตาเป็นคนเลือกสรร |
เที่ยวเร่เตร่หาในอารัญ | ต่างสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เสด็จมาพบเหล่านางชาววัง | เห็นห่ออะไรรุงรังนักหนา |
จึงตรัสถามว่าได้อะไรมา | นางกำนัลทูลว่าลูกยอ |
ประสันตาร้าหักกล้วยตานี | เอาไปให้ทั้งหวีใส่ในห่อ |
ปูนตาร้องว่าอ๋อฮอ | ไปตำส้มกินให้พอเถิดน้องรัก |
เสนาฮาลั่นสนั่นเสียง | นางกำนัลหมอบเมียงพระทรงศักดิ์ |
แล้วแฝงกายอายหน้าอดสูนัก | วิ่งหนีมาตำหนักพลับพลา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
พระทอง
๏ เลียบเดินตามเนินคิรี | พบราชบุตรีเสนหา |
ต่างองค์ช่วยเก็บมาลา | ไขว่คว้าหยอกเย้าเป็นเหล่ากัน |
อิเหนาเข้าเก็บพิกุลร่วง | แล้วน้าวหน่วงกิ่งน้อยค่อยค่อยสั่น |
บุษบากันจะหนาแย่งกัน | ต่างสำรวลสรวลสันต์กันไปมา |
ฝ่ายสุหรานากงศรีใส | กรีดเล็บเก็บได้ดอกบุหงา |
ให้สการะหนึ่งหรัดโสภา | กับธิดากษัตริย์ทั้งนั้น |
สียะตราทรงสอยดอกสร้อยฟ้า | ให้ระเด่นวิยะดาดะราหวัน |
องค์กะหรัดตะปาตีพี่ยานั้น | เก็บดอกมะลิวัลย์บนคิรี |
ให้ระเด่นบุษบารากา | กับบุตรีกษัตราทั้งสี่ |
สังคามาระตาเก็บมาลี | จำปีกาหลงชงโค |
ประทานให้ขนิษฐายาใจ | กุสุมารับใส่ไว้ในโถ |
หาไม้น้อยสอดสอยลูกจันทน์โอ | เลือกลูกโตโตน่ารัก |
ไปถวายบุษบานารี | ทั้งองค์มะเดหวีมีศักดิ์ |
นางกำนัลนั่งล้อมพร้อมพักตร์ | ไม่มีใครอยู่ตำหนักสักคนเดียว |
เหลือแต่จินตะหราวาตี | เคืองระเด่นมนตรีไม่มาเที่ยว |
บรรดามาพากันเล่นเกรียว | ในไพรกว้างทางเปลี่ยวนี่นัน ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมสันต์ |
จึงชวนเหล่าระเด่นทั้งนั้น | พากันมาเฝ้าพระมารดา |
แล้วจึงทูลเชิญให้คลาไคล | เสด็จไปทะเลทรายให้หรรษา |
จะได้เก็บกรวดหอยนานา | ตามมีในท่าหาดทราย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉาย |
ได้ฟังแย้มยิ้มพริ้มพราย | ชวนระเด่นทั้งหลายจรจรัล |
เลียบเดินตามเนินปากถ้ำ | อิเหนานำเสด็จผายผัน |
พร้อมพรั่งแสนสาวเหล่ากำนัล | พากันตามเสด็จอึงมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้งถึงชายทะเลแลโล่ง | เป็นน้ำขาวเปล่าโปล่งต่างหรรษา |
จึงหยุดพักหายเหนื่อยที่เลื่อยล้า | แล้วก็พากันเที่ยวพ่านไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เบ้าหลุด
๏ ต่างองค์ทรงเก็บกรวดหอย | ศิลาลายพรายพร้อยสีใส |
ดังคนแสร้งสรรบรรจงไว้ | เต็มไปริมฝั่งชลธี |
ที่เขียวสดรจนาดังว่าแก้ว | พรายแพร้วเลื่อมระยับสลับสี |
ต่างเก็บไว้ได้มากมี | สรรเอาที่ดีใส่พานมา |
ลางนางบ้างเก็บไข่มุก | สีสุกสดสล้างพลางหรรษา |
ที่เม็ดใหญ่หวงไว้เต็มประดา | จะเอามาทำแหวนสักสองวง |
ลางนางบ้างได้กัลปังหา | มาถวายบุษบานวลหง |
ต่างแสนเกษมสุขไปทุกองค์ | ฝูงอนงค์นารีก็ปรีดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีปรีดิ์เปรมหรรษา |
ครั้นบ่ายชายแสงสุริยา | ก็ชวนกันกลับมาพลับพลาชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | สี่กษัตริย์ปัตหราเป็นใหญ่ |
ครั้นเวลาสายัณห์ลงไรไร | เสด็จเข้าข้างในที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายซ้ายขวา |
เกณฑ์ไพร่รายรอบพลับพลา | กองไฟดาษดาดังกลางวัน |
ฝ่ายเจ้าพนักงานแต่งศาลเจ้า | ดาดเพดานม่านราวกางกั้น |
ฉัตรธงเบญจรงค์เจ็ดชั้น | ราชวัติจัดเป็นหลั่นเรียงราย |
พนักงานสัตว์สิงสิ่งละพัน | พร้อมกันนั่งคอยปล่อยถวาย |
ชาวประโคมดนตรีเตรียมกาย | พอสุริย์ฉายเรืองรองส่องฟ้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมียศถา |
ทั้งกะหรัดตะปาตีสียะตรา | สุหรานากงทรงฤทธี |
ทั้งระตูประมอตันท้าวหมันหยา | ต่างมาสรงสหัสขัดสี |
ทรงเครื่องเรืองอร่ามงามดี | เสด็จมาคอยสี่พระทรงธรรม์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | สี่กษัตริย์ปัตหรารังสรรค์ |
ครั้นอุทัยไขสีรวีวรรณ | จรจรัลมาสรงวาริน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ต่างชำระสระสรงชลธาร | ทรงสุคนธ์หอมหวานตระการกลิ่น |
สนับเพลาปักเป็นรูปนาคินทร์ | ภูษาทรงข้าวบิณฑ์พื้นแดง |
ห้อยหน้าผ้าทิพขลิบตาด | เจียระบาดคาดทับระยับแสง |
ปั้นเหน่งลายลงยาราคาแพง | ฉลององค์ก้านแย่งติดเลื่อมลาย |
ตาบทิศทับทรวงดวงระยับ | สังวาลบานพับกระสันสาย |
ทองกรแก้วกุดั่นพรรณราย | ธำมรงค์เพทายเรือนสุวรรณ |
ทรงมหามงกุฎกุณฑลทอง | กรรเจียกทั้งสองสายกระสัน |
ห้อยอุบะบุหงาปะกัน | เหน็บกริชเทวัญอันศักดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ต่างองค์ขึ้นทรงอุสงหงัน | เสนาอภิวันท์พร้อมหน้า |
วอประเทียบเป็นระเบียบกันมา | เสนาแห่แหนแน่นนันต์ |
ระเด่นมนตรีสียะตรา | กับสุหรานางกงเฉิดฉัน |
ทั้งกะหรัดตะปาตีนั้น | อีกท้าวประมอตันภูมี |
กับทั้งท่านท้าวหมันหยา | สังคามาระตาเรืองศรี |
ต่างองค์ขึ้นทรงพาชี | จรลีตามเสด็จไปพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงลงจากราชยาน | เสด็จเข้าในศาลเกษมสันต์ |
พร้อมโอรสนัดดาลาวัณย์ | สาวสนมกำนัลมากมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ ต่างองค์ทรงจุดเทียนธูป | บูชาเทวรูปเรืองศรี |
เครื่องสังเวยตามเคยเหมือนทุกที | ทั้งคิรีเงินทองต้องตำรา |
ท้าวกาหลังตั้งจิตอธิษฐาน | แก้บนบานครั้งศึกจะมาหรา |
สัตว์สิงสิ่งละพันซึ่งสรรมา | ถวายแก่เทวาเลิศไกร |
อนึ่งเล่าเหล่านัดดาแลโอรส | ได้ครองเมืองเรืองยศเป็นใหญ่ |
ให้อยู่เย็นเป็นสุขสนุกใจ | แล้วสั่งให้ประโคมขึ้นนี่นัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ สาธุการ
ร่าย
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานคนขยัน |
จึงปล่อยสัตว์สิงวิ่งแจจรร | ตามหน้าศาลเทวัญอันศักดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่พระองค์วงศ์อสัญแดหวา |
จึงสั่งเหล่าทหารขี่อาชา | ให้ควบม้าจับสัตว์บัดเดี๋ยวนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เหล่าทหารรับสั่งใส่เกศี |
ถวายบังคมคัลอัญชลี | ต่างขึ้นพาชีชัยชาญ |
มือถือสาตราอาวุธ | สำหรับยุทธนากล้าหาญ |
แล้วขับม้ามาหน้าพระลาน | กราบกรานรำเพลงสาตรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บ้างร่ายรำเพลงทวนกระบวนรบ | ชักสินธพวางใหญ่ให้ท่า |
บ้างรำหอกกลอกกลับขับอาชา | ไล่แทงมฤคาดาประดัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ โห่พลางต่างขับอัสดร | เข้าราญรอนฆ่าสัตว์สกัดหลัง |
โคถึกมฤคีมีกำลัง | บ้างกลับหลังชันหูสู้ชน |
บ้างตื่นเต้นเผ่นผาดลำพองโผน | โดดโดนรอรับสับสน |
บ้างบ้าเลือดเดือดดุไม่คิดตน | ตามชนจนสิ้นชีวิต ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ทหารหอกเกณฑ์หัดสกัดหน้า | ควบม้าหมายมุ่งพุ่งไม่ผิด |
ต่างคนเข้มแข็งสำแดงฤทธิ์ | ตามติดแทงซ้ำระยำลง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มฤคาโคกระทิงสิ่งละพัน | มอดม้วยชีวันไม่หลอหลง |
ทหารขี่อาชาพากันลง | แล้วขนส่งวิเสทเนื่องมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางวิเสทนอกในซ้ายขวา |
บ้างเถือเนื้อนั้นมิทันช้า | แต่งมัจฉมังสาวุ่นไป |
บ้างยี่ยำทำพล่าฉู่ฉี่ | ปิ้งจี่ต้มแกงพะแนงไก่ |
สมันคั่วอั่วอ่อมพร้อมไว้ | แล้วขนไปเลี้ยงเหล่าโยธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพนักงานถ้วนหน้า |
ครั้นจวนบังควรเวลา | ก็เชิญเครื่องเนื่องมาตามกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ตั้งพระสุพรรณภาชน์บรรจง | ถวายองค์สี่กษัตริย์ปัตตาหวัน |
เครื่องเสวยหน่อกษัตริย์ทั้งนั้น | ตั้งรายเรียงรันเป็นหลั่นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่พระองค์วงศ์อสัญแดหวา |
ชวนโอรสราชนัดดา | ทั้งระตูหมันหยาประมอตัน |
ให้เสวยเอมโอชโภชนา | ต่างภิรมย์หรรษาเกษมสันต์ |
พวกพ่อครัวคั่วผัดจัดที่มัน | ร้อนร้อนผ่อนกันมาตั้งเคียง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เหล่าทหารเกณฑ์แห่แซ่เสียง |
สี่นครผ่อนกันมากินเลี้ยง | บ้างถุ้งเถียงทะเลาะเกาะแกะกัน |
พวกแขกแปลกไทยไม่กินหมู | ถ้าพบเห็นมิได้ดูด้วยเดียดฉันท์ |
ปะไทยใส่เอาหนักตักไม่ทัน | ของสำคัญมันนักมักสมมม |
เสนาพากันกินเป็นแถว | ครั้นแล้วเลี้ยงลงไปจนไพร่สม |
อิ่มหมีพีมันกันทุกกรม | ต่างภิรมย์ยินดีปรีดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สี่พระองค์วงศ์อสัญแดหวา |
ครั้นเสร็จเสวยโภชนา | จึงตรัสแก่นัดดาแลโอรส |
เจ้าจงรำมนาโปะไป | ถวายมือเทพไทให้ปรากฏ |
จะได้เลื่องชื่อระบือยศ | ตามกำหนดมาแต่บุราณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ |
คลานคล้อยถอยองค์ทรงกราบกราน | พระภูบาลรำขับขึ้นฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ฝรั่งรำเท้า
๏ ขอถวายบังคมบรมนาถ | พระอัยกาธิราชรังสรรค์ |
ข้าพเจ้าอิเหนากุเรปัน | จะครอบครองเขตขัณฑ์สวรรยา |
ขออย่าให้มีภัยได้ทุกข์ | จงมีสุขแสนโสมนัสสา |
ให้ลื่อเลื่องเฟื่องฟุ้งเดชา | ทั่วประเทศเขตชวาแดนไตร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | กะหรัดตะปาตีศรีใส |
บังคมคัลวันทาภูวไนย | ลุกไปรำขับขึ้นฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
น้ำค้าง
๏ ขอถวายบังคมพระอัยกา | สถิตยังชั้นฟ้ากระยาหงัน |
หลานนี้ขอถวายอภิวันท์ | จะได้ครองเขตขัณฑ์ธานี |
ข้าวยากหมากพลูอย่าให้แพง | ฝนฟ้าอย่าให้แล้งเกษมศรี |
ให้ข้าศึกนึกเกรงฤทธี | สุขเกษมเปรมปรีดิ์ไปด้วยกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศ์อสัญ |
กราบถวายบังคมพระทรงธรรม์ | จรจรัลลุกขึ้นขับรำไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
พระทอง
๏ ขอถวายบังคมกะระตาหลา | สถิตยังชั้นฟ้าเป็นใหญ่ |
หลานนี้จะครองเวียงชัย | พระอัยกาจงได้โปรดปราน |
ช่วยบำรุงไพร่ฟ้าประชาชน | ฝูงคนเป็นสุขเกษมศานต์ |
ทั้งข้าศึกศัตรูหมู่ภัยพาล | มารอนราญให้แพ้ฤทธิไกร |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สียะตรากราบก้มประนมไหว้ |
ลุกมารำมนาโปะไป | ขับถวายเทพไทมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สมิงทอง
๏ ขอถวายบังคมพระทรงธรรม์ | ซึ่งสถิตในชั้นอสัญหยา |
ข้าหรือคือองค์สียะตรา | จะได้ครองดาหาธานี |
ขอจงอัยกามาประสาท | บำรุงราษฎร์ให้สุขเกษมศรี |
ให้ลือชาปรากฏฤทธี | ปัจจามิตรอย่ามีมาแผ้วพาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สี่กษัตริย์ปัตหรามหาศาล |
ครั้นสำเร็จเสร็จใช้บนบาน | จะกลับคืนราชฐานเวียงชัย |
ต่างสั่งมหาเสนี | จงตรวจเตรียมโยธีน้อยใหญ่ |
เพลาบ่ายชายลมจะกลับไป | ต่างเสด็จคลาไคลไปพลับพลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายซ้ายขวา |
ออกมาจัดพลเป็นโกลา | ดีใจจะได้มาบ้านตน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ เกณฑ์ทหารเข้าริ้วเป็นทิวแถว | ล้วนแล้วกล้าศึกได้ฝึกฝน |
ถืออาวุธต่างต่างทุกคน | เคยผจญรณรงค์ชำนาญยุทธ์ |
ทหารแห่ซ้ายขวาให้มีคบ | ถ้าค่ำพลบเมื่อใดจะได้จุด |
นำหน้านั้นธงกระบี่ธุช | ใส่เสื้อเสนากุฎพลรบ |
ที่หาบคอนผ่อนให้ไปหน้า | ที่เลื่อยล้าพรั่นตัวกลัวเสือขบ |
พนักงานรถามาเตรียมครบ | ตามขนบตำแหน่งพนักงาน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สี่กษัตริย์ปัตหรามหาศาล |
เสด็จสรงทรงเครื่องพอประมาณ | เสด็จออกหน้าพระลานมาขึ้นเกย |
ต่างองค์ขึ้นทรงรถา | ท่วงทีมีสง่าผ่าเผย |
พระประเทียบเป็นระเบียบตามเคย | ชักรถแล่นเลยตามกันมา |
เสนาแห่แหนแน่นนันต์ | ฆ้องกลองก้องสนั่นไปทั้งป่า |
ทหารแซงปืนแดงดาษดา | พวกรักษาองค์เดินเป็นคู่เคียง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชมดง
๏ เดินพลางทางชมคณานก | บ้างโผนผกบินไปแล้วให้เสียง |
สีชมพูจับอยู่เป็นคู่เคียง | ตะวันเที่ยงเข้าแฝงบังเงา |
พอลมชายบ่ายเย็นเห็นนกยูง | เป็นฝูงฝูงรำร่าที่หน้าเขา |
ไก่ป่าน่าดูประดู่เลา | พาลูกเต้าออกมาเที่ยวหากิน |
ค้อนหอยคอยจ้องจิกปลา | ตามริมธารท่าชลาสินธุ์ |
กระทุงทองท่องท้องวาริน | เห็นคนตื่นบินขึ้นนภางค์ |
พอสายัณห์บรรลุชายดง | ล้วนแขมพงเวิ้งวุ้งเป็นทุ่งกว้าง |
เกณฑ์แห่แลลิ่วตลอดทาง | ถือคบไต้ไฟสว่างดังกลางวัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ปะวะหลิ่ม
๏ ต่างองค์ทัศนาดารากร | ในอัมพรเลื่อนลอยล้อมบุหลัน |
นักขัตฤกษ์มีนามเป็นสำคัญ | บ้างเด่นดั้นเมฆานภาลัย |
โรหิณีสีสดบริสุทธิ์ | กัตติกาโลกสมมุติดาวลูกไก่ |
ที่สามดวงช่วงเรียงเคียงกันไป | เขาเรียกว่าดาวไถแต่บุราณ |
ดาวจระเข้เหราปลาเต่า | ดาวสำเภาหัวทรงดาวหงส์ห่าน |
ดาวพระเคราะห์เห็นจำเพาะแต่อังคาร | สีแดงห้าวหาญกว่าทุกดวง |
ตามทางหน้าบ้านปลูกร้านไฟ | กำนันนั้นตรวจไตรให้โชติช่วง |
ทหารแห่แห่มาตามกระทรวง | เร่งรัดรีบล่วงหนทางจร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ พอรุ่งรังสีสางสาง | แลเห็นยอดปรางค์อยู่สลอน |
สารถีตีขับอัสดร | เร่งรถบทจรเข้าธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ต่างองค์ลงจากรถสุวรรณ | พร้อมสนมกำนัลมเหสี |
จึงเสด็จย่างเยื้องจรลี | ขึ้นปราสาทมณีอันโอฬาร์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf