- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๓
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพสบสมัย |
จึงสั่งยาสาเสนาใน | ธิดาเราตกใจไพรี |
ท่านจงจัดแจงแต่งการ | จะสมโภชเยาวมาลย์ทั้งสองศรี |
สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เจ้ามายังที่ข้างใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ยาสาเสนาผู้ใหญ่ |
ออกมาจากท้องพระโรงชัย | เร่งบัตรหมายไปดังบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานซ้ายขวา |
แจกหมายวายวุ่นเป็นโกลา | นายไพร่พร้อมหน้าจับเตรียมการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ บ้างปลูกโรงราชพิธี | ยาวรีมีมุขสี่ด้าน |
พรมเจียมปูลาดดาดเพดาน | ห้อยพู่ผูกม่านลายสุวรรณ |
แว่นเวียนเทียนทองแลบายศรี | วางไว้ตามที่ทุกสิ่งสรรพ์ |
แล้วตั้งเบญจาห้าชั้น | ราชวัติฉัตรสุวรรณรจนา |
ประชุมเหล่าโหราราชครู | พราหมณ์ชีบีกูประมาหนา |
พนักงานของใครเร่งไตรตรา | เสร็จโดยบัญชาพระภูมี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณผู้รุ่งรัศมี |
ครั้นแสงทองส่องฟ้าธาตรี | ก็เข้าที่สระสรงคงคาลัย |
ทรงภูษาซ่าโบะฉลององค์ | เครื่องทรงซึ่งได้ประทานใหม่ |
มาขึ้นอาชาคลาไคล | เสด็จไปยังที่พิธีการ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิไกรใจหาญ |
สำอางองค์ทรงเครื่องได้ประทาน | ชัชวาลด้วยดวงจินดา |
มาทรงอัสดรจรจรัล | กิดาหยันโดยเสด็จพร้อมหน้า |
พระเร่งกะระตะอาชา | เสด็จมาโรงราชพิธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากมโนมัย | ไปนั่งใกล้อุณากรรณเรืองศรี |
พระหัตถ์ตบเพลาพลันว่าวันนี้ | เจ้ากับพี่แต่งตัวดังนัดกัน |
อุณากรรณผันพักตร์สะเทินอาย | ปันหยียิ้มพริ้มพรายคมสัน |
พลางตรัสสนทนาปราศรัยกัน | คอยองค์ทรงธรรม์จรลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี |
ครั้นใกล้ฤกษ์พานาที | ก็เข้าที่สระสรงคงคา |
ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | แล้วสอดสนับเพลาภูษา |
แต่งเครื่องประดับองค์ทรงชฎา | ห้อยอุบะบุหงาปะกัน |
พระหัตถ์กุมกริชฤทธิรงค์ | ลีลามาทรงอุสงหงัน |
เสนาแห่แหนแน่นนันต์ | จรจรัลไปโรงพิธี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเสด็จยุรยาตร | ขึ้นนั่งเหนืออาสน์อันเรืองศรี |
พร้อมพระวงศาเสนี | ต่างถวายอัญชลีพระราชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายมะเดหวีเสนหา |
จึงพาสองราชธิดา | เสด็จมายังที่สรงชล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ให้สระสรงสนานสำราญกาย | วารีโปรยปรายดังสายฝน |
พี่เลี้ยงเข้าขัดสีนีฤมล | แล้วให้ทรงสุคนธ์ปนทอง |
ลิกูกับองค์มะเดหวี | ผัดพักตร์พระบุตรีทั้งสอง |
ให้โฉมยงทรงภูษาพื้นตอง | เกี้ยวทองแย่งยกกระหนกใน |
เข็มขัดรัดองค์ทรงสะพัก | ตาดปักปีกแมงทับสลับไหม |
เฟื่องห้อยสร้อยสุวรรณแววไว | มะเดหวีช่วยใส่ให้เทวี |
ทองกรแก้วกุดั่นบรรจง | ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองศรี |
บรรจงทรงมงกุฎพระบุตรี | ห้อยพวงมาลีต่างกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน |
จึงพาสองศรีบุตรีนั้น | มาทรงวอสุวรรณอำไพ |
พร้อมเหล่าเถ้าแก่กำนัลนาง | สาวสุรางค์นับร้อยน้อยใหญ่ |
เสด็จโดยมรคาข้างใน | ตรงไปโรงราชพิธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงจึงประทับวอทอง | แล้วนำสองธิดามารศรี |
ออกไปเฝ้าองค์พระภูมี | ยังที่มณฑลพิธีกรรม์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเพราเพริศเฉิดฉัน |
เห็นสการะหนึ่งหรัดแจ่มจันทร์ | ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา |
ให้แสนประดิพัทธ์ประหวัดจิต | ลืมคิดเกรงศรีปัตหรา |
ตะลึงแลดูนางไม่วางตา | เสนหาอาวรณ์ร้อนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระโหราราชครูผู้ใหญ่ |
ได้ฤกษ์ก็ลั่นฆ้องชัย | เสียงประโคมหวั่นไหวเป็นโกลา |
พระบิตุเรศให้สองบังอร | ทรงผลัดอาภรณ์ภูษา |
แล้วนำนางยุรยาตรคลาดคลา | ขึ้นบนเบญจาหน้าพระลาน |
พราหมณ์ชีบีกูประมาหนา | ถวายอาเศียรพาทสรงสนาน |
แล้วอวยชัยให้จำเริญชนมาน | เสวยสุขสำราญหฤทัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ทรงภพเป็นใหญ่ |
ให้อะหนะทั้งสองทรามวัย | ผลัดภูษาสไบฉับพลัน |
ทรงเครื่องประดับองค์อลงการ์ | งามเพียงนางฟ้ากระยาหงัน |
ครั้นเสร็จก็พาจรจรัล | มานั่งแท่นสุวรรณอันรูจี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาทั้งสี่ |
ครั้นได้ฤกษ์งามยามดี | ให้ลั่นฆ้องสามทีเป็นสำคัญ |
แล้วจุดเทียนเวียนแว่นไปเบื้องขวา | รับส่งต่อมาเป็นหลั่นหลั่น |
เสียงประโคมดนตรีนี่นัน | สังข์แตรแซ่สนั่นเสนาะไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ มหาชัย
๏ ครั้นถ้วนคำรบครบเจ็ดรอบ | โดยระบอบบาลีคัมภีร์ไสย |
จึงดับเทียนทองทันใด | แล้วโบกควันให้พระธิดา |
เอาจุณเจิมเฉลิมพักตร์บังอร | แซ่ซ้องอวยพรพร้อมหน้า |
ให้จำเริญศรีสวัสดิ์วัฒนา | ไพร่ฟ้าจะได้พึ่งพระบารมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกาหลังเรืองศรี |
ครั้นเสร็จสมโภชพระบุตรี | ภูมีเกษมศานต์สำราญใจ |
จึงพาพระธิดาทั้งสององค์ | พร้อมฝูงนางอนงค์น้อยใหญ่ |
เสด็จยุรยาตราคลาไคล | เข้าในปราสาทรจนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณกระหมันวิยาหยา |
ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็ลีลา | กลับไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสุกาหราเรืองศรี |
ครั้นพระองค์ผู้ทรงธรณี | พาราชบุตรีเข้าวังใน |
ให้ละห้อยสร้อยเศร้าสลดจิต | ถอนหฤทัยคิดพิสมัย |
พลางเสด็จลีลาคลาไคล | มาทรงมโนมัยกลับมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้าปี่
๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง | ไม่ทันเปลื้องเครื่องทรงแลภูษา |
ทอดองค์ลงกับที่ไสยา | กรก่ายพักตราคำนึงครวญ |
รสรักร้อนจิตพิศวาส | ภูวนาถเศร้าสร้อยละห้อยหวน |
คิดถึงโฉมยงอนงค์นวล | ยิ่งรัญจวนจาบัลย์พันทวี |
อกเอ๋ยจะแนะนำทำไฉน | จึงจะได้เชยชมสมศรี |
แม้นมิเกรงพระองค์ทรงธรณี | อันจะละเทวีอย่าสงกา |
นี่สุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดหมาย | แสนรักเสียดายดวงยิหวา |
เมื่อไรจะได้เห็นพักตรา | พอคลายร้อนอุราจาบัลย์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงคิดได้ว่าวันพรุ่งนี้ | พระบุตรีเคยประพาสสะตาหมัน |
จะไปก่อนซ่อนอยู่ในสวนนั้น | คอยดูสาวสวรรค์กัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ คิดแล้วจึงสั่งกิดาหยัน | จงไปยังอุณากรรณวิยาหยา |
บอกว่าพรุ่งนี้ให้ไคลคลา | ไปชมสวนมาลาเล่นด้วยกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งแล้วผายผัน |
ออกจากติกาหรังวังจันทน์ | ไปยังอุณากรรณทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ พอเสด็จออกหมู่กิดาหยัน | จึงเข้าไปบังคมคัลแถลงไข |
ปันหยีให้มาเชิญคลาไคล | ไปชมสวนดอกไม้ในพรุ่งนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณผู้รุ่งรัศมี |
จึงตอบกิดาหยันทันที | ถ้าไม่มีธุระก็จะไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันครั้นแจ้งก็กราบไหว้ |
ลาองค์อุณากรรณทันใด | กลับไปติกาหรังพระราชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา |
ทูลตามอุณากรรณว่ามา | ให้ทราบบาทาพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสาระปันหยี |
ชื่นชมโสมนัสยินดี | ก็เสด็จเข้าที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กล่อม
๏ ครั้นรุ่งอรุณรางสร่างแสง | สุริยาแจ่มแจ้งจำรัสไข |
พระฟื้นองค์สรงสนานสำราญใจ | ลูบไล้สุคนธารทา |
แล้วทรงเครื่องเรืองรัตน์รูจี | สั่งให้ผูกพาชีเตรียมท่า |
พระเสด็จนั่งมายังเกยลา | ตั้งตาคอยองค์อุณากรรณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณทรงโฉมเฉิดฉัน |
ไสยาสน์เหนืออาสน์พรายพรรณ | ให้ผูกพันถวิลจินดา |
พรุ่งนี้ปันหยีมาชวนไว้ | จำจะไปให้สิ้นกังขา |
ครั้นรุ่งรางสว่างเวลา | ก็สระสรงคงคาอ่าองค์ |
ทรงเครื่องเรืองงามอร่ามรัตน์ | แล้วทัดอุบะตันหยง |
พระหัตถ์กุมกริชฤทธิรงค์ | มาทรงอาชาคลาไคล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นอุณากรรณมาก็ดีใจ | ยิ้มแล้วว่าไปด้วยวาจา |
เป็นไฉนมิใคร่จะจากบ้าน | พี่คอยท่าช้านานนักหนา |
ตรัสพลางทางทรงอาชา | ต่างกะระตะม้าไปพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี | จรลีเข้าในสะตาหมัน |
พวกพี่เลี้ยงเสนาที่มานั้น | ต่างแสนเกษมสันต์สำราญใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
ชมดง
๏ ชี้ชมพุ่มพวงดวงบุหงา | ช่อช้อยย้อยระย้าอยู่ไสว |
บ้างตูมบานกลีบแย้มแนมใบ | ทุกพรรณมิ่งไม้มากมี |
สัพยอกหยอกเย้าอุณากรรณ | สำคัญว่าบุษบามารศรี |
แล้วเก็บพวงบุปผามาลี | ยื่นเย้าเซ้าซี้ไปมา |
อุณากรรณก็คิดถึงพระพี่ | ปันหยีคิดถึงขนิษฐา |
ต่างชลเนตรคลอนัยนา | ต่างผันพักตราหนีกัน |
แกล้งเบือนเชือนชมมิ่งไม้ | หฤทัยวิโยคโศกศัลย์ |
แล้วทำชื่นขืนใจจรจรัล | เสด็จเลียบขอบคันสระมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ พระหักก้านโกมุทบุษบง | ถือทรงต่างกระบี่เงื้อง่า |
ชวนองค์อุณากรรณอนุชา | ร่ายรำทำท่าแทงฟัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กลอง
๏ พวกระเด่นก็เล่นเป็นคู่คู่ | พี่เลี้ยงแลหมู่กิดาหยัน |
เหล่าทหารจัดคู่เจ้าสู้กัน | ป้องปัดผัดผันกันไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กลอง
๏ แล้วหยุดยั้งนั่งเล่นที่กลางสวน | ใต้ร่มลำดวนหรรษา |
พระพายชายพัดรำเพยพา | หอมกลิ่นมาลาตลบไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายองค์มะเดหวีศรีใส |
เคยพาสองธิดาดวงใจ | เสด็จไปชมสวนมาลี |
ครั้นถึงเวลาก็อ่าองค์ | สระสรงทรงเครื่องเรืองศรี |
ขึ้นทรงวอสุวรรณอันรูจี | ฝูงนารีโดยเสด็จจรดล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นมาถึงที่สะตาหมัน | โขลนจ่าพากันวิ่งสับสน |
บ้างทักถามไล่ห้ามผู้คน | ขับไปให้พ้นอุทยาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีมีใจเกษมศานต์ |
จึงขับพี่เลี้ยงแลบริวาร | ออกจากอุทยานทันใด |
ทั้งพระองค์ก็ทำเป็นผายผัน | มิให้อุณากรรณนั้นสงสัย |
แล้วแอบอ้อมมาซุ่มอยู่พุ่มไม้ | ตั้งใจจะดูพระบุตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณผู้รุ่งรัศมี |
แต่องค์เดียวไปรับพระชนนี | ยังประตูสวนศรีทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคม | นบนิ้วประนมสนองไข |
ขอเชิญพระมารดาคลาไคล | ประพาสพรรณมิ่งไม้นานา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีได้ฟังก็หรรษา |
จึงชวนราชบุตรีลีลา | อุณากรรณนำหน้าพาไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
ชมดง
๏ เข้าในอุทยานสวนขวัญ | ร่มรื่นพื้นพรรณพฤกษาไสว |
ที่พวงย้อยดังห้อยผูกไว้ | บ้างตูมแย้มแนมใบแบ่งบาน |
มะเดหวีเด็ดดอกสาวหยุด | พุทธิชาดชาตบุษย์หอมหวาน |
มาแซมเกล้าให้สองเยาวมาลย์ | แล้วประทานมิสาอุณากรรณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ จึงขึ้นนั่งยังแท่นศิลาอาสน์ | ทรงเลือกบุปผชาติทุกสิ่งสรรพ์ |
พลางดูบุตรีกับกำนัล | ชิงกันเก็บพรรณมาลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
พระทอง
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดเสนหา |
กับระเด่นบุษบารากา | เที่ยวชมบุหงาบรรดามี |
ฝ่ายฝูงสุรางค์นางใน | ต่างเที่ยวเลี้ยวไปในสวนศรี |
เลือกสรรเก็บพรรณมาลี | มาถวายพระบุตรีทั้งสององค์ |
ลางนางได้ไม้น้อยน้อย | สอดสอยจำปากาหลง |
ลำดวนตกดอกดวงพวงประยงค์ | โน้มน้าวกิ่งลงชิงกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ แต่สะกะระหนึ่งหรัดเทวี | กับสาวศรีพี่เลี้ยงบาหยัน |
เที่ยวเพลินเกินฝูงกำนัล | จนกระชั้นปันหยีเข้าไป |
แลลอดสอดดูแต่บุหงา | จะเหลียวซ้ายแลขวาก็หาไม่ |
เห็นดอกไม้แบ่งบานละลานใจ | อรไทเก็บพลางทางขับครวญ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
สมิงทอง
๏ วันนี้น้องสำราญใจ | ชมพรรณมิ่งไม้ในสวน |
รสสุคนธ์ตลบอบอวล | หอมหวนชวนชื่นชูใจ |
พิกุลจะกรองอุบะห้อย | ลำดวนจะร้อยเป็นสร้อยใส่ |
จะทำบุหงารำไป | วางไว้ข้างที่ไสยา |
จำปาจะแตระเป็นสร้อยสน | จะประสุคนธ์ให้หนักหนา |
แม้นใครจงใจเจตนา | จึงจะให้บุหงานี้ เอย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
พิศโฉมพระราชบุตรี | สมประดีเดือดดิ้นแดดาล |
ทั้งฟังสุรเสียงขับครวญ | โหยหวนเฉื่อยฉ่ำคำหวาน |
ลำลำจะใครตอบพจมาน | แล้วภูบาลหยุดยั้งชั่งใจ |
ให้กระสันรัญจวนป่วนจิต | สุดคิดที่จะหักรักได้ |
จึงเอาพลูรอยกัดซัดไป | อรไทเหลือบแลแปรมา |
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายเพราพักตร์ | พลางพยักเรียกองค์ขนิษฐา |
ง่าหัตถ์เหมือนจะรับกัลยา | เอารสนาสาเป็นกลใน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดศรีใส |
อัปยศอดสูสุดใจ | อรไทสะเทินเมินเมียง |
ลัดแลงเข้าแฝงพุ่มพฤกษา | ครั้นแลสบหลบตาหลีกเลี่ยง |
ทำชม้อยชม้ายอายเอียง | หยิกตีพี่เลี้ยงด้วยมารยา |
แล้วว่าพี่บาหยันนี้ชั่วจริง | เห็นแล้วช่างนิ่งไม่บอกข้า |
เหมือนจะแกล้งแสร้งชักชวนมา | เวทนาอัประมาณเป็นพ้นไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันทูลตอบแถลงไข |
ข้าน้อยมิได้แจ้งใจ | ว่าปันหยีอยู่ในพุ่มไม้นี้ |
ว่าพลางเดินร่ายชายมา | จนใกล้มิสาระปันหยี |
แล้วกล่าวคำไปให้เป็นที | เจ้านี้หยาบหยามลามลวน |
อาจองทะนงศักดิ์หนักหนา | ไม่รู้หรือพระธิดามาชมสวน |
หรือผู้ใดจงรักชักชวน | มาซุ่มอยู่ดูควรแล้วหรือไร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีกล่าวแกล้งแถลงไข |
ข้านี้สิ้นสมประดีไป | บาหยันจงได้เอ็นดูเรา |
โทษผิดที่ล่วงพระอาญา | จะรอดชีวาก็เพราะเจ้า |
แล้วถอดธำมรงค์ให้นงเยาว์ | จงเอาไว้เถิดเป็นไมตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางบาหยันสาวศรี |
เยื้อนยิ้มรับแหวนมาทันที | แล้วรีบจรลีกลับไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา | ลีลาจากพุ่มพฤกษาใหญ่ |
ฝูงกำนัลทั้งสิ้นไม่กินใจ | ก็คลาไคลไปยังพระชนนี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
ครั้นสุริย์ฉายบ่ายคล้อยคิรี | จึงชวนพระบุตรีลีลา |
ทั้งสามองค์ขึ้นทรงวอทอง | ชักม่านปิดป้องทั้งซ้ายขวา |
สาวสรรค์กำนัลในดาษดา | โดยเสด็จไคลคลาเข้าวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ่งคิดพิสมัย |
ครั้นพระบุตรีเสด็จไป | ให้รัญจวนป่วนใจจาบัลย์ |
จึงชวนอุณากรรณอนุชา | ลีลาออกจากสะตาหมัน |
ขึ้นทรงพาชีฉับพลัน | เสนากิดาหยันก็ตามมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ปันหยีเดินพลางทางครวญคิด | ให้รันทดสลดจิตหวนหา |
คล้ายคล้ายเหมือนจะเห็นพักตรา | นางสการะหนึ่งหรัดยาใจ |
แว่วแว่วเหมือนเสียงสำเนียงขับ | ครั้นตรับเงี่ยฟังก็มิใช่ |
พระรีบเร่งกะระตะอาชาไนย | หฤทัยกระสันรัญจวน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ไปยังตำหนักน้อยในสวน |
จึงร่างสารใส่กระดานชนวน | เป็นคำคร่ำครวญถึงเทวี |
เสร็จแล้วจำลองทรงลงกระดาษ | จึงสั่งพี่เลี้ยงราชเป็นถ้วนถี่ |
เอาไปให้บาหยันในวันนี้ | จงดีอย่าให้ใครสงกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตารับสั่งใส่เกศา |
รับสารานั้นแล้ววันทา | ไปตามบัญชาพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นเห็นนางสาวศรีพี่เลี้ยง | ยิ้มแล้วเดินเคียงเข้าไปใกล้ |
นี่แน่หยุดก่อนอย่าเพ่อไป | นายใช้มาแถลงแจ้งกิจจา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันครั้นแจ้งก็แกล้งว่า |
เจ้านี้บ่าวใครใช้มา | มีธุรกิจจาจะว่าไร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงตอบแถลงไข |
พี่เป็นบ่าวปันหยีชาญชัย | อันในธุระของนายนั้น |
เจ้าก็ย่อมแจ้งอยู่ได้รู้เห็น | เมื่อเสด็จไปเล่นสะตาหมัน |
ว่าแล้วส่งสารสำคัญ | ให้แก่บาหยันทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันตอบตามอัชฌาสัย |
วันนี้เย็นแล้วจงกลับไป | ถ้ากระไรพรุ่งนี้มาคอยฟัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตายิ้มรับคำสั่ง |
ครั้นบาหยันคลาไคลเข้าในวัง | ก็กลับมาติกาหรังทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทเรศ | ทูลเหตุให้แจ้งแถลงไข |
บาหยันนัดข้าว่าไว้ | ให้ไปคอยฟังดูพรุ่งนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | บาหยันพี่เลี้ยงนางโฉมศรี |
ไปยังปราสาทพระบุตรี | อัญชลีถวายสารอรไท ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดศรีใส |
รับสารานั้นมาทันใด | ทรามวัยคลี่ออกทัศนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในเรื่องรสพจมานสารศรี | ว่ามิสาระปันหยีสุกาหรา |
แสนสวาทมาดหมายพระธิดา | แต่รัญจวนหวนหาไม่เว้นวัน |
เมื่อสมโภชอรไทนั้นได้เห็น | เป็นสองครั้งทั้งไปเล่นสะตาหมัน |
ยิ่งอาวรณ์ร้อนใจจาบัลย์ | ครวญใคร่ใฝ่ฝันทุกเวลา |
อกเอ๋ยจนจิตคิดขัดสน | ด้วยเป็นคนบุญน้อยวาสนา |
เหมือนกระต่ายหมายชมจันทรา | อันสูงสุดสายตาอยู่เต็มไกล |
แม้นมิได้สมสนิทไม่คิดขาม | จะสู้ม้วยด้วยความพิสมัย |
โฉมยงจงเห็นที่จริงใจ | อย่าสลัดอาลัยให้จำตาย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสารา | กัลยากระสันมั่นหมาย |
ให้รักในคำร่ำบรรยาย | คิดจะตอบก็อายอดสูใจ |
แต่เรรวนครวญใคร่ไปมา | จนเวลาจวนใกล้ประจุสมัย |
จึงร่างสารใส่กระดานชนวนไว้ | แล้วบรรทมหลับไปในราตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณผู้เฉิดโฉมศรี |
ครั้นถึงเวลาเฝ้าพระภูมี | ก็เข้าที่สระสรงคงคา |
สอดใส่เครื่องประดับสำหรับองค์ | กุมกริชแล้วทรงเช็ดหน้า |
มาขึ้นมโนมัยไคลคลา | กิดาหยันโยธาก็ตามไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี | จะเฝ้าศรีปัตหราก็หาไม่ |
ยุรยาตรเข้ายังวังใน | รีบไปปราสาทพระธิดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง | จึงดำเนินเดินตรงเข้าไปหา |
เห็นองค์อรไทยังไสยา | สาราอยู่ข้างนงคราญ |
เร่งตริตรึกนึกถวิลกินใจ | จึงเข้าไปให้ชิดพินิจอ่าน |
ครั้นสิ้นซึ่งเขียนไว้ในกระดาน | แล้วเห็นสารปันหยีที่ให้มา |
คลี่ออกอ่านดูรู้ประจักษ์ | รสรักผูกพันกันหนักหนา |
น้อยจิตคิดแค้นพระธิดา | จะมาปนศักดิ์ด้วยโจรไพร |
ทั้งคู่ตุนาหงันนั้นก็มี | หรือมาเป็นเช่นนี้ก็เป็นได้ |
เสียแรงเป็นวงศาสุราลัย | ไม่รักศักดิ์จะให้เขานินทา |
แล้วคิดแค้นขัดใจปันหยี | ไม่เจียมตัวกลัวศรีปัตหรา |
แม้นพระองค์ทรงทราบกิจจา | จะพลอยพาเรานี้ให้ชั่วไป |
คนอะไรที่ไหนทะนงศักดิ์ | อหังการเกินพักตร์มักใหญ่ |
คิดพลางวางสารนั้นลงไว้ | แล้วกลับไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาพี่เลี้ยงปันหยี |
ครั้นรุ่งก็รีบจรลี | ไปคอยฟังคดีดังสัญญา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดเสนหา |
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทรา | จึงทรงสาราที่ร่างไว้ |
ค่อยเขียนตัวผจงลงกระดาษ | มิให้ผิดเพี้ยนพลาดพลั้งได้ |
แล้วส่งให้บาหยันทันใด | พี่คิดอ่านเอาไปให้จงดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันครั้นได้สารศรี |
ถวายบังคมลาจรลี | ออกไปยังที่ทวารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงที่ทิมริมประตู | เหลียวดูผู้คนซ้ายขวา |
เห็นสุหรันปาตีก็เรียกมา | ส่งสาราให้ฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาพี่เลี้ยงคนขยัน |
ได้สารแล้วรีบจรจรัล | ไปปันจะรากันทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวาท | กราบลงแทบบาทบทศรี |
ทำเปรมปริ่มยิ้มย่องยินดี | ถวายสารพระบุตรีที่ตอบมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเกษมสันต์หรรษา |
รับสารมาจากประสันตา | พระราชาคลี่อ่านทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณ์ว่าทำทะนงนัก | ไม่เกรงศักดิ์สุราฤทธิ์เรืองศรี |
แล้วคู่ตุนาหงันของเรามี | จะให้รับไมตรีกลใด |
แม้นทราบถึงองค์พระทรงธรรม์ | ที่จะคงชีวันนั้นหาไม่ |
เราไม่ปลดปลงลงใจ | อย่าได้พะวงสงกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรแสนโสมนัสสา |
ยิ่งพูนเพิ่มพิสมัยในกัลยา | เสนหาสนิทติดพัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดสาวสวรรค์ |
ให้รักใคร่ในองค์ปันหยีนั้น | จึงบรรจงแตระมาลี |
ทำสิ้นฝีมือนางแล้ววางไว้ | ตั้งจิตคิดจะให้ปันหยี |
พวงหนึ่งนั้นแตระแต่พอดี | เทวีจะให้อุณากรรณ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณเพราเพริศเฉิดฉัน |
ครั้นเวลาเฝ้าพระทรงธรรม์ | ก็ทรงม้าผายผันเข้าวังใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี | ไปเฝ้าพระบุตรีศรีใส |
เห็นอุบะจึงทูลถามไป | แตระอุบะทำไมพระพี่นาง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีตริตรึกนึกขนาง |
หยิบบุหงามาซ่อนเสียงพลาง | แล้วคิดจะระคางเคืองใจ |
จึงทำเป็นแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ | นงลักษณ์กล่าวแกล้งแถลงไข |
พวงอุบะบุหงามาลัย | พี่ทำจะให้อนุชา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณยิ้มพลางทางว่า |
พวงไหนจะประทานก็ส่งมา | เวลาเฝ้าจวนจะด่วนไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีผินพักตร์แถลงไข |
จงงดท่าอย่าเพ่อคลาไคล | ครั้นเสร็จส่งให้มิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณรับพวงบุหงา |
ทรงทัดแล้วถวายบังคมลา | ออกมายังท้องพระโรงชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | นางสการะหนึ่งหรัดศรีใส |
ครั้นองค์อนุชาลาไป | จึงหยิบดอกไม้พวงนั้นมา |
อุหรับร่ำรสสุคนธ์ปนปรุง | ให้หอมฟุ้งประทิ่นกลิ่นกล้า |
แล้วส่งให้บาหยันกัลยา | อย่าช้าเร่งรีบเอาไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันบังคมประนมไหว้ |
เอาอุบะซ่อนใส่กลีบสไบ | แล้วรีบคลาไคลไปทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ มาถึงที่ทิมริมวัง | หยุดนั่งคอยพี่เลี้ยงปันหยี |
ครั้นพบสุหรันปาตรี | จึงส่งห่อมาลีให้ทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาผู้มีอัชฌาสัย |
ครั้นได้ห่อบุหงามาลัย | ดีใจก็เร่งรีบมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เข้าในห้องทองที่บรรทม | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา |
แล้วทูลว่าสร้อยสนจำปา | พระธิดาถวายพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
รับมาแก้ออกด้วยยินดี | มาลีหอมฟุ้งจรุงใจ |
พระหยิบดมชมรสแล้วทรงทัด | ค่อยคลายโทมนัสที่หม่นไหม้ |
ดังได้ชมองค์อรไท | แล้ววางไว้ในพานสลานั้น ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณทรงโฉมเฉิดฉัน |
ครั้นออกจากเฝ้าพระทรงธรรม์ | ก็จรจรัลมาทรงพาชี |
เดินพลางทางตรึกนึกใน | จะใคร่ไปยังบ้านปันหยี |
จะได้ดูอุบะพระบุตรี | คิดแล้วจรลีรีบมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
เหลือบเห็นอุณากรรณก็ปรีดา | จึงลีลาไปรับฉับพลัน |
จูงกรมานั่งบัลลังก์อาสน์ | ตรัสประภาษปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
ให้พี่เลี้ยงยกพานสลานั้น | มาสู่อุณากรรณอนุชา |
พลางพูดจาปราศรัยไต่ถาม | โดยความแสนสนิทเสนหา |
คลึงเคล้าเย้าหยอกกันไปมา | กายาเอนอิงพิงไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณก้มพักตร์ผลักใส |
พิศดูพวงอุบะมาลัย | จำได้ยิ้มแย้มไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
แจ้งใจในทีกิริยา | จึงมีวาจาว่าไป |
เจ้าดูอุบะไม่วางเนตร | แล้วแย้มยิ้มสังเกตเป็นไฉน |
ของชาวป่าไม่เหมือนของชาวใน | ประสาเข็ญใจก็จำมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณจึงตอบปันหยี |
ข้าเห็นว่าบุหงาพวงนี้ | งามดีชอบกลเป็นพ้นไป |
ต้องตาต้องจิตจึงพิศดู | เหมือนจะรู้จักจำเจ้าของได้ |
มิใช่ฝีมือชาวพงไพร | เป็นฝีมือชาวในบรรจงมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางทางว่า |
เจ้าเห็นที่ไหนอนุชา | จงบอกพี่ยาแต่จริงไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณตอบตามอัชฌาสัย |
จะว่าลองผิดต้องอย่าถือใจ | เห็นอยู่ในตำหนักพระธิดา |
ที่แตระนั้นละม้ายคล้ายคลึง | ประหนึ่งฝีมือเดียวกับของข้า |
แม้นผิดจงคิดเมตตา | ขออภัยเถิดอย่าถือโทษทัณฑ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเพราเพริศเฉิดฉัน |
ทำเอนอิงพิงองค์อุณากรรณ | สำรวลสรวลสันต์กันไปมา |
อนุชาว่าไยอย่างนี้ | เห็นผิดท่วงทีนักหนา |
พี่หรือจะอาจเอื้อมเอาดอกฟ้า | เกินหน้านักน้องอย่ากินใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุณากรรณยิ้มแล้วแถลงไข |
ถ้าดอกฟ้าน้อมกิ่งลงมาไซร้ | จะถึงมือหรือไม่ให้ว่ามา |
นี่หรือรักใคร่ไว้ใจกัน | ยังมิทันไรหมางระคางข้า |
อย่าพักเอื้อนอำทำมารยา | น้องแจ้งกิจจาอยู่เต็มใจ |
แล้วว่าพี่เป็นไรไม่ไปเฝ้า | ทุกข์โศกโรคเร้าหรือไฉน |
หรือธุระกังวลกลใด | ดูทีเหมือนจะไข้ในอุรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางทางว่า |
พูดไยอย่างนั้นอนุชา | เหมือนไม่เมตตาก็เหมือนกัน |
แม้นใครได้ยินความไป | ดังแกล้งฆ่ากันให้อาสัญ |
พี่ป่วยไปไม่สบายมาหลายวัน | จึงขาดเฝ้าทรงธรรม์ธิบดี |
วันนี้ค่อยคลายจะคลาไคล | อนุชามาไปเป็นเพื่อนพี่ |
ว่าพลางต่างองค์ทรงพาชี | จรลีมายังวังใน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf