- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๙
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
แต่ปันหยีพามาไว้ | ก็ได้ถึงสิบวันมา |
นางไม่เป็นกินเป็นนอน | เดือดร้อนหฤทัยหนักหนา |
แต่นั่งระวังกริชอยู่อัตรา | กลัวว่าปันหยีจะลักไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ วันนั้นบังอรหาวนอนนัก | จึงสั่งสองนงลักษณ์พิสมัย |
พี่เจ้าจงนั่งระวังระไว | รักษากริชไว้ให้จงดี |
แม้นปันหยีลักเอาไปได้ | น้องจะม้วยบรรลัยเป็นผี |
ครั้นเสร็จสั่งสองนารี | เทวีกุมกริชนิทรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
สั่งระเด่นบุตรีศรีโสภา | ให้กลับมาวังปันจะรากัน |
แล้วออกจากห้องสุวรรณบรรจง | กับองค์อนุชาย่าหรัน |
ต่างทรงพาชีฉับพลัน | จรจรัลไปยังวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ |
ทูลแถลงแจ้งเหตุทั้งปวงไป | โดยนัยอนุสนธิ์แต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา |
จึงมีสีหนาทบัญชา | ควรหรือมาทำได้ดังนี้ |
แม้นว่าผิดหมองพ้องพานกัน | จะโกรธฆ่าฟันก็ควรที่ |
นี่เหตุผลสิ่งใดก็ไม่มี | เห็นทีจะเกิดชิงชัย |
แล้วสั่งเสนีทั้งสี่คน | เร่งตรวจตราเตรียมพลน้อยใหญ่ |
ให้พร้อมเครื่องสาตราอาวุธไว้ | เกณฑ์เสบียงบอกไปจงทั่วกัน |
เราไม่ไว้ใจปัจจามิตร | เห็นจะมีมาติดเขตขัณฑ์ |
สั่งเสร็จเสด็จจรจรัล | เข้าปราสาทสุวรรณพรรณราย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเพราเพริศเฉิดฉาย |
จึงชวนย่าหรันพระน้องชาย | ผันผายมาทรงอาชาไนย |
พร้อมพระพี่เลี้ยงแลเสนา | กิดาหยันโยธาน้อยใหญ่ |
แยกย้ายมรคาคลาไคล | ต่างไปที่อยู่พระภูมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงปันจะรากัน | หวั่นหวั่นหฤทัยถึงโฉมศรี |
เสด็จลงจากหลังพาชี | ไปยังที่ห้องแก้วกัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เห็นองค์แอหนังนั้นไสยาสน์ | สองพี่เลี้ยงราชอยู่รักษา |
พระแฝงม่านมองดูกิริยา | เห็นนิทราแน่นิ่งไม่ติงกาย |
จึงย่างย่องเข้ายังห้องบรรจง | นั่งเคียงข้างองค์นางโฉมฉาย |
เห็นหัตถ์กุมกริชนั้นเคลื่อนคลาย | พระชายเนตรดูสองทรามวัย |
แล้วจึงค่อยหยิบเอากริชมา | นางจะฟื้นกายาก็หาไม่ |
เสด็จยุรยาตราคลาไคล | ออกไปยังอาสน์รจนา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ ชักกริชออกเห็นเป็นอักษร | นามกรอุณากรรณวิยาหยา |
ทิ้งกริชลงพลันแล้วบัญชา | เรียกสังคามาระตาให้มาดู |
ป่วยการเสียเปล่าเอาเขามา | เป็นน่าอัปยศอดสู |
ขืนว่าบุษบาโฉมตรู | งามอยู่แล้วหรือจงดูเอา |
เขาเป็นเมียมิสาอุณากรรณ | เมื่อกระนั้นจะว่ากระไรเล่า |
ถ้าผิดที่อื่นก็ทำเนา | นี่เกรงใจเขาด้วยรักกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน |
ชักกริชออกพิศดูพลัน | เห็นชื่ออุณากรรณเรืองฤทธิ์ |
ยิ้มพลางทางสนองพระวาจา | ซึ่งตรัสว่าภรรยานั้นเห็นผิด |
ถ้าว่าตัวอุณากรรณที่เป็นมิตร | ข้าคิดสำคัญเห็นมั่นคง |
สมกันกับคำกิดาหยัน | ได้ดูเมื่ออุณากรรณเข้าที่สรง |
มิใช่ชายดีร้ายนางโฉมยง | จะเป็นองค์แอหนังนี้แน่ใจ |
พระองค์จงฟังดูก่อน | บังอรจะว่าเป็นไฉน |
เห็นจะโกรธโทษสองทรามวัย | จงพิรี้พิไรพาที ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์เปรมปรีดิ์ | มาแฝงฟังยังที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทรา | แลหาไม่เห็นกริชก็ผิดใจ |
จึงว่าแก่พี่เลี้ยงทั้งสองศรี | เห็นดีอยู่แล้วหรือไฉน |
ให้ปันหยีมาลักเอากริชไป | นิ่งได้ไม่ปลุกทั้งสองรา |
พี่แกล้งเป็นใจด้วยปันหยี | เห็นคนอื่นดียิ่งกว่าข้า |
ไหนถ้อยคำที่ร่ำพรรณนา | ว่าแสนเสนหาอิเหนานัก |
เป็นไฉนจึงจะยกน้องให้ | แก่ชาวไพรต่ำช้าบรรดาศักดิ์ |
กระนี้หรือพี่เรียกว่ารัก | พึ่งจะประจักษ์ในน้ำใจ |
สู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง | อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย |
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย | จะตายในความซื่อสัตยา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพลางทูลขนิษฐา |
เมื่อกลางวันปันหยีจู่เข้ามา | ข้าทั้งสองราไม่ทันรู้ |
พอเหลือบเห็นสิมาถึงตัว | ครั้นจะปลุกก็กลัวปันหยีอยู่ |
อย่าพิโรธโกรธก่อนนะโฉมตรู | พี่พิเคราะห์ดูท่วงที |
เห็นว่ามิใช่ชาวป่า | จะเป็นพระเชษฐามารศรี |
จงพินิจพิศก่อนนะเทวี | จะด่วนตีตนตายไปว่าไร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังตอบตามอัชฌาสัย |
พระเชษฐาจะมาตามไย | ผิดท่วงทีไปอย่าพาที |
เมียท่านที่รักเป็นอักนิษฐ์ | จะภิรมย์ชมชิดเกษมศรี |
นับอะไรกับน้องผู้เดียวนี้ | จะมาเดินพงพีให้ยากใจ |
ถึงใครใครต่ำไร้ก็ไม่ว่า | สุดแต่เหมือนพี่ยาจะยกให้ |
ช่างคิดชอบขอบคุณเป็นพ้นไป | มิเสียทีที่ได้เลี้ยงมา |
วันนี้ตัวน้องจะอาสัญ | พี่อยู่ด้วยกันให้หรรษา |
ว่าพลางทางทรงโศกา | กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
ให้สงสัยในนางพาที | ภูมีรีบกลับออกมา |
นั่งเหนือแท่นสุวรรณบรรจง | พลางตรัสแก่องค์ขนิษฐา |
ใครฉะนี้สามีกัลยา | เรียกว่าอิเหนาไม่เข้าใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉลยไข |
นี่แลจะรู้ว่าผู้ใด | เป็นไฉนฉะนี้น่าอัศจรรย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเพราเพริศเฉิดฉัน |
จึงว่าชะรอยอุณากรรณ | เมื่ออยู่ประมอตันพารา |
แต่บรรดาพวกพ้องของเขา | เรียกกันว่าอิเหนากระมังหนา |
แล้วเล่าความตามที่ได้ฟังมา | ชะรอยเมียมิสาอุณากรรณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาก็สรวลสันต์ |
เป็นไฉนไยองค์พระทรงธรรม์ | จะว่าตัวอุณากรรณก็เป็นไร |
น้องได้ทูลไว้แต่หนหลัง | พระจะฟังวาจาก็หาไม่ |
อันอิเหนาผัวนางอรไท | ดีร้ายอยู่กรุงไกรกุเรปัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสำรวลสรวลสันต์ |
พี่เห็นว่าเมียอุณากรรณ | ไฉนจะรู้มั่นว่ากัลยา |
จะปลอบถามเท่าไรก็ไม่บอก | ยักยอกอำพรางอยู่หนักหนา |
วันนี้นางว่าจะมรณา | อนุชาจะคิดประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉลยไข |
ซึ่งนางว่าจะม้วยบรรลัย | ด้วยไม่รู้จักพระภูธร |
พระองค์จงแจ้งแต่จริงไป | ให้สิ้นสงสัยสายสมร |
แม้นโฉมตรูรู้แท้แน่นอน | บังอรจะม้วยด้วยอันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีจึงตอบเฉลยไข |
พี่ยังนึกแหนงแคลงใจ | เกลือกมิใช่บุษบานารี |
เราจะได้ความอายเสียเปล่าเปล่า | ทั้งเขาจะรู้จักศักดิ์พี่ |
น้องรักจักคิดฉันใดดี | พี่นี้นึกฉงนจนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงทูลแถลงไข |
ข้าน้อยตริตรึกนึกใน | จะจำหลักหนังให้เป็นเรื่องมา |
แต่ขึ้นไปไหว้พระบนกุหนุง | จนจากกรุงมาอยู่คูหา |
แล้วทรงรถทองเก็บมาลา | ลมพัดรถาไปนั้น |
ถ้าเห็นหนังแล้วนางโศกา | ก็เป็นองค์ขนิษฐาเป็นแม่นมั่น |
แม้นไม่โศกาจาบัลย์ | อย่าสำคัญเลยว่าเทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสาระปันหยี |
ชื่นชมสมถวิลยินดี | ว่าพี่คิดนี้น้องชอบใจ |
จึงสั่งสังคามาระตา | สนธยานี้เล่นให้จงได้ |
เจ้าเร่งรัดจัดช่างฉับไว | แล้วเล่าเรื่องไปให้เขาฟัง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาก็รับสั่ง |
ยินดีปรีดาเป็นกำลัง | ว่ากะกังช่างคิดดีนัก |
แล้วเรียกพวกช่างมาประชุม | เข้ารุมกันร่างบ้างจำหลัก |
บ้างลงกระยารงค์ตัดวงพักตร์ | น้อยน้อยน่ารักน่าเอ็นดู |
บ้างจัดแจงแต่งตั้งบังไฟ | บ้างบั่นเสาเกลาไม้อึงอยู่ |
บ้างเย็บจอต่อผ้าสาลู | แล้วจัดคนเชิดชูมาเตรียมไว้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
แต่ปันหยีลักเอากริชไป | ให้เร่าร้อนหฤทัยเป็นพ้นคิด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ ทอดองค์ลงแล้วก็โศกา | กัลยาแค้นขัดกลัดจิต |
โอ้พระโฉมยงทรงฤทธิ์ | น้องคิดว่าจะครองตัวไว้ |
ให้ผ่องแผ้วเพียงแก้วจินดา | กว่าจะพบผ่านฟ้าพิสมัย |
ไม่เหมือนคิดผิดหวังตั้งใจ | ชะรอยกรรมทำไว้แต่ไรมา |
อยู่ไปก็ไม่จิรังกาล | จะม้วยมุดสุดปราณเสียดีกว่า |
สืบไปได้พบพระพี่ยา | จะเอาหน้าไปไว้แห่งไร |
ถึงมาตรแม้นม้วยดินสิ้นฟ้า | จะสิ้นความนินทาก็หาไม่ |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นทรวงใน | อรไทรันทดกำสรดทรง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ แล้วสั่งพี่เลี้ยงทั้งสอง | ว่าน้องจะชำระสระสรง |
วันนี้ชีวิตจะปลิดปลง | พี่จงจัดเครื่องสนานมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพี่เลี้ยงเสนหา |
ได้ฟังดังจะสิ้นชีวา | ต่างคนโศการ่ำไร |
แล้วทูลว่าข้าน้อยทั้งสองนี้ | จะคิดแก่ชีวีนั้นหาไม่ |
ถึงมาตรแม้นจะเป็นประการใด | แม้นแม่ตกไหนจะไปตาม |
เคยร่วมสุขร่วมทุกข์ร่วมเข็ญ | ร่วมลำบากยากเย็นด้วยเป็นสาม |
แม้นตายจะตายด้วยโฉมงาม | ว่าแล้วก็ตามกันออกมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ จัดแจงแต่งเครื่องกระยาสนาน | ปรุงสุคนธาธารบุปผา |
ใส่พานตั้งไว้แล้วไคลคลา | เข้ามาทูลองค์บังอร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาสายสมร |
ครั้นสิ้นแสงสีรวีวร | บทจรไปสรงคงคาลัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย
ชมตลาด
๏ สระสางเกศเกล้าเมาลี | สรงสุทธาวารีเย็นใส |
ทั้งสองพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | มารับใช้ช่วยสีฉวีวรรณ |
นพคุณหนุนเนื้อเจือจันทน์ปรุง | น้ำกุหลาบเฟื่องฟุ้งกลิ่นกลั่น |
ลูบไล้อุหรับจับผิวพรรณ | ดังนางในสวรรค์ชั้นฟ้า |
ทรงภูษาคากรองเปลือกไม้ | ห่มสไบซ่าโบะของเชษฐา |
สอดใส่ธำมรงค์รจนา | ซึ่งเปลี่ยนไว้เมื่อจะลาไปธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จเสด็จเข้าที่ไสยาสน์ | กรพาดเขนยทองหมองศรี |
ทั้งสองพี่เลี้ยงนารี | โศกีร่ำไรรักกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน |
กับนักเลงเล่นหนังทั้งนั้น | ก็พากันเข้าไปในวัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นถึงจึงตั้งจอลง | จำเพาะตรงช่องแกลแอหนัง |
ให้จุดไต้ใส่เพลิงเอาแผงบัง | จะวายังถวายให้คลายใจ |
แล้วตั้งโห่สามทีตีฆ้องกลอง | กึกก้องสนั่นหวั่นไหว |
เชิดรูปอิเหนาขึ้นทันใด | ประสันตาพากย์ไปทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
__________________
คำพากย์
๏ ปางนั้นระเด่นมนตรี | พระเสด็จจรลี |
ยังเชิงกุหนุงบ่มินาน |
คำเจรจา
๏ ฝ่ายระเด่นมนตรี มีพระทัยนึกคะนึง คิดถึงระเด่นบุษบา เวลาเย็นจะขึ้นมาบนกุหนุง พระหมายมุ่งจะประสบพบนาง คิดพลางทางประทับยับยั้ง อยู่ยังบรรณศาลา บัดนี้ ฯ เสมอ ฯ
คำพากย์
๏ หยุดประทับศาลาหน้าวิหาร | พร้อมพวกบริวาร |
ก็เล่นอยู่จนสนธยา |
๏ ฝ่ายมะเดหวีเสนหา | กับระเด่นบุษบา |
ทั้งสองสำอางอ่าองค์ |
คำเจรจา
๏ ฝ่ายองค์มะเดหวี มีพระเสาวนีย์ตรัสประภาษ ชวนพระราชธิดา บุษบานงลักษณ์ ลีลาศลงจากตำหนักที่ข้างใน พร้อมไปด้วยฝูงนางกำนัลบริวาร มาสู่สถานเชิงสิงขร บัดนี้ ฯ เพลงช้า ฯ
คำพากย์
๏ พร้อมฝูงสุรางค์นางอนงค์ | แวดล้อมโฉมยง |
เสด็จโดยวิถี |
๏ ครั้นถึงศาลาเชิงคิรี | ขับเราวิ่งหนี |
เสลือกสลนลนลาน |
คำเจรจา
๏ ระเด่นมนตรี สั่งเสนีรี้พลทั้งหลาย ให้ผันผายไปให้พ้น หนทางที่นางจะบทจร ภูธรชวนอนุชา กับประสันตาผู้ร่วมใจ เข้าไปซ่อนแอบ อยู่แทบหลังพระปฏิมา บัดนี้ ฯ รัว ฯ
คำพากย์
๏ อิเหนาเข้าในพระวิหาร | แฝงหลังพระประธาน |
คอยดูระเด่นบุตรี |
๏ โฉมยงองค์มะเดหวี | เข้าไปอัญชลี |
ด้วยโสมนัสมัสการ |
๏ ทรงสอนบุษบาบ่มินาน | เสี่ยงเทียนพิษฐาน |
จะได้ข้างไหนแน่นอน |
๏ พระตรัสตอบองค์บังอร | จะได้แก่ภูธร |
บ่ได้ข้างท้าวจรกา |
คำเจรจา
๏ ระเด่นมนตรีสุริย์วงศ์ พระองค์แอบอยู่แทบหลังพระปฏิมา มีพระราชบัญชาตรัสตอบนาง พลางต้อนค้างคาวออกไป ให้เทียนดับมืดมนอนธการ บัดนี้ ฯ เชิด ฯ
คำพากย์
๏ แล้วต้อนค้างคาวออกมา | เทียนประทีปชวาลา |
ตระบัดก็ดับอนธการ |
๏ อิเหนาย่องมาบ่มินาน | นั่งแนบนงคราญ |
สัมผัสภิรมย์ยินดี |
๏ ปางประเสหรันเปิดอัคคี | บุษบาเบือนหนี |
สะบิ้งสะบัดปัดกร |
คำเจรจา
๏ ฝ่ายระเด่นมนตรี กับมะเดหวีให้สัตย์สัญญา ต่อหน้าพระปฏิมากรแล้วเสร็จ ต่างองค์ต่างเสด็จกลับ ไปยังที่ประทับพลับพลา บัดนี้ ฯ เสมอ ฯ
คำพากย์
๏ ภูวไนยไม่วางบังอร | ขอเปลี่ยนอาภรณ์ |
ครั้นแล้วก็กลับพลับพลา |
๏ พระองค์ทรงพิภพดาหา | แต่เสด็จออกมา |
ประทับอยู่หลายราตรี |
คำเจรจา
๏ ฝ่ายท้าวดาหาสุริย์วงศ์ พระองค์เสด็จประทับยับยั้ง อยู่ยังเขาวิลิศมาหรา ช้านานมาได้หลายวัน พระทรงธรรม์ก็ให้เลิกทัพกลับเข้ายังพระนครดาหา บัดนี้ ฯ กลองโยน ฯ
คำพากย์
๏ ครั้นบ่ายชายแสงพระสุริย์ศรี | ให้ยกโยธี |
ก็คืนเข้ายังพระนคร |
๏ เมื่อสองกษัตริย์ร่วมบรรจถรณ์ | วันแรกภูธร |
มาถึงบรรทมด้วยกัน |
๏ สองราชธิดาดวงจันทร์ | ไสยาสน์อาสน์สุวรรณ |
ถัดห้องทั้งสองมเหสี |
๏ สียะตรากับระเด่นมนตรี | บรรทมแท่นมณี |
อยู่ที่ข้างหน้าออกมา |
๏ อิเหนาเฝ้าวอนอนุชา | ขอสไบบุษบา |
มาได้ดังใจจำนง |
__________________
ร่าย
๏ พระทรงเป็นนิจติดองค์ | ชมต่างโฉมยง |
อยู่ทุกทิวาราตรี |
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
ดูหนังฟังพากย์พาที | ก็กันแสงโศกีร่ำไร |
เป็นความในใจจริงของนาง | ตรัสห้ามไปพลางทางร้องไห้ |
ข้าไม่ขอเห็นอย่าเล่นไป | ว่าแล้วทรามวัยก็โศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ประสันตาไม่ฟังแอหนังว่า |
จึงว่ายังเป็นเรื่องเนื่องมา | เมื่อเกิดกูณฑ์โกลาในธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด (เชิดตัวหนังเผาเมือง)
__________________
๏ เมื่อเกิดกูณฑ์ในพระบุรี | ระเด่นมนตรี |
ก็แปลงเป็นท้าวจรกา |
คำเจรจา
๏ อิเหนาสุริย์วงศ์ แปลงองค์ให้เหมือนจรกา ลอบลักบุษบา มาทรงรถาบทจร ออกจากพระนครดาหาในราตรี เร่งรีบโยธีคลาไคล ไปยังสุวรรณคูหา บัดนี้ ฯ กราว ฯ
คำพากย์
๏ เข้าไปลักนางบุษบา | อุ้มลงทรงรถา |
ก็รีบมาในราตรี |
๏ ครั้นถึงพอรุ่งสุริย์ศรี | พระพาเทวี |
มาไว้ที่ในถ้ำทอง |
คำเจรจา
๏ ระเด่นมนตรีชื่นชมภิรมยา ด้วยได้บุษบาบังอร มาสมัครสโมสร สมหวังดังพระทัย ภูวไนยแสนโสมนัส สองกษัตริย์เกษมสุขสำราญใจ อยู่ในห้องสุวรรณ บัดนี้ ฯ โลม ฯ
คำพากย์
๏ สมหวังดังจิตคิดปอง | ชื่นชมสมสอง |
กระสันเกษมเปรมปราย |
๏ ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | คิดคืนเมืองหมาย |
จะแก้ซึ่งความสงสัย |
๏ พระมิใคร่จากองค์อรไท | จำเป็นจำไป |
ระทวยระทดบทจร |
คำเจรจา
๏ ระเด่นมนตรี มีพระทัยระทดกำสรดโศก ด้วยจะวิโยคพลัดพราก จากพระน้องนุชนงเยาว์ ครั้นมิไปเล่าชาวพระนครดาหา เขาชวนกันสงกากินใจ จำจะไปแก้สงสัยให้หายแหนง พอบ่ายชายแสงสุริยาสายัณห์ จะกลับมาให้ทันถึงคิรีอย่าร้อนใจ ภูวไนยสั่งพลางทางเสด็จมาทรงพาชี พร้อมด้วยโยธีทั้งปวง ก็ลุล่วงมรคา ไปยังพระนครดาหา บัดนี้ กราวนอก ฯ เชิด ฯ
คำพากย์
๏ แข็งขืนหฤทัยภูธร | มาทรงอัสดร |
เสด็จมาโดยแดนดง |
๏ ฝ่ายองค์พระน้องนุช | ระเด่นบุษบาทรง |
กันแสงระทวยองค์ | ทวีเทวษถึงเชษฐา |
๏ สองนางประโลมปลอบ | บ่เชื่อชอบในอัชฌา |
ยิ่งทรงพระโศกา | พิไรร่ำระกำใจ |
คำเจรจา
๏ องค์ระเด่นบุษบานางพระยาเจ้า ให้โศกเศร้าถึงพระเชษฐาไม่เหือดหาย ฝ่ายประสันตาจึงทูลเชิญโฉมยง ให้ทรงประพาสสวนศรี เทวีจึงชวนพี่เลี้ยงทั้งสอง ออกจากห้องสุวรรณคูหา มายังสะตาหมัน บัดนี้ ฯ ทยอย ฯ
คำพากย์
๏ สองนางเสนอสนอง | แม่อย่าหมองกมลใน |
เชิญเสด็จออกไป | ประพาสพรรณมาลี |
๏ ประสันตาพาเสด็จจรลี | เที่ยวชมสวนศรี |
ให้สร่างกำสรดเศร้าหมอง |
คำเจรจา
๏ โฉมยงองค์ระเด่นบุษบา กัลยาขึ้นทรงระแทะทอง พี่เลี้ยงทั้งสองนางนั่งข้างท้าย ฝ่ายกะระตาหลากับประสันตาเข้าชักรถ ลดเลี้ยวเที่ยวไปในสะตาหมัน บัดนี้ ฯ พญาเดิน ฯ
พากย์ชมดง
๏ เชิญเสด็จขึ้นทรงรถทอง | พี่เลี้ยงทั้งสอง |
ก็นั่งข้างท้ายรถา |
๏ เที่ยวชมมิ่งไม้นานา | เด็ดดวงพวงผกา |
อันมีประหลาดหลายพรรณ |
คำเจรจา
๏ ระเด่นบุษบาราชเทวี กับนารีพี่เลี้ยงทั้งสอง ทรงระแทะทอง เที่ยวประพาสชมพรรณบุหงาในราตรีวันนั้น บังเกิดอัศจรรย์เป็นลมพายุใหญ่พัดพาน บันดาลหอบรถนางนฤมล ทั้งสามคนลอยละลิ่วปลิวหายไปในเวหา บัดนี้ ฯ เชิด ฯ
ร่าย
๏ ตระบัดเกิดเหตุมหันต์ | ลมหอบรถสุวรรณ |
ก็ปลิวไปในราตรี |
๏ เมื่อนั้น | แอหนังฟังแจ้งถ้วนถี่ |
สะอื้นร่ำกำสรดแสนทวี | มารศรีพ่างเพียงจะขาดใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯโอด
๏ บัดนั้น | บาหยันได้ยินก็สงสัย |
จึงว่าแก่ประเสหรันทันใด | ใครเอาความในมาเจรจา |
นิ่งพินิจพิศเพ่งอยู่เป็นครู่ | คล้ายคล้ายเหมือนจะรู้จักหน้า |
ใครนี่จงแจ้งแต่จริงมา | ละม้ายเหมือนประสันตากุเรปัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาตอบนางพลางสรวลสันต์ |
แต่ก่อนเป็นชาวกุเรปัน | ทุกวันนี้เป็นชาวพนาวา |
แล้วทักถามไปว่าใครนั่น | ละม้ายเหมือนบาหยันดาหา |
เต็มพิศด้วยฤทธิ์ปะตาปา | ต่อทักมาจึงแจ้งบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
จึงถามว่าระเด่นมนตรี | ภูมีเสด็จอยู่แห่งใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงแจ้งแถลงไข |
เจ้านี้ตาบอดอยู่หรือไร | จึงไม่เห็นระเด่นมนตรี |
ยังจะแค่นถามหาอยู่อีกเล่า | ก็ใครเข้าไปนั่งอยู่เมื่อกี้ |
แต่แปลงนามตามชาวพงพี | เท่านี้หรือแปลกดังแปลงกาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันตอบไปดังใจหมาย |
ข้าเห็นปันหยีนี้มีละม้าย | ได้ทูลองค์โฉมฉายไม่เชื่อฟัง |
ว่าพระมีที่รักเป็นอักนิษฐ์ | ไหนจะติดตามมาถึงกาหลัง |
ความทุกข์ร้อนรนพ้นกำลัง | ยังแต่จะม้วยมรณา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาดีใจเป็นหนักหนา |
หอบหนังรุงรังออกมา | สำรวลสรวลร่าเปรมปรีดิ์ |
บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น | มิช้าจะได้คืนไปกรุงศรี |
จึงเข้าไปกราบทูลพระภูมี | ถ้วนถี่ชี้แจงให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส |
ชื่นชมด้วยสมหฤทัย | จึงซักไซ้ไต่ถามไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาขนิษฐา |
ยิ้มพลางทางทูลพระราชา | ครั้งนี้ประสันตาเห็นพ้นเคราะห์ |
เดิมพระน้องหายให้ตามหา | ช่างอุตส่าห์ลดเลี้ยวเที่ยวสืบเสาะ |
ไปพบที่ประสงค์จงจำเพาะ | ทั้งแยบคายหมายเหมาะเป็นพ้นไป |
ซึ่งโทษผิดติดตัวมาช้านาน | ครั้งนี้ก็ทำการแก้ตัวได้ |
มิโปรดบ้างก็จะเสียน้ำใจ | ขอประทานจงให้พ้นโทษทัณฑ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตอบพลางทางสรวลสันต์ |
จำจะยกโทษให้แทนรางวัล | แต่พอกันติฉินนินทา |
แล้วเสด็จจรลีเข้าที่สรง | สำอางองค์ทรงสุคนธ์โอ่อ่า |
จับชายกรายกรลีลา | ไปยังห้องไสยาฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ฉุยฉาย
ชาตรี
๏ เห็นพระน้องทรงโศกกันแสงไห้ | พระสวมสอดกอดไว้แล้วรับขวัญ |
ดังตายแล้วเกิดใหม่ได้พบกัน | อย่าโศกศัลย์นักเลยกัลยา |
ทีนี้เห็นประจักษ์ว่ารักพี่ | มารศรีครองตัวไว้ท่า |
เดชะความสัตย์เราสองรา | เทวามาช่วยพยาบาล |
ไม่มีอันตรายระคายองค์ | จนพบโฉมยงยอดสงสาร |
มาตรแม้นชีวันบรรลัยลาญ | แต่จะรู้เหตุการณ์ก็ไม่มี |
เวราสิ่งใดซึ่งได้สร้าง | จึงมาจงล้างเราสองศรี |
ได้ชื่นชมสมสุขด้วยเทวี | แต่สองราตรีมาจากกัน |
เดชะเราได้ปะตาปา | อย่าให้รู้คลาดคลาคุ้งอาสัญ |
เกิดไหนจงได้ครองกัน | ให้รักร่วมชีวันจนบรรลัย |
ถึงม้วยดินสิ้นภพปัถพี | อย่ารู้ม้วยไมตรีพิสมัย |
เวรใดอย่าทำให้จำไกล | เหมือนชาตินี้ที่ได้เวทนา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วมีมธุรสพจนารถ | แก่สองพี่เลี้ยงราชขนิษฐา |
แต่เราไปรับกัลยา | มาไว้พาราก็หลายวัน |
เหตุใดไม่บอกแต่โดยสัตย์ | ให้พระน้องเคืองขัดกันแสงศัลย์ |
ปิ้มจะม้วยชีวาด้วยจาบัลย์ | บาหยันคิดอ่านประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพลางทูลแถลงไข |
ข้าน้อยได้เห็นภูวไนย | พึ่งตระหนักประจักษ์ใจในวันนี้ |
ได้ทูลว่าจะมิใช่โจรป่า | เหมือนองค์พระเชษฐาเรืองศรี |
พระน้องตรัสว่าเห็นผิดที | พระมีที่รักอยู่จะมาไย |
ว่าปันหยีนี้ชาวมะละกา | ที่ไปปะตาปาบนเขาใหญ่ |
ข้าน้อยก็พลอยแคลงไป | แจ้งใจต่อปะประสันตา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงถามบาหยันกัลยา | กริชนี้ได้มาแต่แห่งใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันทูลแจ้งแถลงไข |
องค์ปะตาระกาหลาเรืองชัย | ประทานให้ในเวลาราตรี |
แล้วทูลแต่ต้นไปจนปลาย | บรรยายคลายความถ้วนถี่ |
จนจากกาหลังธานี | ไปขึ้นคิรีปะตาปา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจัดสรรพระภูษา |
เสร็จแล้วยกพานคลานเข้ามา | แฝงหน้าเรียกบาหยันทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางยิ้มแย้มแจ่มใส |
รับพานผ้าวางข้างภูวไนย | ต่างคนบังคมไหว้แล้วออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเกษมสันต์หรรษา |
จึ่งตรัสแก่สาวสวรรค์กัลยา | แก้วตาของพี่ผู้ยอดรัก |
นี่เนื้อผลกรรมนำสนอง | ให้สองเราวิตกเพียงอกหัก |
จนแต่ได้ประสบพบพักตร์ | ก็ยังไม่รู้จักตระหนักใจ |
ทีนี้ชะรอยผลบุญ | มาค้ำชูอุดหนุนสนองให้ |
พอบันดาลเกิดเหตุเภทภัย | ย่าหรันหายไปจึงได้น้อง |
นับวันจะวายความทุกข์ | แสนสุขปรีดิ์เปรมเกษมสอง |
เจ้าจงเปลื้องเปลือกไม้คากรอง | นวลละอองเชิญลาปะตาปา |
ตรัสพลางทางหยิบผ้าทรง | ยื่นให้แก่องค์ขนิษฐา |
เขาจะติฉินนินทา | ว่าพี่พาแอหนังมาไว้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
สะเทินจิตปัดผ้าเสียทันใด | ค้อนให้แล้วผันพักตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงว่าวันที่รับน้องมา | ก็เป็นราษราตรีกาล |
ไม่มีผู้ใดใครเห็นเจ้า | โฉมเฉลาเยาวยอดสงสาร |
ช้าไปจะได้ความอัประมาณ | ไม่พ้นคำพาลนินทา |
ว่าแล้วหยิบผ้ามาคลุมองค์ | โฉมยงจงฟังพี่ว่า |
ถึงผลักไสก็ไม่ฟังกัลยา | จงเปลื้องผ้าคากรองเปลือกไม้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
กรานองค์ลงยุดฉุดชิงไว้ | เปลือกไม้ก็ขาดออกฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตรัสพลางทางสรวลสันต์ |
ผ้าเปลือกไม้นี้ดีครัน | เนื้อหนังขยันมั่นคงนัก |
เจ้าของคร่าไปจะให้หลุด | ชิงฉุดด้วยฤทธิ์สิทธิศักดิ์ |
ส่วนผ้านั้นไม่สามิภักดิ์ | ยังจะขืนแค่นรักไปว่าไร |
พระพลางเปลื้องเปลือกไม้ออกจากองค์ | เห็นทรงซ่าโบะก็จำได้ |
ธำมรงค์หันวงออกมาไว้ | พลอยอยู่ข้างในมือนาง |
อันซ่าโบะกับเปลือกไม้นั้น | จะนุ่งห่มด้วยกันเห็นขัดขวาง |
ส่งผ้าให้ผลัดแล้วตรัสพลาง | จะให้นางเชลยมาวันทา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ติหลาอรสา |
จึงสนองวาทีพระพี่ยา | อย่าเพ่อให้มาก่อนภูวไนย |
น้องประหวั่นพรั่นจิตเป็นพ้นนัก | เกลือกเขาจะรู้จักจำได้ |
ให้คิดอัปยศอดสูใจ | ต่อหลายวันไปจึงให้มา |
ว่าแล้วประณตบทบงสุ์ | ลาองค์ปะตาระกาหลา |
ผลัดผ้าลาจากปะตาปา | แล้วบังคมเชษฐาทันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส |
อุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้ | แสนสำราญฤทัยเป็นพ้นคิด |
ดังได้ชื่นเชยเสวยสวรรค์ | ช่อชั้นนิมมานรดิศ |
พระลูบไล้โลมนางพลางจุมพิต | แล้วทรงฤทธิ์จึงตรัสแก่เทวี |
เมื่อรู้ว่าลมพาเจ้าหายไป | พี่เพียงบรรลัยด้วยโฉมศรี |
แต่สลบซบลงถึงสามที | สมประดีเดือดดิ้นแดดาล |
จะนั่งนอนอาวรณ์ถวิลหา | กินแต่น้ำตาต่างอาหาร |
เที่ยวทุกเถื่อนถ้ำลำธาร | สืบข่าวเยาวมาลย์ทุกเวียงชัย |
สุดคิดแล้วจึงปะตาปา | ปรารถนาขอพบเจ้าจงได้ |
ครั้นประสบดวงยิหวายาใจ | ให้พะวงสงสัยด้วยเป็นชาย |
เมื่อหายไปแต่หญิงสามคน | นี่เห็นมีรี้พลมากหลาย |
จึงถามดูระแบบแยบคาย | เจ้าก็แกล้งอุบายให้แคลงไป |
แต่จำชื่นขืนเล่นอยู่เป็นนิจ | พาจิตให้คลายที่หม่นไหม้ |
ถึงจะชมหญิงอื่นไม่ชื่นใจ | มิได้ลืมทรามวัยสักเวลา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ติหลาอรสา |
ยิ้มพลางนางสนองพระวาจา | สารพัดตรัสมาก็เข้าใจ |
ถึงพระมาอยู่นี่บัดนี้เล่า | ใช่จะเปล่าไร้ที่พิสมัย |
พระธิดากาหลังกรุงไกร | ก็ทรงลักษณ์วิไลโสภา |
เห็นให้สารสื่อสวนชวนชิด | แสนสนิทติดพันกันหนักหนา |
ส่งเสียสารพัดอยู่อัตรา | ทั้งอุบะบุหงาก็ให้ปัน |
ซึ่งว่าชมหญิงอื่นไม่ชื่นจิต | เหมือนกล่าวแกล้งแสร้งประดิษฐ์บิดพัน |
ไพเราะเพราะพริ้งทุกสิ่งอัน | น้อยหรือนั่นน่าเชื่อพระวาจา |
แม้นไม่มีที่ประสงค์จงใจ | ปานนี้ก็จะไปอยู่หมันหยา |
เชยชมโฉมงามสามสุดา | จะคะนึงถึงข้าเห็นผิดที ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์เปรมปรีดิ์ | แล้วตอบถ้อยวาทีสนองนาง |
หนามยอกจึงเอาหนามตามบ่ง | แต่พอคงค่อยคลายสบายบ้าง |
จะรังเกียจเดียดฉันท์กั้นกาง | นางก็เป็นพี่นางอุณากรรณ |
ฝ่ายพี่ก็มิใช่จะเจาะจง | ลุ่มหลงอาลัยใฝ่ฝัน |
อุตส่าห์แสร้งทำสนิทติดพัน | เพราะรักใคร่อุณากรรณน้องชาย |
เห็นรูปทรงส่งศรีกิริยา | เหมือนบุษบาเมียพี่ที่หาย |
จึงตามติดไม่คิดตัวตาย | ยังยักย้ายเกียดกันฉันทา |
ถ้าแม้นพี่ม้วยมุดสุดชีวัน | จะสำคัญว่าคืนไปหมันหยา |
แสนกระแหน่แง่งอนค่อนเจรจา | เมื่อกระนี้จะว่าประการใด |
จะว่าพี่รักเจ้าหรือรักเมีย | แสร้งสลัดซัดเสียหรือไฉน |
ว่าพลายเชยปรางอรไท | นางผันพักตร์ผลักไสไปมา |
พี่แค้นนักด้วยน้องอำพราง | แต่วิงวอนถามนางก็หนักหนา |
น้อยหรือนิ่งได้ไม่เจรจา | กัลยาจะกล้ำอำความตาย ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมฉาย |
ยิ้มพลางทางตอบอภิปราย | ช่างอุบายเบี่ยงผันพาที |
กลับว่าน้องเกียดกันฉันทา | สารพัดตรัสว่าถ้วนถี่ |
ข้าเข้าใจอยู่แล้วพระภูมี | เลือกล้วนแต่ดีมาเจรจา |
ไหนจะให้น้องบอกออกความจริง | คิดกริ่งเกลือกมิใช่พระเชษฐา |
ส่วนพระสิแกล้งแปลงมา | ส่วนว่าน้องนี้มิให้พลาง |
แม้นตรัสความตามจริงเหมือนฉะนี้ | ก็จะบอกโดยดีไม่ขัดขวาง |
ความทุกข์เพียงชีวิตจะวายวาง | ให้นึกอางขนางว่าชาวไพร |
แต่พร่ำรักษาตัวกลัวปนศักดิ์ | ยังเยื้องยักเจรจาว่าได้ |
เกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะใคร | ได้ยากแล้วจะได้อัประมาณ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางทางว่าขาน |
จะว่าไปไยเล่าไม่เข้าการ | รสร้างห่างนานพึ่งพานพบ |
พระคลึงเคล้าเอารสนาสา | สุคนธาหอมหวนอวลอบ |
ถนอมแนบแอบอุราปรารภ | พลางสอดกอดกระทบปทุมทอง |
อุ้มนางวางเหนือแท่นบรรทม | บันเทิงจิตชิดชมสมสอง |
อัศจรรย์บันดาลสุนีคะนอง | คำรนร้องเลื่อนลั่นครั่นครึก |
เบื้องบนฝนฝอยพร้อยพรำ | ซ่านเซ็นเย็นฉ่ำเมื่อยามดึก |
โบกขรณีในไพรพฤกษ์ | ที่แล้งลึกเหลือล้นชลธี |
โกสุมปทุมทองครั้นต้องฝน | ก็แบ่งบานเสาวคนธ์คลายคลี่ |
สองกษัตริย์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ | ถ้อยทีสอดคล้องทำนองใน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้พานพบสบประสงค์จงใจ | ทรามวัยพิศวาสแสนทวี |
อิงแอบแนบชิดพระเชษฐา | นัยนาแลสบหลบเนตรหนี |
สัพยอกหยอกเย้าหยิกตี | ถ้อยทีชื่นชมโสมนัส |
พระเลียมลอดสอดเสียดสไบนาง | บังอรค้อนพลางผลักพระหัตถ์ |
เมียงชม้อยหมอบกรานอยู่งานพัด | แย้มสรวลชวนตรัสจำนรรจา |
พระโลมลูบปฤษฎางค์ทางรับขวัญ | นางยอกรป้อนปันชานสลา |
ชมชื่นรื่นรสปรีดา | กัลยาเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
ถนอมแนบแอบองค์เทวี | สมถวิลยินดีเป็นสุดคิด |
ตระกองกรคลึงเคล้าเยาวมาลย์ | เสนหาซาบซ่านดวงจิต |
เฝ้าเชยชื่นรื่นรมย์ชมชิด | แสนสนิทพิศวาสไม่คลาดคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ติหลาอรสา |
จึงประนมบังคมทูลพี่ยา | ผ่านฟ้าจงโปรดปรานี |
น้องคิดถึงบิตุเรศมารดา | อีกทั้งขนิษฐาสองศรี |
แต่พลัดพรากจากกันก็หลายปี | ปานนี้จะเป็นประการใด |
เห็นจะโศกเศร้าหมองถึงน้องนัก | ดีร้ายไม่ประจักษ์ว่าเป็นไฉน |
จงเมตตาพาน้องกลับไป | ยังพิชัยดาหาธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสาระปันหยี |
รับขวัญกัลยาแล้วพาที | จะคืนไปธานีนั้นสุดคิด |
ด้วยโทษพี่มีอยู่เป็นหนักหนา | พระบิตุเรศมารดาจะปองผิด |
เกลือกมิให้สู่สมชมชิด | จะปลงปลิดน้องไปให้จรกา |
น่าที่พี่จะม้วยบรรลัย | จะกลับไปฉันใดขนิษฐา |
อันนวลนางโฉมศรีวิยะดา | พี่ก็พามาด้วยแต่วันนั้น |
บัดนี้นางก็มีคู่ครอง | ทั้งสองสมควรดังแกล้งสรร |
เสียดายแต่ศักดิ์ไม่สมกัน | เป็นปันจุเหร็จพึ่งเข้ามา |
อันนามกรของเขานั้น | ชื่อย่าหรันวิลิศมาหรา |
พระองค์ทรงพิภพบัญชา | ยกให้กัลยาก็จนใจ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้ฟังคั่งแค้นแล้วตอบไป | เป็นไฉนฉะนี้พระพี่ยา |
ให้พระน้องครองคู่ต่ำศักดิ์ | ไม่รู้จักเชื้อวงศ์พงศา |
ช่างกระไรไม่คิดถึงสียะตรา | ว่าพลางโศกาอาลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแล้วแถลงไข |
พี่ก็ไม่ปลดปลงลงใจ | ขัดมิได้ด้วยกลัวพระอาญา |
ถ้าได้เหมือนบุตรท้าวประมอตัน | อุณากรรณกระหมันวิยาหยา |
ถึงมิใช่สุริย์วงศ์เทวา | แต่รุ่งเรืองฤทธาพี่ชอบใจ |
ว่าพลางสำรวลสรวลสันต์ | จรจรัลจากห้องพิสมัย |
จึงตรัสสั่งพี่เลี้ยงทันใด | เร่งไปเชิญสองพระน้องมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะรับสั่งใส่เกศา |
ถวายบังคมงามสามลา | รีบไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | ทูลสองสุริย์วงศ์เรืองศรี |
รับสั่งพระเชษฐาธิบดี | ให้ข้านี้มาเชิญเสด็จไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
จึงชวนหลงหนึ่งหรัดทรามวัย | แต่งองค์อำไพแล้วไคลคลา |
สององค์ทรงรถเดียวกัน | พี่เลี้ยงกำนัลพร้อมหน้า |
กิดาหยันโดยเสด็จยาตรา | ตรงมายังปันจะรากัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากรถทรง | ชวนองค์โฉมฉายผายผัน |
เข้าไปยังในห้องสุวรรณ | บังคมคัลปันหยีด้วยปรีดา |
แต่หลงหนึ่งหรัดนั้นขัดแค้น | เห็นนางนั่งร่วมแท่นกับเชษฐา |
ไม่ทันดูรู้จักว่าบุษบา | กัลยาคิดเคียดรังเกียจใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีจึงแจ้งแถลงไข |
นี่คือบุษบาที่หายไป | พี่เที่ยวตามพึ่งได้ตัวมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองเยาวราชขนิษฐา |
กราบลงกับบาทนางบุษบา | แสนโสมนัสสาเป็นพ้นไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ให้หมกมุ่นขุ่นแค้นเคืองใจ | ดูสองทรามวัยไม่เต็มตา |
นางผันพักตร์เมินสะเทินเฉย | มิใคร่ชมเชยขนิษฐา |
ชลเนตรคลอคลองนัยนา | กัลยาไม่ว่าขานประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีรู้ทีอัชฌาสัย |
สรวลพลางพระทางว่าไป | เจ้าจงดูใหม่ให้เต็มตา |
พี่เห็นเหมือนสียะตราโฉมยง | จึงจำนงจงให้ขนิษฐา |
ชะรอยบุญเคยคู่ด้วยกัลยา | เจ้าอย่าเพ่อเคืองข้องหมองใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
พิศดูย่าหรันทันใด | จึงคิดได้ว่าองค์สียะตรา |
นางสิ้นแค้นแสนโสมนัสนัก | ปราศรัยสองน้องรักเสนหา |
พี่แปลกเจ้าทีเดียวดวงชีวา | จำเริญวัยใหญ่มาถึงเพียงนี้ |
ต่างองค์ต่างปรับทุกข์กัน | โศกศัลย์ร่ำไรอยู่ในที่ |
ครั้นเสร็จค่อยสร่างโศกี | จำนรรจาพาทีกันไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ทั้งหลงหนึ่งหรัดกัลยา | จึงทูลพระเชษฐาไปทันใด |
บัดนี้ก็พบกับพระพี่ | ภูมีจงกลับไปกรุงใหญ่ |
พระชนนีทั้งสองเวียงชัย | กันแสงหาอาลัยอยู่นัก |
ทั้งน้องก็หนีพระองค์มา | จะซ้ำแสนโศกาเพียงอกหัก |
แต่จากมาก็ช้านานนัก | จะตั้งพักตร์คอยหาทุกนาที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสาระปันหยี |
พิศดูบุษบาเทวี | ภูมีสะท้อนถอนใจ |
จึงตอบพระน้องทั้งสองรา | แม้นจะพากันกลับไปกรุงใหญ่ |
กลัวศรีปัตหราเรืองชัย | จะยกพี่เจ้าให้จรกา |
เสียแรงได้ลำบากยากใจ | ทั้งบกเรือเหนือใต้ไปตามหา |
แม้นพี่ม้วยมุดสุดชีวา | ที่ไหนอนุชาจะเห็นใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันจึงทูลเฉลยไข |
อันระตูจรกาชาญชัย | มิได้เกี่ยวข้องพ้องพาน |
พระบิดาคืนบรรณาการให้ | เขายกทัพกลับไปยังสถาน |
ข้อนั้นเกรงไยไม่ต้องการ | ภูบาลอย่าประหวั่นพรั่นฤทัย |
อันองค์พี่นางบุษบา | พระเชษฐาเที่ยวตามมาได้ |
เมื่อหายไปก็แจ้งทั้งกรุงไกร | จะทำไยอย่างนั้นเห็นผิดที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
จึงตรัสตอบความตามคดี | ถึงกระนั้นก็พี่ยังกริ่งใจ |
ด้วยพระองค์ทรงธรรม์ทั้งสอง | ยังเคืองข้องแค้นขัดอัชฌาสัย |
จะพรากยาหยีของพี่ไป | มิให้ร่วมห้องครองกัน |
แต่ครั้งมีศึกกะหมังกุหนิง | ยกมารบชิงตุนาหงัน |
ได้พี่ดอกออกรบโรมรัน | ห้ำหั่นไพรีม้วยมิด |
ซึ่งว่าจรกาผู้เป็นผัว | พี่ไม่เห็นหัวมันสักหนิด |
เป็นไฉนพระไม่ควรคิด | ปลดปลิดให้เขาเอาเป็นดี |
ได้ตั้งการขึ้นถึงยี่สิบวัน | เดชะบุญนั้นมาช่วยพี่ |
พอเกิดกุณฑ์วุ่นวายในธานี | มารศรีหายไปกับไสยา |
แม้นหาไม่ที่ไหนปานนี้ | จะครอบครองบุรีเป็นสุขา |
องค์ประไหมสุหรีจรกา | ท่านจะแลดูหน้าใครมี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
ค้อนให้เชษฐาแล้วพาที | เชิงจะว่าเช่นนี้สิดีนัก ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิตกเพียงอกหัก |
ทั้งนางเกนหลงนงลักษณ์ | จึงทูลพระทรงศักดิ์มิได้ช้า |
ถึงมาตรสองกษัตริย์ขัดข้อง | จะมิให้สมสองเสนหา |
ตกพนักงานน้องทั้งสองรา | พระอย่าร้อนรนกังวลใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีจึงตอบแถลงไข |
ส่วนเจ้ารักพี่ก็ว่าไป | ส่วนสองท้าวไทท่านชิงชัง |
เจ้าสิคิดคำนึงถึงท้าวนัก | ทั้งสองน้องรักจงคืนหลัง |
อันที่พี่จะไปสุดกำลัง | จะอยู่ฟังดูก่อนในพารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันจึงตอบเชษฐา |
แม้นพระองค์มิได้ไคลคลา | ตัวข้าทั้งสองก็ไม่ไป |
ว่าแล้วถวายบังคมลา | ชวนองค์ขนิษฐาศรีใส |
มาทรงรถแก้วแววไว | กลับจากวังไปด้วยกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf